ยามมนุษย์ที่บิดเบี้ยวและสายเลือดความเลวได้ส่งต่อไปยังบุตรหลาน ได้สร้างฆาตรกรขึ้นมาจากความรัก เพื่อเป็นนักฆ่าที่ไม่มีใครต่อกรได้

วิปลาสทรชน - ตอนที่ 1 สิ่งสกปรก โดย myisodore @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แอคชั่น,อาชญากรรม,ไทย,รัก,แฟนตาซี,วิปลาสทรชน,แฟนตาซี,สืบสวนสอบสวน,พล็อตสร้างกระแส,แอคชั่น,นิยายชายหญิง,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

วิปลาสทรชน

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แอคชั่น,อาชญากรรม,ไทย,รัก,แฟนตาซี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

วิปลาสทรชน,แฟนตาซี,สืบสวนสอบสวน,พล็อตสร้างกระแส,แอคชั่น,นิยายชายหญิง

รายละเอียด

วิปลาสทรชน โดย myisodore  @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ยามมนุษย์ที่บิดเบี้ยวและสายเลือดความเลวได้ส่งต่อไปยังบุตรหลาน ได้สร้างฆาตรกรขึ้นมาจากความรัก เพื่อเป็นนักฆ่าที่ไม่มีใครต่อกรได้

ผู้แต่ง

myisodore

เรื่องย่อ

 

ยามมนุษย์ที่บิดเบี้ยวและสายเลือดความเลวได้ส่งต่อไปยังบุตรหลาน ได้สร้างฆาตรกรขึ้นมาจากความรัก เพื่อเป็นนักฆ่าที่ไม่มีใครต่อกรได้

 


 

วันที่สร้าง 22 มิ.ย 2567

วันที่ลงตอนแรก 29 มิ.ย 2567

 


เรื่องย่อ

ปลายฟ้า รินใจ นิสิตสาวมหาลัยวัย 22ปี จากคณะวิทยาศาสตร์และการกีฬามา ที่กำลังจะจบแล้วไปทำงานต่อที่บริษัทจังเกิ้ลเทคโน แล้วทันใดนั้นเธอก็ได้ตกหลุมรักหนุ่มหล่อเจ้าของรอยยิ้มแสนหวานอย่าง ปวริศที่ทำงานฝ่ายโปรแกรมเมอร์รับผิดชอบระบบการทำงานทุกอย่างเกี่ยวกับโปรแกรมในบริษัททั้งหมด

 

แต่ยังไม่ทันได้รู้จักอะไรก็ทำให้เธอเจอแต่เรื่องสงสัยและไม่เข้าใจเต็มไปหมดราวกับว่าเหมือนทุกอย่างตั้งใจให้มันเกิดขึ้นเสียอย่างนั้น และไม่น่าเชื่อว่าการที่ได้รู้จักปวริศจะทำให้ชีวิตเรียบง่ายของเธอที่ใฝ่ฝันนั้นเปลี่ยนไปตลอดกาล

 


คำเตือน

ฆาตกรรม / ชำแหละศพ / บังคับขู่เข็ญ / กักหน่วงเหนี่ยว / ทำร้ายร่างกาย / ศีลธรรมครอบครัวในเชิงชู้สาว /นามธรรมความรักให้เหยื่อขาดไม่ได้ /อำพรางศพ / ฝังทั้งเป็น / อาการหลงรักฆาตกร / ฆ่านองเลือด / จิตวิทยาครอบครัว / ฆ่าด้วยหลายวิธีให้เหยื่อสิ้นชีวิต

 

#นึกออกเท่านี้ค่ะ ไว้นึกออกจะมาเพิ่มนะคะ


 

นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับบุคคลที่สาม หากชื่อไปตรงกับใครขออภัยมา ณ ที่นี้ 

 

ในส่วนเนื้อหามีความรุนแรงเพศอาชญากรรมและการกระทำไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

 


ช่องทางการติดตามทั้งหมด AllMyLink

 

สารบัญ

วิปลาสทรชน-ตอนที่ 1 สิ่งสกปรก,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 2 ความตาย,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 3 เธอมาที่นี่ (1),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 3 เธอมาที่นี่ (2),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 4 ครอบครัวอมาตยกุล (1),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 4 ครอบครัวอมาตยกุล (2) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 4 ครอบครัวอมาตยกุล (3) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 5 ตัวหมาก (1) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 5 ตัวหมาก (2) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 5 ตัวหมาก (3) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 6 บ้าน (1) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 6 บ้าน (2) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 6 บ้าน (3) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 7 ความรัก (1),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 7 ความรัก (2),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 8 เรื่องของเธอคนนั้น (1),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 9 ผกามาศเพชฌฆาต (1),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 8 เรื่องของเธอคนนั้น (2),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 9 ผกามาศเพชฌฆาต (2),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 10 ดิ้นรนเพื่อคนอื่น (1),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 10 ดิ้นรนเพื่อคนอื่น (2),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 11 ล่าเหยื่อ (1),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 11 ล่าเหยื่อ (2),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 11 ล่าเหยื่อ (3),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 12 พลิกกลับ (1),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 12 พลิกกลับ (2),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 12 พลิกกลับ (3),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 13 รู้ตัวเสียแล้ว (1),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 13 รู้ตัวเสียแล้ว (2),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 13 รู้ตัวเสียแล้ว (3),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 14 โลกอีกด้าน (1),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 14 โลกอีกด้าน (2),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 14 โลกอีกด้าน (3),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 14 โลกอีกด้าน (4),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 15 เด็กหญิงเมย่า (1),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 15 เด็กหญิงเมย่า (2),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 16 ไม่มีชื่อ (1),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 16 ไม่มีชื่อ (2),วิปลาสทรชน-ประกาศ : ชี้แจงตอนที่ 17 (1) รายละเอียดที่เพิ่มเข้าไปเยอะ,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 16 ไม่มีชื่อ (3),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 16 ไม่มีชื่อ (4),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 17 เดาอารมณ์ (1),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 17 เดาอารมณ์ (2)

เนื้อหา

ตอนที่ 1 สิ่งสกปรก

วิปลาสทรชน

ตอนที่1 สิ่งสกปรก


ฟ้าฝนภายในยามวิกาลพร้อมฟ้าร้องดังลั่นเป็นระยะ ภายในคฤหาสน์หลังใหญ่สไตล์โมเดิร์นหลังคาทรงไทยที่มีรูปปั้นสิงโตตั้งอยู่กลางบ้านที่แสดงถึงอำนาจและเกรงขามกับสวนดอกไม้บานสู้ฝนพริ้วไหวไปตามลม และต้นดอกไม้พิกุลยังคงยืนต้นแข็งแรงเป็นสัญลักษณ์ประจำบ้านอยู่ไม่น้องไปกว่า5ต้นของที่บ้านหลังนี้

เวลาเที่ยงคืนของราตรีอันมืดมิดมันคือช่วงแห่งการเข้าสู่นิทราของทุกคนไม่ว่าจะวัยไหนก็ต้องนอนหลับ หากเป็นบ้านที่มีฐานะหรือมั่นคงในหน้าที่การงาน กลางคืนคือเวลาพักผ่อนของพวกเขา

ทว่าชายหนุ่มที่อยู่ในวัยชราวัย 65 ปี อย่าง สิระ อมาตยกุล อดีตผู้พิพากษาที่ทำงานกฏหมายในชั้นศาลมาแล้วครึ่งชีวิต เขาได้ลาจากตำแหน่งและมาใช้ชีวิตกับลูกชายทั้ง5คนของเขา 

ณ ตอนนี้สิระกำลังรอลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่พึ่งกลับมาจากต่างประเทศด้วยกันวันนี้ทั้งหมด ซึ่งพวกเขามากันครบแล้ว และยังนั่งสบายใจหรือทำอะไรตามใจตามประสาคนที่พึ่งเหนื่อยจากการเดินทาง

ในตอนนี้ลูกชายของเขามากันแค่ 4 คนเท่านั้นและอยู่ในโซฟาเดียวสีดำของตัวเอง ขาดหายไป1คนนั่นคือลูกชายคนโตแก้วตาดวงใจของเขา

“ปวริศยังไม่มาเหรอเอดดี้”

สิระถามเอดดี้หรืออดิสรณ์ อมาตยกุลลูกชายคนที่4 หนุ่มลูกครึ่งไทย-แคนาดาเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าที่นั่งเล่นเกมโทรศัพท์บนโซฟาเดียวเงียบ ๆ คนเดียวเมื่อกี้ได้หันมามองพ่อตัวเอง

“พี่เหรอ เห็นไลน์มาบอกว่าเขาพึ่งถึงกระบี่น่ะครับ”

“กระบี่เหรอ?”

“ครับ เขาบอกมาแบบนั้น”

“พี่ปวริศเขาบอกช่วงเวลาไหนเหรอครับ?”

วสันต์ อมาตยกุลลูกชายคนที่ 2 ชายหนุ่มที่ผิวพรรณขาวที่สุดในบรรดาพี่น้องทั้ง5คน และเป็นคนเดียวประกอบอาชีพข้าราชการอย่าง อัยการ ซึ่งเขาได้ถามน้องชายคนที่4ของบ้านด้วยน้ำเสียงฉะฉานเหมือนทุกที อดิสรณ์ก็หยิบโทรศัพท์ตัวเองและเปิดแชทข้อความที่ได้คุยกับปวริศ

"ตี 5 เมื่อวาน”

อดิสรณ์ตอบและเขาก็เปลี่ยนจอเข้าเล่นเกมอีกครั้ง ถ้าให้นับตอนนี้ตลอด 10 ตาที่เจ้าตัวเล่นเกมมาไม่เคยแพ้เลยสักตาเดียว อันดับในหน้าจัดอันดับของเกมก็ขึ้นชื่อไอดีเขาอย่างเด่นชัดนั่นคือที่1 ก่อนที่จะเบื่อหน่ายแล้วออกจากโทรศัพท์พักเครื่องไป

“จริงเหรอ มาช้าจัง” สิระผู้เป็นพ่อถอนหายใจ

"อาจจะจราจลติดขัดหรือมีงานด่วนเลยมาช้าก็ได้ครับคุณพ่อ และนิสัยพี่ริทถ้าไม่มีงานหรืออะไรมาแทรกเขาจะบอกตลอดครับ”

วสันต์ได้อธิบายด้วยน้ำเสียงที่นุ่มน่าฟังให้กับพ่อของเขาอย่างสบายใจ สิระหันไปก็เห็นลูกชายคนนี้ที่มีรอยยิ้มอ่อนโยนให้เขาเสมอ

"งั้นเหรอ พ่อแก่แล้วนิสัยบางอย่างของเขาพ่อก็หลงลืมไปบ้าง”

“พี่วสันต์เนี่ยใจดีจังเลยนะ พวกเรานั่งรอจนตูดชาแล้วเนี่ย พี่ริทมาช้าแบบนี้เขาควรรับผิดชอบเวลาสิ”

กรกฎ อมาตยกุลลูกชายคนที่ 5 น้องชายคนสุดท้องของบ้านอมาตยกุล เจ้าของผมสีเงินผ่านการย้อมผมกับส่วนสูง 180 ที่ตัวเตี้ยสุดในบ้านได้โพล่งขึ้นมาอย่างไม่พอใจกับพี่ชายคนโตที่มาไม่ตรงเวลา

“การเดินทางในประเทศไทย น้องก็น่าจะรู้นะครับกรกฏ” 

วสันต์ยิ้มให้น้องชายคนเล็กคนนี้ยังมีนิสัยหงุดหงิดเช่นเคย

“ครับ ๆ ถ้าพี่ริทมาเมื่อไหร่ผมจะเรียกค่าเสียเวลาซะเลย!”

“เป็นเด็กเป็นเล็กรีดไถ่เงินพี่ตัวเองซะแล้วเหรอครับ ถึงว่าไม่มีใครคบ”

“พี่วสันต์ใจร้ายมาก ผมแค่ไม่ชอบรอคนที่มาสายเท่านั้นเอง”

“ก็ไปบอกพี่ริทสิครับ”

“ไม่อะ”

“ยังกลัวพี่เขาอยู่อีกเหรอ อายุตั้ง 25 แล้วนะตอนนี้”

อดิสรณ์มองน้องชายคนเล็กของบ้านอย่างเหนื่อยใจ

“พูดอะไร? ใครเขากลัวกัน”

กรกฎไม่สบอารมณ์ทันทีหลังโดนพี่ชายที่ห่างกันแค่3ปี อย่างอดิสรณ์มาพูดแบบนี้ใส่ ให้ถูกคือปวริศเป็นคนที่น่ากลัวและเวลาอยู่ใกล้เหมือนตัวเองจะโดนอีกฝ่ายฆ่าตลอดเวลาเลย ด้วยแววตาและน้ำเสียงที่เวลาจะดุหรือลงโทษ

ที่สำคัญปวริศเป็นลูกชายคนโตที่มากความสามารถ และทุกการกระทำเขาไม่ว่าจะผลงานหรืออะไร มักจะโดนเปรียบเทียบตลอด ถึงจะไม่มีคำพูดจากใครถึงอย่างนั้นสายตาคนรอบข้างมันบอกได้เสมอ โดยเฉพาะพ่อของเขาที่ผิดหวังตลอดเวลา

แต่นั่นเป็นแค่เรื่องในวัยเด็กเท่านั้น…

ตอนนี้เจ้าตัวโตมากพอแล้ว ความสามารถของเขามีมากกว่าพี่ชายคนโตอย่างหนึ่งแน่นอน เพียงแค่นี้มันก็มากพอที่จะไม่ต้องโดนผู้ใหญ่เปรียบเทียบอีกต่อไป

ระหว่างที่กรกฎ อมาตยกุลกำลังถอนหายใจ ประตูบานใหญ่ทางเข้าห้องได้เปิดออก สมาชิกทุกคนในบ้านต่างหันไปทางเดียวกันก็พบกับชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ สวมแค่เสื้อเชิ้ตขาวขับแขนถึงศอก ผิวสีน้ำผึ้ง มีรอยแผลเป็นเล็กน้อย และชุดนั้นไม่ได้เปียกฝนที่ไหนเลย แสดงให้เห็นว่าลูกชายคนโตของบ้านนั้น…

“มาถึงนานแล้วเหรอครับพี่ปวริศ”

วสันต์พูดขึ้นมาหลังจากที่ดูสภาพปวริศที่ดูไม่ได้เปียกฝนอะไร ทั้งทีภายนอกฝนตกหนักเพราะพายุเข้าแท้ ๆ ถ้าให้จัดการตัวเองก่อนมาพบเจอก็ไม่มีทางอีกเช่นกัน เพราะว่าไม่มีสัญญาณให้เข้ามาทางไหนได้เลย เว้นเสียแต่ชายหนุ่มผิวน้ำผึ้งมาถึงนานแล้ว

"ใช่ แค่ไปนอนมานิดหน่อย”

ปวริศ อมาตยกุล ลูกชายคนที่ 1 หรือคนโตของบ้านและเป็นลูกรักของพ่อ ได้เอ่ยเสียงเรียบทุ้มและพาตัวเองมาโซฟาตัวหนึ่งที่ว่างไว้พร้อมกับทิ้งตัวลงไปนั่ง แต่คนที่ทำหน้าไม่พอใจนั้นคือน้องชายคนเล็กของบ้านอมาตยกุล

“นอนเหรอ พี่ริทจะบอกว่าตัวเองมาถึงก่อนเหรอ?” กรกฎมองหยักคิ้ว

“ไม่รู้สิกรกฎ…แต่ตอนที่มาถึงบ้านนี้ พี่ไม่เจอใครเลยนะ”

“อะไรนะ?! แล้วให้คนอื่นรอเนี่ยนะ พี่เนี่ยไร้ความรับผิดชอบชะมัดแทนที่จะให้มาต้อนรับพวกเขาก่อนก็ได้ไม่ใช่เหรอ?”

ถึงกรกฎเขาจะไม่ชอบบรรยากาศที่ได้เจอพี่ตัวเองที่ให้เหมือนจะถูกฆ่าตลอดเวลา แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ในอดีตเท่านั้น

ตอนนี้เขาอายุได้ 25ปีแล้ว ความรู้สึกที่ได้เจอปวริศ ผู้เป็นพี่ชายในตอนนี้มันช่างไม่มีอะไรเลย ทว่าปวริศนั้นไม่พูดอะไรนอกจากถอนหายใจอย่างเดียว

“วันนี้คุณพ่อเรียกรวมตัวพวกเรามา…คงไม่ใช่เรื่องให้เรามานั่งทะเลาะเหมือน ‘เด็ก’ หรอกนะครับ”

ปวริศเน้นคำว่าเด็กในประโยค ทำให้กรกฎคิ้วกระตุกนิ่วหน้าเหวี่ยงใส่ทันที

“พ่อครับ ดูพี่สิปัดความรับผิดชอบเฉยเลย”

“ก็ต้องไม่อยู่แล้วปวริศ” สิระยิ้มและพูดแทรกไม่สนใจเสียงของกรกฎเมื่อครู่เลย

“พ่อ!” กรกฎประท้วงเสียงใส่

“ครับ รีบพูดเลย” ปวริศก็ไม่สนใจอีกเช่นกัน

"นี่เมินกันเหรอ?!”

กรกฎอยากจะบ้าตายแต่ก็มีสายตาของเหล่าพี่ ๆ ทุกคนมองมาที่เขานั้นต่างเป็นคำตอบ สายตาที่มองเขาและพี่ชายเป็นการเปรียบเทียบโดยไม่ต้องพูดออกมา ที่สำคัญพ่อของเขานัดให้มาเวลานี้และกำชับว่า ‘ห้ามสาย’ ซึ่งปวริศนั้นมาก่อนคนอื่นแต่ไม่มารอเหมือนที่ควรจะทำกัน

‘หงุดหงิดชะมัด’

ชายหนุ่มผู้เป็นลูกคนเล็กก็ทำหน้าไม่สบอารมณ์และพ่อกับเหล่าพี่น้องมองแบบนั้นให้เขาอีก ทำอย่างกับว่าตัวกรกฎที่โวยวายเป็นคนผิดเฉย นอกจากจะทำอะไรไม่ได้แล้วเขาก็ต้องนั่งลงบนโซฟาด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว

“เมื่อ 1อาทิตย์ก่อน พ่อได้รับพระราชโองการสำคัญของเบื้องสูงมา แต่พ่อจะไม่บอกนะว่าเป็นใคร..”

“ครับ แล้วมีตรัสในเรื่องอะไรบ้างครับ?” วสันต์ถาม

"ในประเทศไทย มีสิ่งที่เรียกว่ากฏหมายไม่สามารถทำอะไรต่อคน ๆ หนึ่งได้ แม้เขาจะทำผิดที่ชัดเจนแค่ไหนก็ตาม ความยุติธรรมไม่เคยถึงตัวผู้ที่สูญเสียเลยสักนิดทั้งกายและจิตใจบอบช้ำเกินกว่าจะเยียวยาได้"

“กาบุรุษ?”

เหล่าลูกชายทั้ง 5คนได้พูดพร้อมกัน ทำให้คนฟังอย่างสิระที่ยิ้มบางก็แปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าเจ้าเล่ห์ถูกใจทันที

"ถูกต้องพวกกาบุรุษ ซึ่งในหมายนั้นเขาให้อำนาจพวกเราจัดการโดยไม่ต้องสนวิธีการ"

“จัดการเหรอ ฟังดูง่ายจังแสดงว่าฝีมือพวกนี้ไม่ธรรมดาใช่ไหมครับ?”

รังสิมันต์ อมาตยกุล ลูกชายคนที่3 หนุ่มตี๋กับทรงผมสกินเฮดเบอร์5 ไล่เฟดย้อมแดงได้พูดขึ้นหลังได้ยินสิ่งที่พ่อเอ่ยในสารนั้นฟัง เขารู้สึกว่าเรื่องแบบนี้มันดูง่ายแต่ในขณะเดียวกันก็เป็นงานหยาบเช่นกัน มันทำให้รู้ว่าพวกนี้มันแข็งแกร่งจนต้องไม่สนวิธีการ

“มันเป็นอย่างที่ลูกพูดแหล่ะรังสิมันต์ ไม่งั้นพ่อจะส่งลูกทั้งหมดไปเรียนต่างประเทศและให้ไปอยู่ในสงครามจนสร้างผลงานทำไม ถูกไหม?”

“ยกเว้นพี่ปวริศนะครับที่ไม่ได้ไปเรียนต่างประเทศ” กรกฎพูดแทรก

“รู้..แต่พี่แกไม่จำเป็นต้องไปเรียนแบบเดียวเพราะเขาแข็งแกร่งที่สุดยังไงล่ะ”

สิระพูดด้วยเสียงนิ่ง และความเงียบของลูกทั้ง4 คือคำตอบ พอเห็นสีหน้าที่นิ่งเฉยแบบนั้นแล้ว มือที่เหี่ยวย่นตามวัยของเขาได้หยิบรีโมทปิดไฟและเปิดมอนิเตอร์ฉายลงมาพร้อมกับเปิดไฟล์ภาพเหล่าสิ่งสกปรกที่อยู่ในประเทศไทยเป็นจำนวนมากเต็มจอให้ทั้ง5คนได้เห็น

“เอาล่ะ นี่คือพวกกาบุรุษที่กฏหมายหรือตำรวจทำอะไรไม่ได้–” สิระเอ่ย

“เรื่องเก่า ๆ แบบนั้นพวกเรารู้ตั้งนานแล้ว เข้าเรื่องเลยสิครับพ่อจะให้จัดการหมดเลยใช่ไหมที่ขึ้นจออยู่เนี่ย” 

กรกฎเอ่ยแทรกด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ เขารู้เรื่องแบบนี้ตั้งแต่เด็กแล้วด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าพ่อคิดอะไรถึงเล่าเหมือนไม่เคยเล่ามาก่อน

“เด็กคนนี้ให้พ่อบิ้วพวกลูกหน่อยสิ”

“จะบิ้วทำไม เรื่องแบบนี้เรารู้มาเป็นชาติแหละ และที่สำคัญงานต่างประเทศที่เราพึ่งไปก็จัดการกาบุรุษที่หนีออกนอกประเทศและตามล่าเอกสารลับที่มันเอาไปด้วยนะพ่อ”

“แหม น้องเรายังอารมณ์ไม่จอยเหมือนเดิม” รังสิมันต์เอ่ยปนหัวเราะแต่ก็แอบเห็นด้วย

“รู้สึกว่าจะมีเยอะขึ้นนะเนี่ย ปวดตาจังเลย~?” อดิสรณ์พูดด้วยเสียงติดเล่นในขณะที่ตาเขาก็มองไปยังมอนิเตอร์บนจอ

“มีคนที่ดูไม่น่าเหมือนกาบุรุษอยู่ในนี้ด้วยนะครับคุณพ่อ” วสันต์ถาม

“บางคนที่ลูกเห็นคือพวกที่ลอยนวลและอายุยังน้อยกัน กฏหมายเลยอนุโลมให้ในบางโอกาสต่อให้ไม่มีอำนาจ แต่กฏหมายก็ให้อำนาจพวกเขาเพราะขึ้นชื่อเป็นเด็ก แม้ความผิดจะชาติชั่วแค่ไหนก็ตามเพราะฉะนั้นพวกนี้เลยถูกนับว่าเป็นกาบุรุษด้วย”

“เข้าใจแล้วครับ” วสันต์ตอบ

“เอาล่ะลูกรักของพ่อ จะจัดการพวกไหนเลือกได้ตามสบายเลยนะ”

“จัดการแบบของใครของมันเหรอ?” หนุ่มลูกครึ่งถาม

“ได้หมดจะช่วยกันหรือลุยเดี่ยวก็ได้ เพราะยังไงพวกลูกต้องจัดการพวกมันหมดอยู่ดี”

“ผมเอาคนนั้นครับ”

ปวริศพูดขึ้นมาพร้อมกับลุกขึ้นจากโซฟาและหยิบดิ้วเหล็กอันเล็กพกพาในกระเป๋ากางเกงและยืดมันออกมาให้ยาวสุดพร้อมกับชี้ไปยังบุคคลที่เขาเลือกไว้

“เอาคนนั้นเหรอ?” สิระถาม

“ครับและก็…ทั้งครอบครัวเขาครับ”

“เริ่มงานได้เมื่อไหร่?”

“3 วันให้หลังครับพ่อ”

“ดีมาก”

สายตาของสองพ่อลูกได้มองเข้าหากัน แววตาของปวริศยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงไปจากตอนวัยเด็ก สายตาที่ไม่ปราณีใคร ความเมตตาและเห็นใจนั้นมันไม่เคยมีอยู่ในตัวเขาของภายใต้นัยน์ตาสีดำทมิฬที่จ้องแล้วเหมือนโดนฆ่าได้นับ 1000 ครั้งเพียงแค่มอง

เพราะว่าปวริศ อมาตยกุล เป็นลูกชายเพียงคนเดียวที่มีสายเลือดฆาตกรและความชั่วไหลอยู่ในตัวเขา ฉะนั้นแล้วเหยื่อที่เขาเลือกในหน้าที่นี้ไม่รอดและตายอย่างทรมานแน่นอน

ที่มาคำว่าลูกชายสุดที่รักไม่ใช่คำที่มาได้ง่าย ๆ โหดเหี้ยม อำมหิต และเลือดเย็นอยู่ในตัวปวริศ อมาตยกุลทั้งหมด เป็นนักฆ่าที่มากความสามารถไม่เคยปล่อยให้เหยื่อที่เล็งไว้หนีรอดไปได้เลยสักคนเดียว

“พ่อคาดหวังในตัวลูกนะ ปวริศ”

“ครับพ่อ”

.

“พรุ่งนี้พร้อมทำงานเลยไหมคะ?”

คำถามเสียงหวานของเจ้าของบริษัท จังเกิ้ลเทคโน จำกัด คุณปรานปรียา แสงอุทัย หญิงสาวที่ได้ถามยิ้มแฉ่งให้กับสาวน้อยที่อยู่ตรงหน้าแต่งตัวสมวัยกับสีเอิร์ธโทน ผมยาวสีดำที่มัดหลวมปลายสูง นัยน์ตาสีเขียวสวยน่ามองจนไม่ละสายตา

ปลายฟ้า รินใจ สาววัยแรกแย้มอายุ 22 ปีหมาด ๆ ที่กำลังจะจบปี4ของเธอเหลือแค่รับปริญญาเท่านั้นก็สำเร็จการศึกษาคณะวิทยาศาสตร์การกีฬาและการออกกำลังกาย ด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 

แต่เธอกลับมาสมัครงานที่ไม่ตรงสายเสียอย่างนั้นและมันโชคดีที่ปลายฟ้าได้งานนี้แล้วได้สัมภาษณ์กับคุณปรานปรียาที่เป็นเจ้าของเองถึงที่

“ค่ะ ฉันพร้อมมากค่ะ!”

เธอตอบเสียงหวานด้วยท่าทีที่หนักแน่น

“ที่ทำงานพี่ไม่เคร่งเรื่องการแต่งกายมาก ขอแค่สุภาพและกางเกงขายาวก็พอค่ะ”

“แบบที่หนูแต่งวันนี้ไหมคะ?”

“ใช่จ้า”

“ได้เลยค่ะ หนูชอบแต่งตัวแบบนี้ด้วยนะคะ สบายใจได้เลยค่ะ”

ปลายฟ้าตอบด้วยเสียงสดใสและรอยยิ้มกว้างตามฉบับเธอ ปรานปรียาที่พอเห็นเด็กที่ดูมีไฟแรงแล้วก็ยิ้มรับ

“ค่ะเจอกันพรุ่งนี้นะคะ”

“ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ”

การสัมภาษณ์งานที่ผ่านไปได้ด้วยดีที่เป็นที่แรกที่สมัครและได้งานเลย นับว่าโชคดีที่สุดที่เคยมีมาเลยหลังจากที่ก่อนจะมาถึงตรงนี้ ปลายฟ้า รินใจคนสวยคนนี้ผ่านอะไรมาเยอะมาก และเธอจะพัฒนาชีวิตตัวเองไปเรื่อย ๆ ให้ดีขึ้น

เธอดีใจจนดี๊ด๊าออกจากที่สัมภาษณ์จนไม่ได้ดูทางแต่อย่างใดทำให้ไปชนกับใครคนหนึ่งจนร่างกายแสนบอบบางของปลายฟ้ากระแทกล้มลงไป

“ข..ขอโทษค่ะ”

ปลายฟ้ารีบพูดขึ้นโดยที่เธอล้มก้นจูบพื้นไปแล้ว

“ไม่เป็นไรนะครับ”

เสียงไพเราะที่เอื้อนเอ่ยออกมาที่ฟังดูแล้วมีความห่วงใยและใจดีนั้น ปลายฟ้าเงยหน้ามองและเห็นอีกฝ่ายยื่นมือที่สวมถุงมือสีดำมาที่เธอ โชคที่ปลายฟ้าใส่กางเกงขายาวมาสมัครงาน ถ้าใส่กระโปร่งมาเธอคงนึกภาพไม่ออกเลยถ้าล้มแล้วมันจะเห็นอะไรไม่งามกว่านี้ 

แต่นั่นมีเรื่องที่สำคัญกว่า…คนที่ถามเธอนั้นเขาดูดีจนเธอเผลอหน้าแดงเขินเลยทีเดียว

ใบหน้าที่เกรียงเกลา สันกรามกรอบหน้าชัด ผิวสีน้ำผึ้ง นัยน์ตาสีดำสนิทที่อยู่ภายใต้กรอบแว่นตาแฟชั่นสีดำสนิทเหมือนกับสีผม และรูปปากกระจับสวยได้ที่เข้ากันอย่างลงตัว บวกกับไหล่กว้างที่ไม่แคบกับรูปร่างที่ดูแลตัวเองอย่างดีภายใต้เสื้อผ้าแสนธรรมดาอย่างเสื้อยืดคอวีสีขาวแขนยาว ที่สำคัญเขาตัวสูงมาก

“ขอบคุณค่ะ"

ปลายฟ้ารับมือและลุกขึ้นยืนเต็มส่วนสูง เธออยู่แค่ระนาบไหล่ของเขาเอง

“ดีแล้วครับ จะมาทำงานพรุ่งนี้เหรอ?”

“ค..ค่ะ ชื่อปลายฟ้านะคะ”

เธอตอบกลับทันทีพร้อมชื่อตัวเองแต่เหมือนชายหนุ่มจะมองอยู่ครู่หนึ่งและนิ่งไปสักเล็กน้อย ก่อนที่จะยิ้มบางให้เป็นกันเองอีกครั้ง

“อ๋อ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”

“คือพี่ชื่ออะไรเหรอคะ?”

ปลายฟ้าแทนตัวอีกฝ่ายว่าพี่ เพราะดูยังไงเขาน่าจะอายุมากกว่าเธอ แต่ชายหนุ่มที่สูงกว่าก็นิ่งพร้อมกับเหมือนพินิจเธอไปในตัว ปลายฟ้ารู้สึกว่าการถามชื่ออีกฝ่ายนั้นทำไมเหมือนมีกำแพงใส่

“ปวริศครับ”

“ปวริศเหรอคะ ชื่อจริงเหรอ?”

“เป็นทั้งชื่อจริงและชื่อเล่นครับ”

“อ๋อ ค่ะพี่ปวริศ”

“ผมขอตัวก่อนนะครับ พอดีต้องเอางานนี้ไปให้พี่ปรานน่ะ”

เขายิ้มให้แล้วเดินจากไปโดยไม่หันมามองแต่อย่างใด ปลายฟ้าได้มองการแต่งกายของปวริศที่แต่งตัวสีดำทั้งตัวทั้งกางเกงและเสื้อเชิ้ต และรูปร่างที่สูงคาดว่าน่าจะ 180ขึ้นไปได้ ทำเอาปลายฟ้าหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะเลยทีเดียว

“ตายแล้ว เจอผู้ชายเทสดีจนได้”

ทั้งสะอาดและดูมีมารยาท แถมยิ้มแล้วน่ารักอีกทั้งยังดูเป็นคนจิตใจดีอีกด้วย ปลายฟ้า รินใจคนนี้เริ่มดีใจกับชีวิตทำงานของเธอที่จะเริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปเสียเหลือเกิน

“จริงสิ พี่เขาทำงานตำแหน่งไหนล่ะนั่น..”

มัวแต่ตื่นเต้นดีใจจนลืมถามเขาสนิท เพราะบริษัทนี้ตำแหน่งเยอะมากเธอเองก็อยากสนิทกับชายที่ตรงสเป็คตัวเองแท้ ๆ ปลายฟ้ารีบหันไปก็ไม่เจอเขา

“เอ๊ะ ไปเร็วจัง…”

ปลายฟ้านึกสงสัยด้วยความที่เมื่อครู่เขาก็ไม่ได้จากไปไหนเร็วขนาดนั้น หรือว่าเขาเป็นพวกเดินเร็วกัน

“ไว้วันทำงานค่อยไปหาเขาแล้วกัน”