ยามมนุษย์ที่บิดเบี้ยวและสายเลือดความเลวได้ส่งต่อไปยังบุตรหลาน ได้สร้างฆาตรกรขึ้นมาจากความรัก เพื่อเป็นนักฆ่าที่ไม่มีใครต่อกรได้
แอคชั่น,อาชญากรรม,ไทย,รัก,แฟนตาซี,วิปลาสทรชน,แฟนตาซี,สืบสวนสอบสวน,พล็อตสร้างกระแส,แอคชั่น,นิยายชายหญิง,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
วิปลาสทรชนยามมนุษย์ที่บิดเบี้ยวและสายเลือดความเลวได้ส่งต่อไปยังบุตรหลาน ได้สร้างฆาตรกรขึ้นมาจากความรัก เพื่อเป็นนักฆ่าที่ไม่มีใครต่อกรได้
ยามมนุษย์ที่บิดเบี้ยวและสายเลือดความเลวได้ส่งต่อไปยังบุตรหลาน ได้สร้างฆาตรกรขึ้นมาจากความรัก เพื่อเป็นนักฆ่าที่ไม่มีใครต่อกรได้
วันที่สร้าง 22 มิ.ย 2567
วันที่ลงตอนแรก 29 มิ.ย 2567
ปลายฟ้า รินใจ นิสิตสาวมหาลัยวัย 22ปี จากคณะวิทยาศาสตร์และการกีฬามา ที่กำลังจะจบแล้วไปทำงานต่อที่บริษัทจังเกิ้ลเทคโน แล้วทันใดนั้นเธอก็ได้ตกหลุมรักหนุ่มหล่อเจ้าของรอยยิ้มแสนหวานอย่าง ปวริศที่ทำงานฝ่ายโปรแกรมเมอร์รับผิดชอบระบบการทำงานทุกอย่างเกี่ยวกับโปรแกรมในบริษัททั้งหมด
แต่ยังไม่ทันได้รู้จักอะไรก็ทำให้เธอเจอแต่เรื่องสงสัยและไม่เข้าใจเต็มไปหมดราวกับว่าเหมือนทุกอย่างตั้งใจให้มันเกิดขึ้นเสียอย่างนั้น และไม่น่าเชื่อว่าการที่ได้รู้จักปวริศจะทำให้ชีวิตเรียบง่ายของเธอที่ใฝ่ฝันนั้นเปลี่ยนไปตลอดกาล
ฆาตกรรม / ชำแหละศพ / บังคับขู่เข็ญ / กักหน่วงเหนี่ยว / ทำร้ายร่างกาย / ศีลธรรมครอบครัวในเชิงชู้สาว /นามธรรมความรักให้เหยื่อขาดไม่ได้ /อำพรางศพ / ฝังทั้งเป็น / อาการหลงรักฆาตกร / ฆ่านองเลือด / จิตวิทยาครอบครัว / ฆ่าด้วยหลายวิธีให้เหยื่อสิ้นชีวิต
#นึกออกเท่านี้ค่ะ ไว้นึกออกจะมาเพิ่มนะคะ
นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับบุคคลที่สาม หากชื่อไปตรงกับใครขออภัยมา ณ ที่นี้
ในส่วนเนื้อหามีความรุนแรงเพศอาชญากรรมและการกระทำไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
การทำงานครั้งนี้ผ่านมาได้ 1 อาทิตย์ที่ปลายฟ้า รินใจที่เริ่มจะปรับตัวได้แล้วกับที่ทำงานบริษัทจังเกิ้ลเทคโน ด้วยตำแหน่งแอดมินและตั้งแต่ 2 วันก่อนที่ได้คุยกันกับชายหนุ่มผิวน้ำผึ้ง ปลายฟ้าไม่เห็นพี่ไนซ์เลยในหัวเธอแอบนึกเป็นห่วงไม่น้อยเพราะเวลาทำงานชายหนุ่มอยู่ในตำแหน่งโปรแกรมเมอร์คนนั้นจะมาทำงานเช้าก่อนทุกคนเสมอ
พอไม่เห็นแล้วเหมือนขาดอะไรสักอย่างไปเลยจริง ๆ ไม่ว่าจะมองไปไหนปลายฟ้า รินใจจะมองไปยังที่โต๊ะทำงานของไนซ์ เขมทัศเสมอ
‘ไม่สบายรึเปล่านะ’
ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่านอกจากจะเป็นห่วงเขาแล้วยังคิดถึงด้วยเช่นกัน ซึ่งภาพจำที่ไม่สามารถสลัดมันออกไปคือร่างกายของชายหนุ่มที่ดูเพอร์เฟค ทั้งกล้ามเนื้อแรงแขนกับขา ความยาวลำตัวทั้งร่างกายที่ดูโปร่งแต่ไม่หนาเกินไป และการเคลื่อนไหวทั้งการเดิน จังหวะในการลงเท้าเดินย้ำพื้น มีความยืดหยุ่นและน่าค้นหาในเวลาเดียวกัน
โดยเฉพาะข้อมือและเท้าที่เห็นก็รู้แล้วเขาต้องกระโดดสูงเหนือพื้นมากหลายเมตร เธอคาดเดาได้แบบส่ง ๆ ได้ว่าพี่ไนซ์สามารถกระโดดได้สูงมากพอข้ามเน็ตแบตมินตันได้สบาย ๆ และข้อมือที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของมือ ทำให้เล็งจับปาอะไรได้แม่นแถมส่งแรงให้วัตถุที่ปามีความเร็วและแรงอย่างแน่นอน
‘เหมือนไม่ใช่คนเลย ไม่น่าป่วยได้หรอก’
หญิงสาวคิดในใจแต่ก็น่าแปลกที่ปลายฟ้ากลับขัดใจอย่างหนึ่งนั่นก็คือ..
'แต่ไหล่ซ้ายดูเคลื่อนไหวแปลก ๆ แฮะ' เธอคิดในใจแม้ตายังจ้องหน้าจอและบริการลูกค้าไปด้วย
ถึงอย่างนั้นเหมือนคนอื่นในที่ทำงานจะดูคิดถึงมากกว่าเธอเสียอีกเพราะไนซ์ เขมทัศเป็นคนที่เก่ง เข้าใจและทำทุกอย่างได้รวดเร็ว เกิดปัญหาอะไรสามารถแก้ปัญหาได้อย่างไม่มีข้อบกพร่อง เมื่อไม่มีเขาคอยจัดการแล้วทุกปัญหาที่เคยคิดว่าไม่ได้ยากเย็นอะไรก็วุ่นวายไปซะหมด
‘พอไม่มีเขาอยู่..การประสานงานมันยากขึ้นขนาดนี้เลยสินะ ดีนะที่ฉันทำงานแค่แอดมินเท่านั้น ไม่ต้องเจออะไรจุกจิก’
ปลายฟ้าคิดในใจแต่ก็ยังทำงานตัวเองต่อไป เธอได้รู้แล้วว่าการที่แสดงตัวว่าเก่งมาก ๆ มักจะมีงานให้ทำเยอะโดยหลายคนชอบโยนงานมาให้ทำจนละหน้าที่ไปทำอย่างอื่นในเรื่องส่วนตัว
เพราะฉะนั้นต่อให้ตำแหน่งที่เธออยู่จะเป็นแค่ฝ่ายแอดมินตอบแชทก็ต้องไม่ทำตัวเก่งเกินไป ถึงมันไม่ได้มีหน้าที่อะไรมากแต่ปลายฟ้าไม่ชอบงานอื่นที่ไม่ใช่หน้าที่ตัวเองต้องมารับผิดชอบ
ที่สำคัญในช่วงที่ทุกคนส่งไฟล์หรือดำเนินการไม่เสร็จให้ท่วงทัน ไม่ก็ปัญหาสารพัดมากมายที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ระบบหลังบ้านต่าง ๆ นานา พี่ไนซ์คนนี้สามารถจัดการให้ทุกอย่างเรียบร้อยราวกับว่าเหมือนเป็นเรื่องง่ายเพียงแป๊บเดียวเท่านั้น
“นี่ งานตรงนี้ทำไมยังไม่เสร็จเนี่ย?”
เสียงของผู้ชายที่คาดว่าน่าจะเป็นคนทำงานในส่วนดูอุปกรณ์นำเข้าจากต่างประเทศพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ
“ไนซ์มันทำไม่เสร็จได้ไง?!” อีกคนพูดขึ้นในอารมณ์ไม่พอใจเหมือนกัน
“มันไม่ได้มา 2 วันแล้ว เขาลาเหรอ?”
“ไม่รู้สิ พอดีพี่ให้ไอ้ไนซ์ทำเพราน้องเข้าใจเร็วน่ะครับ แต่เขาไม่มาเราก็ต้องจัดการในส่วนของไนซ์สินะ แย่จังมันทำถึงไหนแล้วนะ”
“ของพี่ไม่ใช่เหรอ?”
“จริง ลืมเลยให้มันทำตลอดเลยไง มันไม่สบายเหรอถึงไม่ได้มา”
“ไม่รู้สิครับ ในแชทที่ทำงานมันก็ไม่ได้บอกอะไรเลยพี่”
การสนทนาที่อยู่ไกลในตำแหน่งปลายฟ้าที่เป็นแอดมินนั้นยังได้ยิน เธอได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ พึ่งรู้ว่างานแบบนี้ยังให้คนที่อยู่สายงานอื่นทำให้ด้วย
'น้ำเสียงตอนคุยดูไม่มีน้ำใจเลย พี่ไนซ์เนี่ยใจดีพร่ำเพรื่อเกินไปแล้ว'
ปลายฟ้าไม่เข้าใจเท่าไหร่การที่เราได้ช่วยเหลือคนอื่นแบบนี้ แต่กลับได้ผลตอบแทนด้วยการไม่เห็นคุณค่าอะไร เสมอตัวกับโดนด่าไม่เกินจริง
'คนแบบนี้น่ะเหรอที่จะนอกใจได้'
ช่างเป็นความแปลกที่แสนยากจะคาดเดาเหลือเกิน ทุกอย่างย้อนแย้งไปหมดเลยทั้งเรื่องใจดีช่วยคนอื่นแต่กลับนอกใจจนพี่ดารินฆ่าตัวตายหรือหนีไปต่างประเทศเพื่อพักใจโดยกุเรื่องทั้งหมด อย่างที่เขาเรียกว่าเรียกร้องความสนใจเหมือนที่เขาว่ากันจริง ๆ
'พักเรื่องชาวบ้านแล้วทำงานดีกว่านะปลายฟ้า'
ถึงจะคิดไปโดยที่ในใจยังคงตั้งคำถามแบบรอคำตอบ
'แล้วก็ห้ามเก่ง ห้ามออกตัว ห้ามทำอะไรให้เขารู้ว่าเก่งเด็ดขาดด้วย!'
ปลายฟ้ากำลังจินตนาการอยู่ว่าถ้าหญิงสาวเก่งรอบด้านเหมือนพี่ไนซ์ คงถูกใช้ยาว ๆ อย่างแน่นอน แค่นึกภาพตัวเองทำงานหนักในส่วนที่ไม่รับผิดชอบแล้วก็แอบกังวลเล็กน้อย
ช่วงเวลาพักเบรกจากงาน 10 นาที ระหว่างที่ได้พักสายตาจากหน้าจอคอม ปลายฟ้าได้เหลือบไปเห็นพนักงานสาวอีกคนที่เป็นแอดมินเหมือนกับเธอนั่งอยู่ไม่สุก เดี๋ยวลุกเดี๋ยวบิดตัวไปมา หญิงสาวรู้ได้ทันทีว่าเพื่อนร่วมงานคนนี้เป็นปวดหลังที่สูงเหนือเกือบไปถึงไหล่ขวา
“พี่คะ..เออ..ให้หนูช่วยไหมคะ?”
“ช่วยอะไรเหรอน้อง”
“ก็พี่ปวดตรงนี้น่ะค่ะ หนู”
“เอ๊ะ? ได้สิ”
พนักงานสาวคนข้าง ๆ ตอบรับโดยง่าย ปลายฟ้าลุกขึ้นไปและทำการจัดท่าสำหรับแก้ปวดหลังไหล่ มือบางได้กดน้ำหนักลงไปยังจุดที่เจ็บปวดเมื่อย รวมแล้วใช้เวลาไม่นานจุดที่เธอเมื่อยนั้นของพนักงานสาวรู้สึกโล่งอย่างเห็นได้ชัด
“ดีมากเลย หายเมื่อยแล้ว”
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของสาวเพื่อนร่วมงาน จากที่ปวดมาหลายวันมาหายและโล่งในพริบตาเดียว เพียงเพราะการกดน้ำหนักมือนวดมันลงไปอย่างพิถีพิถันของพนักงานสาวน้องใหม่คนนี้
“ขอบคุณค่ะ”
ปลายฟ้าตอบรับด้วยรอยยิ้มเพราะอย่างน้อยได้ใช้สิ่งที่เธอถนัดช่วยเหลือคนอื่น ถึงจะไม่มากแต่ยังดีกว่าไม่ทำอะไร
เวลาพักบ่ายได้เข้ามาปลายฟ้ายังคงประหยัดด้วยการเอาข้าวที่ทำกินเองมากินที่ทำงานเหมือนเดิม จนกว่าเงินเดือนแรกจะออกปลายฟ้าต้องประหยัดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และนิสัยที่ไม่ชอบกินข้าวกับใครก็เหมือนเดิม นั่นคือหาที่กินคนเดียวเหมือนทุกครั้ง เพราะปลายฟ้าไม่ชอบกินในที่คนเยอะ
ตั้งแต่เข้ามาทำงานที่บริษัทนี้ ปลายฟ้าได้เรียนรู้และเข้าใจงานได้แล้วจากรุ่นพี่สาวเกวลินก็ไม่มายุ่งกับเธออีกเลย เหมือนการสอนงานให้รุ่นน้องจบลงด้วยดี เกวลินไปทำงานหน้าที่ของตนแถมตอนพักเธอก็มีกลุ่มเพื่อนของตัวเองด้วยอยู่แล้วด้วยแต่รุ่นพี่สาวคนนี้ก็แสนดี ถามไถ่เรื่องกินข้าวคนเดียวจะเหงาไหมในช่วงแรก
ซึ่งสำหรับคนที่ชอบอยู่กับตัวเองอย่างปลายฟ้า รินใจนั้นการกินข้าวคนเดียวถือเป็นช่วงเวลาส่วนตัวอย่างหนึ่ง แค่บอกเหตุผลไปรุ่นพี่สาวก็ไม่ว่าอะไร หลังจากนั้นปลายฟ้าก็ได้อยู่คนเดียวในพักเที่ยงคนเดียวมาตั้งแต่ตอนนั้น
ทันใดนั้นสายตาหญิงสาวช่างดีเหลือเกินที่ได้สังเกตเห็นชายหนุ่มเจ้าของผิวสีน้ำผึ้งสวยกับผมสีดำสนิทและเสื้อคอเต่าสีดำที่ใส่ไม่สนฤดูกาลในประเทศแต่อย่างใด
‘พี่ไนซ์นี่น่า เขามาทำงานแล้วเหรอ?’
ปลายฟ้ารีบกินข้าวและไม่รู้ทำไมเธอถึงอยากไปหาเขาทันที
คงเป็นเพราะเจ้าตัวมีเรื่องอยากถามเยอะแยะเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของพี่ดารินหรือตัวพี่ไนซ์ รวมไปถึงคำพูดนิ่งและเฉยชาที่บอกเธอไว้เมื่อหลายวันก่อน นั่นคือการยอมรับหน้าตาเฉยโดยไม่แก้ตัวอะไร แม้จะมีแต่บอกว่าถูกเล่ามาอีกทีก็ตาม
เมื่อปลายฟ้าได้ไล่ตามเขาทันแล้ว ทว่าเธอจำได้ว่าพี่ไนซ์เขาเดินไปที่ชั้น 3 หญิงสาวมองรอบ ๆ ตั้งแต่ห้องโถงใหญ่ ทางเดินหลักของชั้นก็ไม่เจอใครเลย
“หายไปไหนแล้ว?”
ปลายฟ้าถึงกับงงตาคิ้วขมวดเข้าหากัน เมื่อกี้เธอตามมาติดแท้ ๆ ไม่น่าหายไปเร็วได้ขนาดนี้
"รู้ว่าเดินเร็วนะ แต่หายไปได้เร็วขนาดนี้เลยเหรอ หรือเขาไปที่ห้องทำงานของคุณปรานปรียาแล้ว?"
เพราะชั้นนี้คือชั้นของผู้บริหารและห้องประชุม ซึ่งถ้าเกิดพี่ไนซ์เข้าไปห้องของคุณปรานปรียาแล้วจริง ๆ ปลายฟ้าก็คงต้องกลับไปทำงานของเธอ ด้วยเวลาพักที่ใกล้หมดเต็มทน ไว้มีโอกาสค่อยหาเรื่องคุยในเรื่องนี้
พอหญิงสาวจะหันหลังกลับไปที่ออฟฟิศชั้น 4 ของเธอ ปลายฟ้าก็ได้เจอไนซ์ เขมทัศยืนด้านหลังเธอพอดีเป๊ะเหมือนรอให้หันหลังมาอย่างไรอย่างนั้น แถมความสูงของเขาที่ปลายฟ้าอยู่เพียงแค่ไหล่อีกฝ่ายทำให้เธอหน้าชนจมอกพอดี
“พี่ไนซ์?!”
เธอรีบถอยหลังไปสองสามก้าวและยิ้มแห้งทันที แอบตกใจที่ชายหนุ่มมาอยู่ข้างหลังเธอได้
“ตามพี่มาเหรอครับ?”
“ค่ะ..คือพี่ไนซ์ไม่มาทำงานสองวัน คนในออฟฟิศวุ่นวายมาก”
“อ๋อ วุ่นวายเลยเหรอ?”
ท่าทางของชายหนุ่มดูเรียบเฉยมาก ปลายฟ้าคิดในใจว่าเขาคงไม่ได้สนใจเพื่อนร่วมงานตัวเองมากขนาดนั้น นึกว่าจะมีนิสัยแสนดีโดนเอาเปรียบตลอดเวลาซะอีก ก็มีด้านไม่ดีบ้างสินะ แต่เธอเองก็ไม่อยากคิดมากเท่าไหร่ เพราะการโยนงานให้คนอื่นทำเป็นเรื่องไม่สมควรทำแต่แรกอยู่แล้ว
“ค่ะ เพราะทุกอย่างพี่ไนซ์จัดการหลายอย่างมาก พอพี่หยุดแล้วคนเลยวุ่นวายน่ะค่ะ”
“งั้นเหรอ”
ทำไมการสนทนาเหมือนไม่คิดต้องการจะคุยเลย ปลายฟ้ารู้สึกได้ถึงกำแพงที่มองไม่เห็นจากอีกฝ่าย บางทีเธออาจจะคิดมากไป
“คือว่า ทำไมถึงบอกว่าพี่ดารินตายแล้วค่ะ เธอยังอัปเดตทางโซเชียลมีเดียเลย พี่กับเธอทะเลาะอะไรกันเหรอคะ"
ปลายฟ้าพูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยไม่เข้าใจว่าทำไมถึงพูดแบบนี้เฉยในการเริ่มคุย มันควรจะถามสารทุกข์สุกดิบก่อนแท้ ๆ
"ขอโทษที่เข้ามายุ่งเรื่องของสองคนนะคะ พอดีหนูแค่อยากรู้เฉย ๆ น่ะค่ะ"
"ไม่ได้ทะเลาะกันเลยครับ เธอยังรักผมอยู่"
"จริงเหรอคะ แล้วทำไม..."
"ดารินอยู่ตรงนี้ตลอดเวลาครับ"
มือหนาได้เอานิ้วมาชี้ที่หัวของตัวเอง และเคาะไปด้วย 2-3 ที พร้อมกับรอยยิ้มพิมพ์ใจแสนน่ามองด้วย ให้ตายสิ พวกผิวแทน น้ำผึ้ง รูปร่างสูงเกิน 180 แบบนี้ ทำเอาปลายฟ้าใจเต้นระรัวเลย
'ว่าแต่ทำไมถึงบอกว่า อยู่ที่หัวเขาได้ล่ะ'
ปลายฟ้าแอบไม่เข้าใจเท่าไหร่ เพราะแทนที่มันควรอยู่ที่หัวใจมากกว่าแท้ ๆ
"คือว่าปกติแล้วมันต้องอยู่ที่หัวใจไม่ใช่เหรอคะ?"
"ถามเยอะกว่าที่คิดอีกนะครับ"
"ขอโทษค่ะ คือหนูแค่อยากรู้เฉย ๆ"
นอกจากไม่มีคำพูดอื่นของไนซ์พูดขึ้นมาแล้ว มีแต่คำว่าขอบคุณและใบหน้าเขาก็นิ่งเฉยเหมือนรำคาญอย่างไรอย่างนั้น ปลายฟ้าแอบคิดว่าตัวเองยุ่งเรื่องอีกฝ่ายมากเกินไปรึเปล่า จนใจเธอเต้นไปด้วยความกลัวอย่างไม่เข้าใจ
'ทำไมเขาน่ากลัวจัง…หรือว่าเราถามเยอะเกินไปอย่างที่เขาว่าจริง ๆ’
ปลายฟ้ารู้สึกแบบนี้ในใจด้วยบรรยากาศรอบด้านที่เหมือนจะไม่เป็นใจจนน่าอึดอัดแบบนี้ ทำให้ตัวเธอไม่เข้าใจเป็นอย่างมากทั้งที่ ๆ นัยน์ตาสีดำของเขาแค่มองด้วยสายตาที่ปกติแท้ ๆ ไม่รู้ว่าความรู้สึกกลัวนี้มาจากไหน
“วันนี้พี่ปรานบอกให้เลิกเร็ว เก็บของให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้นะครับ”
“พี่ปรานบอกในกลุ่มแชทแล้วเหรอคะ?”
“ครับ ปลายฟ้าต้องรีบกลับให้พร้อมทุกคนนะครับ”
“เอ๊ะ แต่นี่พึ่งจะบ่ายเองนะคะท่าทีทุกคนดูจะไม่รู้ว่าเลิกงานเลย”
ระหว่างที่ปลายฟ้ากำลังคิดตามคำพูดอีกฝ่าย เสียงข้อความโทรศัพท์ดังขึ้นทันที
“เปิดดูสิครับ”
“คะ?”
“เผื่อเป็นแชทให้เลิกงานเร็ว”
มือบางได้หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าตัวเอง ปลายฟ้าเปิดข้อความก็เป็นอย่างที่ไนซ์บอกจริง ๆ
พี่ปราน: เลิกงาน 13.00 น. นะคะทุกคนเก็บของกลับบ้านได้
ปลายฟ้าถึงกับนิ่งไปเลย ในใจก็ดีใจที่เลิกงานเร็วแต่ก็ไม่เข้าใจที่เธอกลับรู้สึกแปลกจนขนหัวลุก
‘ทำไมเหมือนพี่ปรานไม่ได้บอกนะอันนี้ ช่างมันเถอะ’
เธอสลัดความคิดที่วุ่นวายออกไป เพียงแวบเดียวชายหนุ่มร่างสูงก็เดินผ่านเธอเข้าไปห้องโถงในชั้น3 โดยไม่บอกกล่าวลาหรืออะไรให้เธอ แล้วปลายฟ้าเห็นเขาจับไหลมาซ้ายตัวเองนิดหน่อยก่อนที่จะปล่อยมัน
“คือพี่ไนซ์คะ…”
ปลายฟ้าเรียกและเขาหันหลังมา
“พี่เจ็บไหล่ซ้าย คงเพราะทำงานหน้าคอมมากไปสินะคะถ้าวันไหนพี่มาทำงาน หนูจะช่วยนวดไหล่ให้พี่ดีขึ้นเองนะคะ”
ความเงียบในบรรยากาศของไนซ์ส่งมาให้เธอนั้น ทำเอาเธอเย็นวาบไปที่แผ่นหลังอย่างไม่เข้าใจ ปลายฟ้า รินใจคิดอยู่ว่าวันนี้มีแต่เรื่องแปลกจนไม่อยากเอาเก็บเอามาคิดในหัว แต่มันก็อดคิดไม่ได้ที่ชายหนุ่มมองเฉย ๆ ด้วยแววตาที่ไม่รู้สึกอะไรแบบนั้น
'จะว่าไป...เขาได้กะพริบตาบ้างรึเปล่า’
เพราะดวงตาที่มองมาจนถึงตอนนี้มันนิ่งไม่กะพริบเลยจริง ๆ ปลายฟ้าแอบตัวสั่นเบา ๆ พอรู้สึกได้ว่าเขาไม่ได้กะพริบตาตั้งแต่ตอนที่เราสองคนได้เริ่มคุยกันตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้ว หญิงสาวแอบสั่นกลัวทันที
“ครับ”
เขาตอบรับคำสั้น ๆ ปลายฟ้าก็ยิ้มรับแล้วก็โบกมือลาจากทันทีโดยที่ไนซ์ไม่ได้กระทำบอกลากลับให้เธอแต่อย่างใด
เสียงโทรศัพท์แบบสั่นของหนุ่มผิวน้ำผึ้งสั่นรอสายขึ้นมา เขาหยิบและกดรับสายโดยไม่ดูชื่อคนโทรหาแต่อย่างใด เพราะยังไงคนที่ติดต่อมาในเวลานี้จะเป็นคนอื่นไปอย่างไร
(ไงพี่ นังนั่นมาที่นั่นใช่ไหม?)
น้องชายที่น่ารักของเขา รังสิมันต์ อมาตยกุล นั่นเอง
“พี่ให้เธอมาแล้ว”
(ถ้าอันนี้เรียบร้อยคือจบงานผมเลยสินะ)
“ใช่ พี่จะได้ไปงานอื่นต่อ”
(ครับ เดี๋ยวผมจะไปทำความสะอาดให้ เจอกันตอนทุ่มหนึ่งนะครับ)
“ขอบใจมาก รังสิมันต์”
(ครับพี่ปวริศ)