ยามมนุษย์ที่บิดเบี้ยวและสายเลือดความเลวได้ส่งต่อไปยังบุตรหลาน ได้สร้างฆาตรกรขึ้นมาจากความรัก เพื่อเป็นนักฆ่าที่ไม่มีใครต่อกรได้

วิปลาสทรชน - ตอนที่ 4 ครอบครัวอมาตยกุล (3) โดย myisodore @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แอคชั่น,อาชญากรรม,ไทย,รัก,แฟนตาซี,วิปลาสทรชน,แฟนตาซี,สืบสวนสอบสวน,พล็อตสร้างกระแส,แอคชั่น,นิยายชายหญิง,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

วิปลาสทรชน

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แอคชั่น,อาชญากรรม,ไทย,รัก,แฟนตาซี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

วิปลาสทรชน,แฟนตาซี,สืบสวนสอบสวน,พล็อตสร้างกระแส,แอคชั่น,นิยายชายหญิง

รายละเอียด

วิปลาสทรชน โดย myisodore  @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ยามมนุษย์ที่บิดเบี้ยวและสายเลือดความเลวได้ส่งต่อไปยังบุตรหลาน ได้สร้างฆาตรกรขึ้นมาจากความรัก เพื่อเป็นนักฆ่าที่ไม่มีใครต่อกรได้

ผู้แต่ง

myisodore

เรื่องย่อ

 

ยามมนุษย์ที่บิดเบี้ยวและสายเลือดความเลวได้ส่งต่อไปยังบุตรหลาน ได้สร้างฆาตรกรขึ้นมาจากความรัก เพื่อเป็นนักฆ่าที่ไม่มีใครต่อกรได้

 


 

วันที่สร้าง 22 มิ.ย 2567

วันที่ลงตอนแรก 29 มิ.ย 2567

 


เรื่องย่อ

ปลายฟ้า รินใจ นิสิตสาวมหาลัยวัย 22ปี จากคณะวิทยาศาสตร์และการกีฬามา ที่กำลังจะจบแล้วไปทำงานต่อที่บริษัทจังเกิ้ลเทคโน แล้วทันใดนั้นเธอก็ได้ตกหลุมรักหนุ่มหล่อเจ้าของรอยยิ้มแสนหวานอย่าง ปวริศที่ทำงานฝ่ายโปรแกรมเมอร์รับผิดชอบระบบการทำงานทุกอย่างเกี่ยวกับโปรแกรมในบริษัททั้งหมด

 

แต่ยังไม่ทันได้รู้จักอะไรก็ทำให้เธอเจอแต่เรื่องสงสัยและไม่เข้าใจเต็มไปหมดราวกับว่าเหมือนทุกอย่างตั้งใจให้มันเกิดขึ้นเสียอย่างนั้น และไม่น่าเชื่อว่าการที่ได้รู้จักปวริศจะทำให้ชีวิตเรียบง่ายของเธอที่ใฝ่ฝันนั้นเปลี่ยนไปตลอดกาล

 


คำเตือน

ฆาตกรรม / ชำแหละศพ / บังคับขู่เข็ญ / กักหน่วงเหนี่ยว / ทำร้ายร่างกาย / ศีลธรรมครอบครัวในเชิงชู้สาว /นามธรรมความรักให้เหยื่อขาดไม่ได้ /อำพรางศพ / ฝังทั้งเป็น / อาการหลงรักฆาตกร / ฆ่านองเลือด / จิตวิทยาครอบครัว / ฆ่าด้วยหลายวิธีให้เหยื่อสิ้นชีวิต

 

#นึกออกเท่านี้ค่ะ ไว้นึกออกจะมาเพิ่มนะคะ


 

นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับบุคคลที่สาม หากชื่อไปตรงกับใครขออภัยมา ณ ที่นี้ 

 

ในส่วนเนื้อหามีความรุนแรงเพศอาชญากรรมและการกระทำไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

 


ช่องทางการติดตามทั้งหมด AllMyLink

 

สารบัญ

วิปลาสทรชน-ตอนที่ 1 สิ่งสกปรก,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 2 ความตาย,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 3 เธอมาที่นี่ (1),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 3 เธอมาที่นี่ (2),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 4 ครอบครัวอมาตยกุล (1),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 4 ครอบครัวอมาตยกุล (2),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 4 ครอบครัวอมาตยกุล (3),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 5 ตัวหมาก (1),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 5 ตัวหมาก (2),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 5 ตัวหมาก (3),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 6 บ้าน (1),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 6 บ้าน (2),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 6 บ้าน (3),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 7 ความรัก (1),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 7 ความรัก (2),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 8 เรื่องของเธอคนนั้น (1),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 9 ผกามาศเพชฌฆาต (1),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 8 เรื่องของเธอคนนั้น (2),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 9 ผกามาศเพชฌฆาต (2),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 10 ดิ้นรนเพื่อคนอื่น (1),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 10 ดิ้นรนเพื่อคนอื่น (2),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 11 ล่าเหยื่อ (1),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 11 ล่าเหยื่อ (2),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 11 ล่าเหยื่อ (3),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 12 พลิกกลับ (1),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 12 พลิกกลับ (2),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 12 พลิกกลับ (3),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 13 รู้ตัวเสียแล้ว (1),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 13 รู้ตัวเสียแล้ว (2),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 13 รู้ตัวเสียแล้ว (3),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 14 โลกอีกด้าน (1),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 14 โลกอีกด้าน (2),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 14 โลกอีกด้าน (3),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 14 โลกอีกด้าน (4),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 15 เด็กหญิงเมย่า (1),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 15 เด็กหญิงเมย่า (2),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 16 ไม่มีชื่อ (1),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 16 ไม่มีชื่อ (2),วิปลาสทรชน-ประกาศ ชี้แจงแจ้งเตือนตอนเก่า ๆ,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 16 ไม่มีชื่อ (3),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 16 ไม่มีชื่อ (4),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 17 เดาอารมณ์ (1),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 17 เดาอารมณ์ (2),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 18 จิตสังหาร (1),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 18 จิตสังหาร (2),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 18 จิตสังหาร (3),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 19 เส้นทางของปลายฟ้า (1),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 19 เส้นทางของปลายฟ้า (2)

เนื้อหา

ตอนที่ 4 ครอบครัวอมาตยกุล (3)

วิปลาสทรชน

ตอนที่4 ครอบครัวอมาตยกุล (3)


“อะไรนะคะ?”

“เป็นครอบครัวเดียวกันไง”

ปลายฟ้าที่ได้ยินคำพูดจากชายแก่ เธอก็สับสนและไม่เข้าใจเลยทีเดียว ทำไมถึงอยากได้เธอกันแค่หญิงสาวบอกความเจ็บปวดของร่างกาย มันเป็นเรื่องที่ดูไม่ยากเลยแท้ ๆ

“คือ..เอ่อ…”

“จะปฏิเสธเหรอ อย่าดีกว่าพ่อเราไม่ชอบคนที่พูดไม่รู้เรื่องน่ะ”

กรกฎพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเหมือนเตือนด้วยความหวังดีแบบสัมผัสได้ หญิงสาวหันไปตามเสียงก็เห็นสีหน้าเขาเป็นคำตอบให้ตอบตกลงจะดีกว่า และเหมือนจะไม่ใช่ชายหนุ่มตรงหน้าเธอคนเดียว คนอื่น ๆ ในห้องยกเว้นปวริศและชายแก่ที่ดูไม่ได้มีอะไรมากนักก็จริง

แต่ปลายฟ้า รินใจสัมผัสได้ถึงความรู้สึกกดดันจนหัวใจเต้นรัว ปากก็เม้มแน่นเพราะต้องกลั้นสั่นกลัวนี้ไว้

“ค่ะ…หนูชื่อปลายฟ้านะคะคุณลุง ขอบคุณที่ให้อยู่ที่นี่ค่ะ”

เสียงหวานเอ่ยอย่างสั่นเทา ปลายฟ้ามองตักตัวเองหลบสายตาของชายแก่ตรงหน้า

“ดีมาก เอาล่ะต่อไปนี้ ผู้หญิงคนนี้คือครอบครัวเดียวกับพวกเรา หวังว่าจะไม่ทำตัวแย่ใส่นะ” สิระเอ่ย

“ไม่รับปากครับ” อดิสรณ์พูดขึ้น

“พูดเล่นอีกแล้วนะเด็กคนนี้”

“เปล่าสักหน่อย ให้คนที่ไม่รู้จักอะไรเลยแบบนี้มาอยู่ไป เดี๋ยวก็สิ้นใจตายก่อนแน่ ๆ ดูทรง”

หนุ่มลูกครึ่งพูดไม่สบอารมณ์ให้กับพ่อของเขา ซึ่งสิระเข้าใจได้

“ถ้าเธอตายจากสิ่งโดยนอกไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เธอแค่ขึ้นตรงต่อตระกูลเรา แต่ไม่ใช่คนที่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไร”

“หมายความว่าเป็นแค่ลูกจ้างประจำอะไรแบบนี้เหรอครับ?” วสันต์ถาม

“ใช่ แต่ไม่มีเงินเดือนให้”

“แล้วเธอจะกินอยู่ยังไงเหรอครับ ไม่มีให้แบบนี้?”

ลูกชายคนที่สองไม่เข้าใจพ่อตัวเองจริง ๆ จุดนี้ ให้เข้ามาในครอบครัวแต่ไม่มีให้อะไรเลย เหมือนไม้ประดับอย่างไรอย่างนั้น

“ไม่ยาก เพราะให้ปวริศจัดการยังไงล่ะ”

เหล่าพี่น้องรวมไปถึงปลายฟ้าหันไปที่ชายหนุ่มผิวแทนในชุดคอเต่าแขนยาวสีดำเป็นตาเดียว แล้วพวกเขาร้องอ๋อเหมือนเข้าใจกันเอง ซึ่งปลายฟ้างงอยู่คนเดียว

“เข้าใจแล้ว พี่ริทดูแลเธอด้วยนะครับ”

อดิสรณ์บอกพี่คนโตด้วยรอยยิ้มเหมือนสบายใจแน่นอนว่าปวริศยังไร้การตอบสนองใส่

“ปวริศ เรื่องค่าใช้จ่ายหรืออะไรเกี่ยวกับเธอจัดการด้วยนะ” สิระพูด

“ครับพ่อ เรื่องของเธอผมจัดการเอง”

“ผมขอถามอะไรหน่อยสิ” รังสิมันต์พูดขึ้นมา

"ความสามารถของเธอ พวกเราทุกคนจะใช้มันได้ไหมครับหรือยังไง ผมไม่เข้าใจเท่าไหร่”

"ไม่รู้สิ” สิระยิ้ม

“เอ๊ะ?” ลูกชายทั้ง 4 คนร้องพร้อมกัน

“เพราะว่าปวริศพามาเอง แล้วก็เป็นคนที่ให้ทุกคนดูเองว่าเธอใช้มีประโยชน์อะไร ซึ่งพ่อถูกใจแล้วก็ให้เข้าอยู่ในบ้านหลังนี้ภายใต้การจัดการของปวริศ แน่นอนว่าพ่อไม่มีเงินเดือนให้ปลายฟ้ายกเว้นปวริศเป็นคนทำ”

“อ๋อ ของพี่ริทนี่เอง เข้าใจละ”

กรกฎน้องเล็กพูดพลางมองปลายฟ้าที่ตกใจจนหน้าซีดอย่างเห็นได้ชัด ในตอนนี้ปลายฟ้ากลัวจนไม่รู้จะพูดอะไรดี มือเล็กบางสั่นและร่างกายที่แข็งทื่อ ในหัวเธอมีแต่คำถามและไม่เข้าใจเต็มไปหมด และคำพูดของหนุ่มลูกครึ่งคนนั้นยังพูดเรื่องน่ากลัวอีก ราวกับว่าชีวิตเธอจะเป็นยังไงก็ได้

ยิ่งไปกว่านั้นคำพูดของสิระเกี่ยวกับการจัดการทั้งหมดของปลายฟ้าคือ ปวริศ

มันเป็นเรื่องที่เธอไม่สามารถรับได้เหลือเกิน เพราะภาพติดตาตอนที่เขาได้ฆ่าคนนั้นมันไร้เมตตาและไม่มีความเอื้ออารีแต่อย่างใด โดยเฉพาะลูกดอกที่แทงตาทำเอาเธอผวาจนไม่กล้าคิดในเรื่องอื่นจริง ๆ

ให้เขาดูแลทุกอย่างด้วยมันก็น่ากลัวอีกเช่นกัน ไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไหร่หรือจะทำเรื่องไร้เมตตาตอนไหน

“กลัวเหรอ?” อดิสรณ์ถามและปลายฟ้าสะดุ้งหันไป

“ไม่ค่ะ ไม่กลัวเลย” เธอตอบเสียงแอบสั่น

“ถ้ากลัวก็บอกนะ พวกเราจะได้ปรับตัวถูกน่ะ”

หนุ่มลูกครึ่งยิ้มให้ ปลายฟ้างุนงงเหลือเกินเพราะเมื่อกี้ตัวเขายังไม่อยากให้เธออยู่ที่นี่เลย ทำไมถึงมาพูดปลอบใจแบบนี้หรือว่าหญิงสาวแสดงออกชัดว่ากลัวให้พวกเขาเห็น

“ข..ขอบคุณค่ะ”

ไม่มีอะไรจะตอบนอกจากคำนี้ผนวกกับรอยยิ้มลงไปด้วย

“เอาล่ะ ไปทำงานของพวกลูกได้แล้วนะ ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีล่ะ”

คำจากลาแสนสั้นของสิระ อมาตยกุล ลูกทุกคนของเขารวมไปถึงปลายฟ้าได้ออกจากห้องนั้นด้วยกัน ชายหนุ่มทั้ง 5 คนที่มีหน้าตาเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองก็มองหน้ากันก่อนที่จะหันไปถามปวริศ พี่คนโต

“พี่ริทครับ ผมอยากรู้ว่าพี่จะทำยังไงกับเธอเหรอ?” กรกฎถาม

“....”

“ที่งี้เวลาแบบนี้ดันไม่พูดซะงั้น!” ลูกคนเล็กเริ่มหัวเสียใส่

“ไม่ใช่ว่าคำถามไม่น่าตอบหรอกเหรอ?” อดิสรณ์พูดติดหัวเราะ

“มันไม่น่าตอบตรงไหน”

“ต้องถามแบบนี้ต่างหาก พี่ปวริศครับเราจะใช้งานเธอยังไงเหรอ? ให้เป็นตัวทดลองของพี่รังสิมันต์ไหม”

“ตัวทดลองอะไรคะ?” ปลายฟ้าถามทันทีหลังที่ได้ยิน

“ก็คงเป็นเรื่องทดลองยาตัวใหม่ที่ผสมกันล่ะมั้งครับ” วสันต์เอ่ยปลายฟ้าหน้าซีดแทน ไม่อยากนึกภาพอะไรต่อจากนี้เลยจริง ๆ

“...”

แม้แต่อดิสรณ์ถามก็ยังไม่ได้คำพูดอะไรจากพี่คนโต ทำให้กรกฎกับรังสิมันต์ถึงกับกลั้นขำ

“อะไรกัน คำถามก็ไม่น่าตอบหรอกเหรอเนี่ย?”

กรกฎย้อน อดิสรณ์ก็ยิ้มหวานเหมือนแก้เขินให้ตัวเองแทน

“เดือนหน้าพวกเราจะไปเรือสำราญกัน”

"เรือสำราญเหรอ เรืออะไร?" รังสิมันต์ขมวดคิ้วถาม

"ยังไม่มีข่าว ถ้าได้เมื่อไหร่เราจะรวมตัวอกันอีกครั้ง ในส่วนเรื่องของปลายฟ้าพี่จัดการเอง พวกนายไปทำงานของตัวเองไป "

ปวริศพูดขึ้นเหล่าน้อง ๆ ทุกคนก็แยกย้ายไปตามหน้าที่ตัวเอง ทำให้เหลือ 2คนในตอนนี้คือเธอและเขา

“ตามฉันมา”

“ค่ะ…”

เธอตอบกลับแล้วตามไปเงียบ ๆ โดยที่ต้นขาที่ถูกยิงมันระบมเจ็บ จนเดินไม่สะดวกแถมคนข้างหน้าก็เดินไม่รอปลายฟ้าเลยสักนิด และในช่วงเวลานี้หญิงสาวก็ได้มองบ้านนี้รอบ ๆ ก็ตกใจความอลังการและหรูหรา อีกทั้งยังใหญ่โตดูกว้างอย่างที่กรกฎบอกจริง ๆ ในตอนนี้ปลายฟ้าไม่รู้เลยว่าเขาจะพาเธอไปไหน ทำได้แต่เตินกระเผลกตามโดยไม่คิดจะถามอะไร

“ไม่ถามอะไรหน่อยเหรอ?”

ปวริศเดินช้าลงเพื่อให้ปลายฟ้าที่พยายามเดินอยู่มาถึงตัวเขา

“คะ?”

“ก็ปกติจะชอบถามนี่ ไม่พูดอะไรเลยเหรอ?”

ปลายฟ้าไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายพูดขึ้น ใครจะไปหาเรื่องพูดคุยในสถานการณ์ที่ตัวเองไม่รู้จัก แถมสภาพก็เหมือนโดนลักพาตัวมาอีก ยังไม่รวมถูกบังคับให้มาเป็นคนในครอบครัวบ้านหลังนี้อีกต่างหาก 

ที่สำคัญคือฝ่ายชายตรงหน้าเป็นคนจัดการทุกอย่างให้อีกด้วย เธอไม่รู้ว่ามันดีหรือร้ายกันแน่ที่ปล่อยไว้แบบนี้โดยไม่ถามออกไป แต่ความน่ากลัวของชายหนุ่มคนนี้ยังคงตราตรึงไปจนถึงสุดหัวใจ

หญิงสาวเม้มปากสั่นเบา ๆ ก่อนที่จะปั้นหน้ายิ้มตอบเพื่อไม่ให้ดูอึดอัดจนเกินไป ถึงอีกฝ่ายยังหันหลังใส่ก็ตาม

“ไม่มีค่ะ”

“เหรอ ถ้างั้นนึกออกแล้วค่อยถามละกัน เพราะตอนนี้เธออยู่ภายใต้การดูแลของฉัน”

“ค่ะ”

“ฉันต้องบอกเธอก่อน ฉันไม่อนุญาตให้เธอเก็บไปคิดคนเดียว ห้ามสงสัยทุกอย่างในการกระทำของฉัน ถ้ามีฉันอนุญาตให้เธอถามได้ แต่จะตอบไหมนั้นอีกเรื่องหนึ่ง”

“ค่ะ”

“ห้ามมีความลับหรือสิ่งที่ไม่บอก เพราะถ้ามี…”

“ถ้ามี…ทำไมคะ?”

“จะเค้นเธอด้วยกำลัง หวังว่าเธอคงไม่เอาตัวเลือกสุดท้ายหรอกนะ?”

ปลายฟ้าที่ฟังก็นิ่งไปเลยทีเดียว ตอนที่ปวริศพูดน้ำเสียงของเขาเย็นชาไม่ใจดีเหมือนตอนอยู่ที่ทำงานเลย ขนาดไม่หันหน้ามาคุยยังขนาดนี้ ถ้าหันหน้ามาเธอคงได้เจอสีหน้าที่นิ่งไร้อารมณ์เหมือนตอนที่เห็นเขาลงมือฆ่าปรานปรียา แสงอุทัยคนนั้น

หัวใจกลางหน้าอกที่เต้นสั่นเหมือนระเบิดประทุนี้ มือบางเอากุมไว้เพื่อข่มความกลัวที่ก่อตัวเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ปลายฟ้าสูดลมหายใจก่อนที่จะใส่ความกล้าลงไปกับคำถาม

“มีคำถามค่ะ…”

ปลายฟ้าไม่อยากตายเหมือนปรานปรียา เพราะฉะนั้นอย่างแรกที่ทำได้คือต้องห้ามมีความลับกับเขาแม้แต่เรื่องที่สงสัยด้วยเช่นกัน ไม่รู้ว่าจะตอบไหมแต่ว่าหญิงสาวคนนี้อยากรู้มากเหลือเกิน นั่นก็คือ..

“พี่ชื่ออะไรเหรอคะ?”

“...”

“พี่ปวริศ…”

“...”

“หรือพี่ไนซ์คะ?”

“ปวริศ ฉันมีชื่อนั้นชื่อเดียว”

คำตอบด้วยเสียงที่เรียบทุ้มจากคนตัวสูง ทำให้เธอเข้าใจว่าเขาไม่ได้ชื่อไนซ์ เขมทัศ

“แล้วทำไมตอนที่เจอกันถึงบอกว่าชื่อปวริศคะ ทำไมถึงไม่บอกว่าชื่อพี่ไนซ์ไปเลย”

เขาไม่ตอบ ปลายฟ้าไม่ว่าอะไรเพราะชายหนุ่มบอกไปอยู่เมื่อกี้ ‘จะตอบไหม’ นั่นอีกเรื่องหนึ่ง ปลายฟ้าก็เดินตามเขาไปเงียบ ๆ จนในที่สุดถึงที่ลานจอดรถ ร่างสูงผิวน้ำผึ้งเปิดประตูหลังรถด้วยกุญแจ เขาเอาของที่เป็นของเธอโยนให้ลงพื้นไม่โดนตัวร่างบางแต่อย่างใด

นั่นคือกระเป๋าสีเอิร์ธโทนตอนไปทำงานวันนั้นและมันเลอะเลือด

ภาพตอนที่ปรานปรียาเลือดกระเซ็นตอนโดนแทงตาวันนั้นได้ผุดขึ้นมาในหัว ร่างบางสั่นเทาและหัวใจของเธอเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ หญิงสาวสูดลมหายใจลึก ๆ เพื่อให้ตัวเองใจเย็น 

จากนั้นปลายฟ้าก็สบตามองเขาที่ตอนนี้ปวริศมองเธอกอดอกให้ ในหัวสมองเธอตอนนี้ได้มีแต่ภาพการตายและเลือดที่เลอะไปทั่วพื้น รวมไปถึงศพในกระเป๋า

ศพ..

เลือด…

เสียงกรี๊ดร้อง…

และการตายเพียงแค่มือเดียวของปวริศ…

มันน่ากลัวจนไม่สามารถลบออกไปจากสมองและความจำปลายฟ้า รินใจได้เลย

“กระเป๋าฉัน…นี่คะ” เธอพูดหลบตามองพื้น

“ใช่ ของเธอฉันไม่ได้เอาไปทิ้ง ห้องนอนของเธอคือห้องที่กรกฎพาออกมา”

“...”

“เป็นอะไร?”

ปวริศถามขึ้นมาหลังเห็นสภาพร่างบางในชุดใหญ่ที่เขาใส่ให้ดูนิ่งและไม่ตอบอะไร เขาเดินไปใกล้ ๆ แล้วจับไหล่บางให้ยืนตัวตรงพร้อมกับเอามือจับปลายคางให้เงยหน้าขึ้นมา เขาได้จ้องไปยังดวงตากลมของหญิงสาว จนน้ำตามันไหลออกมาเลอะหน้าหวานของเธอ ปวริศมองสถานการณ์โดยรอบเขาหาเหตุผลว่าทำไมเธอถึงร้องไห้อย่างไม่มีสิ่งเร้าแบบนี้ นอกเสียจากตอนที่เขาโยนกระเป๋าให้มันก็ไม่ได้โดนตัวเธอ

“ร้องทำไม?”

“หนู..ฮึก..กลัวเลือด..ค่ะ” ปลายฟ้าสะอื้นตอบ

“เธอกลัวเหรอ?”

ปลายหน้าพยักหน้าเป็นคำตอบ

“มันก็แค่เลือด เลิกร้องไห้ได้แล้ว”

พูดเสร็จปวริศก็ปล่อยมือที่จับคางเธอ ปลายฟ้าเข่าอ่อนทันทีหลังจากที่เขาให้ใบหน้าเธอเป็นอิสระ สิ่งที่หญิงสาวทำได้ตอนนี้คือเรียกขวัญให้ตัวเองใจเย็นและดึงสติไม่ฟุ้งซ่านในเรื่องนั้น

ต้องอยู่กับปัจจุบัน..

ปวริศย่อเข่าแตะพื้นลงพร้อมกับมองหญิงสาวที่อาการแปลก ๆ โดยที่เขาก็ไม่เข้าใจเท่าไหร่

“ไม่ต้องกลัวไปหรอก มีฉันอยู่ไม่ต้องน่ากลัวอะไรทั้งนั้น”

“ขอโทษ..ค่ะ”

“เธอกลัวเลือดขนาดนั้นเลยเหรอ”

คำตอบเป็นการพยักหน้าของปลายฟ้า จนกระทั่งหญิงสาวได้สบตาสีดำของปวริศที่ไร้อารมณ์และความน่าขนลุกไม่สามารถอธิบายได้ รู้แค่ว่าพอได้มองไปนาน ๆ เหมือนมีอะไรบางอย่างที่ทำให้มันรู้สึกได้ถึงสิ่งที่ตัวเองได้ลืมเลือนไป 

หัวใจของเธอได้สั่งให้ร่างกายนั้นต้องทำอะไรสักอย่าง มือบางได้ยกขึ้นมาจับคอที่ชายหนุ่มพร้อมกับจะทับร่างเขา

ทว่าปวริศเองก็ไม่ใช่คนที่จะให้เรื่องพวกนั้นมันเกิดขึ้นง่าย ๆ เขาจับล็อคหญิงสาวด้วยการหักข้อมือบางทันทีพร้อมกับจับร่างนอนกดกับพื้นโดยที่ปวริศไม่ได้ออกแรงอะไร แต่ความทรมานข้อมือที่ผิดรูปจากการโดนหักไปนั้นก็เรียกเสียงร้องกรี๊ดที่เจ็บปวดออกมา

“ใจกล้าดีนี่ที่จะบีบคอฉันด้วยมือเล็ก ๆ แบบนั้น แต่เธอฆ่าฉันไม่ได้หรอกนะ ปลายฟ้า”

“ฮึก ฮือออ ปล่อย”

เธอร้องไห้โฮดังให้ปวริศ ชายหนุ่มก็รู้อยู่แล้วว่าเธอต้องกลัวและอยากหนีไปจากที่ไม่คุ้นตาแบบนี้ เป็นใครก็ไม่สบายใจที่จะอยู่ด้วยความกลัวและความไม่แน่นอนว่าชีวิตจะอยู่ถึงเมื่อไหร่

“ไม่ต้องกลัวไปหรอก บอกแล้วไง”

“...”

“มีฉันอยู่ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น”

ปวริศพูดพร้อมกับมองตากลมสวยของปลายฟ้าที่เลอะน้ำตาด้วยไม่ละไปที่อื่น เขาจ้องมันและมองไปยังสุดลึกถึงก้นหัวใจที่สามารถสัมผัสได้ สร้างความกดดันให้เธอและให้คนแบบหญิงสาวตระหนักรู้ในส่วนที่เธอต้องเข้าใจมัน

นั่นคือไม่มีใครน่ากลัวไปกว่าปวริศ อมาตยกุล

สิ่งนี้คือการยืนยันด้วยสายตาที่จ้องมองเธอโดยไม่กะพริบแม้แต่น้อย