ยามมนุษย์ที่บิดเบี้ยวและสายเลือดความเลวได้ส่งต่อไปยังบุตรหลาน ได้สร้างฆาตรกรขึ้นมาจากความรัก เพื่อเป็นนักฆ่าที่ไม่มีใครต่อกรได้
แอคชั่น,อาชญากรรม,ไทย,รัก,แฟนตาซี,วิปลาสทรชน,แฟนตาซี,สืบสวนสอบสวน,พล็อตสร้างกระแส,แอคชั่น,นิยายชายหญิง,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
วิปลาสทรชนยามมนุษย์ที่บิดเบี้ยวและสายเลือดความเลวได้ส่งต่อไปยังบุตรหลาน ได้สร้างฆาตรกรขึ้นมาจากความรัก เพื่อเป็นนักฆ่าที่ไม่มีใครต่อกรได้
ยามมนุษย์ที่บิดเบี้ยวและสายเลือดความเลวได้ส่งต่อไปยังบุตรหลาน ได้สร้างฆาตรกรขึ้นมาจากความรัก เพื่อเป็นนักฆ่าที่ไม่มีใครต่อกรได้
วันที่สร้าง 22 มิ.ย 2567
วันที่ลงตอนแรก 29 มิ.ย 2567
ปลายฟ้า รินใจ นิสิตสาวมหาลัยวัย 22ปี จากคณะวิทยาศาสตร์และการกีฬามา ที่กำลังจะจบแล้วไปทำงานต่อที่บริษัทจังเกิ้ลเทคโน แล้วทันใดนั้นเธอก็ได้ตกหลุมรักหนุ่มหล่อเจ้าของรอยยิ้มแสนหวานอย่าง ปวริศที่ทำงานฝ่ายโปรแกรมเมอร์รับผิดชอบระบบการทำงานทุกอย่างเกี่ยวกับโปรแกรมในบริษัททั้งหมด
แต่ยังไม่ทันได้รู้จักอะไรก็ทำให้เธอเจอแต่เรื่องสงสัยและไม่เข้าใจเต็มไปหมดราวกับว่าเหมือนทุกอย่างตั้งใจให้มันเกิดขึ้นเสียอย่างนั้น และไม่น่าเชื่อว่าการที่ได้รู้จักปวริศจะทำให้ชีวิตเรียบง่ายของเธอที่ใฝ่ฝันนั้นเปลี่ยนไปตลอดกาล
นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับบุคคลที่สาม หากชื่อไปตรงกับใครขออภัยมา ณ ที่นี้
ในส่วนเนื้อหามีความรุนแรงเพศอาชญากรรมและการกระทำไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
อดิสรณ์ อมาตยกุล ชายหนุ่มเชื้อสายแคนาดาและไทยที่มีส่วนสูง 205 เซนติเมตรเขาได้เห็นรังสิมันต์ พี่ชายตัวเองเข็นอาหารออกมาจากห้องนอนของปลายฟ้า เจ้าตัวก็ตรงไปหาเขาทันที
“พี่รังสิมันต์”
ชายหนุ่มเรียกชื่อพี่ตัวเอง เจ้าของชื่อได้เก็บรถเข็นและตักอาหารมาวางโต๊ะเรียบร้อยก็หันตามเสียงมาแล้วเจออดิสรณ์นั่งรอเขาอยู่ตรงข้ามที่นั่งกินข้าวรังสิมันต์
“ให้อาหารเธอแล้วเหรอพี่”
“ใช่ เธอกินง่ายดี”
รังสิมันต์พูดเสร็จเขาตักอาหารเข้าปากพอดีคำ
“เยี่ยมเลย แล้วเธอเป็นยังไงบ้างตอนกิน”
“ทีแรกเธอจะกินเอง แต่พี่ไม่ชอบเลยจะป้อนให้น่ะสิ”
“ทำแบบนั้นเดี๋ยวพี่ริทก็ไม่พอใจหรอกที่มายุ่งของเขาน่ะ”
“อย่าลืมสิเอ็ดดี้ พี่เป็นข้อยกเว้นของบ้านหลังนี้”หนุ่มตี๋ยิ้มหวานให้
สิ่งที่เขาพูดเป็นความจริงอย่างที่ใคร ๆ ก็รู้ แม้แต่คนเป็นพี่คนโตก็ให้ทำอะไรได้ตามใจชอบ เพียงเพราะรังสิมันต์ อมาตยกุลเป็นคนบุคคลที่มีความสามารถทางการแพทย์และการใช้ยาได้ทุกรูปแบบ
ที่สำคัญเขายังสามารถจัดการศพตกแต่งรวมไปถึงสร้างหลักฐานการตายได้อย่างแน่บเนียน
ทำให้รังสิมันต์ อมาตยกุล เป็นข้อยกเว้นที่จะทำอะไรก็ได้โดยที่ไม่กลัวปวริศจะลงโทษหรืออะไร นี่คือส่วนที่อดิสรณ์รู้ดีไม่แพ้กันกับพี่น้องคนอื่น ๆ
“ก็จริง แล้วเธอไม่ต่อต้านเลยเหรอ ดูปรับตัวง่ายจังเลย”
“ใครบอก กลัวจนตัวสั่นจะเป็นบ้าแล้วต่างหาก”
“จริงเหรอพี่ ผมอยากเห็นจัง”
“ถ้าได้อ่ะนะ”
“ทำไมเหรอ พี่ริทเขาไม่ยอมเหรอครับ”
“ไม่ยอมเหรอ…”
รังสิมันต์ได้นึกถึงตอนที่ได้คุยกับปลายฟ้า เขาได้เกิดคำถามขึ้นมาในใจเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ไม่คุ้นตา นั่นคือความใจดีที่รังสิมันต์แปลกใจตรงที่พาคนนอกกลับมา ถึงจะรับรู้ว่าทำไปเพื่อพิสูจน์ความสามารถของเธอก็ตาม
และสิ่งที่สนใจอีกอย่างของวันนี้คงไม่พ้นเรื่องที่ปวริศบอกชื่อจริงตัวเองตอนเจอปลายฟ้าครั้งแรก มันยิ่งทำให้กระตุ้นความอยากรู้มากกว่าเดิมอีก แม้พี่ชายคนโตเขาจะบอกมาแล้วว่า ‘ไม่มี’ ก็ตาม
“พี่รังสิมันต์..เป็นอะไรรึเปล่า? สูดยาที่ผสมเยอะไปเหรอ” อดิสรณ์เรียกหลังจากที่เห็นพี่ตัวเองเงียบนาน
“อ๋อ ไม่มีน่ะพอดีมีเรื่องให้คิดนิดหน่อย”
“นิดหน่อย คนอย่างพี่เนี่ยนะ?” เพราะรังสิมันต์เป็นคนไม่คิดอะไรเลย ถ้ามีล่ะก็คงเป็นเรื่องน่าสนใจไม่น้อย
“เมื่อวันก่อนไปพี่จัดการศพให้ปรานปรียามา พี่ไม่ได้ทำให้เพอร์เฟคเท่าไหร่”
“ทำไมล่ะครับ ผมว่าตอนเห็นศพในข่าวใครก็คิดว่าฆ่าตัวตายหมดนะ”
“ถ้ามองด้วยตาเปล่าน่ะใช่ แต่ถ้าสังเกตดี ๆ จะรู้ว่ามีรอยตำหนิเฉพาะที่พี่ทิ้งไว้น่ะ”
“พูดแบบนี้พี่ตั้งใจล่อใครมาเหรอ?”
“แหม ดูออกด้วยเหรอเนี่ย ก็…คงเป็นพวกคนนอกที่อยากมีบทล่ะมั้ง”
“ใครวะนั่น” อดิสรณ์ยักคิ้วสงสัย
“ฮ่า ๆ น้องไม่รู้จักหรอกเพราะว่าเขาเป็นตำรวจสากลที่ตามล่าพี่ตอนที่ไปทำงานที่เนเธอร์แลนด์ คิดว่าตอนนี้เขาน่าจะมาถึงไทยแล้ว”
“เอษรา แซนเดอร์เหรอ?”
อดิสรณ์จำได้ว่าพี่ชายเขารังสิมันต์ อมาตยกุล ได้สังหารไปแล้วตอนที่อยู่ในประเทศเนเธอร์แลนด์กับภารกิจตามล่าพวกค้ามนุษย์และคนเก็บเอกสารวิจัยเรื่องเชื้อโรคที่เป็นภัยต่อมนุษย์ แน่นอนว่าเอกสารเหล่านั้นรังสิมันต์เป็นคนเก็บไว้ ซึ่งคนที่เกี่ยวข้องคือเอษรา แซนเดอร์ ตำรวจ CIA ที่ทำงานรับผิดชอบคดีนี้และเขาโดนรังสิมันต์ฆ่าไปแล้ว
โดยปกติรังสิมันต์ไม่ค่อยจำเท่าไหร่ถ้าน่าเบื่อหรือไม่มีอะไรกระตุ้นความตื่นเต้นให้กับเขาได้ และเหมือนจะไม่เป็นอย่างนั้นเพราะคนนี้ทำให้หนุ่มตี๋สนุกทุกครั้งเวลาที่เอษราทำอะไรมักจะมีเรื่องประหลาดใจแสนจะลืมไม่ลง
ขนาดตัวเองกลับบ้านมาได้หลายวันก็พูดเป็นต่อยหอยเดิม ๆ ซ้ำซากจนอดิสรณ์จำได้
แต่ทำไมพี่ชายเขาถึงบอกว่าไม่รู้จักได้ล่ะหรืออาจจะเป็นคนละคนกัน
“อ้าว รู้จักเหรอ?” รังสิมันต์ทำหน้าประหลาดใจ
“พี่ลืมไปแล้วเหรอ ตอนนั้นพี่เล่าบ่อยมากตอนที่กลับมาจากเนเธอร์แลนด์น่ะ”
“อ๋อ ลืมแล้วว่าเล่าไปน่ะสิ”
นอกจากจะขี้ลืมแล้วยังมีหน้ามายิ้มหวานดูไม่รู้สึกอะไรอีก อดิสรณ์เองก็ถอนหายใจพี่ชายตัวเองอยู่หน่อย เอาเถอะเขาชินแล้วที่อีกฝ่ายเป็นแบบนั้น ถ้าจำได้หมดคงไม่ใช่รังสิมันต์
“มันยังไม่ตายเหรอ พี่ไม่ได้ฆ่ามันไปแล้วรึไงตอนนั้น”
“อืม…” รังสิมันต์เอามือจับคางครุ่นคิด “ตอนนั้นพี่ได้เอกสารแล้ว พี่เลยไม่ได้ฆ่าให้ตายสนิทน่ะ พอดีขี้เกียจก่อน”
“อีกแล้วนะ นิสัยขี้เกียจกลางคันของพี่เนี่ย”
“ก็มันไม่จำเป็นต้องฆ่านี่นา พี่เลยไม่ได้ดับชีวิตเขาและตอนพี่จะกลับเขาบอกเองว่า ’จะตามล่า’ น่ะพี่ก็เลย…”
รังสิมันต์ยักไหล่ยิ้มท่าทางสบายใจเฉิบไม่ไหว คนเป็นน้องเห็นก็ถอนหายใจเหลือเกิน
เพราะหนุ่มตี๋ตรงหน้าเป็นพวกที่ขี้เกียจและไม่ค่อยจริงจังในบางครั้ง นับว่านี่เป็นข้อเสียก็ว่าได้
“เอาเถอะ ตอนนี้ข่าวการตายปรานปรียาว่อนเน็ตมาก ออกสื่อหลายสำนักพอตัวเพราะเป็นคนใหญ่คนโต นี่คงไม่ใช่ล่อให้มันมาที่เราจะไปกันในอีก 1 เดือนนี้หรอกนะ”
“ใช่ พี่ทิ้งอันเป็นเอกลักษณ์ของพี่ไว้ ถ้าเป็นเอษราเขาดูออกแน่นอน”
“รับผิดชอบเองล่ะ ชอบทิ้งงานหยาบอยู่เรื่อย”
ถึงหนุ่มลูกครึ่งจะรู้ดีอยู่แล้วว่าพี่ชายตัวเองนั้นเป็นพวกที่ไม่สนใจอะไรแล้วหากงานเสร็จ
ต่างจากปวริศพี่คนโตที่ต่อให้งานจบถ้ามีปัจจัยอื่นมาขวาง คนเหล่านั้นไม่รอดสักรายทำให้ไม่มีใครรู้หรือเห็นใบหน้าแม้แต่เสียงก็ไม่มีใครทราบได้
“พอดีงานเสร็จแล้วเขาแค่มาหลังจากนั้นน่ะสิ พี่เลยไม่ได้ฆ่าเขาแค่นั้นเอง”
“เรื่องนั้นผมรู้น่า”
“จริงสิ พี่ขอถามอะไรหน่อยสิเอ็ดดี้”
“ครับ ถามมาได้เลย”
“พี่สงสัยตั้งแต่น้องมาหาพี่แล้วน่ะ ปกติแล้วน้องจะเป็นคนไม่ถามสารทุกข์สุกดิบคนนอกที่เข้ามาได้ไม่นาน ทำไมถึงถามหาเธอล่ะ?”
รังสิมันต์จ้องนัยน์ตาสีฟ้าของอดิสรณ์ที่สะท้อนตัวเขา หนุ่มลูกครึ่งยิ้มบางให้แล้วเอนหลังพิงเก้าอี้มองกลับไม่ลดละพอกัน
“ก็พอดีผมอยากรู้ว่าเธอจะเป็นหมากได้ดีไปจนถึงสุดท้ายของพวกเรารึเปล่า แค่นั้นเลยครับ”
“อ๋อ จะเข้าหาเธอสินะ…ไม่ยากหรอกเพราะพี่ริทไม่ได้ดูแลเธอดีขนาดนั้น”
แน่นอนว่าที่พูดไปเป็นเรื่องโกหกแต่เพราะเขาคือรังสิมันต์ อมาตยกุล เวลาพูดอะไรออกไปมันจะมีแต่ความน่าเชื่อถือไปหมดก็ตัวเขาคือข้อยกเว้นของบ้านหลังนี้ แล้วอดิสรณ์เป็นคนไม่สงสัยในการกระทำนี้ของพี่ชายตัวเองด้วย
“อ้าว นึกว่าจะดูแลดีซะอีก เพราะพี่ปวริศไม่เคยสนใจใครแบบนี้มาก่อน”
“ก็ไม่แปลกเพราะพี่ชายคนโตของเรา เคยดูแลใครเป็นที่ไหน”
สิ่งนี้คือความจริงที่รังสิมันต์ไม่โกหก ปวริศ อมาตยกุลเป็นคนที่ไม่มีความสามารถดูแลใครได้ดีขนาดนั้นถึงจะไม่เข้าใจว่าทำไมถึงพาคนนอกที่แทบช่วยเหลือตัวเองไม่ได้อย่างปลายฟ้า รินใจมาที่นี่ด้วย
ในช่วงเวลานี้สำหรับรังสิมันต์มีแต่เรื่องไม่เข้าใจและน่าสนใจเต็มไปหมด
“พี่ พอผมรู้ว่าเอษราจะตามล่าพี่ผมเลยนึกอะไรดี ๆ ออก”
'เรื่องอะไรดี ๆ เหรอ?...' รังสิมันต์มองหน้าหนุ่มลูกครึ่งที่ยิ้มแฉ่งให้เขา
“นึกอะไรเหรอ เราจะให้ปลายฟ้าเจอเอษราน่ะ คิดว่าไง”
“น่าสนใจนะ เธอเองก็กลัวพวกเราต้องหาทางหนีอยู่แล้ว อย่าบอกนะว่า…”
“ใช่ ผมจะขอพี่ริทดูแลเธอเองตอนไปที่เรือน่ะ”
อดิสรณ์ยิ้มแยกเขี้ยวให้พร้อมกับใบหน้าที่ความสนุกออกมาอย่างเห็นได้ชัด มันทำให้คนฟังถึงกับอยากเห็นผลลัพธ์เหมือนกัน
.
เอษรา แซนเดอร์ ชายหนุ่มในชุดไปรเวทที่แต่งตัวกึ่งทางการ เจ้าของใบหน้าลูกผสมไทย-คิวบา ทั้งรูปร่างที่สูงใหญ่เกิน 190 เซนติเมตรและใบหน้าที่ไปทางคิวบามากกว่าไทยหน่อยหนึ่งกับผิวทรายกำมะหยี่เนียนตา
ตัวเขาได้เดินเข้ามาในที่ทำงานกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติพร้อมกับผบ.ตร จรณ์ ทัณฑินณาเพื่อนสนิทของเอษรา
"คิดถึงจังเลยเอษรา"
"เหมือนกันจรณ์"
"ทานอะไรมารึยัง"
"ทานแล้วจรณ์ ขอบใจนะ"
"ไปที่ห้องพักของฉันเถอะ ยืนคุยตรงนี้ไปเมื่อยกันพอดี"
ทั้งสองหนุ่มเพื่อนสนิทก็เดินไปที่ห้องพักด้วยกันซึ่งเป็นห้องทำงานส่วนของจรณ์ ทัณฑินณา
หนุ่มลูกครึ่งได้ทิ้งสะโพกลงโซฟาแล้วหยิบทีวีเปิดดูก็ไปเจอข่าวที่ฉายการตายของปรานปรียา แสงอุทัย ซึ่งเป็นหัวข้อที่เขาสนใจและควรค่าแก่การฟังแก้เบื่อไม่มีอะไรทำไปพลาง ๆ
“จรณ์คดีนั้นใครรับผิดชอบเหรอ?”
เอษราถามเพื่อนตัวเองที่ตอนนี้เขากำลังกินไส้หรอกทอดเข้าปากพอดี
“น่าจะพวกตำรวจในเขตนั้นน่ะ เดี๋ยวนี้คนฆ่าตัวตายเยอะเนอะ”
“ทำไมเธอถึงฆ่าตัวตายล่ะ”
“ลืมไปว่านายอ่านภาษาไทยไม่ได้ ในข่าวนั้นคือปรานปรียา เธอเป็นเจ้าของธุรกิจนำเข้าอุปกรณ์ไอทีน่ะ เธอฆ่าตัวตายเพราะทำใจไม่ได้ที่ลูกสาวกับลูกชายไม่กี่ขวบเสียชีวิต”
“น่าสงสาร ขอให้เธอไปสู่อ้อมกอดพระเจ้าด้วยความรัก”
“เปลี่ยนช่องเถอะ ยังไงก็ไม่มาถึงมือฉันหรอกเพราะไม่ได้อยู่ในเขตนั้น”
“ก็จริง..”
เอษราก็ทำตามที่จรณ์บอก ซึ่งหนุ่มผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้สังเกตเห็นแผลตามตัวที่ได้รับการรักษาจนหายที่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้อย่างเห็นได้ชัดของหนุ่มลูกครึ่งตรงหน้า
แม้จะมีเสื้อผ้าสวมปิดทับไว้แต่มันชัดจนน่าสังเกต พอจรณ์กินหมดแล้วเขาก็เดินไปหาเอษรา
“นี่เอษรา รอยแผลเป็นของนายเยอะมากเลยนะ ไปโดนอะไรมาเหรอ”
“แผลพวกนี้น่ะเหรอ”
เอษราดูแผลตัวเอง เขาก็นึกถึงเหตุการณ์ตอนที่ไปทำภารกิจที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ทันทีเลยเพราะของพวกนี้มาจากชายปริศนาที่สวมหน้ากันแก๊สสีดำขอบแดงดีไซน์เป็นเอกลักษณ์และชายคนนั้นเกือบฆ่าเขาจนถึงแก่ชีวิต
โชคดีมากที่เอษราติดต่อฝ่ายสนับสนุนได้ทันเวลา ทำให้เขาได้รับการรักษาจนรอดจากความตายมาได้
แต่โชคร้ายที่ว่าเอกสารเกี่ยวกับเชื้อโรคที่องค์กรลับเนเธอร์แลนด์พัฒนาให้สหราชอาณาจักรตกไปอยู่ที่มือของชายสวมหน้ากากกันแก๊สคนนั้น รวมไปถึงเหล่าเพื่อนพ้องที่เสียชีวิตด้วยน้ำมือของมันอย่างทรมานเช่นกัน
นับได้ว่าเขาเป็นคนที่ถูกหมายหัวและต้องจับตายหรือเป็น
ตั้งแต่นั้นมาเอษรา แซนเดอร์ได้ตามหาทุกวิถีทางไม่ว่าจะเป็นการฆ่าและศพผู้เสียชีวิตเกี่ยวข้องกับชายคนนี้ ทั้งการเดินและนิสัยจากที่พอมีหลักฐานจนสามารถแกะรอยการเดินทางของชายปริศนาคนนั้นมาได้นั่นคือประเทศไทย
ชื่อของคนนั้นคือ เฟเทิล (Fatal)
และการเดินทางมาที่ประเทศไทยนี้ทำให้เขาได้เจอ จรณ์ ทัณฑินณาเพื่อนสนิทที่เคยเรียนในช่วงซัมเมอร์ด้วยกันที่ประเทศอังกฤษสมัยตอนที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นตอนต้นที่ยังติดต่อไปมาหาสู่กัน และจรณ์ไม่รู้ว่าเอษราเป็นตำรวจสากล CIA เขารู้แค่ว่าพ่อหนุ่มไทย-คิวบาคนี้ทำงานท่าเรือแถวบ้านเท่านั้น
“ฉันดันเจอพวกวิ่งปล้นตอนไปเที่ยวบราซิลน่ะสิ” เอษราโกหกไปซึ่งจรณ์ก็เชื่อ
“ดีนะ ที่รอดมาได้”
“ใช่ ตอนนั้นมันกะเอาให้ตาย ดีที่รอดมาได้”
“พวกเนี้ยเหี้ยจริง ๆ ไปเดินแถวอันตรายรึเปล่า ทีหลังอย่าไปนะ”
“ไม่ไปแล้ว ถ้าไม่มีงานคาร์นิวัลฉันคงไม่ไปหรอก”
ถึงจะเป็นเรื่องโกหกแต่เอษรา แซนเดอร์ชอบงานริโอ คาร์นิวัลมาก ถ้าวันไหนตัวเองไม่มีงานหรือภารกิจอื่นใด เจ้าตัวไม่พลาดแน่นอน
“จ้า พ่อคนห่วงเที่ยวแล้วนายจะอยู่ไทยกี่วันเหรอ?”
“ตามวีซ่าน่ะ”
“เที่ยวได้เยอะอยู่นะ นาน ๆ ทีนายจะมา เราสองคนไปเที่ยวที่ไหนกันหน่อยไหม”
“ไม่รู้สิ ไว้นึกออกจะบอกนะ”
“ได้เลย”
จรณ์กินต่อไปโดยไม่สนใจอะไร เอษราก็นั่งดูโทรศัพท์ตัวเองที่ตอนนี้เขาไถ่ฟีดไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งข่าวทางทีวีเกี่ยวกับปรานปรียา แสงอุทัย ที่เขาได้ดูนั้นมันได้ขึ้นมาหน้าฟีดของชายหนุ่มพอดี
ถึงเขาจะอ่านภาษาไทยไม่ออกแต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเพียงแค่กดแปลภาษาข่าวในนั้น พร้อมกับไล่ดูภาพประกอบต่าง ๆ เกี่ยวกับการตายของเธอ
จนกระทั่งรูปที่ปรานปรียาได้แขวนคอตายนั้นเข้าสะกดสายตาของชายหนุ่ม มือหนากดไปที่รูปภาพและขยายรูปที่ศพอย่างพิถีพิถันทำให้เขาได้พบร่องรอยที่ทิ้งไว้บนศพของปรานปรีนาซึ่งโดนผูกคอตายแขวนบังประตูไว้คือ
ลายเสื้อในกับข้อความ BYE <3
ดูแบบผิวเผินจะเหมือนกับลายเสื้อเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามแฟชั่นแถวตลาดไม่มีแบรนด์แต่คนที่ศึกษาและค้นข้อมูลเกี่ยวกับชายปริศนาที่เจอกันในภารกิจเนเธอร์แลนด์วันนั้น
เฟเทิลจะมีลายมือเป็นเอกลักษณ์...
เห็นได้ชัดเลยว่าตัวอักษรลายมือข้อความ BYE <3 คือของเฟเทิล
การตายของปรานปรียา แสงอุทัย ไม่ใช่การตายแบบฆ่าตัวตาย
พอรู้แบบนี้แล้วเขาไม่รอช้า เพราะตัวเฟเทิลนั้นอยู่ที่เมืองไทยตามที่สืบจริงแสดงว่าเขาต้องมีการล่าอีกแน่นอน
“นี่ จรณ์ถามไรหน่อย ด่วนมาก ๆ”
“ว่ามาเลย”
“ปรานปรียา แสงอุทัยมีครอบครัวไหม”
“ทำไมเหรอ?”
“ก็ฉันอยากรู้น่ะ นายรู้ไหม”
“ไม่รู้สิ ทำไมเหรอ มีอะไรรึเปล่า?”
จรณ์ไม่เข้าใจเพื่อนตัวเองเท่าไหร่แต่สีหน้าเขาดูไม่ดีมาก ๆ
“ไม่สบายเหรอ ดูร้อนรนนะเอษรา”
“ไม่มีอะไร เดี๋ยวฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”
“ได้เลย ห้องน้ำไปถูกนะ”
“อยู่แล้วถึงจะอ่านภาษาไทยไม่ได้ แต่ฉันพูดไทยได้น่า”
พูดเสร็จเอษราก็เดินออกจากห้องไป เขามองไปรอบ ๆ แล้วไม่เจอใครเดินผ่าน ชายหนุ่มไปที่เปลี่ยวตาไม่มีคนจากนั้นก็กดโทรศัพท์โทรหาฝ่ายข้อมูลที่ทำงานด้วยกันซึ่งเธอรับสาย
“ไมล่า ตอนนี้ฉันเจอเป้าหมายต่อไปของเฟเทิลแล้ว ช่วยตรวจสอบครอบครัวของคุณปรานปรียา แสงอุทัยให้ฉันหน่อยเพราะเหยื่อคนต่อไปคือคนในครอบครัวเธอ”
เอษราพูดเป็นภาษาสเปนใส่คนในสาย
‘นายหาเจอแล้วเหรอ’
“ไม่ แค่มั่นใจว่าเหยื่อของมันคนต่อไปเป็นใคร”
‘ครอบครัวปรานปรียา แสงอุทัยเดี๋ยวฉันตามหาให้นะ แล้วก็ถ้าเจอมันแล้วอย่าลืมเอาเอกสารวิจัยมาจากมันด้วย’
“รู้แล้ว”
‘ระวังตัวด้วยล่ะ เฟเทิลไม่ใช่คนที่จัดการง่าย’
“ฉันรู้มันฆ่าเพื่อนในทีมฉันไปหมด ฉันต้องล้างแค้นให้เพื่อนฉัน”
แม้เขาจะรอดกลับมาได้ แต่เพื่อนในทีมเขาตายอย่างทรมานต่อหน้าต่อตาซึ่งพวกเขาเหล่านั้นคือคนที่สนิทและร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมาหลายภารกิจ เอษรา แซนเดอร์จะตามล่าเฟเทิลและจัดการมันให้ได้
Authur's chitchat
ทีแรกชื่อของจรณ์ ไรท์จะเขียนอีกชื่อคือ จอห์น ไปด้วยนะคะแต่คิดไปคิดมา เปลี่ยนดีกว่าเพราะอ่านชื่อมันก็คือจอห์น ในรูปประโยค จรณ์ เฉย ๆ ยกเว้นเอษราที่จะเรียกเอซร่านะคะ คิดว่าต้องมีสักตอนที่มีไดอะล็อกเรียกชื่อเอซร่าค่ะ
myisodore
2 June 2025