เหล่าคนตายและคนสิ้นหวังถูกอัญเชิญมายังโลกแห่งเกมนรกที่ต้องใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน หนทางที่จะรอดไปจากที่นี่คือ 'เล่นเพื่อรอด' หรือ 'ยอมแพ้แล้วตาย'

เกมนรกคนเดรัจฉาน ( The Death Game From Hell ) - [NC] บทลงโทษสำหรับการปฎิเสธเล่นเกม โดย Fantasy Destroyer @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ดราม่า,ระทึกขวัญ,สะท้อนปัญหาสังคม,จิตวิทยา,ดาร์ค,ชีวิต ,ปรัชญา,เกม,เกมเอาชีวิตรอด,เอาชีวิตรอด,จิตวิทยาระทึกขวัญ,จิตวิทยา,สะท้อนจิตใจ,สะท้อนสังคม,ดาร์ค,ระทึกขวัญ,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เกมนรกคนเดรัจฉาน ( The Death Game From Hell )

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ดราม่า,ระทึกขวัญ,สะท้อนปัญหาสังคม,จิตวิทยา,ดาร์ค

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ชีวิต ,ปรัชญา,เกม,เกมเอาชีวิตรอด,เอาชีวิตรอด,จิตวิทยาระทึกขวัญ,จิตวิทยา,สะท้อนจิตใจ,สะท้อนสังคม,ดาร์ค,ระทึกขวัญ,ดราม่า

รายละเอียด

เกมนรกคนเดรัจฉาน ( The Death Game From Hell ) โดย Fantasy Destroyer @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เหล่าคนตายและคนสิ้นหวังถูกอัญเชิญมายังโลกแห่งเกมนรกที่ต้องใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน หนทางที่จะรอดไปจากที่นี่คือ 'เล่นเพื่อรอด' หรือ 'ยอมแพ้แล้วตาย'

ผู้แต่ง

Fantasy Destroyer

เรื่องย่อ

ว่ากันว่า'มนุษย์' คือสิ่งมีชีวิตน่าอัศจรรย์ ขึ้นชื่อว่าเป็นสัตว์ประเสริฐ หรือในภาษาวิทยาศาสตร์คือเป็นสิ่งมีชีวิตที่วิวัฒนาทางปัญญาขั้นสุด พวกเขาเกิดมา เติบโต และเรียนรู้ความเป็นไปของโลกที่พวกเขามีชีวิตหายใจ พัฒนาและเปลี่ยนแปลงให้อยู่จุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร ออกเดินทางตามปณิธานจวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต


แต่ทว่าในทางกลับกันเหรียญมักมีสองด้านเสมอ หาก 'มนุษย์' เลือกทำตรงกันข้าม เกิดมาแล้วปราถนาความตาย เติบโตมาอย่างบิดเบี้ยว หรือเรียนรู้เดรัจฉานวิชาเพื่อเติมเต็มความกระหาย ยอมทำทุกอย่างเพื่อความต้องการของตัวเอง แม้จะต้องทำร้ายใครก็ตาม


เส้นบางๆ ระหว่าง 'สัตว์ประเสริฐ' กับ 'สัตว์เดรัจฉาน' จึงไม่ต่างกัน แค่อยู่ที่ว่าจะเลือกฝังมันในจิตใต้สำนึก หรือจะใช้มันสนองตัวเอง


เช่นนั้นแล้ว...


ขอต้อนรับสู่โลกแห่งเกม


เกมที่จะทำให้ชีวิตของคุณไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป


เกมที่คุณเดิมพันด้วยชีวิต ต้องเลือกระหว่างเล่นเพื่อ 'รอด' หรือยอมแพ้แล้ว 'ตาย'


เพื่อทดสอบว่าคุณเห็นคุณค่าของชีวิต


หวังว่า 'ความเดรัจฉาน' ในตัวคุณจะไม่ทำให้เลวร้ายลงยิ่งกว่าเดิม


หรือจะต้องกลายเป็น'เครื่องมือ'ในการเอาตัวรอด

สารบัญ

เกมนรกคนเดรัจฉาน ( The Death Game From Hell )-[ 0 ] ขอต้อนรับสู่โลกแห่งเกม,เกมนรกคนเดรัจฉาน ( The Death Game From Hell )-[ The Hermit #1 ] ชีวิตแสนน่าเบื่อ,เกมนรกคนเดรัจฉาน ( The Death Game From Hell )-[ The Hermit #2 ] แม่มเอ๊ย...ชีวิต,เกมนรกคนเดรัจฉาน ( The Death Game From Hell )-[ The Hermit #3 ] อดีตโปรเพลย์เยอร์,เกมนรกคนเดรัจฉาน ( The Death Game From Hell )-เข้าเกมแล้ว... ( 1 ),เกมนรกคนเดรัจฉาน ( The Death Game From Hell )-เข้าเกมแล้ว... ( 2 ),เกมนรกคนเดรัจฉาน ( The Death Game From Hell )-[NC] บทลงโทษสำหรับการปฎิเสธเล่นเกม

เนื้อหา

[NC] บทลงโทษสำหรับการปฎิเสธเล่นเกม

ขณะที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือทุกเครื่องยังคงส่องแสงสีแดงฉายข้อความนับถอยหลัง เกมมาสเตอร์ก็พูดขึ้นอีกครั้ง เสียงทุ้มลึกของเขายังคงกังวานไปทั่วเมือง 

“ก่อนที่เกมจะเริ่ม...” เสียงนั้นเว้นจังหวะอย่างจงใจ สร้างความตึงเครียดให้กับทุกคนอีกครั้ง “ผมอยากจะถามพวกคุณทุกคนสักคำถาม”

ผู้คนในลานหน้าสถานีตำรวจที่กำลังสับสนวุ่นวายต่างหยุดนิ่งเงียบกริบอีกครั้ง จ้องมองไปยังป้าย LED ที่ฉายภาพเกมมาสเตอร์ด้วยความหวาดหวั่น ปอนด์เองก็ยกมือถือขึ้นมาจ้องมองด้วยความระแวดระวัง

“มีใครอยากไม่เล่นเกมไหมครับ?”

คำถามนั้นราวกับสายฟ้าฟาดกลางกลุ่มชน ความเงียบถูกทำลายลงด้วยเสียงฮือฮาและเสียงกระซิบกระซาบของผู้คนทันที

“ทุกคนมีสิทธิเลือกให้กับตัวเองเสมอครับ ผมเองก็ไม่ใช่คนใจจืดใจดำ” เกมมาสเตอร์กล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่ดูเป็นมิตรอย่างน่าขนลุก “และ… การเล่นเกมก็เช่นกัน ผมจะไม่บังคับ เลือกเอาเลย”

กริ๊ง! กริ๊ง!

ทันทีที่สิ้นเสียง หน้าจอโทรศัพท์มือถือของทุกคนก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง ปรากฏข้อความตัวเลือกขนาดใหญ่ที่ดูเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยน้ำหนักของการตัดสินใจ

[ คุณต้องการปฎิเสธการเล่นเกมหรือไม่? ]

“หากใครไม่อยากเล่นเกม ก็กดยอมรับซะครับ” เกมมาสเตอร์อธิบายด้วยน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำ “แต่ถ้าไม่... ก็กดไม่ยอมรับ แค่นั่นเอง ง่ายใช่ไหมล่ะครับ” 

เขาพูดจบแล้วหยุดนิ่ง ประสานมือกำลังรอคอยคำตอบจากบรรดาลูกไก่ในกำมือ ความโกลาหลระลอกใหม่เข้าถาโถมกลุ่มคนทันทีที่เห็นตัวเลือก พวกเขาทั้งลังเลและถกเถียงกันอย่างบ้าคลั่ง

“ปฏิเสธสิวะ! มันต้องปฏิเสธอยู่แล้ว!” ชายวัยกลางคนคนหนึ่งตะโกน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหวังอันริบหรี่

“ถ้าพวกเราปฏิเสธ... เราก็อาจจะได้กลับบ้านกันนะ!”

"แน่ใจเหรอครับ!?" ชายอีกคนพูดสวนขึ้นมาอย่างหวาดระแวง 

"ถ้าเรากด ยอมรับ ก็หมายถึงปฏิเสธเกม... มันอาจจะหมายถึง การตาย ได้เลยนะคะ!" ผู้หญิงคนหนึ่งเหมือนจะตีความอะไรบางอย่างได้

“แต่ถ้าไม่ปฏิเสธ แล้วต้องไปเล่นเกมบ้าๆ ที่เดิมพันด้วยชีวิตจริงๆ ใครจะกล้าเสี่ยงกันล่ะ!?” ผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งพูด

“ฉันไม่เสี่ยงหรอกนะ! ฉันจะกดปฏิเสธมันนี่แหละ! ฉันไม่อยากเล่นเกมบ้าบออะไรทั้งนั้น!” หญิงสาวสวมชุดกู้ภัยคนหนึ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“ใช่ๆ! ถ้าทุกคนปฏิเสธ... มันก็คงทำอะไรเราไม่ได้หรอก!”

“ผมว่าไม่จริงครับ! ไอ้เกมมาสเตอร์นั่นจะเชื่อคำพูดมันเหรอครับ? จู่ๆ ก็มาบอกจะให้พวกเราเล่นเกมอะไรก็ไม่รู้” ชายสวมสูทหลวมๆ อีกคนโต้แย้ง 

เสียงถกเถียงเริ่มเบาลง บางคนเริ่มตัดสินใจ

ผู้คนจำนวนไม่น้อยเลือกที่จะกดยอมรับโดยไม่ลังเล พวกเขาเลือกที่จะเชื่อใน สิทธิ ที่ได้รับ โดยหวังว่าการปฏิเสธจะพาพวกเขากลับสู่โลกเดิมได้ หรืออย่างน้อยก็หลีกเลี่ยงความตายในเกมที่กำลังจะมาถึง ซึ่งไม่มีทางรู้ทิศทาง ขณะที่บางส่วนยังคงยืนนิ่ง ไม่กล้าแตะหน้าจอ เพราะยังไม่รู้ว่าผลลัพธ์ที่ตามมาคืออะไร พวกเขากลัวทั้งการเล่นเกมและความตายที่อาจเกิดจากการปฏิเสธ

และคนอีกส่วนหนึ่งที่เป็น ส่วนน้อยมากกลับดันกดไม่ยอมรับ ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน บางคนอาจเชื่อว่าการปฏิเสธคือการถูกฆ่าทันที ขณะที่บางคนอาจรู้สึกว่าไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว และต้องการดิ้นรนเพื่อหาทางรอดในเกมนี้อย่างแท้จริง

สำหรับปอนด์ นิ้วของเขายังคงจ่ออยู่ที่ปุ่มยอมรับ ใบหน้าของเขายังคงนิ่งงัน แต่สมองกำลังทำงานอย่างหนักชั่งใจ

‘ถ้าเรายอมรับ มันจะจบง่ายๆ จริงหรอ?’

แต่ทันใดนั้น สัญชาตญาณเก่าที่เคยทำให้เขาเป็นผู้เล่นระดับโปรเพลย์เยอร์ก็ทำงานขึ้นมา ความรู้สึกไม่ชอบมาพากลพลุ่งพล่านขึ้นในใจ

‘ม…ไม่ได้! นี่คือคำเชิญชวนให้ยอมแพ้! ถ้าไอ้เกมมาสเตอร์นี่มันเล่นไม่ซื่อ... มันจะให้ทางเลือกแก่เราง่ายๆ แบบนี้เหรอ? มันต้องเป็นกับดักแน่ๆ!’

เขาไม่ได้เชื่อในโชคชะตาหรือพระเจ้า แต่เชื่อในตรรกะของ เกม ที่ออกแบบมาเพื่อหลอกล่อ จึงตัดสินใจไม่กดปุ่มใดๆ ปล่อยให้นิ้วของเขาค้างเติ่งอยู่เหนือหน้าจอสีแดงก่ำนั้น ด้วยความรู้สึกที่ว่าการตัดสินใจที่เร่งรีบที่สุดคือความผิดพลาดที่ร้ายแรงที่สุด

เกมมาสเตอร์ที่ปรากฏบนจอขนาดมหึมาและหน้าจอโทรศัพท์มือถือทุกเครื่องนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ราวกับกำลังรอคอยให้การตัดสินใจของผู้คนสิ้นสุดลง จากนั้นเขาก็ปล่อยเสียงหัวเราะออกมา

“หึ… หึ… หึ…” เสียงหัวเราะนั้นทุ้มต่ำและน่าขนลุกยิ่งกว่าเสียงดนตรีเรเควียมที่บรรเลงอยู่เสียอีก ราวกับเสียงของปีศาจที่กำลังสนุกสนานกับการทรมานเหยื่อที่ติดกับดัก

“คิดไว้ไม่มีผิดเลยนะครับ ก็นะ... พวกมนุษย์ก็เป็นซะอย่างนี้แหละ” เขาหยุดชั่วครู่ ใบหน้าในเงามืดเหมือนจะชะโงกยื่นมาใกล้จอ จ้องมองอย่างเหยียดหยาม 

“เอาเป็นว่า ถ้าใครไม่เล่นเกม ก็ถือว่ายอมรับในโชคชะตาของตัวเองสินะครับ”

ทันทีที่คำว่ายอมรับในโชคชะตาสิ้นสุดลง...

ตู้ม! เสียงดังสนั่นราวกับลูกโป่งที่ถูกอัดด้วยแรงดันระเบิดออกมาอย่างรุนแรง 

สิ่งที่ระเบิดไม่ใช่ระเบิด แต่เป็นศีรษะของผู้เล่นคนหนึ่งที่เพิ่งกดปุ่มยอมรับหมาด เลือดและชิ้นเนื้อกระจายออกไปรอบทิศทางอย่างน่าสยดสยอง คนที่ยืนอยู่ข้างๆ ถึงกับกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง เมื่อเลือดอุ่นๆ และชิ้นส่วนเละๆ เปื้อนใบหน้าของพวกเขา

ตู้ม! ตู้ม!

เสียงระเบิดดังตามมาทันที หัวของคนที่สองและสามก็แตกออก ตามด้วยคนที่สี่ ห้าและหก ไล่ไปเรื่อยๆ ทั่วบริเวณที่ผู้คนรวมตัวกัน เลือดสีแดงฉานสาดกระเซ็นไปตามพื้นคอนกรีตและผนังตึก ความตายมาถึงอย่างรวดเร็วโหดเหี้ยมเกินกว่าที่ใครจะจินตนาการได้

“กริ๊ดดดดดด!!!”

“อ๊ากกกกกกก!!!”

ความวุ่นวายก็เกิดขึ้นในทันที เสียงกรีดร้องของผู้คนนับสิบชีวิตดังระงมไปทั่ว ความหวาดกลัวที่เคยเป็นแค่ความสับสนบัดนี้ได้กลายเป็นความบ้าคลั่งของการหนีตาย ผู้คนต่างวิ่งชนกันไปมาอย่างไม่คิดชีวิต เบียดเสียดกันราวกับฝูงสัตว์ที่กำลังถูกไล่ล่า พวกเขาพยายามหาที่กำบังจากร่างที่กำลังระเบิดอยู่รอบตัว

“ไม่จริง! ช่วยด้วย! ฉันไม่ได้กด!”

“วิ่งหนีไป! อย่าอยู่ใกล้พวกที่กดปุ่มนั้น!”

“พระเจ้าช่วย! ฉันยังไม่อยากตาย!”

ในขณะที่ความอลหม่านกำลังดำเนินไป หัวของผู้คนก็ยังคงระเบิดอย่างต่อเนื่อง ดังเป็นจังหวะที่โหดร้ายน่ากลัว เลือดและเนื้อหนังสาดกระเซ็นคลุ้งไปในอากาศปะปนกับกลิ่นคาวเลือดที่เริ่มโชยมา ผู้ที่ยืนอยู่ใกล้คนเหล่านี้ถูกย้อมด้วยสีแดงก่ำของเพื่อนร่วมชะตากรรม หลายคนล้มลงกับพื้นแล้วถูกเหยียบซ้ำอย่างไม่ตั้งใจ

ปอนด์ยืนช็อกแข็งทื่อ ประสาทสัมผัสของเขาชาชินไปกับภาพความรุนแรงที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา ทำให้เขารู้สึกคลื่นไส้จนเกือบอาเจียนออกมาตรงนั้น สัญชาตญาณที่เพิ่งหยุดเขาไม่ให้กดปุ่มนั้นช่วยชีวิตเขาไว้

‘ให้ตายสิ... เกมมาสเตอร์นั่น มันให้เราเลือกความตายนี่เอง!’

เขารีบผลักตัวเองออกจากบริเวณที่ผู้คนกำลังเบียดเสียดกันหนีตาย ไม่สนใจเสียงกรีดร้องหรือเสียงระเบิดที่ดังตามหลังอีกต่อไป สายตาของเขามุ่งเน้นไปที่การเอาชีวิตรอดเพียงอย่างเดียว

ท่ามกลางเสียงกรีดร้องโหยหวนและเสียงศีรษะที่ระเบิดอย่างต่อเนื่อง เกมมาสเตอร์ที่ปรากฏบนจอทุกหนแห่งก็ยังคงยิ้มเยาะอย่างน่าขนลุก

ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!!!

เสียงหัวเราะกังวานของเขาสะท้อนไปทั่วทุกจอภาพ เต็มไปด้วยความสุขสะใจอย่างที่สุด ภาพความวุ่นวาย ความหวาดกลัว และการดิ้นรนหนีตายของผู้คนเบื้องล่าง ทำให้เขาเร้าใจจนเลือดสูบฉีด เหมือนกำลังดูการแสดงที่สนุกที่สุดในโลก

แต่แล้ว อารมณ์ขัน นั้นก็มลายหายไปในทันควัน เขาขยับใบหน้าเข้าใกล้จอภาพเล็กน้อย และเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาลงอย่างน่ากลัว

“เอาล่ะ ตั้งใจฟังให้ดีนะครับ...”

คำพูดของเขาถูกกลืนหายไปในความอลหม่าน ไม่มีใครสนใจจะฟังเลยแม้แต่น้อย ผู้คนยังคงหวาดผวาตาเหลือก กรีดร้องและพยายามวิ่งเบียดเสียดกันหนีออกจากบริเวณที่เต็มไปด้วยคาวเลือด แม้แต่คนที่เพิ่งมอบความตายอย่างโหดเหี้ยมที่สุดก็ไม่อาจยับยั้งการดิ้นรนกลัวตายจากของมนุษย์ได้

“ฟังกันก่อนสิครับ...” เขาพูดซ้ำด้วยน้ำเสียงที่กดต่ำลงกว่าเดิมเล็กน้อย

ผลลัพธ์ยังเหมือนเดิม นอกจากจะไม่มีใครฟังแล้ว ผู้คนก็ยิ่ง แตกตื่นหนักกว่าเดิม เพราะความพยายามที่จะหนีตายของพวกเขาถูกขัดจังหวะ

“ฮึ่ม...” เกมมาสเตอร์เริ่มชักหมดความอดทน เสียงฮึ่มฮั่มในลำคอของเขาฟังดูอันตรายอย่างยิ่ง

แล้วจู่ๆ เขาก็ตวาดเสียงดังลั่นอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน

“หยุดสักที! ถ้าใครไม่หยุด... ฉันจะระเบิดหัวของพวกแกทิ้งแม่มให้หมดเลย!!!”

เสียงตวาดลั่นประหนึ่งฟ้าผ่าเปรี้ยงสนั่นกึกก้องไปทั่วทั้งเมือง สะท้อนกังวานไกลออกไปในอากาศเหนือหัว พลังอำนาจในน้ำเสียงนั้นทำเอาผู้คนถึงกับแก้วหูอื้ออึง หน้าต่างบานกระจกต่างๆ สั่นไหว

คราวนี้ผู้คนชะงักหยุดทันที พอได้ยินคำขู่ประกาศิตสุดท้ายจากผู้กำหนดความเป็นความตาย หลายคนหยุดวิ่งอย่างกะทันหันจนชนกันเอง แต่ก็ยอมยืนนิ่งฟังอย่างจำนน แม้จะหยุดนิ่งแต่หลายคนก็ยังคงสะอื้นฮักๆ ตัวสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด

เมื่อฝูงชนหยุดนิ่งตามคำขู่ที่น่าสะพรึงกลัว เกมมาสเตอร์ก็ผ่อนคลายสีหน้าลงทันที ราวกับนักแสดงที่เปลี่ยนบทบาทจากปีศาจเป็นสุภาพบุรุษราศีอำมหิตเมื่อครู่หายไปสิ้นเชิง

“ดีมากครับ ขอบคุณทุกคนที่ให้ความร่วมมือ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตรและสุภาพอย่างประหลาด ผิดแปลกจากคำตวาดก่อนหน้าจนน่าขนลุก 

“ยอมตั้งใจฟังสักที ผมเข้าใจว่าการเป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอและกลัวตาย พอเจออะไรแบบนี้ก็สติเตลิดเป็นธรรมดา”

เขาหยุดชั่วครู่ มองไปยังความวุ่นวายและร่องรอยเลือดที่กระจัดกระจายอยู่เบื้องล่างด้วยสายตาที่ดูเหมือนไม่ได้ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย

“เอาล่ะครับ ทีนี้ฟังให้ดีนะครับ การที่ทุกคนมายังโลกนี้ได้ เป็นเพราะโชคชะตานำพามา นั่นเป็นความจริงส่วนหนึ่ง” เกมมาสเตอร์อธิบายต่อด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “แต่อีกส่วนที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ พวกคุณทุกคนล้วนมีสิทธิที่จะ เลือก ด้วยตัวเอง”

เขาจ้องมองผ่านจอภาพ กำลังมองลึกเข้าไปในจิตใจของผู้รอดชีวิตแต่ละคน

“และการที่คนที่ปฏิเสธเกมเมื่อครู่ ก็ต้องยอมรับในชะตากรรมของพวกเขา เพราะนั่นก็เป็น ความสมัครใจ ของพวกเขาเองครับ ผมก็มีหน้าที่แค่ทำตามกฎก็เท่านั้น”

สิ้นประโยคของเกมมาสเตอร์ เสียงกระซิบกระซาบและเสียงโต้เถียงก็ดังขึ้นอีกครั้งอย่างควบคุมไม่ได้ แต่คราวนี้ไม่มีใครกล้าตะโกนเสียงดังอีกแล้ว

“ยอมรับในชะตากรรมบ้าอะไรวะ! นั่นมันคือการฆาตกรรมหมู่ชัดๆ!” ชายวัยกลางคนคนหนึ่งพึมพำด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความแค้น

“ไอ้สารเลวนั่นมันเล่นกับจิตใจคน! มันทำให้เราคิดว่าการปฏิเสธคือทางรอดที่ง่ายที่สุด!” อีกคนเสริมอย่างสั่นเครือ

“ฉันรู้มาตั้งแต่แรกแล้วว่ามันไม่ชอบมาพากล” หญิงสาวคนหนึ่งที่ตัวสั่นแต่ยังคงมีสติกล่าวขึ้น

“เกมที่เดิมพันด้วยชีวิตจะไม่มีทางให้อิสระในการปฏิเสธที่ปลอดภัยได้ง่ายๆ หรอก! ผมบอกพวกคุณแล้ว!”

ทุกคนที่รอดชีวิตต่างถกเถียงกันด้วยความรู้สึกผสมผสาน ทั้งความโล่งใจที่ตนเองรอดตาย ความโกรธแค้นต่อเกมมาสเตอร์และความรู้สึกเหนือกว่าเล็กน้อยต่อผู้ที่ถูกหลอกให้ตาย

“ในเมื่อพวกคุณส่วนใหญ่ได้ เลือก ที่จะเล่นเกมแล้ว ผมก็ขออวยพรให้โชคดีครับ จงใช้ชีวิตให้เหมือนเป็นวันสุดท้ายของชีวิตครับ” 

เสียงของเขาผ่อนคลายลงจนเหมือนกำลังกล่าวคำอำลาบนเวที เหมือนจะอำนวยพรมายังผู้รอดชีวิตที่ยังคงหวาดกลัวจนตัวสั่น

“แต่จำไว้ให้ดีนะครับ... โลกนี้มีกฎไว้ให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด”

เขาหยุดชั่วครู่ ดวงตาในเงามืดจ้องลึกราวกับรู้ทันถึงความคิดกบฏในใจของผู้คน

“ผมรู้ว่าพวกคุณน่ะ... พวกมนุษย์น่ะ ชอบที่จะแหกกฎเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว” เขาแซะด้วยน้ำเสียงหยอกล้อแกมเยาะเย้ย 

“แต่ผมขอย้ำไว้ตรงนี้เลยนะครับ กฎมันง่ายมาก เล่นเพื่อรอด หรือจะ ยอมแพ้แล้วตาย หากไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เหมือนเมื่อสักครู่... ก็จงเล่นเกมให้ผ่านเท่านั้นเองครับ”

น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไปมาอย่างรวดเร็ว เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ทำให้ผู้ฟังไม่สามารถเดาทางได้เลยว่าชายผู้นี้กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ เขาโบกมือเล็กน้อยเป็นการร่ำลา

“ขอให้สนุกกับการเล่นเกมนะครับทุกคน และหวังว่าเราจะได้เจอกันใหม่ในตอนจบอีเวนต์นะครับ ฮ่าฮ่าฮ่า!”

ทันทีที่เขาจากไปพร้อมกับเสียงหัวเราะบ้าคลั่งน่าขนลุก ภาพของชายปริศนาสวมสูทนั่งอยู่ในความมืดก็ดับวูบลงจากจอภาพทุกจอทั่วเมือง ไม่ว่าจะเป็นป้าย LED ขนาดยักษ์ หรือโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมือของปอนด์

หน้าจอที่มืดสนิทพลันสว่างขึ้นอีกครั้งด้วย ตัวอักษรสีแดงขนาดใหญ่ เพียงชุดเดียว

[ เกมกำลังจะเริ่มในอีก 1 ชั่วโมง ]

ตามมาด้วยตัวเลขที่เริ่มนับถอยหลังอย่างเป็นทางการบนหน้าจอของทุกคน

[ 00:59:59 ]

[ 00:59:58 ]

[ 00:59:57 ]

เหลือเพียงความเงียบที่หนักอึ้งกับความตึงเครียดที่กัดกินทุกอณูอากาศในเมืองร้างนั้น ปอนด์มองไปยังนาฬิกานับถอยหลังบนหน้าจอใอถือด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นปนความหวาดระแวง บทนำที่โหดร้ายได้จบลงแล้ว และพวกเขามีเวลาเพียงหกชั่วโมงเพื่อเตรียมตัวเข้าสู่สมรภูมิแห่งชีวิตจริง