แอลลี่หนีความเจ็บปวดมาหาความสงบในเมืองเล็ก แต่กลับเจอเมอร์สัน เพื่อนข้างห้องที่ขโมยจูบแรก และส่งเสียงกิจกรรมข้างห้องดังจนน่ารำคาญ ความสัมพันธ์เติบโตจนกลายเป็นความใกล้ชิดที่อันตรายต่อหัวใจ
รัก,ชาย-หญิง,จีน,เรื่องสั้น,เล่าประสบการณ์,พล็อตสร้างกระแส,รัก,รัก 3 เส้า,รักดราม่า,รักมหาลัย,รักต่างวัย,รักแรก,รักเก่า,รักวัยรุ่น,รักในทุกฤดู,รักโรแมนซ์,รักโรแมนติก แก้แค้น ดราม่า,รักไม่สมหวัง,รักใสๆ,รักลับๆ,รักแรกพบ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
กลางวันมีฉัน กลางคืนมีเธอแอลลี่หนีความเจ็บปวดมาหาความสงบในเมืองเล็ก แต่กลับเจอเมอร์สัน เพื่อนข้างห้องที่ขโมยจูบแรก และส่งเสียงกิจกรรมข้างห้องดังจนน่ารำคาญ ความสัมพันธ์เติบโตจนกลายเป็นความใกล้ชิดที่อันตรายต่อหัวใจ
แอลลี่ หลิน ผู้หญิงที่เคยต้องเผชิญกับปัญหากับโลกสองใบจากคนรัก
ได้เลือกทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลังและเริ่มต้นใหม่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง
เธอเพียงต้องการความสงบ…แต่กลับได้พบกับ เมอร์สัน เชน
เพื่อนข้างห้องที่ “ขโมยจูบแรกแบบไม่ทันตั้งตัว” ไปอย่างหน้าด้าน ๆ
แถมยามค่ำคืนกิจกรรมพิเศษของเขาก็ดังทะลุกำแพงจนทำให้เธอนอนไม่หลับ
ทว่าความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นจากเสียงรบกวนและความหงุดหงิด
กลับค่อย ๆ เติบโตจนกลายเป็นความใกล้ชิดที่อันตรายต่อหัวใจ
ความวุ่นวายที่เธอพยายามหลีกหนี กลับเป็นสิ่งที่เยียวยาบาดแผลในใจทีละน้อยโดยที่เธอไม่ทันรู้ตัว
ท่ามกลางฤดูใบไม้ผลิที่กำลังผลิบาน
ความรักครั้งใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งในเมืองแห่งนี้…
บทที่ 4 รอยยิ้มที่คุ้นเคยกับหัวใจที่เจ็บปวด
หลังจากกิจกรรมชมรมจบลง แอลลี่ตัดสินใจกลับหอพักระหว่างทางแทบไม่พูดอะไรเลย ทว่าเมอร์สันยังคงพูดเรื่องพู่กันจีนและครูสอนศิลป์ที่เขาประทับใจ แต่เสียงเหล่านั้นกลับเลือนรางในโสตประสาท เธอเพียงพยักหน้ารับเป็นระยะ เมื่อเดินถึงห้องก็เดินเข้าไปทันทีโดยไม่ได้คุยกับชายหนุ่ม
ทันทีที่ประตูห้องปิดลง ความเงียบก็เข้าครอบงำ
หญิงสาววางกระเป๋าลงบนโต๊ะอย่างไร้เรี่ยวแรง แล้วทรุดตัวลงบนเตียง สายตาเหม่อมองเพดานสีขาวนิ่งงัน เสียงข้อความสุดท้ายจากปลายสายยังดังก้องอยู่ในหัว
“ไม่ว่ามาหรือไม่มา...ฉันก็จะรอ”
เธอพลิกตัวกอดหมอนแน่น ดวงตาร้อนผ่าว ความทรงจำที่พยายามผลักไสกลับไหลบ่ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว ภาพของชายหนุ่มคนนั้นในวันที่ยังยิ้มให้เธอ วันที่สัญญาว่าจะไม่ทำให้ร้องไห้อีก, วันที่เธอจับได้ว่าเขาโกหกทั้งน้ำตา
แอลลี่หลับตาแน่น แต่ยิ่งพยายามหนี ความรู้สึกก็ยิ่งไล่ตาม เธอไม่รู้ว่าหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่แสงเย็นลอดผ้าม่านเข้ามาทาบบนผนังห้อง
ครั้นมองเวลาหัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง
เวลานัดนั้นมาถึงแล้ว
เธอควรจะไปดีหรือไม่ หากไปครั้งนี้อาจจะไม่ใช่การจบความสัมพันธ์ก็ได้
หากเจอกันอีกมีเพียงเธอที่กำลังดำดิ่งอยู่ในวังวง
เธอนั่งนิ่งอยู่นาน ก่อนลุกขึ้นจากเตียง คว้าเสื้อคลุมตัวบางมาสวม พลางสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเดินออกจากห้อง
เธอหยุดหน้าห้องเมอร์สัน ยกมือขึ้นเคาะสองครั้ง —ไม่มีเสียงตอบ เธอเคาะอีกครั้ง
หรือเขาจะออกไปหาผู้หญิงคนอื่นแล้ว
แอลลี่รู้สึกว้าวุ่นใจ จึงรีบยกมือขึ้นตบแก้มทั้งสองข้างเรียกสติกลับมา เมื่อยืนรอสักพักไม่มีคนออกมาเธอจึงหันตัวเดินกลับ ทว่าประตูห้องเมอร์สันเปิดออก กลิ่นสบู่จาง ๆ ลอยออกมาพร้อมร่างของชายหนุ่มที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ ผมเปียกนิด หน่อย และใบหน้ายังมีรอยยิ้มอบอุ่นประจำตัว
“แอลลี่? มีอะไรหรือเปล่า”
หญิงสาวลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่ว “คือ…ตอนนี้ว่างไหม”
ชายหนุ่มมีสีหน้าตกใจเมื่อได้ยินหญิงสาวเอ่ยถามขึ้น
เขากำลังดีใจจนอยากจะโลดเต้น
“ว่างสิ”
“งั้นเราไปกินมื้อเย็นที่ร้าน XXX กันไหม”
“ได้สิ” เขาตอบรับทันที “เออ.. เข้ามารอผมก่อนไหม”
แอลลี่มองเขาในชุดคลุมอาบน้ำแล้วตอบกลับไปว่า “ไม่เป็นไร ฉันจะรออยู่ที่ด้านล่างหอพักแล้วกัน”
“โอเค อีกสิบนาทีเจอกันนะ” เมอร์สันตอบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นแล้วรีบปิดประตูแต่งตัวทันที
หลังประตูบานนั้นปิดลง แอลลี่มองแผ่นไม้เรียบตรงหน้าอยู่นาน ความรู้สึกบางอย่างตีวนในอกอย่างบอกไม่ถูก — โล่งใจที่เขาอยู่ แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกหน่วงจนหายใจไม่ทั่วท้อง
เมื่อเวลาผ่านไปได้ไม่นาน เมอร์สันก็ปรากฏตัว เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีอ่อนกับกางเกงขายาวเรียบง่าย แต่กลับดูดีจนแอลลี่ต้องหลุบตาเลี่ยง เขารีบเดินเข้ามาหา ยิ้มกว้างอย่างคนที่แทบกลั้นความดีใจไว้ไม่อยู่
“ขอโทษที่ให้รอนานเลย”
“ไม่เป็นไร” เธอตอบเรียบ ๆ พยายามทำเสียงให้มั่นคง
“ไปกันเถอะ” เขาเอ่ยขึ้นอย่างร่าเริงก่อนจะก้าวนำไป แต่เมื่อหันกลับมาเห็นเธอเดินช้ากว่าปกติ ก็ลดจังหวะให้เท่ากัน สองคนเดินเคียงกันโดยแทบไม่ได้พูดอะไรจนกระทั่งถึงนอกมหาวิทยาลัย
เขาและเธอยืนอยู่บริเวณป้ายรถเมล์
“ร้านที่คุณบอกน่าจะต้องนั่งรถไป เราเรียกแท็กซี่กันไหม”
หญิงสาวพยักหน้ารับ ขณะที่เขาหยิบโทรศัพท์เปิดแอปฯ เพื่อเรียกรถ
“รถเมล์มาแล้วนะ” แอลลี่พูดขึ้นพร้อมคว้าชายหนุ่มวิ่งขึ้นรถขนส่งอย่างรวดเร็ว เมอร์สันที่เดินตามขึ้นรถมาอย่างงุนงงแต่ก็เหลือบมองมือของเธอที่คว้าแขนเขามาด้วยอย่างพึงใจ
“ขอโทษ ฉันเผลอไป” เธอพูดเบา ๆ
การเดินทางใช้เวลาประมาณสิบหน้านาทีก็ถึงที่หมาย—แอลลี่ก้าวเท้าลงจากรถเมล์ด้วยจิตใจที่ว้าวุ่น มือที่กำแน่นอยู่ข้างลำตัวเริ่มเย็นเฉียบ เธอแอบสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนฝืนส่งยิ้มให้ชายหนุ่มที่ก้าวลงมาพร้อมกัน
“ร้านอยู่ตรงหัวมุมนั้นใช่ไหม” เมอร์สันถามพร้อมชี้ไปข้างหน้า น้ำเสียงของเขายังร่าเริงเหมือนเดิม
“อืม...ใช่” เธอตอบเพียงสั้น ๆ แล้วเริ่มเดินนำไป ทุกก้าวที่เดินเข้าใกล้ร้านหัวใจแอลลี่ก็ยิ่งเต้นแรงขึ้น
ร้านอาหารตั้งอยู่ริมถนนสายเล็กที่เริ่มคึกคักเมื่อยามเย็น แสงไฟจากป้ายชื่อร้านส่องสะท้อนกับกระจกหน้าร้านสีทองอ่อน แอลลี่มองผ่านบานกระจกใส เห็นผู้คนบางตากำลังพูดคุยกันใต้แสงไฟสีอุ่น เธอพยายามข่มความรู้สึกควบคุมสีหน้าให้เป็นปกติทุกอย่างฝีก้าวที่เข้าใกล้ร้าน
เมื่อถึงหน้าร้านเมอร์สันเป็นฝ่ายผลักประตูเข้าไปก่อน เสียงกระดิ่งเหนือประตูดังเบา ๆ ต้อนรับพวกเขา
กลิ่นอาหารละมุนปนกลิ่นไวน์แดงอวลทั่วร้าน เสียงช้อนกระทบจานดังเป็นจังหวะจากโต๊ะอื่น ด้านในตกแต่งด้วยโทนไม้และแสงไฟนวล ให้ความรู้สึกอบอุ่นแต่แฝงความเงียบลึกอย่างประหลาด
หญิงสาวเดินตามเข้ามา ก้าวเท้าหนักขึ้นทุกทีราวกับมีหินถ่วงไว้ในหัวใจ ดวงตากลมกวาดมองไปทั่วร้าน — และทันทีที่เห็นโต๊ะริมหน้าต่าง ร่างหนึ่งในสูทสีดำก็สะดุดสายตาเธอเข้าอย่างจัง
เขานั่งอยู่ตรงนั้น...แดร์เรน โจว
คนที่เข้ามาในชีวิตเธอ
คนที่สร้างสีสันให้
คนที่เธอพยายามลืม
คนที่ทำให้เธอร้องไห้จนเกือบเกลียดความรักไปตลอดกาล
แอลลี่หยุดเดินในทันที ลมหายใจติดขัดอยู่ที่ลำคอ มือที่ถือกระเป๋ากำแน่นจนข้อนิ้วขาวซีด ความรู้สึกเหมือนเวลาทั้งหมดรอบตัวหยุดนิ่ง เสียงพูดคุย เสียงดนตรีคลอ — ทุกอย่างเลือนหาย เหลือเพียงหัวใจที่เต้นแรงจนได้ยินชัดในหู
เมอร์สันชะงักตาม เขาเหลียวมองตามสายตาเธอ ก่อนจะเห็นชายหนุ่มคนนั้นเช่นกัน
ดวงตาของแอลลี่สั่นระริก ความเสียใจ ผิดหวังปนเจ็บปวดเผยออกมาชัดเจน แม้เธอพยายามจะยืดหลังตรงและแสร้งวางเฉย แต่ท่าทางแข็งเกร็งของเธอกลับสั่นไหวอย่างน่าสงสาร
“แอลลี่…” เมอร์สันกระซิบเรียกชื่อเธอ
หญิงสาวไม่ตอบ เพียงสูดลมหายใจเข้าอีกครั้งแล้วก้าวเดินต่อทีละก้าว ช้าและหนักเหมือนแต่ละก้าวต้องแลกกับแรงใจทั้งหมดที่เหลืออยู่จนกระทั่งถึงโต๊ะนั้น
ชายหนุ่มที่รออยู่เงยหน้าขึ้น — รอยยิ้มคุ้นตาปรากฏขึ้นบนใบหน้า
“แอลลี่…” เขาเรียกชื่อเธอด้วยเสียงที่อ่อนโยน
เธอหยุดยืนอยู่ตรงนั้น ไม่พูด ไม่ยิ้ม ดวงตาคู่นั้นสะท้อนทั้งความตกใจ ความเจ็บ และความพยายามจะไม่ให้มันไหลออกมาทางน้ำตา
เมอร์สันยืนข้าง ๆ เธอ เงียบงัน เขาไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้คือใคร แต่ในวินาทีที่เห็นมือของแอลลี่เริ่มสั่น เขาก็ไม่ลังเลที่จะยื่นมือออกไป — กุมมือเธอไว้แน่นในจังหวะที่เธอกำลังสูดลมหายใจสะท้อนใจ
สัมผัสอบอุ่นจากฝ่ามือของเขาทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อย แต่กลับรู้สึกเหมือนได้ยึดเหนี่ยวบางอย่างไว้ไม่ให้ถลำลงไปในหลุมความทรงจำที่เคยเจ็บ
เธอไม่พูดอะไร ขณะที่สายตายังคงมองคนตรงหน้าด้วยความเจ็บปวด...