แอลลี่หนีความเจ็บปวดมาหาความสงบในเมืองเล็ก แต่กลับเจอเมอร์สัน เพื่อนข้างห้องที่ขโมยจูบแรก และส่งเสียงกิจกรรมข้างห้องดังจนน่ารำคาญ ความสัมพันธ์เติบโตจนกลายเป็นความใกล้ชิดที่อันตรายต่อหัวใจ
รัก,ชาย-หญิง,จีน,เรื่องสั้น,เล่าประสบการณ์,พล็อตสร้างกระแส,รัก,รัก 3 เส้า,รักดราม่า,รักมหาลัย,รักต่างวัย,รักแรก,รักเก่า,รักวัยรุ่น,รักในทุกฤดู,รักโรแมนซ์,รักโรแมนติก แก้แค้น ดราม่า,รักไม่สมหวัง,รักใสๆ,รักลับๆ,รักแรกพบ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
กลางวันมีฉัน กลางคืนมีเธอแอลลี่หนีความเจ็บปวดมาหาความสงบในเมืองเล็ก แต่กลับเจอเมอร์สัน เพื่อนข้างห้องที่ขโมยจูบแรก และส่งเสียงกิจกรรมข้างห้องดังจนน่ารำคาญ ความสัมพันธ์เติบโตจนกลายเป็นความใกล้ชิดที่อันตรายต่อหัวใจ
แอลลี่ หลิน ผู้หญิงที่เคยต้องเผชิญกับปัญหากับโลกสองใบจากคนรัก
ได้เลือกทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลังและเริ่มต้นใหม่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง
เธอเพียงต้องการความสงบ…แต่กลับได้พบกับ เมอร์สัน เชน
เพื่อนข้างห้องที่ “ขโมยจูบแรกแบบไม่ทันตั้งตัว” ไปอย่างหน้าด้าน ๆ
แถมยามค่ำคืนกิจกรรมพิเศษของเขาก็ดังทะลุกำแพงจนทำให้เธอนอนไม่หลับ
ทว่าความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นจากเสียงรบกวนและความหงุดหงิด
กลับค่อย ๆ เติบโตจนกลายเป็นความใกล้ชิดที่อันตรายต่อหัวใจ
ความวุ่นวายที่เธอพยายามหลีกหนี กลับเป็นสิ่งที่เยียวยาบาดแผลในใจทีละน้อยโดยที่เธอไม่ทันรู้ตัว
ท่ามกลางฤดูใบไม้ผลิที่กำลังผลิบาน
ความรักครั้งใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งในเมืองแห่งนี้…
บทที่ 2 การทักทายของเพื่อนข้างห้อง
เช้าวันก่อนเปิดภาคเรียนฤดูใบไม้ผลิ
แอลลี่ที่นอนไม่เต็มอิ่มจากเสียงที่รบกวนมาหลายวันแม้พยายามเปิดเสียงเข้าสู้แล้วก็ตาม เธอควรจะเดินไปเคาะประตูแล้วบอกพวกเขาดีหรือไม่ว่าทำ...กระแทก...หรืองดใช้เสียงดังในพื้นที่ส่วนรวม ให้ตายสินี่มันแย่มาก แถมกำแพงหอพักก็บางจนรับรู้ทุกอย่างที่ข้างห้องทำกิจกรรม
เช้าวันนี้หญิงสาวมีนัดอบรมคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษาและรับ
หนังสือเรียนก่อนที่จะเริ่มเรียนในวันพรุ่งนี้
“โชคดีจริง เราอยู่คลาสเดียวกัน” เสียงของชายหนุ่มเอ่ยทักขึ้นขณะเดินเข้ามาหาหญิงสาว
แอลลี่มองด้วยความตกใจแต่ก็ทำเป็นว่าไม่เห็น ใช่แล้ว...ไม่อยากจะคุยเลยในเมื่อผู้ชายเจ้าของเสียงคือ เพื่อนข้างห้องที่ทำให้เธอไม่ได้นอนมาหลายคืน
“ฉันชื่อ เมอร์สัน เชน ยินดีที่ได้รู้จัก” ชายหนุ่มแนะนำตัวอย่างเป็นมิตรพลางยิ้มหวานให้หญิงสาว ทว่าแอลลี่กลับมองด้วยสายตาเย็นชาและเดินจากไปทันที เขารู้สึกน้อยใจแต่ก็รีบเดินตามหญิงสาวไปในทันที
“เออ เธอโกรธผมใช่ไหม”
แอลลี่ยังคงทำเมินและไม่สนใจ
เมอร์สันเดินมาดักหน้าและพูด “โอเค ผมขอโทษ”
เธอถอนหายใจ และสบตาตาอีกฝ่าย “เรื่องอะไร?”
“ก็เรื่องที่...ทำเสียงดังจนคุณรำคาญ”
บ้าเถอะ!
เขาพูดออกมาแบบหน้าไม่อายได้อย่างไร ถึงแม้ว่าเธอจะชินกับบทสนทนาเวลาเพื่อคุยเรื่องบนเตียงมากแค่ไหนก็ตาม
“รู้ตัวก็ดี” แอลลี่พูดก่อนจะเดินชนชายหนุ่มหนีไป ทว่าเมอร์สันกลับไม่ยอมท้อต่อความพยายามที่จะสนิทกับหญิงสาว เขารีบวิ่งตามมาอยู่ข้าง ๆ เธอ
“คุณกำลังจะไปกินข้าวใช่ไหม ผมไปเป็นเพื่อนไหม แน่นอนว่าผมจะแนะนำร้านอาหารอร่อย ๆ ให้ รับรองคุณต้องชอบ...” แอลลี่ถอนหายใจพลางเหลือบมองชายหนุ่มที่พูดไม่หยุดจนกระทั่งเดินออกมาทางประตูหลังของมหา’ ลัยฝั่งหอพักในของนักศึกษาจีน
เมื่อเดินผ่านประตูออกไปด้านนอกชายหนุ่มถือวิสาสะลากเธอไปยังร้านอาหารในซอย
แอลลี่ยืนอยู่หน้าร้านอาหารหม้อไฟที่คนไม่ค่อยมี อาจเพราะอยู่ในซอยลึก
“ร้านนี้ซุปหม่าล่าอร่อยมาก” เมอร์สันพูดก่อนจะดึงมือของเธอเดินเข้าไปในร้าน เขาลากเธอเดินขึ้นมายังชั้น 2 ของร้านที่มีนักศึกษานั่งรับประทานอาหารอยู่มาพอสมควร ที่แรกเธอคิดว่าร้านนี้จะไม่มีคนกินซะอีก
“ด้านล่างเป็นแบบจาน ไม่ใช่หม้อไฟแบบข้างบน” เขาอธิบาย
แอลลี่เหลือบมองเขาที่ยิ้มให้ก่อนจะกวาดสายตาหาโต๊ะที่วางเพื่อนั่ง เมอร์สันเดินนำไปนั่งที่มุมหน้าต่างด้านในที่เขาชอบมาเป็นประจำ ขณะที่เธอและป้าเจ้าของร้านเดินเข้ามา
“ต้องการซุปแบบไหน” ป้าเจ้าของร้านถามเป็นภาษาจีนสำเนียงพื้น ๆ ที่ไม่ใช่จีนกลางนัก แอลลี่ฟังพอออกแต่ก็ยังไม่ค่อยชินกับการพูดภาษาจีนพื้นเมืองของที่นี่เท่าไหร่
“คุณชอบเผ็ดไหม หรือว่าแบบไม่เผ็ด หรือเผ็ดน้อย” เขาหันมาถามเธอ
“ซุปแบบเผ็ดน้อย” แอลลี่หันไปตอบป้าเจ้าของร้านก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหยิบจานและเริ่มหยิบเนื้อเสี่ยบไม้ และผักใส่ถาดที่ถือมาด้วย
เมอร์สันมองเธอแล้วยิ้มออกมา เขาชอบใบหน้าที่บูดบึ้งและไม่เป็นมิตรเสียจริง ชายหนุ่มเดินเข้ามาหาหญิงสาวที่กำลังเลือกหยิบอาหารใส่ถาดอยู่ “คุณต้องใส่พริกไปด้วย และต้นหอม” เขาแนะนำ
“ไม่ ฉันไม่ชอบ” เธอตอบและเดินกลับมาที่โต๊ะ ชายหนุ่มหัวเราะแล้วเลือกอาหารก่อนเดินกลับมาที่โต๊ะพอดีกลับที่หม้อส่วนตัวของทั้งคู่มาเสิร์ฟตรงหน้า
แอลลี่ทำเป็นว่ากำลังนั่งรับประทานอาหารคนเดียว โดยไม่คิดจะเอ่ยบทสนทนาหรือกระชับความสัมพันธ์กับชายหนุ่มตรงหน้า ตรงกันข้ามเมอร์สันกลับเอาแต่พูดไม่หยุด
“คืนนั้นคุณดูเรื่องอะไรเหรอ?”
อยู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนเรื่องและถามขึ้น แอลลี่งุนงงเล็กน้อยพลางนึกถึงเรื่องที่เขาต้องการคำตอบ
เธอขมวดคิ้วเข้าหากัน “คุณหมายถึงอะไร”
“ก็คืนนั้นที่ผม...ได้ยินคุณเปิดซีรีย์ อืม...ภาพยนตร์สยองขวัญ” ชายหนุ่มพูดพลางทำท่ากรุ่นคิด “เรื่องที่เสียงกรีดร้องทะลุกำแพงห้อง เมื่อวานก็เสียงต่อสู้สงครามข้ามห้อง...”
แอลลี่ก้มหน้านิ่งไม่ใช่เพราะอายแต่กำลังโกรธจนอยากจะเอาน้ำซุปเดือด ๆ ราดใส่หน้าเขา
หน้าไม่อาย ผู้ชายคนนี้หน้าไม่อาย พูดออกมาได้ง่าย ๆ ทั้งที่ตัวเองเป็นคนทำเสียงน่ารำคาญจนกำแพงห้องเธอจะพังด้วยซ้ำไป!
เมอร์สันรู้สึกเหมือนว่าตัวเขากำลังทำอะไรบางอย่างพลาดไป แน่นอนว่าความเป็นมิตรและนิสัยเจ้าชู้ของเขาทำให้เข้าหาผู้หญิงที่สนใจ
“ผมคงพูดเยอะไป...”
แอลลี่จ้องมองด้วยสายตาที่ไม่พอใจขณะที่ก้มกินโดยไม่ปริปากพูดอะไรมากมา
หลังรับประทานอาหารเสร็จ หญิงสาวก็ลุกขึ้นไปชำระเงินแล้วเดินออกจากร้านไปในทันที เมอร์สันที่นั่งกินยังไม่เสร็จต้องหยุดชะงักลงและจ่ายเงินก่อนจะรีบเดินตามเธอออกไป
ดูเหมือนว่าเขาจะทำพลาดไปมาก กับการเข้าหาหญิงสาวที่ถูกชะตาด้วยซะแล้ว...
บรรยากาศช่วงเย็นคึกคักมากกว่าปกติเพราะนักศึกษาจะออกมาเดินเล่น หรือออกกำลังกายที่สนามกัน แอลลี่ใช้เวลาว่างเดินเล่นซึมซับบรรยากาศช่วงฤดูใบไม้ผลิดอกพลางยกกล้องโทรศัพท์ขึ้นเก็บภาพ
ขณะเดินชมวิวไปเรื่อย ๆ พลางคิดถึงภาพความทรงจำที่ยังทิ้งร่องรอยเจ็บลึกอยู่ในใจ แอลลี่ได้ยินเสียงโทรศัพท์แจ้งเตือนข้อความดังขึ้น เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูและทันใดนั้นดวงตาก็เบิกกว้าง ภาพที่ปรากฏบนหน้าจอคือรูปถ่ายงานแต่งงานของเขา...แฟนเก่าที่ครั้งหนึ่งเธอเคยคิดว่าจะร่วมชีวิตด้วย เธอยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น รู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบแน่น ความเศร้าและความเสียใจแล่นพล่านไปทั่วกาย หลายเดือนที่เธอพยายามทำใจ พยายามลบเขาออกไปจากความทรงจำ แต่มันกลับเหมือนตอกย้ำว่าเธอไม่สามารถกลับไปเป็นคนเดิมที่ไม่รู้สึกอะไรได้อีก
เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และพยายามตั้งสติและก้าวเดินต่อไป แต่ความรู้สึกในใจยังคงวนเวียน
ขณะนั้นเองแอลลี่เหลือบเห็นใครบางคนตรงสนามออกกำลังกาย เป็นเขา...เมอร์สัน เขาสังเกตเห็นเธอเช่นกัน และทันใดนั้นเขาก็รีบหยุดการออกกำลังกายแล้ววิ่งตรงมาหาเธอ ทิ้งเพื่อน ๆ ไว้ข้างหลัง
“เจอกันอีกแล้ว” เมอร์สันทักทายพร้อมรอยยิ้มยียวนเหมือนเคย แอลลี่พยายามยิ้มตอบเพียงน้อย ๆ เพื่อกลบเกลื่อนอารมณ์ของตัวเอง แต่เมอร์สันก็รู้สึกได้ว่าแอลลี่ดูเงียบผิดปกติ
“เป็นอะไรหรือเปล่า ดูเธอไม่ค่อยสบายใจเลย” เขาถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจังกว่าปกติ
“ไม่มีอะไรหรอก แค่เรื่องเล็กน้อย” เธอตอบเบา ๆ แล้วพยายามจะยิ้มเพื่อไม่ให้เขากังวล
เมอร์สันมองเธออย่างไม่เชื่อเต็มร้อย แต่ก็ไม่อยากกดดันจึงเดินตามเธออย่างสงบและปล่อยให้บรรยากาศในยามเย็นทำหน้าที่ปลอบประโลมเธอแทน
“ถ้ามีอะไรที่ทำให้เธอไม่สบายใจ ผมพร้อมฟังนะ”
เขาพูดขึ้นมาอย่างอ่อนโยน
หญิงสาวนิ่งเงียบและเดินหนีออกมาโดยไม่ปริปากพูดทว่าชายหนุ่มก็สาวเท้าตามพร้อมเอ่ยชวนออกมา
“นี่ก็เย็นแล้ว เราไปหาของอร่อยกินกันเถอะ”
แอลลี่ปรายตามองเขาแล้วเดินนำไปในขณะที่เมอร์สันก็เดินตามเธอไปพร้อมกับชวนคุยเรื่องอื่น ๆ ตลอดทางจนกระทั่งถึงร้านอาหาร...
หลังรับประทานอาหารเสร็จ แอลลี่กับเมอร์สันเดินออกจากร้านพร้อมกัน อากาศยามเย็นในเมือง S เย็นสบายกว่าที่เธอคิด แสงไฟตามถนนเริ่มเปิดขึ้นทีละดวง เสียงผู้คนหัวเราะคุยกันตามร้านอาหารข้างทางสร้างบรรยากาศสนุกสนานครึกครื้น
“ขอบคุณสำหรับอาหารนะ” เธอพูด พลางกอดแขนตัวเองเพราะลมเย็นพัดเฉียดผิว “คราวหน้าไม่ต้องลำบากพามาก็ได้ ฉันกินอะไรก็ได้อยู่แล้ว”
“ผมไม่ได้ลำบากเลยนะ” เมอร์สันยิ้ม “แถมยังได้กินข้าวกับเพื่อนด้วย”
“เราไม่ใช่เพื่อนกัน”
คำพูดนั้นออกไปโดยไม่ทันคิด น้ำเสียงเย็นจนชายหนุ่มเงียบไปชั่วครู่ เขามองหน้าเธอที่ก้าวนำไปสองสามก้าว เห็นแค่ปลายผมสะท้อนแสงไฟสวยงาม เขาไม่ได้โกรธกลับแค่หัวเราะในลำคอเบา ๆ
“ก็ได้...ผมจะพยายามจนกว่าคุณจะยอมเป็นเพื่อนกับผม”
เธอหยุดเท้า หันมามองเขา “ไม่ต้องพยายาม”
“แต่ผมอยากพยายาม” เขาตอบเรียบง่าย รอยยิ้มที่ส่งมาทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดอย่างไม่มีเหตุผล
ระหว่างเดินกลับหอพัก ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรกันอีกจนถึงหน้าลิฟต์ เสียง—ติ๊ง—ดังขึ้นขณะประตูลิฟต์เปิดออก แอลลี่ก้าวเข้าไปก่อน เมอร์สันเดินตามมาเงียบ ๆ คราวนี้ไม่มีบทสนทนาใดจนกระทั่งลิฟต์มาหยุดที่ชั้นของพวกเขา
“คือว่า...” เขาเอ่ยขึ้นเพื่อหยุดการเดินของเธอ
หญิงสาวเหลียวหลังกลับมามองชั่วครู่หนึ่งเพื่อรอฟัง
“ผมจะพยายามไม่ทำเสียงดังตอนกลางคืนแล้วนะ”
แอลลี่มองเขาเหมือนจะพูดอะไร แต่ก็แค่พ่นลมหายใจแรง ๆ แล้วหมุนตัวเข้าห้องไปโดยไม่ตอบ
เมอร์สันยืนอยู่หน้าห้องตัวเอง หัวเราะแผ่วเบา
“น่ารักชะมัด...”
เธอน่าแกล้งและเขาเองก็เผลอแกล้งเธอไปโดยไม่รู้ตัว บางอย่างที่ดึงดูดให้เขาสนใจเพื่อนข้างห้องที่มาใหม่ และดูเหมือนว่าเขาคงจะให้เพื่อนอีกคนยืมห้องทำเสียงดังไม่ได้อีกแล้วซะด้วย...