นี้คือเรื่องราวการผจญภัยแฃะเอาชีวิตรอดในโลกที่เปลี่ยนไป มาดูกันว่าสิ่งต่างๆจะเปลี่ยนไปแค่ไหนกันเถอะ

CHESS:พลิกกระดานเทพ - ตอนที่ 11.3 สถานการณ์อีกด้าน โดย TKFD @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,แอคชั่น,ผจญภัย,ชาย-หญิง,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

CHESS:พลิกกระดานเทพ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,แอคชั่น,ผจญภัย,ชาย-หญิง

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี

รายละเอียด

CHESS:พลิกกระดานเทพ โดย TKFD @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

นี้คือเรื่องราวการผจญภัยแฃะเอาชีวิตรอดในโลกที่เปลี่ยนไป มาดูกันว่าสิ่งต่างๆจะเปลี่ยนไปแค่ไหนกันเถอะ

ผู้แต่ง

TKFD

เรื่องย่อ

ถ้าเกิดอยู่ๆ วันหนึ่งโลกที่พวกเราอาศัยอยู่มีมอนสเตอร์มาบุกพร้อมกับมีสิ่งประหลาดมากมายเกิดขึ้นมา เป็นคุณจะทำอย่างไร นี้คือบันทึกการเอาชีวิตรอด ของ ทาคุมะ อากิ ตัวละครหลักในเรื่องทีต้องเอาชีวิตรอดให้ได้

สารบัญ

CHESS:พลิกกระดานเทพ-ตอนที่ 0 ปฐมบท,CHESS:พลิกกระดานเทพ-ตอนที่ 1 ระบบ,CHESS:พลิกกระดานเทพ-ตอนที่ 2.1 อลิสและระบบเพิ่มเติม,CHESS:พลิกกระดานเทพ-ตอนที่ 2.2 การอัพเดทที่ 01.01 และ การสำรวจ,CHESS:พลิกกระดานเทพ-ตอนที่ 2.3 ดาบและกลับที่พัก,CHESS:พลิกกระดานเทพ-ตอนที่ 3.1 พิธีกรรม?,CHESS:พลิกกระดานเทพ-ตอนที่ 3.2 บทเรียนราคาแพง,CHESS:พลิกกระดานเทพ-ตอนที่ 3.3 RIP เตียง,CHESS:พลิกกระดานเทพ-ตอนที่ 4.1 สหาย?,CHESS:พลิกกระดานเทพ-ตอนที่ 4.2 การจากลา?และการอัพเดทที่ 01.02,CHESS:พลิกกระดานเทพ-ตอนที่ 4.3 สำรวจหลังการอัพเดต,CHESS:พลิกกระดานเทพ-ตอนที่ 5.1 ไข้หวัด,CHESS:พลิกกระดานเทพ-ตอนที่ 5.2 ตัวกรับแดง,CHESS:พลิกกระดานเทพ-ตอนที่ 5.3 จุดจบ?,CHESS:พลิกกระดานเทพ-ตอนที่ 6.1 เรื่องราวนะอีกฟากฝั่ง,CHESS:พลิกกระดานเทพ-ตอนที่ 6.2 ถึงที่หมาย,CHESS:พลิกกระดานเทพ-ตอนที่ 6.3 บีบหัวใจ,CHESS:พลิกกระดานเทพ-ตอนที่ 6.3.1 ราชาที่ไม่อาจเอ่ยนาม,CHESS:พลิกกระดานเทพ-ตอนที่ 7.1 ปลอมแปลงและหลอกลวง,CHESS:พลิกกระดานเทพ-ตอนที่ 7.2 รางวัลที่ไม่อาจปฏิเสธ,CHESS:พลิกกระดานเทพ-ตอนที่ 7.3 2 เดือนต่อมา...,CHESS:พลิกกระดานเทพ-ตอนที่ 8.1 ช่วยเหลือ,CHESS:พลิกกระดานเทพ-ตอนที่ 8.2 กลับถึงห้องพัก,CHESS:พลิกกระดานเทพ-ตอนที่ 8.3 เข้าร่วมปาร์ตี้,CHESS:พลิกกระดานเทพ-ตอนที่ 8.3.1 เป้าหมายต่อไป,CHESS:พลิกกระดานเทพ-ตอนที่ 9.1 ผุ!!!,CHESS:พลิกกระดานเทพ-ตอนที่ 9.2 กับดัก,CHESS:พลิกกระดานเทพ-ตอนที่ 9.3 ล้มเหลว,CHESS:พลิกกระดานเทพ-ตอนที่ 6.1.1 เรื่องราวนะอีกฟากฝั่ง,CHESS:พลิกกระดานเทพ-ตอนที่ 8.1.1 ช่วยเหลือและพักผ่อน,CHESS:พลิกกระดานเทพ-ตอนที่ 10.1 ติดเชื่อ,CHESS:พลิกกระดานเทพ-ตอนที่ 10.2 234 กิโลเมตร,CHESS:พลิกกระดานเทพ-ตอนที่ 10.3 คำของ่ายๆ,CHESS:พลิกกระดานเทพ-ตอนที่ 11.1 สัญชาตญาณผู้หญิง,CHESS:พลิกกระดานเทพ-ตอนที่ 11.1.1 เพื่อนใหม่?,CHESS:พลิกกระดานเทพ-ตอนที่ 11.2 แลกเปลี่ยนเรื่องราว,CHESS:พลิกกระดานเทพ-ตอนที่ 11.3 สถานการณ์อีกด้าน,CHESS:พลิกกระดานเทพ-ตอนที่ 11.3.1 อาการแย่ลงและความต่างของเวลา,CHESS:พลิกกระดานเทพ-ตอนที่ 12.1 อันซงและหลีกวน,CHESS:พลิกกระดานเทพ-ตอนที่ 12.2 ก็อบบลายท์(Gobblight),CHESS:พลิกกระดานเทพ-ตอนที่ 12.3 โพชั่นชำระล้าง

เนื้อหา

ตอนที่ 11.3 สถานการณ์อีกด้าน

    หลังจากที่เมิ่งซินทำธุระส่วนตัวเสร็จ เธอก็เริ่มจัดเตรียมของเพื่อจะอาบน้ำ แต่ทันใดนั้นเองก็มีเสียงเคาะดังขึ้นจากประตูด้านหลัง...


 


    "ก็อก ก็อก"


 


    "เมิ่งซิน:ไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ"


 


     เธอรีบสวมเสื้อผ้าอย่างลวกๆ ก่อนจะเดินไปเปิดประตู พอแง้มประตูออกมาก็เห็นคนที่ยืนรออยู่คือเอริน่า... หญิงสาวที่ดูสง่างามตามแบบของเธอ


 


    "เมิ่งซิน:มะ-มีอะไรเหรอคะ ท่านเอริน่า..."


 


    เอริน่าไม่ได้ตอบทันที... เธอเพียงแค่นิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ราวกับกำลังประเมินสีหน้าของเมิ่งซิน ก่อนจะยื่นของบางอย่างมาให้ ขวดแก้วสองขวด และของอีกสองชิ้นในอ้อมแขน


 


    ^เอริน่า:ขวดสีเหลืองนี่คือสบู่ ส่วนขวดสีฟ้านี่เอาไว้สระผม ข้าเอามาให้เจ้าทำความสะอาดร่างกาย อันนี้คือผ้าขนหนู แล้วก็... ชุดนอน เอาไว้ใส่ตอนนอน^


 


    เมิ่งซินรับของทุกอย่างมากอดไว้แน่น ก่อนจะเหลือบมองสิ่งของในมืออย่างตั้งใจ ทว่าเมื่อเห็นผ้าขนหนูและเสื้อผ้าที่ได้มา ก็อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เพราะมันดูใหญ่กว่าตัวเธออยู่พอสมควร


 


    เอริน่าที่สังเกตเห็นสีหน้าสงสัยของอีกฝ่ายก็หัวเราะเบาๆ แล้วพูดขึ้นว่า


 


    ^เอริน่า:พอดีไม่มีชุดสำหรับแขกน่ะ เลยเอาของข้ามาให้ใช้ก่อน ถ้าเจ้าไม่รังเกจอะนะ^


ิ 


    "เมิ่งซิน:ไม่ๆๆ ฉันไม่รังเกจหรอก อยากขอบคุณด้วยซ้ำเพราะตอนนี้ชุดที่ฉันอยู่ก็มีสภาพมอมแมมพอควรเลย"


 


    เธอยิ้มเขินๆ ขณะพูด เสียงของเธอแฝงความรู้สึกซาบซึ้งปนเกรงใจ ดวงตาก้มมองชุดที่สวมอยู่ซึ่งมีรอยเปื้อนฝุ่นและรอยขาดเล็กๆ อยู่เต็มไปหมด


 


     เอริน่าเหลือบตามองชุดของเมิ่งซินครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ


 


    ^เอริน่า:หลังจากเจ้าอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เอาชุดไปให้จิมมี่ทำความสะอาดให้เถอะ^


 


    "เมิ่งซิน:โอ้ ไม่เป็นไรท่านเอริน่าฉันทำเองได้ ฉันไม่รบกวนจิมมี่หรอก"


 


    เธอส่ายหน้าทันที แววตาจริงจังผสมความเกรงใจปรากฏชัด เธอไม่อยากให้ใครลำบากเพราะสิ่งของของเธอเอง


 


    ^เอริน่า:เจ้าไม่ต้องปฏิเสธหรอก เพราะนั่นมันคืองานของเขา แถมการที่เจ้าเอาไปให้เขาทำ เขาต้องดีใจแน่ๆเพราะเขาคิดว่าได้ช่วยเจ้า...^


 


    เมิ่งซินชะงักไปเล็กน้อย คำพูดของเอริน่าทำให้เธอนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอรับรู้ถึงความตั้งใจดีของอีกฝ่าย และเริ่มเข้าใจถึงน้ำใจเล็กๆ ที่แฝงอยู่ในการกระทำเหล่านี้


 


    "เมิ่งซิน:ก็ได้ หลังจากทำทุกอย่างเสร็จฉันจะเอาชุดไปให้จิมมี่ทำความสะอาด"


 


    น้ำเสียงของเธออ่อนลงเล็กน้อย พลางพยักหน้าเบาๆ เหมือนกับว่าเธอยอมเปิดใจให้กับน้ำใจของคนรอบข้างทีละน้อย


 


    เอริน่าที่ยืนอยู่ไม่ไกล มองภาพนั้นก่อนจะยิ้มบางๆ อย่างอ่อนโยน แล้วหมุนตัวเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ


 


   เมิ่งซินกอดของทั้งหมดแน่นขึ้นเล็กน้อยก่อนจะปิดประตู แล้วเดินกลับเข้าไปในห้องน้ำอย่างช้าๆ


 


    ห้องน้ำที่เงียบสงบถูกเติมเต็มด้วยเสียงฝีเท้าเบาๆ ของเธอ พร้อมลมหายใจที่ผ่อนคลายลงทีละนิด


 


    'เมิ่งซิน:'...เอาล่ะ อาบน้ำดีกว่า


 


    เธอเริ่มจากการเอื้อมไปเปิดน้ำตามคำแนะนำในหัว — แต่ไม่ทันจะได้ตั้งตัวดี น้ำก็พุ่งกระแทกลงมาด้วยแรงมหาศาล!


 


  "เมิ่งซิน:โอ๊ย!"


 


    แรงดันที่รุนแรงทำให้เธอถึงกับก้มหน้าลงโดยอัตโนมัติ หยดน้ำกระเด็นใส่หน้าจนรู้สึกเหมือนถูกผลักจากน้ำตกจริงๆ


 


    เธอรีบปิดน้ำอย่างตกใจ ใบหน้าสั่นเล็กน้อยเพราะตกใจ


 


    "เมิ่งซิน:...นี่ฉันไปยืนใต้น้ำตกเหรอ?"


 


    หลังจากตั้งสติได้ เธอก็ค่อยๆ เปิดน้ำอีกครั้งอย่างระวัง รอบนี้เธอขยับมือปรับจนได้แรงน้ำที่พอดี ไม่เบาไป ไม่แรงไป


 


    "เมิ่งซิน:เฮ้อ... มันต้องแบบนี้สิ"


 


    น้ำอุ่นๆ ไหลผ่านเรือนร่าง เธอหลับตาลงเล็กน้อย ปล่อยให้มันพัดพาความเหนื่อยล้าไป


 


    หลังจากล้างตัวพอประมาณ เมิ่งซินก็หยิบขวดสีฟ้าขึ้นมา


 


    "เมิ่งซิน:เธอบอกว่าใช่สำหรับสระผมใช่ไหม... งั้นลองดูแล้วกัน"


 


    เธอเปิดฝา เทของเหลวออกมานิดหน่อยแล้วยกขึ้นมาดม


 


    กลิ่นหอมของกุหลาบอบอวลขึ้นทันที มันชัดเจนแต่ไม่ฉุน ราวกับน้ำหอมราคาแพง


 


    "เมิ่งซิน:ว้าว... เธอได้ของแบบนี้มาจากไหนเนี่ย หอมเหมือนแชมพูหรูๆเลย"


 


    เธอลูบมันลงบนเส้นผมที่เปียกของตัวเอง เมิ่งซินรู้สึกได้ถึงสัมผัสลื่นละมุน แต่น่าแปลก... มันไม่มีฟองเลย


 


    ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังถูให้ทั่วหัว ก่อนจะปล่อยทิ้งไว้แล้วหยิบขวดถัดไป


 


    "เมิ่งซิน:เห็นบอกว่านี่คือสบู่ใช่ไหม"


 


    เมิ่งซินเปิดฝาขวดสีเหลือง กลิ่นหอมของดอกไม้ลอยออกมาทันที แต่เธอกลับไม่รู้ว่าคือดอกอะไร มันน่าหลงใหลและอบอุ่นจนเธอเผลอยิ้ม


 


    "เมิ่งซิน:ว้าว... หอมจัง ถึงจะไม่รู้ว่ากลิ่นอะไรแต่มันหอมมากๆเลย ฉันควรใช้นิดเดียวน่าจะพอ"


 


    เธอเทของเหลวลงบนมือแล้วเริ่มถูตามร่างกาย กลิ่นหอมกระจายตัวตามไอร้อนจากน้ำ


 


    แม้จะมีฟองเพียงเล็กน้อย แต่เมื่อเธอล้างออก กลิ่นหอมกลับชัดเจนและติดตัวมากกว่าเดิม


 


    "เมิ่งซิน:เอ๊ะ! ฉันใช้มากไปหรือเปล่า... น่าจะใช้น้อยกว่านี้หน่อย"


 


    เธอมองมือตัวเองด้วยสีหน้ากังวลเล็กน้อย แต่ใบหน้าก็ยังแฝงความพอใจอยู่ลึกๆ


 


    เมิ่งซินเช็ดตัวด้วยผ้าขนหนูก่อนจะเดินไปยังมุมแห้งของห้องน้ำ แล้วหยิบเสื้อผ้าที่เอริน่าเตรียมไว้ขึ้นมาสวม เมื่อสวมเสร็จ เธอก็ต้องหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ เพราะขนาดของชุดนั้นหลวมมากเกินไป


 


    "เมิ่งซิน:ฮ่า! อย่างกับเด็กใส่ชุดพ่อแม่เลย"


 


    เธอยิ้มขำให้ตัวเองในกระจกอยู่ที่อยู่อีกมุมห้องของห้องน้ำ ก่อนจะดึงชายเสื้อยาวๆ ที่ลากพื้นขึ้นมาถือไว้แล้วเดินออกจากห้องน้ำอย่างทุลักทุเล พอถึงหน้าห้อง เธอก็เอ่ยเรียก


 


    "เมิ่งซิน:จิมมี่"


 


    ผ่านไปไม่กี่วินาที เสียงตอบรับก็ดังขึ้น


 


    "จิมมี่:ขอรับ"


 


     เมิ่งซินอึกอักเล็กน้อยเมื่อถึงเวลาต้องพูด


 


    "เมิ่งซิน:เอ่อ... คือว่า... ฉัน..."


 


    แต่ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ จิมมี่ก็พูดแทรกด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล


 


    "จิมมี่:ถ้าเป็นเรื่องเสื้อผ้า ท่านเอริน่าบอกไว้แล้วขอรับ เอามาให้ข้าได้เลย"


 


    เมิ่งซินได้ยินดังนั้นก็โล่งใจ ก่อนจะค่อยๆ เปิดประตูออกมา พร้อมกับยื่นเสื้อผ้าให้ จิมมี่เงยหน้ามองแล้วก็ต้องชะงักไปหนึ่งจังหวะเมื่อเห็นเมิ่งซินในชุดหลวมโคร่ง ชายผ้ากองกับพื้น และต้องใช้มือทั่งสองยกเสื้อผ้าตัวเองยืนให้จิมมี่ เหมือนเด็กที่เอาเสื้อผ้าให้ผู้ปกครองไปซัก


 


    "จิมมี่:...อุ-ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่าๆๆ"


 


    เสียงหัวเราะหลุดออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ เมิ่งซินที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็ได้แต่เบือนหน้าไปทางอื่น พยายามกลั้นขำ แต่สุดท้ายก็หลุดยิ้มตามออกมาอยู่ดี


 


    เธอวางเสื้อผ้าไว้ข้างประตูแล้วรีบปิดมันลง


 


    "เมิ่งซิน:ให้ตายสิ เสียงหัวเราะนั่นมันอะไรกัน ดูสนุกสุดๆ เลยไม่ใช่หรือไง ฮ่าฮ่าฮ่า..."


 


    เธอหัวเราะตามเสียงของจิมมี่อยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงค่อยๆ สงบลง


 


    หากถามว่าทำไมเมิ่งซินถึงหัวเราะออกมาอย่างหยุดไม่อยู่ ทั้งที่ตั้งใจจะเก็บอาการ คำตอบนั้นคงเป็นเพราะเผ่าพันธุ์ของจิมมี่—แฟรี่—ที่มีพลังพิเศษบางอย่าง


 


    เวลาที่แฟรี่หัวเราะด้วยความสุขอย่างแท้จริง มันจะส่งพลังคลื่นความรู้สึกออกไปให้สิ่งรอบข้างพลอยรู้สึกสนุกตามโดยไม่รู้ตัว


 


    และเมื่อเสียงหัวเราะเงียบลง เมิ่งซินก็ทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างหมดแรง ความรู้สึกผ่อนคลายยังคงหลงเหลืออยู่ เธอหลับไปในเวลาไม่นาน โดยไม่รู้ตัวเลยว่ารอยยิ้มยังติดอยู่บนใบหน้าของเธออยู่


 


       –ย้อนกลับมา 2 ชั่วโมงก่อนที่เมิ่งซินจะเจอเอริน่าและจิมมี่–


 


    ตอนนี้ผ่านมาแล้ว 23 ชั่วโมง 58 นาที นับตั้งแต่เขาแยกทางกับเมิ่งซิน


 


    [อลิส:ท่านอากิ ได้เวลาใช้พิษแล้วค่ะ]


 


    "อากิ:อืม..."


 


    เสียงตอบรับของอากิแผ่วเบา เขาหยิบสมุนไพรสีม่วงออกมาช้าๆ มือที่สั่นเล็กน้อยบ่งบอกถึงความอ่อนแรง เขาพยายามบิดสมุนไพรเพื่อรีดพิษออกมา แต่กลับรู้สึกได้ทันทีว่ากล้ามเนื้อแขนของเขาอ่อนแรงลงจนทำแทบไม่สำเร็จ


 


    'อากิ:สมุนไพรสีม่วง... มันบิดยากขนาดนี้เลยเหรอ!'


 


    "อากิ:ฮึบ!"


 


    เขากัดฟันแน่นและออกแรงเพิ่มอีกนิด สุดท้ายก็รีดพิษออกมาได้ ก่อนจะแต้มมันลงบนบาดแผลทะ้งสองจุดอย่างระมัดระวัง


 


    แต่หลังจากเวลาผ่านไปครบ 24 ชั่วโมง แทนที่อาการจะดีขึ้น บาดแผลกลับบวมแดงหนักกว่าเดิม รอบแผลมีลักษณะนูนแข็งราวกับมีก้อนบางอย่างกำลังก่อตัวอยู่ภายใน และที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือเส้นเลือดฝอยสีม่วงเล็กๆ จำนวนมากที่แผ่กระจายรอบแผลเป็นใยบาง—หลักฐานของพิษที่เริ่มแทรกซึมเข้าไปในร่างกาย


 


    อากิทายาพิษทั้งสองจุดเสร็จก็ทรุดตัวลงช้าๆ แล้วเอนตัวนอน สีหน้าเขาซีดจาง เหงื่อผุดขึ้นตามขมับ


 


    ความร้อนเริ่มแผ่ซ่านจากภายใน พร้อมกับอาการเวียนหัวที่แล่นวูบผ่านหัวสมอง ลีน่าที่เฝ้ามองอยู่จากระยะไกล รีบวิ่งเข้ามาใกล้เมื่อเห็นอากิเริ่มหายใจหนักและหน้าซีดกว่าเดิม


 


    "ลีน่า:พี่อากิ เป็นอะไรเหรอคะ?"


 


    "อากิ:...พี่เวียนหัวนิดหน่อย... แล้วก็รู้สึกร้อน..."


 


    ลีน่าเม้มปากแน่น ก่อนจะมองไปรอบๆ ด้วยสีหน้ากังวล


 


    'ลีน่า:เวียนหัว... ฉันช่วยไม่ได้ แต่เรื่องที่เขาร้อน... ฉันพอช่วยได้'


 


    "ลีน่า:งั้น... เดี๋ยวหนูเช็ดตัวให้นะคะ"


 


    "อากิ:..."


 


    อากิไม่ได้ตอบอะไร เขาเพียงหลับตาลงช้าๆ ราวกับไม่มีแรงจะพูดแม้แต่คำเดียว


 


    ลีน่ามองเขาด้วยแววตาเป็นห่วง ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วเดินไปหาคริสที่กำลังจัดการเรื่องน้ำอยู่ใกล้ๆ


 


    "ลีน่า:น้ำที่ต้มไว้เย็นดีหรือยัง?"


 


    "คริส:เย็นพอจะเช็ดตัวได้แล้วล่ะ"


 


    "ลีน่า:แล้วผ้าล่ะ? ต้มฆ่าเชื้อเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?"


 


    "คริส:ก็อยู่นี่เหมือนกัน ทั้งถังเลย"


 


    "ลีน่า:ดี งั้นไปช่วยฉันเช็ดตัวพี่อากิหน่อยนะ"


 


    "คริส:อืม"


 


    คริสยกถังน้ำที่ผ่านการต้มฆ่าเชื้อและทิ้งไว้ให้เย็น พร้อมกับถังใส่ผ้าที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้ว เดินตามลีน่ากลับมาหาอากิที่นอนอยู่บนเตียง


 


    ทั้งคู่ล้างมือให้สะอาดอย่างระมัดระวัง ก่อนจะเริ่มต้นเช็ดตัวให้อากิอย่างเบามือ อากิในตอนนี้ดูเหมือนจะเริ่มเบลอ ดวงตาที่เปิดค้างไว้ดูไร้โฟกัส ร่างกายขยับน้อยลงและเริ่มหายใจถี่ขึ้นเล็กน้อย


 


    ความร้อนในร่างของเขาทำให้เหงื่อชื้นซึมออกมาทั่วตัว แม้จะเช็ดแล้วเช็ดอีกก็ยังไม่ทุเลาลง


 


    บางครั้งลีน่าต้องหยุดมือเพราะเริ่มลน มือเล็กๆ ของเธอสั่นน้อยๆ


 


    "ลีน่า:คริส... ช่วยหน่อย พี่เขาตัวร้อนขึ้นกว่าเดิมอีกแล้ว"


 


  "คริส:อืม เดี๋ยวฉันดูตรงนี้เอง เธอพักก่อน"


 


    คริสเข้ามาช่วยทันที เสียงของเขานิ่งเหมือนเดิม แต่ในแววตาก็แฝงความกังวลไว้ไม่น้อย


 


    ทั้งสองคนช่วยกันดูแลอากิอย่างเงียบๆ ท่ามกลางบรรยากาศที่เริ่มตึงเครียด ความกดดันแผ่ซ่านอยู่ในใจทั้งคู่ เหมือนเสียงลมหายใจของอากิจะกลายเป็นสิ่งเดียวที่จับต้องได้ในความเงียบนี้


 


    ขณะเดียวกัน โจเซฟก็กำลังขะมักเขม้นอยู่กับสิ่งที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวข้อง—การทำพัดลมด้วยมือ  


เขานำคบเพลิงเก่ามาแยกเอาไม้ แล้วประกอบเป็นโครงสามเหลี่ยมอย่างคร่าว ๆ ใช้ผ้าที่ถักเป็นเชือกมัดให้ไม้อยู่เป็นรูปร่าง ก่อนจะนำผ้ามาไว้ตรงกลางและรัดให้แน่นเพื่อให้ใช้พัดลมได้อย่างเรียบง่าย แต่พอใช้งานได้จริง


 


    "โจเซฟ:อืม... แบบนี้น่าจะใช้ได้แล้ว"


 


    เขาเดินถือพัดทำมือไปหาลีน่ากับคริสที่กำลังเช็ดตัวอากิอยู่


ลีน่าเห็นโจเซฟเดินเข้ามา ก็เงยหน้าขึ้นถามด้วยเสียงแผ่วเบา


 


    "ลีน่า:มีอะไรเหรอคะ คุณลุง?"


 


    "โจเซฟ:ลุงทำพัดลมได้แล้ว คิดว่าจะมาช่วยพัดให้อากิหน่อย"


 


    "ลีน่า:ให้หนูพัดให้ก็ได้นะคะ"


 


    "โจเซฟ:ไม่เป็นไรหรอก ลุงมีเรื่องอยากคุยกับเขานิดหน่อย... เลยว่าจะพัดให้จนกว่าเขาจะรู้สึกตัวน่ะ"


 


    ลีน่าชะงักเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า


 


    "ลีน่า:งั้นรออีกแป๊บหนึ่งนะคะ"


 


    "โจเซฟ:อืม ได้จ้ะ"


 


    โจเซฟเดินไปหยิบเก้าอี้ไม้ ตัวหนึ่งมานั่งรอเงียบๆ โดยที่ไม่ได้พูดอะไรอีก ลีน่าและคริสยังคงช่วยกันเช็ดตัวอากิต่อไปอย่างระมัดระวัง จนกระทั่งเสร็จ


 


    "ลีน่า:เสร็จแล้วค่ะคุณลุง เชิญได้เลยนะคะ"


 


    เธอผละตัวออกให้ที่กับโจเซฟ โจเซฟพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะขยับเก้าอี้เข้าไปใกล้อากิ แล้วเริ่มค่อยๆ โบกพัดให้อากิอย่างใจเย็น แววตานิ่งสงบของเขามีบางอย่างซ่อนอยู่... ความกังวล ความหวัง หรือคำถามที่ยังไม่มีคำตอบ


 


         —สองชั่วโมงผ่านไป—


 


    อากิขยับเปลือกตาเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เขาเห็นคือโจเซฟ... ที่นั่งอยู่ข้างๆและกำลังพัดลมให้เขาอยู่เงียบๆ


 


    "โจเซฟ:นอนหลับเป็นยังไงบ้าง?"


 


    อากิเงียบไปเล็กน้อย มองหน้าชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ข้างๆ แล้วค่อยตอบกลับด้วยน้ำเสียงติดจะขี้เล่นเล็กน้อย


 


    "อากิ:...สบายมาก เพราะมีคนพัดให้แบบวีไอพี บริการแบบนี้ให้เลย ห้าดาว"


 


    "โจเซฟ:ขอบใจสำหรับรีวิว"


 


    ทั้งคู่หัวเราะเบาๆ ก่อนที่อากิจะสังเกตเห็นความกังวลบางอย่างในสายตาของโจเซฟ ความเงียบกลับเข้ามาแทรกอีกครั้ง


 


    "อากิ:... นายมีอะไรจะพูดเหรอ?"


 


    โจเซฟนิ่งไปพักหนึ่ง สีหน้าเริ่มจริงจัง น้ำเสียงที่เปล่งออกมาก็เช่นกัน


 


    "โจเซฟ:อาการ... เป็นยังไงบ้าง?"


 


    อากิเงียบไปสักครู่ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ อย่างไม่อยากทำให้สถานการณ์ตึงเครียด


 


    "อากิ:ถ้าพูดตรงๆ... ก็แย่ลงเรื่อยๆล่ะ"


 


    โจเซฟขมวดคิ้วทันที อากิที่เห็นแบบนั้นเลยรีบพูดต่อเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเครียดเกินไป


 


    "อากิ:แต่ก็ยังดีกว่าที่คิดนะ ตอนนี้อาการยังช้ามาก ถ้าเป็นปกติ ฉันคงจะหมดสติไปแล้ว หรือไม่ก็ไข้ขึ้นสูงจนเพ้อ... แต่ตอนนี้ก็แค่มึนๆ เบลอๆ เป็นบางช่วง"


 


    "โจเซฟ:นั่นก็ถือเป็นข่าวดีสำหรับตอนนี้... ใช่ไหม?"


 


    อากิพยักหน้าช้า ๆ ดวงตาเขาหรี่ลงเล็กน้อย เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง


 


    "โจเซฟ:..."


 


    "อากิ:..."


 


    ทั้งสองเงียบอีกครั้ง... ความเงียบที่คราวนี้หนักแน่นกว่าเดิม ราวกับต่างคนต่างมีคำถามในใจ แต่ยังไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน


 


     อากิเหลือบมองชายวัยกลางคนที่อยูาข้างตัว เขาเห็นว่าโจเซฟยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างสงบ แต่ลึกลงไป... อากิรู้ว่าเขากำลังครุ่นคิดบางอย่าง จึงตัดสินใจชวนคุยเปลี่ยนบรรยากาศ


 


    "อากิ:จะว่าไปแล้ว... นายเข้ามาที่นี่ได้ยังไงน่ะ โจเซฟ"


 


     โจเซฟเลิกคิ้วเล็กน้อย คล้ายจะถูกดึงความคิดออกมาจากที่ไกลแสนไกล เขาทำท่านึกย้อน ก่อนจะหัวเราะเบาๆ


 


    "โจเซฟ:ถ้าจำไม่ผิดนะ... ตอนนั้นตัวฉันเรืองแสงสีฟ้า แล้ววูบเดียว... ก็มาที่นี่เลย แล้วนายล่ะ"


 


    "อากิ:ของฉันน่ะเหรอ... ฉันจำได้แม่นเลย ตอนนั้นมีก็อบลินมาบุกฉันหนีหัวซุกหัวซุนอยู่พักใหญ่ๆ ก่อนที่จะเจอทหาร พวกเขาพาฉันไปที่ที่พวกเขาตั้งรับก็อบลิน ฉันอยู่ที่นั้นซักพัก ก่อนที่จู่ๆก็มีคนเรืองแสงและมันก็เริ่มวุ่นวาย"


 


    "โจเซฟ:อืม..."


 


    "อากิ:ตอนนั้น... ฉันเห็นเพื่อนสนิทเรืองแสงเหมือนกัน เลยรีบพุ่งเข้าไปหา แล้วจับมือมันไว้ แต่พอจับได้เท่านั้นแหละ... ทุกอย่างก็วูบ แล้วก็มาที่นี่เลย"


 


    โจเซฟขมวดคิ้วทันที น้ำเสียงเขาเปลี่ยนเล็กน้อย


 


    "โจเซฟ:เดี๋ยวนะ... นายไม่ได้ตัวเรืองแสงเองเหรอ?"


 


    "อากิ:อืม ฉันไม่ได้เรืองแสงเอง"


 


    "โจเซฟ:งั้นก็แปลว่า... ต่อให้เราไม่ได้เรืองแสง ถ้าแตะคนที่เรืองแสงก็โดนพามาที่นี่ด้วยสินะ..."


 


    "อากิ:ใช่"


 


    โจเซฟนิ่งไป ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง


 


    "โจเซฟ:แล้ว... เพื่อนที่นายจับมือไว้ล่ะ?"


 


    อากิเงียบไปสักพัก แววตาเต็มไปด้วยความคลุมเครือ ก่อนจะตอบช้าๆ


 


    "อากิ:ไม่รู้เลย... ตื่นมาก็อยู่คนเดียวแล้ว ไม่เห็นใครเลยสักคน"


 


    โจเซฟชะงักไปเล็กน้อย เขาพยายามยิ้ม แต่ในรอยยิ้มนั้นมีความลังเลแฝงอยู่


 


    "โจเซฟ:งะ-งั้นเหรอ... ขะ-เขาคงปลอดภัยดีอยู่ที่ไหนสักแห่งแหละมั้ง"


 


    "อากิ:ก็หวังให้เป็นแบบนั้น..."


 


    คำพูดของอากิฟังดูเบากว่าปกติ น้ำเสียงของเขาแฝงความกังวลลึกๆ จนโจเซฟรับรู้ได้ โจเซฟที่เห็นจึงเปลี่ยนเรื่องที่ถามด้วยน้ำเสียงนุ่มกว่าเดิม


 


    "โจเซฟ:จะว่าไป... ก่อนมาที่นี่ นายทำอะไรอยู่เหรอ? เรียนที่ไหน? ทำงานที่ไหน? หรือมีอะไรที่ต้องรับผิดชอบเป็นพิเศษไหม?"


 


    "อากิ:ก็อย่างที่เคยบอก ฉันเป็นลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น ตอนนี้เรียนอยู่ที่ไทย มีทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านสะดวกซื้อกับเพื่อนบ้าง ส่วนเวลาว่าง... ก็เล่นเกมตามประสาเด็กมหาลัยน่ะนะ แล้วนายล่ะ?"


 


    "โจเซฟ:ฉันเหรอ... เป็นเจ้าของสวนมะกอก ชาวสวนตัวจริงเสียงจริงเลยล่ะ ฉันส่งผลผลิตให้โรงงานเอาไปสกัดเป็นน้ำมันมะกอก บางที... น้ำมันที่นายเคยกินก็อาจมาจากสวนของฉันก็ได้"


 


    อากิชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนจะหัวเราะเบาๆ


 


    "อากิ:ฮ่า! พูดแบบนี้ฟังดูภูมิใจน่าดู... แสดงว่าสวนของนายต้องใหญ่พอตัวเลยสิ"


 


    "โจเซฟ:ใช่"


 


    "อากิ:...ใหญ่ขนาดไหนล่ะ?"


 


    "โจเซฟ:ก็... ประมาณ 589 ไร่"


 


    อากิถึงกับนิ่งไปครู่หนึ่ง เขาเบิกตาเล็กน้อยก่อนจะหันมามองอีกฝ่ายอย่างเหลือเชื่อ


 


    "อากิ:...เฮ้ เดี๋ยวนะ แปลว่านายรวยใช่ไหมเนี่ย?"


 


    โจเซฟหัวเราะในลำคอ พลางส่ายหน้าเล็กน้อย


 


    "โจเซฟ:ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก แค่... มีใช้เกินจำเป็นนิดหน่อยก็เท่านั้นเอง"


 


    อากิยักคิ้วให้ ก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์เล็กๆ


 


    "อากิ:จะเชื่อที่นายพูดก็ได้... แต่ช่างเรื่องนั้นก่อน ฉันอยากรู้มากกว่าว่านายดูแลสวนใหญ่ขนาดนั้นได้ยังไง?"


 


    โจเซฟที่ได้ยินแบบนั้นก็ยืดตัวนั่งตรงขึ้น ก่อนจะกระแอมเสียงดังอย่างมีพิธีการ


 


    "โจเซฟ:แฮ่ม! แฮ่ม!"


 


    เสียงกระแอมของเขาดังพอจะให้ลีน่าและคริสที่อยู่ไม่ไกลได้ยิน ทั้งสองมองหน้ากันเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ๆ แล้วนั่งฟังแบบเงียบๆ ไม่พูดแทรก


 


    "โจเซฟ:เอาล่ะ... เนื่องจากสวนของฉันมีขนาดใหญ่ และเน้นเรื่องคุณภาพมาก งานเลยต้องแบ่งออกเป็นหลายส่วน—เอาแบบง่าย ๆ ก่อน ส่วนแรกคือทีมเก็บเกี่ยว แน่นอนว่าชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าพวกเขาทำหน้าที่อะไร แต่ฟังให้ดีนะ การเก็บมะกอกไม่ได้แค่เด็ดๆ แล้วจบ มันต้องใช้ความระวัง เพราะถ้ามะกอกช้ำ ก็จะเสียคุณภาพทันที"


 


    เขาชูนิ้วขึ้นหนึ่งนิ้ว ประกอบคำพูดเหมือนอาจารย์สอนวิชาเกษตร


 


    "โจเซฟ:ดังนั้น... ส่วนใหญ่เราใช้ ‘มือ’ เก็บทีละลูก เพื่อป้องกันความเสียหายโดยไม่จำเป็น พอเก็บมาแล้วจะถูกส่งไปยังโรงคัดแยก ที่นั่นจะมีคนที่ผ่านการฝึกมาโดยเฉพาะ คอยแยกมะกอกตามเกรด—ดีมาก, ดีธรรมดา, กับพวกที่ใช้ไม่ได้เลย"


 


    "อากิ:ละเอียดดีแฮะ..."


 


    "โจเซฟ:แน่นอน เพราะหลังจากแยกแล้วก็ต้องผ่านขั้นตอนทำความสะอาด แล้วก็แพ็กอย่างดี ก่อนจะส่งไปยังโรงงานที่เราทำสัญญาไว้ ที่โรงงานก็จะเอาไปผลิตน้ำมันมะกอกต่อ ซึ่งแต่ละล็อตเราจะควบคุมความสดใหม่ทั้งหมด"


 


    โจเซฟพูดได้ลื่นไหลและฉะฉาน เหมือนเล่าชีวิตประจำวันที่เขาทำมาหลายสิบปี


 


    "อากิ:แล้วไม่ใช้เครื่องจักรเลยเหรอ?"


 


    "โจเซฟ:ใช้สิ ตอนล้างกับตอนแพ็กสองขั้นนั้นแหละ เครื่องจักรมันช่วยได้เยอะเลย แต่ก็ใช้แค่นนั้นอหละเพราะ"


 


    เขายักไหล่เล็กน้อย


 


    "โจเซฟ:ขั้นที่ต้องใช้ตาและมือมนุษย์จริงๆ ฉันไม่ยอมให้เครื่องจักรมาทำเด็ดขาด เพราะถ้าพลาดแม้แต่นิดเดียว—กลิ่น, รส หรือแม้แต่คุณค่าทางสารอาหารของน้ำมันมะกอกจะเปลี่ยนทันที"


 


    "อากิ:อืมฉันเข้าใจแล้ว... แล้วมีส่วนอื่นๆอีกไหม?"


 


    "โจเซฟ:มีสิ แถมสำคัญมากด้วย"


 


    "อากิ:สำคัญมาก? มันคืออะไร?"


 


    "โจเซฟ:พวกเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านเกษตรศาสตร์เฉพาะทาง... หรือเรียกง่ายๆว่า 'หมอต้นมะกอก' พวกเขามีหน้าที่คอยดูแลสุขภาพของต้นไม้ทั้งสวน ถ้ามีโรคระบาดขึ้นมาแล้วไม่มีพวกเขาคอยดู... มะกอกในสวนอาจตายหมดได้เลย"


 


    "อากิ:เดี๋ยวๆ... ตายหมดสวนเลยเหรอ? ต้นไม้มีโรคแบบนั้นด้วย?"


 


    "โจเซฟ:มีสิ แถมไม่ได้มีโรคเดียวด้วยนะ—มีตั้ง 4 โรคหลัก นายอยากฟังไหมล่ะ?"


 


    "อากิ:พูดมาขนาดนี้แล้ว... ก็จัดมาเลยแล้วกัน"


 


    "โจเซฟ:โรคแรกคือ Xylella fastidiosa—ถ้าต้นไหนติดโรคนี้ มันจะค่อยๆ เหี่ยวเฉาเหมือนโดนดูดพลังชีวิต แถมมันแพร่ไวมาก ถ้าไม่รีบจัดการ... ทั้งไร่อาจกลายเป็นที่ร้างได้เลย"


 


    "โจเซฟ:โรคต่อมาคือ Peacock Spot หรือ 'โรคจุดนกยูง'—เป็นเชื้อราที่ทำให้ใบมีจุดดำๆ คล้ายตานกยูง แล้วใบก็จะร่วง ทำให้ต้นอ่อนแอ ไม่ติดผล"


 


    "โจเซฟ:โรคที่สามคือ Olive Knot—ต้นจะมีปูดขึ้นมาตามกิ่ง คล้ายก้อนเนื้องอก ถ้าเป็นเยอะ ๆ กิ่งจะตาย แล้วต้นก็จะหยุดโต"


 


    "โจเซฟ:สุดท้ายคือ Verticillium Wilt—เป็นเชื้อราในดิน ถ้าต้นไหนติดเชื้อ มันจะดูดน้ำจากดินไม่ได้ ใบจะค่อยๆ เหี่ยวเหมือนขาดน้ำ แล้วทั้งต้นจะตายไปแบบไม่ทันให้เตรียมใจ"


 


    อากิ ลีน่า และคริสที่ตั้งใจฟังอยู่ก็นิ่งไปเล็กน้อย สีหน้าแต่ละคนแสดงความตกใจแบบเห็นได้ชัด พวกเขาไม่คิดเลยว่าการดูแลต้นมะกอกจะมีความซับซ้อนและต้องระวังโรคพืชมากขนาดนี้


 


    "อากิ:บ้าเอ๊ย... นี่มันเหมือนโรคในคนชัดๆ แถมแต่ละโรคดูโหดสุดๆไปเลย"


 


    ลีน่าขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอมองไปทางโจเซฟก่อนจะพึมพำออกมาเบาๆ


 


    "ลีน่า:นี่ถ้าไม่มีคนดูแลจริงจัง... ทั้งไร่ก็คงพังในพริบตาเลยสินะคะ"


 


    คริสที่ยืนกอดอกอยู่ข้างๆ ก็พยักหน้าเบาๆ พร้อมเสียงถอนหายใจ


 


    "คริส:ฉันนึกว่าสวนจะมีแค่การปลูกกับเก็บซะอีก... ไม่คิดเลยว่ามันจะละเอียดขนาดนี้"


 


    อากิหันกลับไปมองโจเซฟอีกครั้ง แววตาเริ่มเปลี่ยนจากความสงสัยเป็นความเคารพโดยไม่รู้ตัว


 


    'อากิ:แฮะ... โทษทีนะ ตอนแรกฉันก็คิดว่านายแค่ปลูกมะกอกกับบ่นไปวันๆ แต่ตอนนี้เริ่มเข้าใจแล้วว่ามันยากกว่าที่คิด'


 


    โจเซฟยิ้มนิดๆ ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่มีน้ำหนัก


 


    "โจเซฟ:ใช่พวกต้นมะกอก ต้องการ การดูแลที่ระวังมาก แถมพวกนายรู้ไหม กว่าฉันจะหาหมอต้นมะกอกที่เก่งพอมาได้ ต้องจ่ายแพงขนาดไหน..."


 


    "อากิ:ฟังดูแล้วไม่ถูกแน่ๆ"


 


    "โจเซฟ:ฮึ บอกง่ายๆ คงไม่สนุก เดากันมาสิ"


 


    "อากิ:ให้เดางั้นเหรอ... งั้นขอถามก่อน ใช้สกุลเงินอะไรจ่าย"


 


    "โจเซฟ:ยูโร"


 


    "อากิ:ยูโรเหรอ..."


 


    ลีน่าที่ฟังอยู่ก็พูดขึ้นมาเสียงใสด้วยแววตาเป็นประกายเล็กน้อย


 


    "ลีน่า:หนูเดาด้วยได้ไหมคะ?"


 


    "โจเซฟ:เอาสิ ช่วยกันตอบจะได้มีสิทธิ์ถูกเยอะ"


 


    ทั้งสามคนเงียบไปชั่วครู่ ราวกับกำลังตั้งสมาธิจริงจังในการคำนวณ


 


    'ลีน่า:ฟังจากคุณพูดก่อนหน้านี้พวกเขาคงสำคัญมากๆ ฉันน่าจะตอบไปว่า 2500 ยูโรต่อเดือน'


 


    'คริส:ลุงบอกว่าพวกเขาสำคัญ งั้นก็ไม่น่าต่ำกว่า 1000 ยูโรแน่ๆ แต่ก็ไม่น่าเกิน 3000 เพราะจะมากเกินไป... งั้นเอา 2000 แล้วกัน'


 


     'อากิ:อลิส มีความคิดดีๆไหม'


 


     [อลิส:ถ้าดูจากความทรงจำของท่านแล้ว ดิฉันว่าไม่เกิน 3000 ยูโร แต่ไม่น่าน้อยกว่า 1500 ค่ะ]


 


    'อากิ:...งั้นตอบ 3000 เลยไหม'


 


    [อลิส:...ถึงอาจจะไม่ถูก แต่ก็ใกล้เคียง ตอบไปเลยก็ได้ค่ะ]


 


    "อากิ:ฉันตอบว่า 3000"


 


    "ลีน่า:หนูขอตอบ 2500 ค่ะ"


 


    "คริส:ผมขอตอบ 2000-2500 ครับ"


 


    หลังจากที่ทั้งสามตอบเสร็จ บรรยากาศก็เงียบลงชั่วขณะ ทุกสายตาหันไปจ้องโจเซฟที่กำลังทำหน้าเรียบเฉยเหมือนตั้งใจจะสร้างความกดดัน


 


    "โจเซฟ:คำตอบที่ถูกต้องก็คือ..."


 


    เสียงของเขาเว้นจังหวะ ทำเอาหัวใจของทั้งสามเต้นแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว


 


    ลีน่ากลืนน้ำลายเบาๆ อากิกำมือแน่นเล็กน้อย ส่วนคริสแอบถอนหายใจอย่างลุ้นๆ


 


    "โจเซฟ:คนที่ตอบถูกก็คือ..."


 


    เขาหยุดพูดอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มออกมากว้าง


 


   "โจเซฟ:ทุกคนตอบถูก!!"


 


    อากิ ลีน่า และคริสชะงักไปทันทีเมื่อได้ยินคำตอบนั้น สีหน้าของแต่ละคนเต็มไปด้วยความงุนงง


 


    "อากิ:หมายความว่าไง"


 


    เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย น้ำเสียงยังเต็มไปด้วยความสงสัย


 


    "ลีน่า:?"


 


     เด็กสาวเอียงคอ แววตากลมใสเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม


 


    "คริส:ทำไมถูกทุกคนล่ะ"


 


    คริสเลิกคิ้ว มองโจเซฟอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะหันไปมองเพื่อนร่วมกลุ่มเผื่อใครมีคำตอบ


 


    "โจเซฟ:ก็เพราะโรคพวกนี้บ้างทีมันมาเป็นช่วง แถมหมอพวกนี้ก็มีน้อย ดังนั้นเวลามีโรคระบาด ค่าตัวพวกเขาจะขึ้นสูงมาก โดยที่ปกติจะอยู่ที่ 1500-2000 ต่อเดือน หรือ 20-50 ยูโรต่อชั่วโมง แต่ถ้ามีโรคระบาดเมื่อไหร่ ราคาจะดีดจาก 1500-2000 เป็น 2000-3000 ทันที ส่วนรายชั่วโมงก็จาก 20-50 เป็น 50-90 ทันที"


    คำอธิบายของโจเซฟทำให้ทั้งสามคนเงียบไปชั่วครู่ พวกเขาค่อยๆ คิดตาม ข้อมูลที่ได้ฟังนั้นแม้จะดูแปลกในตอนแรก แต่เมื่อลองนึกตามก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผลดี


 


 


 


 


 


 


 


 


                 จากผู้แต่ง


    มีเนื้อหาเกินไปบ้างนิดหน่อย ผมขอเขียนต่อดูก่อนว่าเนื้อหาที่เกินไป มันควรเป็น 11.3.1 หรือ 12.1