คู่หมั้นที่ท่านพ่อจับคู่ให้ เป็นเพียงชายชั่วที่หวังแค่ร่างกายและยศศักดิ์ประดับบารมี หากแต่ชายที่ข้ารักสุดหัวใจ ไยท่านพ่อถึงต้องกีดกันความรักของข้าด้วย เพียงเพราะเขาเป็นแค่ทาส มิคู่ควรกับข้าเช่นนั้นฤา?
ชาย-ชาย,ย้อนยุค,ไทย,BL,พีเรียดไทย,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
บ่วงเจ้าคำหอม (พีเรียด,BL)คู่หมั้นที่ท่านพ่อจับคู่ให้ เป็นเพียงชายชั่วที่หวังแค่ร่างกายและยศศักดิ์ประดับบารมี หากแต่ชายที่ข้ารักสุดหัวใจ ไยท่านพ่อถึงต้องกีดกันความรักของข้าด้วย เพียงเพราะเขาเป็นแค่ทาส มิคู่ควรกับข้าเช่นนั้นฤา?
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
.
.
.
สายลมเย็นและแสงสุดท้ายของวันที่ลอดผ่านบานหน้าต่างเข้ามา บ่งบอกว่าใกล้เข้าสู่ช่วงค่ำยามราตรีเต็มทีแล้ว ยามนี้แสงจากตะเกียงที่ถูกจุดโดยคุณชายคำหอมจึงเป็นตัวสำคัญในการส่องสว่างแทนแสงจากธรรมชาติ
คุณชายคำหอมเหลือบมองร่างของพบกล้าที่เอนกายอยู่ ใบหน้าอีกฝ่ายท่าทางเหมือนคนนอนหลับสนิทแต่ก็ดูเหมือนยังมีไข้บางเบาอยู่ในขณะเดียวกัน ก่อนที่ความนึกคิดบางอย่างผลักให้เขาหมุนกายเดินตรงไปยังมุมหนึ่งของห้องทันที
เสียงฝีเท้าที่เหยียบย่ำบนพื้นไม้พยายามก้าวเดินอย่างแผ่วเบา เนื่องด้วยกลัวว่าหากทำเสียงดังเกินเหตุจะเป็นการปลุกอีกฝ่ายให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากเพิ่งนอนหลับไปได้ไม่นาน
ก่อนหน้านี้คุณชายคำหอมได้ทำการสำรวจห้องสมุนไพรแห่งนี้ พบว่ามีสิ่งของจำเป็นมากมายวางอยู่บริเวณส่วนไหนของห้องบ้าง เขาเดินไปหยุดอยู่หน้าตู้ไม้ที่ดูคุ้นตา มือเรียวยาวทำหน้าที่เปิดตู้ไม้นั้นออกมา พบว่ามีผ้าทอมือหลากหลายสีถูกพับไว้เป็นระเบียบไว้อย่างดี
แม้ไม่แน่ใจว่าผ้าพวกนี้ไว้ใช้ทำอะไรกันแน่ แต่เขาก็เลือกหยิบมันออกมาหนึ่งผืน ก่อนจะค่อย ๆ ก้าวเดินกลับมายังเตียงไม้ที่ทาสหนุ่มนอนหลับอยู่ ผ้าในมือถูกคลี่ออกอย่างช้า ๆ และจัดการคลุมลงบนตัวพบกล้า เพื่อให้ความอบอุ่นกับอีกฝ่าย
ไม่นานหลังจากนั้น คุณชายคำหอมเริ่มจัดการเก็บอุปกรณ์ทำแผล รวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้ในการเช็ดตัวให้พบกล้าก่อนหน้านี้นำกลับไปเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย และเริ่มจัดเตรียมอุปกรณ์ชุดใหม่มาวางไว้บนโต๊ะไม้ข้างเตียงอย่างดี เพื่อที่หลังจากเขากลับไปพักผ่อน เดชผู้มาดูแลพบกล้าต่อจากเขา จะได้ไม่ต้องวิ่งวุ่นหาอุปกรณ์ให้มากความ และจะได้คอยดูแลพบกล้าได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
เมื่อจัดเตรียมทุกอย่างเสร็จสิ้นครบถ้วนแล้ว คุณชายคำหอมก็กลับมานั่งลงที่ข้าง ๆ พบกล้า มองดูอีกฝ่ายอย่างเงียบ ๆ ดังเดิม
“ข้าควรกลับได้แล้ว หากแต่...มิอยากกลับเลย”
คุณชายคำหอมบอกกับตัวเองอย่างแผ่วเบา แม้รู้ดีว่ามารดาได้กำชับไว้นักหนา หากแต่ในความรู้สึกส่วนลึกภายในเขาไม่อยากทำตามคำสั่งนั้นเลยจริง ๆ นี่สิ
.
.
ผ่านไปไม่นานเสียงฝีเท้าสองคู่ดังขึ้นพร้อมกับเสียงบานประตูไม้ที่ถูกเลื่อนเปิดออก ฉัตรเป็นฝ่ายก้าวนำเดินเข้ามาในห้องก่อน เขาหยุดอยู่ด้านหน้าคุณชายคำหอม ส่วนคุณชายคำหอมก็หันหน้ามามองฉัตรเช่นกัน
“คุณชายขอรับ...เดชมาถึงแล้วขอรับ”
“อืม...พี่ให้เขาเข้ามาสิ”
“ขอรับคุณชาย” สิ้นเสียงคำสั่งนั้น ฉัตรเดินออกไปตามเดชให้เข้ามาในห้องสมุนไพรทันที
ร่างสูงใหญ่ของเดชก้าวตามเข้ามาในห้อง ดวงตาคมคู่นั้นมองเห็นร่างของพบกล้านอนแน่นิ่งอยู่ แววตาเขารู้สึกสั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด เมื่อได้เห็นใบหน้าฟกช้ำไปด้วยบาดแผล แม้จะมีผ้าห่มบังกายบางส่วนแต่เดชก็ยังเหลือบเห็นส่วนอื่น ๆ ตามตัวพบกล้ามีร่องรอยของผ้าพันแผลพันเต็มไปหมด พบกล้าต้องทนเจ็บปวดกับบาดแผลพวกนี้ขนาดไหนกัน
“ข้าได้ยินมาว่ามันถูกทำร้าย แต่ก็มิคิดว่าหนักถึงเพียงนี้เลยขอรับ”
เดชก้าวมาหยุดอยู่ข้างเตียง เขานั่งลงแนบพื้นจ้องมองใบหน้าซีดเซียวของพบกล้า มือหนาเอื้อมออกไปลูบบริเวณศีรษะของพบกล้าอย่างเบามือ แม้พบกล้าจะโตมากเพียงใด แต่ก็ยังคงเป็นเด็กในสายตาเขาเสมอ
คุณชายคำหอมเห็นทุกการกระทำของเดช และนั่นก็ทำให้เขารู้สึกผิดต่อเดชที่เปรียบเสมือนพี่ชายแท้ ๆ ของพบกล้าเช่นกัน
“ข้าขอโทษ เป็นความผิดของข้าเอง…ที่ปล่อยให้พี่กล้าถูกทำร้ายถึงเพียงนี้” น้ำเสียงสั่นเครือปนความรู้สึกผิดที่มาจากภายในใจดังขึ้น
เดชที่ได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักนิ่งไปครู่หนึ่ง เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าผู้เป็นนายอย่างคุณชายคำหอม จะเป็นฝ่ายเอ่ยคำขอโทษต่อทาสต่ำต้อยอย่างเขาเช่นนี้
“คุณชายอย่าได้โทษตัวเองเลยขอรับ เรื่องบางเรื่องมันอยู่เหนือกำลังที่แม้แต่ผู้ใดก็ตามสามารถควบคุมรึหักห้ามมันได้ ข้ารู้ดีว่ามันมิง่ายเลยขอรับ”
“…”
“ข้ารับรู้มาตลอดว่าคุณชายพยายามมากเพียงใด แต่ก็มิอาจขัดนายท่านได้ ซึ่งนั่นก็มิใช่ความผิดของคุณชายเช่นกันขอรับ”
ไม่ใช่แค่เดชเท่านั้นที่รับรู้ แต่ยังมีเหล่าทาสในเรือนที่อยู่มาตั้งแต่สมัยคุณชายคำหอมยังเป็นเด็กที่รับรู้มาตลอดเช่นกัน
พวกเขารู้ดีว่าคุณชายคำหอมต้องพยายามและทำตามคำสั่งของพระยาคมศักดิ์ ผู้เป็นบิดามาโดยตลอด กระทั่งคุณชายคำหอมเติบโตมาถึงวัยที่สามารถมองหาคู่ครองของตนได้ คุณชายคำหอมก็ยังไม่มีสิทธิ์มีเสียงในการปฏิเสธได้เลย
พวกเขาก็รู้ดีว่าท้ายที่สุดแล้วไม่มีใครสามารถขัดขืนคำสั่งของพระยาคมศักดิ์ได้เลย แม้กระทั่งคุณชายคำหอมที่เป็นบุตรชายเองเช่นกัน
“…” คุณชายคำหอมเบือนหน้าลงเล็กน้อย เขาไม่อยากให้เดชมองเห็นแววตาเศร้าหมอง เขาสูดลมหายใจช้า ๆ ก่อนจะเอื้อนเอ่ยขึ้นมาแผ่วเบา
“ข้าใจเจ็บทุกครั้งที่มิสามารถช่วยกระไรพี่กล้าได้เลย ข้าอยากปกป้องเขา อยากดูแลเขา อยากอยู่เคียงข้างเขา แม้ว่าพี่กล้าเป็นเพียงทาสในเรือน แต่ใจของข้ามิอาจละเลยพี่กล้าได้เลย”
“จริง ๆ แล้วใจคนมันมิเคยดูว่าผู้ใดสูงผู้ใดต่ำขอรับ แต่บางครั้งมันก็ต้องควบคู่กับองค์ประกอบอื่นเช่นกัน ความรู้สึก ความเหมาะสม ความถูกต้อง มีสมหวังบ้างมีผิดหวังบ้าง อยู่ที่ว่าได้รับมันแบบใดขอรับ”
“…” คำพูดของเดชที่เอ่ยออกมา เปรียบเสมือนกระจกเงาที่สะท้อนความจริงบางอย่างที่คุณชายคำหอมกำลังเผชิญอยู่จริง ๆ
“นี่เจ้าดูออกงั้นรึ ว่าข้าคิดกระไรกับพี่กล้า”
ก่อนหน้านี้คุณชายคำหอมเคยเจอเดชแค่ครั้งเดียว แต่ก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากนัก เขารู้เพียงว่าเดชเป็นคนดูแลพบกล้ามาตั้งแต่เด็ก และเพราะเขากำลังให้ความสนใจกับพบกล้ามากกว่า จึงไม่ได้เคยสังเกตเลยว่าเดชจะมองออกว่าเขารู้สึกอย่างไรกับพบกล้า
“ขอรับ มิใช่เพียงแต่ข้าหรอกขอรับคุณชาย”
คนในเรือนต่างก็รู้กันทั่วว่าคุณชายคำหอมไม่ได้มีใจให้ว่าที่คู่หมั้นของตนเลยแม้แต่น้อย หากแต่คนที่คุณชายหมายปองดันเป็นเพียงแค่ทาสต่ำต้อย ที่พระยาคมศักดิ์เองก็พยายามกีดกันมาโดยตลอด แน่นอนว่าพวกเขาต่างเข้าใจในสิ่งที่พระยาคมศักดิ์พยายามทำเช่นกัน
การที่ผู้เป็นนายกับทาสในเรือนจะได้ครองรักกันตามใจหวัง เป็นเรื่องยากจะเกิดขึ้นได้อยู่แล้ว แม้ไม่ได้เอ่ยออกมาเป็นคำพูดต่างก็รู้ดีว่าเพราะสาเหตุอะไร
และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ทุกคนในเรือนต่างก็รู้ดีว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้พบกล้าต้องตกอยู่ในสภาพปางตายมันมีสาเหตุมาจากอะไร แต่พวกเขาก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก เพราะท้ายที่สุดแล้วเรื่องราวทั้งหมดจะจบลงอย่างไร นั่นก็ไม่ใช่เรื่องของพวกเขาอยู่ดี
“นั่นสิ...ขนาดท่านพ่อยังรับรู้มาตลอด ถึงได้พยายามขัดขวางมาตลอดเช่นกัน”
“คนเป็นพ่อย่อมอยากให้บุตรของตนได้รับสิ่งคู่ควรมากที่สุดขอรับ ถึงแม้บางครั้งนั่นเป็นสิ่งที่ขัดต่อความรู้สึกของบุตรไปบ้างก็ตาม”
เดชพูดถึงหลักความเป็นจริง ที่คนเป็นพ่อแม่มักอยากให้ลูกได้รับสิ่งที่ดีที่สุดอยู่แล้ว
“อืม...เป็นอย่างที่เจ้าว่าจริง ๆ”
“คุณชายขอรับ...ข้าว่าถึงเพลาแล้วนะขอรับ” ฉัตรที่ยืนเงียบมาตลอด ก็เอ่ยแทรกขึ้นเบา ๆ
คุณชายคำหอมที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าให้ฉัตรช้า ๆ เป็นการเอ่ยนัย ๆ ว่ารับรู้แล้ว ดวงตาทอดมองไปยังพบกล้าอีกครู่หนึ่ง ก่อนจะไปเขาไม่ลืมฝากฝังเดชอีกครั้งเช่นกัน
“หากพี่กล้าตื่นมากลางดึก หากพี่กล้าฝันร้าย หากพี่กล้าเพ้อถึงสิ่งใด เจ้ามาเรียกข้าได้ทุกเมื่อ มิต้องเกรงใจไป ข้าฝากด้วย”
“ขะ...ขอรับคุณชาย”
.
.
.
แสงตะเกียงในห้องโยกไหวตามลมจากช่องของบานหน้าต่าง กลิ่นยาสมุนไพรยังคงอบอวลบางเบาอยู่ บรรยากาศยามราตรีดูเงียบสงัด กระทั่งเดชที่นั่งพิงฝาผนังเฝ้าอยู่บนฟูกนอนขยับตัวอย่างตกใจ เมื่อเขาได้ยินเสียงเพ้อละเมอของพบกล้าทำลายความเงียบนั้น
“อย่าทำข้าเลย...ดะ...ได้โปรด”
เดชรีบลุกขึ้นไปดูอาการของพบกล้า เขาย่อตัวลงใกล้ ๆ เอื้อมมือไปแตะหน้าผากของพบกล้าอย่างเบามือ ก่อนจะต้องชะงักไปเมื่อสัมผัสได้ถึงความร้อนที่แผ่ซ่านออกมาจากผิวหนัง
“พิษไข้กำเริบอีกแล้วสินะ”
เดชพึมพำกับตัวเอง เขารีบคลายผ้าห่มออกบางส่วน ก่อนคว้าเอาผ้าผืนเล็กในถังน้ำที่วางไว้ มาเช็ดซับเหงื่อออกจากใบหน้า ลำคอและร่างกายของพบกล้าอีกครั้ง
“ใจเย็น ๆ ข้าอยู่นี่ เอ็งอย่าเพิ่งเป็นกระไรไป” เสียงของเขาสั่นเครืออย่างเห็นได้ชัด
ในขณะนั้นเองมีเสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังขึ้นนอกห้องสมุนไพร ก่อนที่บานประตูไม้จะถูกเลื่อนออกช้า ๆ แสงตะเกียงจากด้านนอกสาดเข้ามาเล็กน้อย เผยให้เห็นร่างของคุณชายคำหอมในชุดแพรสีเงินหม่น เขามองเห็นแผ่นหลังของเดชที่กำลังวุ่นวายกับการเช็ดตัวให้พบกล้า หากแต่เสียงลมหายใจหนัก ๆ ของพบกล้าทำให้เขารีบสาวเท้าเข้าไปช่วยทันที
“พี่กล้าไข้ขึ้นอีกแล้วรึ” เสียงเอ่ยถามแผ่วเบา แต่ก็ดังพอจะเรียกให้เดชที่กำลังบิดผ้าใหม่อีกครั้งถึงกับชะงักไปเล็กน้อย
เดชหันขวับมาทางต้นเสียง สีหน้าเขาเต็มไปด้วยความตกใจปนวิตกเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างเงียบ ๆ แล้วลดมือลงช้า ๆ
“ขอรับ เหงื่อมันออกมากกว่าเดิม ตัวก็ร้อนอย่างกะไฟลวก ขืนปล่อยไว้นานอาจเพ้อหนักกว่าเดิมได้ขอรับ”
คุณชายคำหอมเม้มริมฝีปากแน่น แล้วรีบเดินมานั่งลงข้างเตียง ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะหน้าผากอีกฝ่าย ด้วยความร้อนนั้นทำให้เขาต้องชะงักมือหนีทันที
“ยาที่ให้ไว้ก่อนหน้านี้ คงหมดฤทธิ์แล้ว”
“คุณชายมาที่นี่ แล้วไอ้ฉัตรล่ะขอรับ มิได้มากับคุณชายด้วยหรอกรึขอรับ”
“ข้าแอบออกมา เพลานี้พี่ฉัตรคงหลับไปแล้ว แต่ข้าอดเป็นห่วงพี่กล้ามิได้เลยต้องมานี่ไง” คุณชายคำหอมตอบกลับ
“โธ่คุณชาย…ทำแบบนี้มิดีเลยนะขอรับ”
“เถอะน่า หากเจ้ามิพูดไปก็มิมีผู้ใดรู้ว่าข้าแอบออกมา”
“แต่คุณชายขอรับ...” เดชกำลังจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ต้องชะงักไป เมื่อเห็นคุณชายคำหอมหันไปหยิบอะไรบางอย่างบนโต๊ะ พร้อมกับเอ่ยถามบางอย่างออกมา
“นี่เจ้าเช็ดตัวให้พี่กล้าแล้วใช่รึไม่”
“ขอรับ”
“เช่นนั้นช่วยเอายานี่ให้พี่กล้าดื่ม พิษไข้ได้บรรเทาลง”
“ดะ…ได้ขอรับ” เดชยื่นมือรับขวดยาสมุนไพรนั้นมาอย่างเชื่อฟัง
“มิต้องกังวลไป หลังจากให้ยาพี่กล้าเสร็จ ข้าก็จะกลับแล้ว แค่แวะมาดูอาการให้หายกังวลเท่านั้นเอง”
เดชที่ได้ยินเช่นนั้นก็ได้ก้มหน้ารับคำ ไม่ได้ตอบกลับใด ๆ ก่อนจะหันมาให้ความสนใจพบกล้าอีกครั้ง เขายื่นมือมาแตะบริเวณไหล่ของพบกล้าเขย่าเรียกเป็นการปลุกอีกฝ่าย
“ไอ้กล้า…ไอ้กล้าเว้ย เอ็งตื่นมาดื่มยาก่อน”
“อือ…พี่เดชหรอกรึ” พบกล้าขยับเปลือกตาเล็กน้อย ริมฝีปากขยับพึมพำเหมือนคนยังอยู่กึ่งหลับกึ่งตื่น
“เออข้าเอง เอ็งลุกมาดื่มยาก่อน” เดชประคองหลังให้อีกฝ่ายค่อย ๆ ยันตัวขึ้น มือของเขาค่อย ๆ ถือขวดยาอย่างระมัดระวัง จนน้ำยาสมุนไพรสีน้ำตาลไหม้ไหลเข้าปากพบกล้าช้า ๆ
หลังจากยาสมุนไพรถูกกลืนลงคอ พบกล้ามีอาการไอเบา ๆ ในลำคอ ก่อนจะทรุดตัวลงนอนด้วยแรงที่แทบไม่มีเหลือ ส่วนคุณชายคำหอมก็ไม่ลืมห่มผ้าให้พบกล้าใหม่อีกครั้ง เมื่อทำทุกอย่างเสร็จสรรพ เขาก็ลุกขึ้นหวังจะเดินกลับไปเรือนตามที่ให้สัญญากับเดช
ทว่าเมื่อเขาหันหลังไป มือหยาบของคนที่เพิ่งนอนซมเมื่อครู่ กลับเอื้อมมาคว้าชายเสื้อของเขาเอาไว้แน่นเสียอย่างนั้น
คุณชายคำหอมชะงักนิ่ง ก่อนจะรีบหันกลับมามองมือของพบกล้า เขาพบว่ามันสั่นระริกเย็นชื้นด้วยหยาดเหงื่อ แม้ดวงตาอีกฝ่ายยังปิดสนิทแต่ริมฝีปากยังคงขยับพึมพำเบา ๆ
“คุณชาย…อย่าเพิ่งไปขอรับ”
คุณชายคำหอมนิ่งอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง เขาตัดสินใจนั่งลงข้างเตียงอีกครั้ง ส่วนเดชที่เฝ้าอยู่ข้าง ๆ ก็ไม่กล้าทำอะไรนอกเหนือคำสั่งของคุณชายคำหอม
หากไม่ได้เป็นเพราะพิษไข้ที่ทำให้ละเมอจนเพ้อออกมาเช่นนี้ พบกล้าไม่มีทางยื่นมือไปรั้งใครไว้แน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคุณชายคำหอม คนที่พบกล้าไม่กล้าแม้แต่จะแตะต้องเลยด้วยซ้ำ
คุณชายคำหอมก้มมองมือพบกล้าที่ยังคงจับชายเสื้อเขาไว้แน่น บริเวณอกด้านซ้ายเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ ในชั่วขณะหนึ่งไม่รู้อะไรทำให้เขาตัดสินใจรีบยื่นมือของตัวเองไปกุมมือพบกล้าเอาไว้ไม่ยอมปล่อยแบบนั้น
“ข้าอยู่ได้อีกครู่หนึ่ง…พี่กล้าหลับเสียเถิดหนา มิต้องกังวลกระไรทั้งนั้น”
“ขอบคุณ…ขอรับ ที่เมตตาข้า…อึก” น้ำเสียงแหบพร่าตอบกลับช้า ๆ
คุณชายคำหอมไม่ได้เอื้อนเอ่ยใด ๆ หากแต่นิ้วเรียวยาวนั้นยังคงลูบหลังมืออีกฝ่ายเบา ๆ ราวกับเป็นการกล่อมนอน
แม้รู้ดีว่าพบกล้าเป็นแบบนี้เพราะพิษไข้ แต่คุณชายคำหอมกลับรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก หัวใจของเขาเต้นรัวไม่เป็นจังหวะราวกับมันใกล้จะทะลุออกมาเต็มที เพราะทุกครั้งที่ได้สัมผัสอีกฝ่าย ใจเขาไม่เคยอยู่กับเนื้อกับตัวเลยสักครั้งเดียว
คุณชายคำหอมให้ความสำคัญกับพบกล้า จนลืมสิ้นไปแล้วว่าในขณะนี้ยังมีเดช ทาสหนุ่มอีกคนที่มองเห็นการกระทำทั้งหมดของเขา
“พี่รู้รึไม่ ใจของข้ามันมิเคยเต้นแรงเพราะผู้ใดเลย มีเพียงพี่คนเดียวเท่านั้นที่สามารถทำได้ และข้าดันชอบมากเสียด้วยสิ”