ได้เกิดใหม่มาแบบสับคือมีความสับสนเป็นที่สุด
จีน,เกิดใหม่,ครอบครัว,รัก,เสี่ยวหลิงยอดนักสู้,นิยายรักจีนโบราณ,ครอบครัว,เกิดใหม่,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เกิดใหม่แบบสับสนกับวาสนาอลวนและชีวิตแสนอลเวงได้เกิดใหม่มาแบบสับคือมีความสับสนเป็นที่สุด
ภาระหน้าที่ของเทพเซียนบนสวรรค์คือช่วยเติมเต็มดวงชะตาและชีวิตที่บกพร่องของมนุษย์แต่เมื่อพวกเขาเป็นผู้สร้างความบกพร่องขึ้นเองด้วยความประมาทเลินเล่อการแก้ปัญหาแบบปัจจุบันทันด่วนจึงได้เกิดขึ้นซึ่งนั่นก็คือการส่งเซียนฝึกหัดตัวน้อยซึ่งอยู่ในช่วงพักผ่อนว่างเว้นจากภาระงานลงมาแก้ไขปัญหาโดยที่ไม่ถงไม่ถามสุขภาพหรือความยินยอมเลยสักคำ
ซึ่งนั่นก็ทำให้หลิงเสวี่ยหญิงสาวชาวบ้านธรรมดาตาดำๆ ต้องมีชะตาพลิกผันอย่างที่ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเป็นไปได้แต่กว่าชีวิตจะได้อยู่อย่างสงบและแสนสบายก็เล่นเอาเหงื่อตกกันเลยทีเดียว
หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้ไม่อิงประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะ สถานที่ เหตุการณ์ หรือตัวบุคคลในเรื่องล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้นค่ะ
กติกาการลงนิยาย
ลงเนื้อหาให้อ่านฟรีทั้งหมด 10 ตอนหลังจากนั้นจะติดเหรียญล่วงหน้า รายละเอียดดังนี้
1. ติดเหรียญล่วงหน้า 1 สัปดาห์ (4 เหรียญ)
2. ปลดเหรียญอ่านฟรี 1 สัปดาห์
3. หลังจากนั้นจะติดเหรียญถาวรราคาเต็มไปจนถึงตอนจบ (8 เหรียญ)
“เฮ้อ” ไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมาเซียนน้อยหรัวซาก็ตั้งหน้าตั้งตานั่งถอนใจอย่างเอาเป็นเอาตายแม้ภาพสุดท้ายในครรลองสายตาของตนเองนั้นจะเป็นทุ่งหญ้าสวรรค์อันเขียวชอุ่มอีกทั้งยังมีกลิ่นหอมของดอกท้อสวรรค์ลอยมาตามลมให้ชื่นใจแต่เพียงพริบตาเดียวดวงจิตของนางก็ถูกกระชากลงมายังโลกมนุษย์อีกทั้งยังเข้ามาสวมอยู่ในร่างของหญิงสาวที่นอนสิ้นใจอย่างน่าอนาถอยู่บนผืนป่าที่กว้างใหญ่อีกด้วย
แม้จะเป็นเรื่องธรรมดาสามัญที่เซียนน้อยชั้นต้นต่างก็เคยต้องทำกันเป็นเรื่องปกติเพราะหน้าที่ของเซียนน้อยนอกจะต้องบำเพ็ญเพียรตามขั้นตอนและวิธีการต่างๆ ที่ถูกต้องเหมาะสมเพื่อให้ตบะแก่กล้าและอีกสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันนั้นก็คือการลงมาซ่อมแซมโชคชะตาของมนุษย์ที่เกิดความผิดพลาดทั้งที่เกิดจากสวรรค์และเจ้าของดวงชะตาเอง
การลงมาซ่อมแซมชะตาชีวิตของมนุษย์นั้นแม้ในแต่ละครั้งจะใช้เวลาไม่เกินเจ็ดสิบปีตามอายุขัยแต่เพราะว่าก่อนหน้านี้เซียนน้อยหรัวซาได้ลงมาปฏิบัติหน้าที่ซ่อมแซมดวงชะตาติดๆ กันถึงสามหนเพิ่งจะมีโอกาสได้กลับไปพักผ่อนได้ไม่นานนางก็ถูกจับโยนลงมายังโลกมนุษย์อีกครั้งโดยไม่มีใครบอกกล่าวอะไรเลยเสียได้แล้วเป็นแบบนี้จะไม่ให้หงุดหงิดใจได้อย่างไรกัน
“ส่งมาแบบไม่บอกกล่าวอะไรแสดงว่าครั้งนี้เป็นความผิดพลาดของเซียนน้อยเองสินะ” เซียนน้อยหรัวซาพูดกับตัวเองคล้ายเดาได้ถึงต้นสายปลายเหตุของการถูกจับโยนลงมาเช่นนี้เพราะการลงมาซ่อมแซมชะตาชีวิตที่ถูกต้องนั้นต้องผ่านการศึกษาข้อมูลของผู้สิ้นอายุขัยรวมไปถึงต้องมีการฝากความทรงจำของเซียนน้อยเอาไว้ในลูกแก้วสวรรค์เสียก่อนเมื่อทำภารกิจครบถ้วนก็จะต้องคืนความทรงจำของมนุษย์คนนั้นๆ ไปเพื่อแลกเอาความทรงจำของตนเองกลับคืนมา
ในเมื่อครั้งนี้มิได้มีการเตรียมตัวอะไรมาก่อนเลยเซียนน้อยหรัวซาหรือจะพูดให้ถูกต้องคือเหยาหลิงเสวี่ยคนใหม่จึงมีความทรงจำสองส่วนอยู่ภายในสมองซึ่งถ้าจะว่าดีมันก็ดีเพราะคล้ายจะได้เปรียบในการใช้ชีวิตต่อจากนี้แต่ถ้าหากจะว่าแย่ก็คงมีบ้างนิดหน่อยคือเมื่อมีความทรงจำของตนเอง อยู่ด้วยก็อาจจะพลั้งเผลอแสดงออกถึงตัวตนที่แท้จริงออกมา
หลังจากนั่งถอนใจและนั่งทำใจมาระยะหนึ่งจนเมื่อแน่ใจแล้วว่าจะไม่มีสัญญาณใดๆ ส่งลงมาจากสวรรค์เซียนน้อยหรัวซาจึงต้องเริ่มต้นใช้ชีวิตของเหยาหลิงเสวี่ยนับจากเวลานี้เป็นต้นไป
“ดีเท่าไหร่แล้วที่เห็ดพวกนี้ไม่เสียหายอุตส่าห์เก็บมาตั้งนาน” แน่นอนว่าสิ่งแรกที่เหยาหลิงเสวี่ยคนใหม่ต้องทำต่อจากเหยาหลิงเสวี่ยคนเก่าคือการเก็บรวบรวมเห็ดที่หามาได้เอาไว้ให้เรียบร้อยเพราะเมื่อตอนที่นางโซซัดโซเซเพราะพิษแมงป่องและมดคันไฟก็เผลอทำเห็ดหลุดมือตกกระจายลงไปบนพื้นดินมากอยู่
“ถ้าเอาแต่เห็ดไปขายอย่างเดียวคงได้เงินอยู่แต่ไม่มากน่าจะต้องเก็บหน่อไม้และผักป่าไปเพิ่มจะได้ทำแกงเห็ดไปขายด้วยเลย” เหยาหลิงเสวี่ยคนใหม่เริ่มงานของตัวเองตามความเคยชินด้วยในความทรงจำของเดิมนั้นนางเป็นเด็กสาวผู้ยากไร้ฐานะของครอบครัวเรียกได้เลยว่าลำบากถึงลำบากมากดังนั้นการซ่อมแซมดวงชะตาของนางคงไม่พ้นการต้องทำให้ครอบครัวเหยาอยู่ดีกินดีแล้วมันจะมีอะไรที่ทำได้นอกไปเสียจากการขยันทำมาหากิน
เหยาหลิงเสวี่ยเดินกลับไปตามเส้นทางที่เดินผ่านมาแล้วเมื่อก่อนหน้านี้เพื่อขุดหน่อไม้ที่มองข้ามไปในครั้งแรกมาหลายหน่อมันมีจำนวนเยอะมากจนนางต้องหาเถาวัลย์มามัดไว้รวมกันเพื่อให้สะดวกต่อการขนย้ายลงจากเขาเมื่อได้จำนวนที่พอใจแล้วจึงเดินหน้าไปหาเก็บผักป่าตามริมลำธารเล็กๆ ที่ทอดยาวลงไปถึงหมู่บ้านข้างล่าง
“กลับมาแล้วหรือเสี่ยวหลิงหากอีกสองเค่อเจ้าไม่กลับมาตาจะขึ้นเขาไปตามเจ้าพอดี แล้วนี่เหตุใดหูตาเจ้าจึงปูดบวมเช่นนั้นเล่า” ท่านตาเหยาชุนที่ทำงานอยู่ที่โรงเก็บฟืนเป็นผู้เห็นหลานสาวเปิดประตูเข้ามาในบ้านเป็นคนแรกและเมื่อเห็นความผิดปกที่ใบหน้าของนางแม้จะมองจากที่ไกลๆ ก็ต้องรีบทิ้งงานในมือเพื่อไปดูความปลอดภัยให้ในทันที
“ข้าล้มไปใส่รังมดคันไฟเจ้าค่ะท่านตาเลยโดนพวกมันรุมต่อยนิดหน่อยแต่ไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว ข้าเก็บของดีลงมาจากภูเขามากนักตอนนี้ยังมีเวลาข้าจะรีบทำแกงเห็ดไปขายเจ้าค่ะ” เหยาหลิงเสวี่ยอธิบายให้ท่านตาฟังอย่างไม่รีบร้อนอีกทั้งยังอวดของมากมายที่นางขนลงมาจากภูเขาทั้งหมดให้ผู้อาวุโสได้ดู
“หน่อไม้พวกนี้มันขมยิ่งนักเอาไปทำอาหารไม่ได้หรอกเสี่ยวหลิงเจ้าแบกลงมาเสียเที่ยวแล้วแต่ไม่เป็นไรตาจะเอาไปสับให้ไก่กินก็แล้วกัน” ผู้อาวุโสมองหน่อไม้สองหอบใหญ่ที่หลานสาวแบกลงมาจากภูเขาด้วยสายตาเอื้อเอ็นดูแต่ไม่คิดที่จะตำหนิหรือพูดจาบั่นทอนกำลังใจของนางเพราะเข้าใจว่าหลานสาวอาจหลงลืมสิ่งที่เคยสั่งสอนไปแล้วก็เป็นได้
“ข้ามีวิธีการที่ทำให้มันกินได้เจ้าค่ะ ท่านตารอชิมนะเจ้าคะว่าแต่ท่านแม่กับท่านยายเล่าไม่อยู่บ้านกันหรือไร”
“ท่านยายกับท่านแม่ของเจ้าไปช่วยงานที่ร้านขายยาในตัวอำเภอน่ะหลงจู๊ให้คนมาตามเพราะที่ร้านขาดแรงงานคนเป็นโชคดียิ่งนัก” นานๆ ทีคนบ้านเหยาถึงจะได้ออกไปรับจ้างทำงานในตัวอำเภอเพราะลำพังแค่งานของที่บ้านก็แทบจะไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่นกันแล้วที่สำคัญวันนี้หลงจู๊ส่งคนเอาเกวียนมารับแรงงานในหมู่บ้านที่ทำงานคุ้นมือกันไปหลายคนทั้งบุตรสาวและภรรยาของท่านตาชุนจึงคิดว่าควรไปช่วยงานกันจะได้มีเงินเพิ่มมากขึ้น
“เช่นนั้นข้ารีบไปแกงเห็ดก่อนนะเจ้าคะท่านตาจะได้แวะเอาข้าวไปฝากท่านแม่กับท่านยายตอนไปขายของด้วยเลย” เพราะทุกครั้งที่เข้าไปทำงานที่ร้านขายยาท่านแม่ก็มักจะกลับบ้านมาเสียเย็นย่ำการไปส่งอาหารเย็นให้ก็เป็นการขายของทางอ้อมด้วยเลย
หลังจากแยกกับท่านตามาเหยาหลิงเสวี่ยก็เร่งก่อไฟติดเตานำหม้อใบใหญ่ที่สุดสองใบในบ้านมาต้มน้ำรอไว้ก่อนเป็นอันดับแรกจากนั้นก็รีบเร่งปอกหน่อไม้แล้วสับๆ ให้เป็นท่อนรอให้น้ำเริ่มเดือดก็เติมเกลือและใส่หน่อไม้ลงไปจากนั้นก็ปล่อยมันเอาไว้แบบนั้นเลย
ในเวลานี้บนเตาฟืนสองเตามีหม้อต้มหน่อไม้ตั้งอยู่ระหว่างที่รอให้หน่อไม้ได้ที่เหยาหลิงเสวี่ยก็เดินลัดเลาะเข้าไปในสวนเล็กๆ หลังเรือนเพื่อไปเก็บยอดฟักทองและลูกพักทอง รวมไปถึงต้นหอมที่กำลังแตกกองามดีมาใส่ในแกงเห็ดที่กำลังจะทำไปขายซึ่งนับว่าเป็นโชคของเซียนน้อยเมื่อตอนที่ได้ลงไปทำภารกิจบนโลกมนุษย์นั้นนางได้วิชาความรู้ติดตัวมาหลายอย่างซึ่งแม้ความทรงจำส่วนมากจะต้องคืนกลับไปเก็บในลูกแก้วความทรงจำแต่มันก็ยังมีส่วนเล็กๆ ที่หลงเหลืออยู่กับตัวซึ่งสิ่งนี้นางก็สะสมพวกมันเอาไว้ทีละเล็กทีละน้อยเป็นคลังความรู้ของตนเอง
เนื่องจากหน่อไม้ที่เก็บมามีรสชาติค่อนข้างขมจึงต้องใช้เวลาต้มน้ำทิ้งไปเสียสองน้ำกว่าหน่อไม้จะจืดสนิทพร้อมนำไปปรุงอาหารต่อได้เหยาหลิงเสวี่ยรีบนำพวกมันมาล้างน้ำสะอาดหลายๆ ครั้งเพื่อล้างทั้งความเค็มของเกลือและความขมที่อาจหลงเหลืออยู่จากนั้นก็จัดการซอยหน่อไม้เป็นชิ้นบางๆ เพื่อให้รับประทานง่ายขึ้นส่วนเห็ดต่างๆ นางก็จัดการหั่นและล้างจนสะอาดเตรียมเอาไว้ด้วยแล้วไม่ว่าจะเป็นเห็ดหูหนูดำ เห็ดขอนหรือแม้แต่เห็ดผึ้งหวานที่บังเอิญพบตอนที่เดินลงมาจากภูเขา
ส่วนผักต่างๆ ที่จะใส่ลงไปด้วยคือยอดฟักทองพร้อมลูกฟักทองทั้งอ่อนและแก่ ยอดบวบและลูกบวบ ยอดผักกูดและต้นหอมที่จะช่วยชูกลิ่นชูรสอาหารจานนี้ให้น่ากินมากยิ่งขึ้น
ส่วนเครื่องแกงเห็ดนั้นมีเพียงหัวหอม พริกแห้ง เกลือและเต้าเจี้ยวแทนกะปิหรือปลาร้าที่ใช้เป็นตัวชูรสด้วยเครื่องปรุงรสมีค่อนข้างจำจำกัดโดยเหยาหลิงเสวี่ยจะนำทุกอย่างมาตำเข้าด้วยกันแบบหยาบๆ จากนั้นก็นำไปผัดในน้ำมันให้หอมสักนิดแล้วนำเครื่องที่ผัดจนได้ที่เทลงในหม้อน้ำเดือดที่ตั้งรอเอาไว้ก่อนหน้านี้
เมื่อน้ำแกงเดือดดีก็ใส่ผักลงไปในหม้อทีละอย่างเริ่มจากผักเนื้อแข็งที่สุกช้าไปหายอดผักตามลำดับปรุงรสด้วยเกลือให้เค็มกลมกล่อมไม่ให้เค็มโดดส่วนความหวานนั้นจะมาจากผักต่างๆ ที่เก็บมาแบบสดๆ ใหม่ๆ สุดท้ายเติมแป้งข้าวเหนียวผสมน้ำลงไปเล็กน้อยเพื่อให้น้ำแกงมีความขุ่นข้นปิดท้ายด้วยการใส่ต้นหอมหั่นท่อนและยกลงจากเตาทันทีเพื่อไม่ให้ผักเปื่อยจนเกินไปมันจะไม่อร่อย
“นี่คือแกงเห็ดที่ว่าเหรอเสี่ยวหลิงมันหอมออกไปถึงหน้าบ้านจนตาต้องเดินมาดู” เป็นท่านตาที่เดินเข้ามาพบว่าหลานสาวกำลังจะยกหม้อใบใหญ่ลงจากเตาจึงอาสาช่วยทำให้นาง
“ท่านตาลองชิมไหมเจ้าคะรสชาติอาจจะไม่คุ้นลิ้นแต่ข้ามั่นใจว่ามันอร่อยมาก หากท่านตาได้ชิมแล้วจะต้องติดใจ” เหยาหลิงเสวี่ยมั่นใจในฝีมือการปรุงอาหารของตนเองมากแม้เครื่องปรุงจะมีค่อนข้างจำกัดแต่ก็สามารถทดแทนได้ด้วยความสดใหม่ของวัตถุดิบ
“ตาก็ว่าจะเข้ามาขอเจ้าชิมนี่แหละ มาๆ ตักให้ตาชิมหน่อย” ท่านตาชุนบอกหลานสาวอย่างไม่เขินอายเนื่องจากอาหารในหม้อมันหอมเตะจมูกเสียจริงๆ และเมื่อได้ชิมก็ไม่รู้ตัวเลยว่าผู้อาวุโสเอ่ยคำว่าอร่อยไปแล้วกี่ครั้ง
“เจ้าทำแกงเห็ดหม้อใหญ่เช่นนี้คงไม่ดีแน่หากจะต้องเข้าไปในอำเภอคนเดียวเอาเป็นว่าตาจะเอารถเข็นฟืนมาช่วยขนไปเองก็แล้วกัน” ด้วยความเป็นห่วงกลัวหลานสาวคนเดียวจะถูกหม้อแกงร้อนๆ หกรดตัวระหว่างการเดินทางท่านตาเหยาชุนจึงอาสาจะช่วยเหลือนางเองเมื่อสองตาหลานตกลงกันเรียบร้อยแล้วท่านตาก็รีบไปปัดกวาดรถเข็นส่วนเหยาหลิงเสวี่ยก็รีบเตรียมอาหารใส่ปิ่นโตให้ทั้งท่านยายและมารดาโดยนอกจากแกงเห็ดกับข้าวหุงกับธัญพืชร้อนๆ แล้วยังมีผัดผักกูดป่าใส่เกลือและกากหมูเจียวอีกด้วย
สองตาหลานถูกผู้คนทักทายไปตลอดทางเพราะกลิ่นหอมของอาหารที่อยู่ในรถเข็นฟืนซึ่งทันทีที่รถเข็นมาหยุดอยู่ที่หน้าร้านขายยาขนาดใหญ่ที่สุดในอำเภอผู้คนต่างก็เข้ามารุมล้อมกันด้วยความสนใจ
“ท่านตาเอาปิ่นโตไปส่งให้ท่านยายเถิดส่วนทางนี้ข้าจะจัดการเอง หลงจู๊เจ้าคะสวัสดียามเย็นไม่ทราบว่าที่หน้าร้านของท่านมีใครมาจับจองขายของแล้วหรือยัง” เหยาหลิงเสวี่ยหูตาไวมากเมื่อนางมองเห็นหลงจู๊ของร้านขายยาที่คุ้นเคยกันดีจึงทักทายและไถ่ถามด้วยความรวดเร็วทำเอาท่านตาที่สังเกตเห็นความกระตือรือร้นของหลานสาวที่มีมากผิดปกติก็ถึงกับประหลาดใจ
"ไม่มีหรอกเสี่ยวหลิงเจ้าขายของที่หน้าร้านได้เลยเพียงแต่เว้นทางเดินเข้าออกให้ข้าสักนิดเท่านั้นก็พอว่าแต่มีอะไรมาขายเล่ากลิ่นมันหอมมาถึงตรงนี้” เป็นเรื่องปกติที่บรรดาหลงจู๊หรือเถ้าแก่จะใจดีให้ชาวบ้านมาขายของกันที่หน้าร้านเพราะถ้าหากไม่เกะกะขวางทางหรือสร้างความสกปรกให้ก็ไม่มีใครห้ามปรามอะไร
“รบกวนขอชามสักใบได้ไหมเจ้าคะข้าจะตักแบ่งให้หลงจู๊ได้ชิมวันนี้ข้าทำแกงเห็ดมาขายเจ้าค่ะเป็นเห็ดสดๆ ที่เก็บมาวันนี้ต้มใส่กับหน่อไม้และผักหลายอย่างมีรสชาติกลมกล่อมแต่เผ็ดเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความอยากอาหาร” ระหว่างที่ใช้เอ่ยวาจาชัดถ้อยชัดคำคุยกับหลงจู๊ร้านขายยามือของเหยาหลิงเสวี่ยก็เปิดฝาหม้อคนน้ำแกงให้กลิ่นกำจายออกไปไกลมากขึ้นกว่าเดิม
“หน่อไม้มันขมจะกินได้จริงหรือแม่นางน้อยมิใช่ว่าอาหารทั้งสองหม้อของเจ้าจะเสียของไปหมดแล้วอย่างนั้นหรือ” ท่านป้าผู้หนึ่งเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงและท่าทีเสียดายด้วยนางรู้ดีว่าหน่อไม้แถบนี้มันมีรสขมมากกว่ายากนักที่จะมีหน่อไม้หวานให้เก็บกิน
“เชิญท่านป้าลองชิมดูก่อนได้เลยเจ้าค่ะหากถูกใจก็ค่อยซื้อ”