โอ๊ยยยยย เมื่อไหร่ลุงซาเหรินจะยอมให้น้องสี่คนนี้เข้าไปอยู่ในหัวใจสักที!!!

น้องสี่ คนดีขยี้ใจ [มี E-book] - บทที่ 8 น้องสี่ไม่ขออะไรอีกแล้ว (1/3) โดย ภุมโม @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน,ไทย,ตลก,วาย,ชาย-ชาย,ชายรักชาย ,nc,yaoi,bl,รักต่างวัย,ตลก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

น้องสี่ คนดีขยี้ใจ [มี E-book]

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน,ไทย,ตลก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

วาย,ชาย-ชาย,ชายรักชาย ,nc,yaoi,bl,รักต่างวัย,ตลก

รายละเอียด

น้องสี่ คนดีขยี้ใจ [มี E-book] โดย ภุมโม @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

โอ๊ยยยยย เมื่อไหร่ลุงซาเหรินจะยอมให้น้องสี่คนนี้เข้าไปอยู่ในหัวใจสักที!!!

ผู้แต่ง

ภุมโม

เรื่องย่อ

สวัสดีนักอ่านที่น่ารักทุกคนนะคะ นิยายเรื่องนี้เป็นผลงานเรื่องที่ห้าของโมแล้วค่ะ โดยเรื่อง ‘น้องสี่ คนดีขยี้ใจ’ จะเป็นเรื่องราวของหนึ่งในแฝดสี่จากตระกูลอัศวนาคินทร์ ซึ่งผลงานเล่มนี้เป็นหนึ่งในนิยายเซ็ตที่โมได้มีโอกาสเขียนร่วมกับนักเขียนท่านอื่นค่ะ

ประกอบไปด้วย 

#เฮียหนึ่งxหวาหว่า จากเรื่อง : ข้อผูกมัดมาเฟีย เขียนโดย ดาววันศุกร์

#เฮียสองxคุณฉัตร จากเรื่อง : เป็นเหยื่อก็ ก็เขมือบเสือได้แล้วกัน เขียนโดย แทะเม็ดแตง

#เฮียสามxคุณลาฟ จากเรื่อง : สุนัขทรงเลี้ยงของคุณลาติฟาห์ เขียนโดย หทัยปรีดิ์

และเรื่องสุดท้ายคือ #น้องสี่xลุงซา จากเรื่อง : น้องสี่ คนดีขยี้ใจ เขียนโดย ภุมโม

ซึ่งเรื่องน้องสี่ คนดีขยี้ใจ โมจะเน้นไปที่ความอ้อนความอ่อยของสี่ที่ทำให้คนขับรถอย่าง ‘ซาเหริน’ ต้องเคลิ้มอยู่ตลอด มาลุ้นไปด้วยกันค่ะว่าความรักระหว่างลูกเจ้านายกับคนขับรถจะลงเอยอย่างไร

ขอกระซิบว่าความจริงแล้วอยากเขียนนิยายเรื่องนี้ให้เป็นแนว pwp แต่ยังไปได้ไม่สุดทางเพราะมีปมดรามาความหลังฝังใจของแต่ละตัวละครเข้ามามีบทบาททำให้นิยายเข้มข้นขึ้น แต่มีฉาก nc ให้อ่านอย่างจุใจ หวังว่าทุกท่านจะสนุกสนานและรู้สึกฟินจนจิกหมอนไปด้วยกันนะคะ >///< สามารถติดตามผลงานเรื่องอื่นได้จากนามปากกา ภุมโม ค่ะ

คำเตือน

เนื้อหาในนิยายเรื่องนี้อาจมีบางส่วนที่ค่อนข้างรุนแรง รวมไปถึงพฤติกรรม การกระทำหรือคำพูดบางอย่างที่ไม่เหมาะสม ซึ่งเป็นการเพิ่มเสริมเติมแต่งเพื่อให้เนื้อหามีอรรถรสมากขึ้น หวังอย่างยิ่งว่าทุกคนจะเข้าใจนะคะ

ทั้งนี้ภุมโมไม่มีเจตนาส่งเสริมการกระทำใดก็ตามที่เกิดขึ้นภายในเรื่อง ฉะนั้นโปรดใช้วิจารญาณในการอ่านนะคะ หากนักอ่านท่านใดไม่สะดวกใจ สามารถอ่านนิยายเรื่องอื่นของโมได้ค่ะ😊

ปล. เนื้อหาในนิยายเป็นเพียงจินตนาการของภุมโมเท่านั้น ขอให้ดื่มด่ำบรรยากาศและสนุกไปกับการอ่านค่ะ🍀

 

สารบัญ

น้องสี่ คนดีขยี้ใจ [มี E-book]-บทที่ 1 น้องสี่ขอจอง (1/3),น้องสี่ คนดีขยี้ใจ [มี E-book]-บทที่ 1 น้องสี่ขอจอง (2/3),น้องสี่ คนดีขยี้ใจ [มี E-book]-บทที่ 1 น้องสี่ขอจอง (3/3),น้องสี่ คนดีขยี้ใจ [มี E-book]-บทที่ 2 น้องสี่ขออ่อย : เลเวล 0 (1/3),น้องสี่ คนดีขยี้ใจ [มี E-book]-บทที่ 2 น้องสี่ขออ่อย : เลเวล 0 (2/3) NC,น้องสี่ คนดีขยี้ใจ [มี E-book]-บทที่ 2 น้องสี่ขออ่อย : เลเวล 0 (3/3) NC,น้องสี่ คนดีขยี้ใจ [มี E-book]-บทที่ 3 น้องสี่ขออ่อย : เลเวล 25 (1/3),น้องสี่ คนดีขยี้ใจ [มี E-book]-บทที่ 3 น้องสี่ขออ่อย : เลเวล 25 (2/3) NC,น้องสี่ คนดีขยี้ใจ [มี E-book]-บทที่ 3 น้องสี่ขออ่อย : เลเวล 25 (3/3) NC,น้องสี่ คนดีขยี้ใจ [มี E-book]-บทที่ 4 น้องสี่ขออ่อย : เลเวล 50 (1/3) NC,น้องสี่ คนดีขยี้ใจ [มี E-book]-บทที่ 4 น้องสี่ขออ่อย : เลเวล 50 (2/3) NC,น้องสี่ คนดีขยี้ใจ [มี E-book]-บทที่ 4 น้องสี่ขออ่อย : เลเวล 50 (3/3),น้องสี่ คนดีขยี้ใจ [มี E-book]-ประกาศ!!! Promotion E-book,น้องสี่ คนดีขยี้ใจ [มี E-book]-บทที่ 5 น้องสี่ขออ่อย : เลเวล 100 (1/3) NC,น้องสี่ คนดีขยี้ใจ [มี E-book]-บทที่ 5 น้องสี่ขออ่อย : เลเวล 100 (2/3),น้องสี่ คนดีขยี้ใจ [มี E-book]-บทที่ 5 น้องสี่ขออ่อย : เลเวล 100 (3/3),น้องสี่ คนดีขยี้ใจ [มี E-book]-บทที่ 6 น้องสี่ขอเปิดตัว (1/3),น้องสี่ คนดีขยี้ใจ [มี E-book]-บทที่ 6 น้องสี่ขอเปิดตัว (2/3) NC,น้องสี่ คนดีขยี้ใจ [มี E-book]-บทที่ 6 น้องสี่ขอเปิดตัว (3/3) NC,น้องสี่ คนดีขยี้ใจ [มี E-book]-บทที่ 7 น้องสี่ขอลองใจ (1/3),น้องสี่ คนดีขยี้ใจ [มี E-book]-บทที่ 7 น้องสี่ขอลองใจ (2/3),น้องสี่ คนดีขยี้ใจ [มี E-book]-บทที่ 7 น้องสี่ขอลองใจ (3/3),น้องสี่ คนดีขยี้ใจ [มี E-book]-บทที่ 8 น้องสี่ไม่ขออะไรอีกแล้ว (1/3),น้องสี่ คนดีขยี้ใจ [มี E-book]-บทที่ 8 น้องสี่ไม่ขออะไรอีกแล้ว (2/3),น้องสี่ คนดีขยี้ใจ [มี E-book]-บทที่ 8 น้องสี่ไม่ขออะไรอีกแล้ว (3/3) ตอนจบ

เนื้อหา

บทที่ 8 น้องสี่ไม่ขออะไรอีกแล้ว (1/3)

ทางด้านของซาเหรินที่โดนเด็กหนุ่มตัดสายทิ้งไปก็ยินแน่นิ่งไร้แรงขยับเขยื้อน เสียงลมหายใจหืดหอบจากการวิ่งวุ่นไปทั่วทุกตึกในโรงพยาบาลดังชัดเจน รู้สึกเหมือนในหัวอื้ออึงราวกับโดนทุบตี

“ทำไมถึงทำแบบนี้ล่ะสี่” เสียงเข้มพึมพำกับตัวเองเบา ๆ หลังจากรับรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะเดินทางไปต่างประเทศ ขณะที่ตัวเองทำได้เพียงยืนรออยู่ที่ลานจอดรถ

         “ทำไมสี่ถึงไม่เข้าใจพี่เลยนะ” นี่ถ้าชายหนุ่มไม่บังเอิญเห็นคุณอัคคีและคุณสิชลย์ล่ะจะเป็นยังไง เขาก็คงยืนรอต่อไปสินะ

         “ทำไมถึงได้ทำตัวแบบนี้...ซาเหริน” ไม่ใช่ว่าไม่รู้ใจตัวเองแต่เพราะรู้นี่แหละเลยยิ่งเจ็บปวด

         “ใครก็ได้...ได้โปรดบอกผมหน่อยเถอะ” สองขายาวเดินออกมาจากตึกพลางมุ่งตรงไปยังลานจอดรถด้วยท่าทีอ่อนแรง

         ซาเหรินทรุดตัวลงนั่งพิงประตูรถเก๋งสีดำคู่ใจทันทีที่เดินถึง เขาท้าวแขนทั้งสองข้างไว้บนเข่า ก่อนจะก้มหน้ามองพื้นอย่างหมดอาลัยตายอยาก

         “ชาติภพก่อนผมเคยทำบาปอะไรไว้นักหนา ทำไมชาติภพนี้ถึงต้องให้ผมมาเจอกับเรื่องอะไรแบบนี้อยู่เรื่อยเลย” ดวงตาคมเข้มปิดลงช้า ๆ พลางนึกถึงอดีตที่คอยหลอกหลอนภายในจิตใจ

         “ผมไม่อยากสูญเสียใครอีกแล้ว!” ชายหนุ่มตะโกนเสียงดังอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนราวกับว่าตอนนี้เขาไม่ใช่ซาเหรินคนเดิม

         “ได้ยินไหมว่าผมไม่อยากสูญเสียคนที่ผมรักอีกต่อไปแล้ว!” พูดพลางทุบกำปั้นลงบนพื้นคอนกรีตอย่างรุนแรงเพียงเพื่อหวังจะระบายความเจ็บแค้น

“ผมต้องเจ็บปวดและทุกข์ทรมานจากการสูญเสียคนสำคัญไปอีกนานแค่ไหน!” ความเจ็บจากกำปั้นไม่ได้ช่วยปั่นทอนความเจ็บในใจให้ลดน้อยลงเลย

“ผมต้องสูญเสียคนที่ผมรักไปอีกกี่คน ถึงจะพอใจ!”

ชายหนุ่มยังคงพูดจาตัดพ้อและกล่าวโทษฟ้าดินด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ขอบตาเริ่มร้อนผ่าวขึ้นเรื่อย ๆ ตามแรงโกรธที่คุกรุ่นในใจ ก่อนที่น้ำตาหยดใสจะหล่นร่วงลงพื้น

“ได้โปรด...” เสียงพูดที่ขาดช่วงเพราะแรงสะอื้นจากการร้องไห้เป็นหลักฐานชั้นดีที่บอกว่าเขาเองก็เจ็บช้ำไม่ต่างจากอีกคน

         “ผมต้องทำยังไง...บอกผมสิว่าผมต้องทำอะไร” ความสับสน ความรู้สึกสิ้นหวังรวมกับความบอบช้ำในใจทำให้สติสัมปชัญญะของซาเหรินเริ่มพร่ามัว ตอนนี้เขาคิดอะไรไม่ออกแล้ว

         “ผมทำอะไรผิดไปเหรอ...หรือผมทำผิดพลาดตรงไหน” เสียงพึมพำแผ่วเบาราวกับละเมอยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง

         “อย่างนี้เองสินะ...ผมพลาดตั้งแต่ตอนนั้นนี่เอง” แล้วจู่ ๆ แววตาของชายหนุ่มก็เปลี่ยนไปเมื่อเขาเข้าใจอะไรบางอย่าง

         “...ที่เรื่องทุกอย่างเป็นแบบนี้เพราะ...พี่รักสี่ตั้งแต่วินาทีแรกที่เราเจอกันสินะ...”

 

ย้อนกลับไปเมื่อสามสิบกว่าปีก่อน

ทารกเพศชายคนหนึ่งได้ลืมตาตื่นขึ้นมาดูโลกท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของผู้คนรอบข้างเพราะผู้ที่ให้กำเนิดเด็กน้อยคนนี้สิ้นลมหายใจในช่วงเวลาเดียวกัน

ซาเหริน (杀人) คำนี้พ้องเสียงกับคำว่า 过失杀人 ซึ่งอ่านออกเสียงว่ากั้วซือซาเหริน ในภาษาจีนแปลว่า การทำให้คนตายโดยไม่เจตนา เด็กน้อยใช้ชีวิตและโตด้วยชื่อนี้มาตลอดจนรู้เรื่องรู้ความ ครอบครัวของเขายากจน บุคคลผู้เป็นพ่อทำงานหาบเร่ค้าขายทั่วไป 

ส่วนคนเป็นแม่ที่เสียไปนั้นเคยทำงานในซ่องและใช้เรือนร่างหลอกล่อลูกค้าเพื่อทำมาหากิน แม่บังเอิญตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรและไร้ซึ่งความพร้อมในการเลี้ยงดูอีกหนึ่งชีวิตที่กำลังจะเกิดมา

ตอนนั้นเองที่พ่อได้เข้ามาช่วยเหลือและทั้งคู่ก็ใช้ชีวิตแบบสามีภรรยากันตามประสาเรื่อยมา จนกระทั่งถึงวันคลอด ผู้เป็นแม่ตกเลือดและจากโลกใบนี้ไป ทิ้งให้ชายวัยกลางคนที่ไม่ใช่พ่อเด็กรับผิดชอบหนึ่งชีวิตที่เกิดขึ้นมา

วินาทีที่เสียงทารกแรกเกิดดังอ้อแอ้ พ่อประกาศว่า นับแต่นี้เด็กคนนี้ชื่อว่า ซาเหรินที่มาจาก 杀 แปลว่าฆ่าและ 人 แปลว่าคน ชาวบ้านที่ผ่านไปผ่านมาได้ยินเข้าก็เผลอส่ายหัวให้กับการกระทำนั้น ช่างเป็นชื่อที่อัปมงคลดีแท้ 

ตั้งแต่วันนั้น โลกใบนี้ก็ได้กลายเป็นนรกสำหรับเด็กคนหนึ่งไปโดยปริยาย ไม่มีวันไหนเลยที่พ่อไม่ด่าทอเด็กชายคนนั้น อีกทั้งยังสาธยายว่าตั้งแต่ที่แม่มีซาเหรินอยู่ในท้อง หญิงสาวแสนสวยผู้หากินกับเรื่องอย่าว่า ก็ไม่สามารถใช้ร่างกายหาเงินได้อีกต่อไป 

แถมยังป่วยออด ๆ แอด ๆ และเป็นภาระแก่ชายวัยกลางคนมาโดยตลอด ส่วนเขาเองก็ไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างสุขกายสบายใจเหมือนแต่ก่อนเพราะต้องคอยคิดหาวิธีค้าขายให้ได้เงินเพิ่มขึ้นเพื่อเอามาจุนเจือครอบครัว

เปรียบเปรยได้ว่าเด็กน้อยคนนี้เป็นลูกที่พรากวิถีชีวิตอันสงบและแสนสุขสบายของเขาและหญิงสาวไป ซึ่งนั่นก็ไม่ต่างจากการฆ่าพวกเขาให้ตายทั้งเป็นเลยแม้แต่น้อย 

ไหนจะตอนที่หญิงสาวผู้เป็นแม่สิ้นใจและลาจากโลกนี้ไปขณะให้กำเนิดเด็กน้อยคนนี้ออกมาอีก ทั้งหมดทั้งมวลที่พ่อพูดมา ไม่มีวันไหนเลยที่เด็กน้อยจะไม่รู้ตัวว่าตนเหมาะสมกับชื่อนี้แค่ไหนเพราะแม้แต่เขายังรู้สึกรังเกียจตัวเองเลย

ซาเหรินทนใช้ชีวิตเช่นนั้นเรื่อยมาจนผู้เป็นพ่อล้มป่วยและตายจากไปอีกคน เด็กหนุ่มเลยตัดสินใจออกจากเมืองที่เคยอยู่และใช้ชีวิตเป็นคนงานขนสินค้าขึ้นเรือจนกระทั่งเติบโตเป็นชายหนุ่ม

ซึ่งวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ซาเหรินต้องขนของขึ้นเรือท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าวเกินทน โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าจุดพลิกผันของชีวิตกำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า เพราะเจ้าของเรือสินค้าลำใหญ่โตตรงหน้าที่ชายหนุ่มกำลังขนของขึ้นไปคือท่านเจ้าสัวสรรพฤทธิ์ อัศวนาคินทร์บุคคลผู้ทรงอิทธิพล มั่งมีทั้งเงินทองและอุดมไปด้วยอำนาจ

เหมือนว่าวันนี้ท่านเจ้าสัวจะพาลูกชายคนที่สามของตระกูลมาศึกษาดูงานธุรกิจการเดินเรือสมุทรและการติดต่อประสานงานเรื่องสินค้า แถมยังสอนงานให้ด้วยทั้งที่อีกฝ่ายเพิ่งอายุเพียงสิบห้าปี

ระหว่างที่ท่านเจ้าสัวกำลังจะเดินกลับขึ้นเรือ หางตาก็ดันเหลือบไปเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งโดนรุมกระทืบอยู่ตรงตรอกข้างตึก ท่านตรงไปทางนั้นโดยไม่พูดอะไร ส่วนลูกชายก็เดินตามมาเงียบ ๆ

ไม่มีการช่วยเหลือใด ๆ ทั้งสิ้น สิ่งที่ท่านเจ้าสัวทำคือการยืนสูบยาพลางเฝ้าดูเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างไม่ละสายตา จนท้ายที่สุดทุกอย่างก็คลี่คลายและกลุ่มคนที่มารุมกระทืบชายคนนั้นเดินจากไป

ชายหนุ่มที่ร่างกายสะบักสะบอมลุกขึ้นยืน ก่อนจะปัดเช็ดคราบสกปรกที่เปื้อนตามเนื้อตัวเล็กน้อยและกลับไปขนแบกกระสอบสินค้าขึ้นเรือต่อทันทีโดยไม่หือไม่อือ ราวกับว่าเขาชินชาต่อเรื่องพวกนี้และไร้ความรู้สึกไปแล้ว 

ท่านเจ้าสัวเห็นแบบนั้นก็เผลอหัวเราะชอบใจและบอกว่าชายหนุ่มร่างกายกำยำสมส่วนดี หน่วยก้านแบบนี้เหมาะจะเอามาฝึกฝนเป็นบอดีการ์ด ฝึกไม่นานก็คงพร้อมใช้งาน 

ท่านไม่รอช้าที่จะเอ่ยชวนชายหนุ่มคนนั้นมาร่วมงานทันที แน่นอนว่าอีกฝ่ายตอบตกลงโดยไม่ใช้เวลาคิดเลยสักนิด ก่อนจะทำความรู้จักกันในภายหลังและได้รู้ว่าชื่อของชายคนนี้คือ ซาเหริน

ซาเหรินถูกนำตัวมาฝึกในสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งถูกเตรียมไว้สำหรับคนนอกโดยเฉพาะ และการฝึกที่ได้รับก็จะแตกต่างกันออกไปตามหน้าที่ของแต่ละคน 

ชายหนุ่มฝึกที่นี่ตั้งแต่อายุยี่สิบเจ็ดปีจนปัจจุบันอายุสามสิบ ถึงจะเสร็จสิ้นการฝึกทั้งหมดที่ทางอัศวนาคินทร์เตรียมไว้ และวันนี้ก็เป็นวันแรกที่เขาได้เข้ามาในบ้านหลังของตระกูลนี้เพื่อมารับหน้าที่เป็นคนขับรถส่วนตัวของหนึ่งในลูกชายท่านเจ้าสัว

.

.

.