ร้านชาของคุณนายเมิ่งยินดีต้อนรับ ทางร้านมีชาหลากหลายให้ท่านได้ลิ้มลอง กลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่จะทำให้ท่านรื่นรมย์จนลืมหายใจ แต่อย่าดื่มมากไปล่ะ ไม่อย่างนั้น ท่านอาจจะกลายเป็นผู้ที่ไร้ลมหายใจไปเสียเอง

โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 1 - ตอนที่ 11 ดวงตาพิเศษ โดย Kevinth M. PoTae @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,แฟนตาซี,ชาย-ชาย,จีน,ยุคปัจจุบัน,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 1

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,แฟนตาซี,ชาย-ชาย,จีน,ยุคปัจจุบัน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 1 โดย Kevinth M. PoTae @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ร้านชาของคุณนายเมิ่งยินดีต้อนรับ ทางร้านมีชาหลากหลายให้ท่านได้ลิ้มลอง กลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่จะทำให้ท่านรื่นรมย์จนลืมหายใจ แต่อย่าดื่มมากไปล่ะ ไม่อย่างนั้น ท่านอาจจะกลายเป็นผู้ที่ไร้ลมหายใจไปเสียเอง

ผู้แต่ง

Kevinth M. PoTae

เรื่องย่อ

อธิบาย/เรื่องย่อ

นามปากกา : Kevinth M. PoTae

วาดปก (เล่ม 1) : strawberriblood

...

.

หลี่อี้ เข้าเรียนปีหนึ่งในมหาวิทยาลัยเล็ก ๆ ในเฉิงตู แล้วได้เจอกับร้านชาลึกลับติดกับป่าช้า ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหอพักของตน

ร้านแห่งนี้จะเปิดหลังเที่ยงคืน แต่กลับขายดีมาก เพราะมีนักเที่ยวกลางคืนมานั่งกินกันมากมายจนดูครึกครื้น แต่ในทุกคืนวันขึ้น 4 ค่ำนั้น จะเป็นวันที่ประตูผีเปิดออก เพื่อเปิดโอกาสให้วิญญาณที่รับโทษแล้วได้กลับขึ้นมาเกิด นั่นจึงทำให้มีวิญญาณที่ไม่ประสงค์ดีเล็ดลอดออกมาได้

ทำให้หลังจากวันนั้น หลี่อี้ก็จะถูกวิญญาณร้าย และพบเห็นร่างไร้วิญญาณอยู่เรื่อย ๆ หลี่อี้จึงพาตัวเองไปทำงานพิเศษที่นั่นเพื่อตามหาความจริง แล้วได้พบว่า ต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดก็คือ คุณนายเมิ่ง ซึ่งเป็นเจ้าของร้าน ที่เป็นคนทำเรื่องราวทั้งหมดนี้…

นิยายเรื่องนี้เกิดขึ้นจากจินตนาการของนักเขียน ดังนั้นตัวละคร/สถานที่/เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเรื่อง จึงถูกสมมุติขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ทุกคำพูด ทุกตัวละครไม่มีอยู่จริง…โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน…

ฝากเป็นกำลังใจให้นักเขียนด้วยการกดไลก์ คอมเมนต์ และกดเข้าชั้นหนังสือด้วยนะครับ

 

ฝากช่องทางการติดต่อไว้ด้วยนะครับ^^

Threads : mungkorn_kevinth

Twitter : Kevinth_M

Tiktok : kevinth_m.author

Facebook : kevinthm.author

 

สารบัญ

โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 1-ตอนที่ 1 งานพิเศษ,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 1-ตอนที่ 2 ร้านธรรมดาที่มีความไม่ธรรมดา,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 1-ตอนที่ 3 หวังซู,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 1-ตอนที่ 4 ดาราที่ทู่เอ๋อชื่นชอบ,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 1-ตอนที่ 5 หญิงสาวชุดแดง,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 1-ตอนที่ 6 ความน่ากลัวเหนือขอบประตู,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 1-ตอนที่ 7 ทู่เอ๋อเสิน…เทพแห่ง LGBTQ,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 1-ตอนที่ 8 เสี่ยวมู่จื่อ,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 1-ตอนที่ 9 วิญญาณลักพาตัว,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 1-ตอนที่ 10 หวังปว๋อและเป่าเหลียน,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 1-ตอนที่ 11 ดวงตาพิเศษ,โรงน้ำชาคุณนายเมิ่งหลังเที่ยงคืน เล่ม 1-ตอนที่ 12 เพื่อนรักแต่วัยเยาว์ (จบเล่ม 1)

เนื้อหา

ตอนที่ 11 ดวงตาพิเศษ

ตอนที่ 11

ดวงตาพิเศษ

 

“ที่นี่ที่ไหนกันเนี่ย ทำไมมันถึงได้มืดนักล่ะ?”

หลี่อี้ลืมตาตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืดมิดมีเพียงแสงรำไรที่ไม่อาจแน่ใจได้ว่าแสงนั้นมันถูกสาดส่องมาจากที่ไหน ความรู้สึกชื้นแฉะเสียงน้ำจากท่อไหลลงมากระทบพื้นโสโครกที่เต็มไปด้วยตะไคร่น้ำเมือกลื่นจนน่าขนลุกที่ฝ่ามือเผลอไปสัมผัส

สายตาพร่ามัวกวาดมองไปท่ามกลางความมืดอย่างยากลำบากเพื่อมองหาทางออกไปจากห้องที่คับแคบและน่าอึดอัดนี้ให้เร็วที่สุดเพียงแต่ว่าแสงสลัวที่สาดส่องเข้ามาทางช่องหลืบเล็กน้อยจากทุกทิศทุกทางนั้น มันไม่มากพอให้หลี่อี้ได้มั่นใจว่าตรงไหนคือทางออกกันแน่

แต่มันก็มากพอที่จะทำให้หลี่อี้ได้มองเห็นสิ่งใดๆก็ตามที่อยู่ในห้องนั้นอย่างเลือนรางได้

.

.

“ว้ากกกกก…ช่วยด้วย”

หลี่อี้ร้องออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ เมื่อหันไปเห็นร่างของชายคุ้นหน้าที่ตนเคยเห็นมาแล้วสองครั้ง ครั้งหนึ่งคือที่เหนือขอบประตูนั่น ส่วนครั้งที่สองก็เมื่อไม่นานมานี้ตรงเชิงบันไดของบ้านตัวเอง

“อย่ามาทำร้ายกันเลยนะครับ เราไม่เคยมีเรื่องอะไรผิดใจกัน อย่ามารบกวนผมแบบนี้เลยนะครับผมกลัว”

“คุณเห็นผมจริง ๆ ด้วย ตอนแรก…ผมคิดว่าคุณแค่ขวัญอ่อนเสียอีก”

“เห็นสิครับ ทำไมจะไม่เห็นล่ะ ยืนตัวเป็น ๆ ขนาดนี้ไม่เห็นก็บ้าแล้ว…”

คำพูดของหลี่อี้ยิ่งทำให้วิญญาณของชายหนุ่มที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเผาไหม้ เสื้อผ้าเก่าขาดคร่ำคร่า ยิ่งเดินเข้ามาใกล้หลี่อี้ที่พยายามยันตัวขึ้นมาและรีบเอาหลังไปพิงฝาเอาไว้เพื่อตั้งหลักให้มั่นคง

หน้าของชายที่เกรียมไหม้ มีควันลอยออกมาจากหน้าราวกับว่าสิ่งนี้มันเพิ่งเกิดเมื่อไม่นาน กำลังยื่นเข้ามาหาหลี่อี้ที่พยายามยกมือขึ้นมาปัดป้องและปิดตาของตัวเอง เพื่อไม่ให้มองเห็นสิ่งน่ากลัว ที่กำลังคืบคลานเข้ามาทุกที

“ผมไม่ทำอะไรคุณหรอกครับ ผมแค่มาขอความช่วยเหลือเท่านั้น”

“ช่วยเหลืออะไรกันครับ ผมช่วยใครไม่ได้หรอก ผมก็เป็นแค่คนธรรมดา อย่ามารบกวนผมเลยนะครับ”

หลี่อี้ยังคงปิดตาแน่นด้วยความหวาดกลัว ไม่ยอมเปิดตาขึ้นมามองผู้ชายคนนั้น ที่พยายามจะแสดงเจตจำนงของการนำตัวหลี่อี้มาที่นี่ในครั้งนี้

“ขอร้องเถอะนะครับ คุณอย่ากลัวผมเลย หากไม่ใช่คุณ เห็นทีว่าจะไม่มีคนอื่นที่จะช่วยผมได้อีกแล้ว”

น้ำเสียงรันทดอ้อนวอนด้วยความรู้สึกสั่นเครือ เต็มไปด้วยความทรมานนั้น ทำให้หลี่อี้พยายามคลายความหวาดกลัวลง แล้วลืมตาขึ้นมาทีละนิด ในขณะที่แขนทั้งสองยังคงปิดหน้าของตัวเองเอาไว้ครึ่งหนึ่ง

“ก่อนที่คุณจะให้ผมช่วย คุณช่วยถอยออกไปก่อนได้มั้ยครับ ไม่ใช่ว่าผมจะไม่ให้เกียรติคุณนะครับ แต่หน้าของคุณตอนนี้ มันน่ากลัวเกินกว่าที่ผมจะมองได้จริง ๆ”

“นั่นสิครับ ผมขอโทษครับที่ผมทำให้คุณต้องกลัว…”

เมื่อพูดจบ ผู้ชายคนนั้นก็ค่อย ๆ ถอยร่างของตัวเองออกไปยืนห่างจากหลี่อี้ราว ๆ สองเมตร…สามเมตรและสี่เมตรออกไปเรื่อย ๆ จนกว่าหลี่อี้จะหยุดผายมือจนพอใจ

“อยู่ประมาณนั้นนะครับ อย่าเข้ามาใกล้ผม ผมยังทำใจไม่ได้”

วิญญาณของชายหนุ่มที่ตอนนี้เหมือนจะพยายามอย่างเต็มที่ให้รูปลักษณ์ของตัวเองดูดีขึ้นมาบ้าง หากแต่ใบหน้านั้นก็ยังมีกลุ่มควันและรอยเกรียมไหม้อยู่ดี

“ช่วยผมด้วยนะครับ ผมถูกคนทำร้าย ผมต้องตายอย่างไม่เป็นธรรม…คุณช่วยผมด้วยนะครับ”

“คุณจะให้ผมช่วยคุณยังไงล่ะครับ ผมยังไม่รู้เลยว่าคุณเป็นใคร แล้วทำไมคนที่ช่วยคุณต้องเป็นผมด้วยล่ะครับ?”

“ก่อนที่ผมจะตาย ผมเป็นนักดับเพลิงที่อยู่ในสังกัดหัวอัน แต่เพราะเหตุการณ์เพลิงไหม้เมื่อสามเดือนก่อน ทำให้ผมต้องตายอยู่ในกองเพลิงของตึกนี้ วิญญาณของผมถูกขังอยู่ในมิติของวิญญาณ ผมต้องรอวันขึ้น 4 ค่ำ เพื่อให้ประตูผีเปิด ผมจึงสามารถทะลุมิติกลับมายังโลกที่ผมเคยอยู่ได้”

“เป็นแบบที่คุณนายเมิ่งพูดเอาไว้เลยสินะ แล้วแบบนี้ คุณจะไม่ถูกจับกลับไปทำโทษหรือไง?”

“เพราะแบบนี้ยังไงล่ะครับ ผมถึงต้องมาขอร้องคุณ เพราะไม่บ่อยนัก ที่มนุษย์ธรรมดาจะสามารถมองเห็นดวงวิญญาณที่ชีวิตมอดดับไปแล้วได้แบบนี้”

“นี่ผมต้องดีใจหรือเปล่าครับเนี่ย กับสิ่งที่คุณชื่นชมว่ามันคือพรสวรรค์ของผมน่ะ แล้วคุณจะให้ผมทำยังไงกันล่ะครับ ในเมื่อตอนนี้ คุณก็ตายไปแล้ว มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะครับ ผมไม่ใช่ตำรวจ ไม่ใช่สายสืบ และไม่ใช่คนมีอิทธิพลอะไร ที่จะสามารถช่วยเรียกความยุติธรรมของคุณในโลกใบนี้กลับมาได้”

“เรื่องนั้นผมรู้ครับ ผมไม่คาดหวังให้คุณไปต่อสู้กับคนพวกนั้นหรอกนะครับ ผมไม่อยากให้คุณเดือดร้อนเหมือนกัน แต่ผมแค่อยากให้คุณกลับไปบอกลูกกับเมียของผมก็เท่านั้นเองครับ”

“แค่นั้นจริง ๆ ใช่มั้ยครับ ผมไม่ต้องไปต่อสู้กับใครใช่มั้ย?”

“อันที่จริง ผมถูกหัวหน้าของผมฮุบเงินประกันชีวิตของผมไป แต่ผมก็ไม่หวังว่าคุณจะทำเรื่องใหญ่ขนาดนั้นได้หรอกนะครับ ผมขอแค่ให้คุณกลับไปบอกภรรยาของผม ว่าผมคิดถึงเขามากแค่ไหน ผมอยากให้เขาได้รู้คำพูดสุดท้ายของผมก่อนที่ผมจะจากไปเท่านั้นเองครับ”

หลี่อี้พยายามใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อได้รับคำขอร้องจากวิญญาณที่ยืนอยู่ตรงหน้านั้น ‘ฉันแค่นักศึกษาปีหนึ่งเองนะ ทำไมถึงต้องเป็นฉันด้วยล่ะ แต่ก็นะ…เรื่องนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไรนี่นา แค่เดินไปบอกภรรยาของเขาเท่านั้นเองนี่’

.

“งั้นก็ได้ครับ แต่ก่อนอื่นคุณต้องพาผมออกไปจากที่นี่ก่อน ขืนอยู่ที่นี่อีกแค่วินาทีเดียวผมคงต้องตายแน่ ๆ เลยครับ”

“งั้นคุณตามผมออกมาครับ เดี๋ยวผมจะนำทางคุณออกไปเอง…”

.

.

ฟึ้มมมมม

ทันทีที่วิญญาณดวงนั้นกำลังเคลื่อนตัวไปทางประตูทางออก เพื่อเป็นการนำทางให้กับหลี่อี้ ทันใดนั้น ก็เกิดแสงวูบวาบขึ้นมาจนสว่างจ้าไปทั่วทั้งบริเวณ

วิญญาณผู้ขอความช่วยเหลือสูญสลายหายไปในพริบตา ราวกับว่าไม่เคยมีอยู่บนโลกใบนี้ หลี่อี้ด้วยความตกใจจึงรีบย่อตัวลงไปกับพื้น พร้อมกับเอามือมาบังหน้าเอาไว้ด้วยกลัวว่าอาจเกิดอันตรายขึ้นกับตัวเองเช่นกัน

จนเมื่อสถานการณ์ทุกอย่างสงบลง หลี่อี้จึงหันไปมองที่ประตู ก็ได้เห็นกับร่างของผู้ชายคุ้นตาหากแต่ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าได้เช่นคราวก่อน จึงไม่อาจรู้ได้ว่าคนผู้นั้นเป็นใคร

แต่หากพยายามคิดดูดี ๆ ดูเหมือนว่าชายที่ยืนอยู่ตรงกลางประตูนั้น จะเป็นคนเดียวกับที่ช่วยตนจากปีศาจจิ้งจอกคราวก่อนคนนั้น

“นี่คุณอีกแล้วเหรอครับ คุณทำอะไรวิญญาณดวงนั้นลงไป เขามาขอความช่วยเหลือกับผมนะครับ…”

ไม่มีคำตอบจากชายที่ยืนอยู่ตรงประตูนั้น หากแต่เพียงไม่กี่อึดใจผ่านไป ทู่เอ๋อเสินและคนแปลกหน้าสองคนที่หลี่อี้ไม่เคยได้พบหน้า ก็เดินเข้ามาในห้องนั้นอย่างเร่งร้อน ทู่เอ๋อวิ่งเข้ามาประคองร่างของหลี่อี้ให้ยืนขึ้น และตรวจสอบว่าเกิดอันตรายขึ้นหรือไม่

“นี่เธอเป็นอะไรบ้างหรือเปล่า เจ็บตรงไหนบ้างมั้ย?”

“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้เจ็บตรงไหนเลย พอดีว่าผู้ชายคนนั้น…”

หลี่อี้ที่กำลังพูด พลางหันมองไปที่ประตู หากแต่ชายแปลกหน้าคนนั้นกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอยเสียอย่างนั้น คงเหลือไว้แค่ชายหญิงคู่หนึ่งที่ตนเพิ่งได้พบหน้าเป็นครั้งแรกเท่านั้น

“หายไปไหนซะแล้วล่ะ?”

สีหน้าของหลี่อี้ยิ่งเต็มไปด้วยความสงสัย เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมคนคนนั้นถึงคอยช่วยตัวเองอยู่สองครั้งสองคราว หากแต่กลับไม่ยอมเปิดเผยใบหน้าอย่างแท้จริง

“ช่างเถอะ แล้วเจ้าวิญญาณดวงนั้นได้ทำร้ายเธอหรือเปล่า?”

“ไม่เลยครับ จริง ๆ แล้วเขามาขอความช่วยเหลือผมด้วยซ้ำ แต่ผู้ชายคนนั้น ตอนนี้ผมเองก็ไม่รู้ว่าหายไปไหนแล้ว วิญญาณดวงนั้นที่หายไป เขาจะปลอดภัยหรือเปล่าครับ?”

“หากเธอหมายถึงวิญญาณดวงนั้น ฉันว่าคงไม่เป็นอะไรมากหรอก แต่เธอบอกฉันว่าเขามาขอความช่วยเหลือจากเธองั้นเหรอ?”

“ใช่ครับ จริง ๆ แล้วเขาตายที่นี่ เขาเป็นนักดับเพลิง เขาเลยมาขอความช่วยเหลือ เพราะเขาเป็นห่วงลูกเมียของเขาที่ยังใช้ชีวิตลำบากอยู่บนโลกมนุษย์ใบนี้ครับ”

“ดูเหมือนว่าเรื่องของเธอมันจะไม่ใช่เรื่องที่จะจบลงง่าย ๆ เสียแล้วสิ”

“ทู่เกอหมายความว่ายังไงครับ?”

“เพราะเธอเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา แต่เธอกลับสามารถมองเห็นวิญญาณพวกนั้นได้ นั่นหมายความว่า เธอมีดวงตาที่พิเศษมากกว่ามนุษย์ทั่วไปน่ะสิ”

.

.

“ในเมื่อปลอดภัยแล้ว ถ้างั้นเราก็พาเจ้าหนุ่มคนนี้กลับไปที่ร้านของคุณนายเมิ่งก่อนเถอะ อยู่ที่นี่บรรยากาศไม่ค่อยน่าอภิรมย์เท่าไหร่”

ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูซึ่งมาพร้อมกับทู่เอ๋อเสินได้พูดเตือนขึ้น เพื่อให้พาหลี่อี้กลับออกไปจากที่ตรงนี้

“อืม…ก็ดีเหมือนกัน มีอะไรเดี๋ยวเราค่อยไปคุยกันที่ร้านก็ได้…”

.

.