เหล่าคนตายและคนสิ้นหวังถูกอัญเชิญมายังโลกแห่งเกมนรกที่ต้องใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน หนทางที่จะรอดไปจากที่นี่คือ 'เล่นเพื่อรอด' หรือ 'ยอมแพ้แล้วตาย'
        ดราม่า,ระทึกขวัญ,สะท้อนปัญหาสังคม,จิตวิทยา,ดาร์ค,ชีวิต  ,ปรัชญา,เกม,เกมเอาชีวิตรอด,เอาชีวิตรอด,จิตวิทยาระทึกขวัญ,จิตวิทยา,สะท้อนจิตใจ,สะท้อนสังคม,ดาร์ค,ระทึกขวัญ,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี,  นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
        
        
      
          ขณะที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือทุกเครื่องยังคงส่องแสงสีแดงฉายข้อความนับถอยหลัง เกมมาสเตอร์ก็พูดขึ้นอีกครั้ง เสียงทุ้มลึกของเขายังคงกังวานไปทั่วเมือง  
 “ก่อนที่เกมจะเริ่ม...” เสียงนั้นเว้นจังหวะอย่างจงใจ สร้างความตึงเครียดให้กับทุกคนอีกครั้ง “ผมอยากจะถามพวกคุณทุกคนสักคำถาม”
 
 ผู้คนในลานหน้าสถานีตำรวจที่กำลังสับสนวุ่นวายต่างหยุดนิ่งเงียบกริบอีกครั้ง จ้องมองไปยังป้าย LED ที่ฉายภาพเกมมาสเตอร์ด้วยความหวาดหวั่น ปอนด์เองก็ยกมือถือขึ้นมาจ้องมองด้วยความระแวดระวัง
 
 “มีใครอยากไม่เล่นเกมไหมครับ?”
 
 คำถามนั้นราวกับสายฟ้าฟาดกลางกลุ่มชน ความเงียบถูกทำลายลงด้วยเสียงฮือฮาและเสียงกระซิบกระซาบของผู้คนทันที
 
 “ทุกคนมีสิทธิเลือกให้กับตัวเองเสมอครับ ผมเองก็ไม่ใช่คนใจจืดใจดำ” เกมมาสเตอร์กล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่ดูเป็นมิตรอย่างน่าขนลุก “และ… การเล่นเกมก็เช่นกัน ผมจะไม่บังคับ เลือกเอาเลย”
 
 กริ๊ง! กริ๊ง!
 
 ทันทีที่สิ้นเสียง หน้าจอโทรศัพท์มือถือของทุกคนก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง ปรากฏข้อความตัวเลือกขนาดใหญ่ที่ดูเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยน้ำหนักของการตัดสินใจ
 
 [ คุณต้องการปฎิเสธการเล่นเกมหรือไม่? ]
 
 “หากใครไม่อยากเล่นเกม ก็กดยอมรับซะครับ” เกมมาสเตอร์อธิบายด้วยน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำ “แต่ถ้าไม่... ก็กดไม่ยอมรับ แค่นั่นเอง ง่ายใช่ไหมล่ะครับ” 
 
 เขาพูดจบแล้วหยุดนิ่ง ประสานมือกำลังรอคอยคำตอบจากบรรดาลูกไก่ในกำมือ ความโกลาหลระลอกใหม่เข้าถาโถมกลุ่มคนทันทีที่เห็นตัวเลือก พวกเขาทั้งลังเลและถกเถียงกันอย่างบ้าคลั่ง
 
 “ปฏิเสธสิวะ! มันต้องปฏิเสธอยู่แล้ว!” ชายวัยกลางคนคนหนึ่งตะโกน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหวังอันริบหรี่
 
 “ถ้าพวกเราปฏิเสธ... เราก็อาจจะได้กลับบ้านกันนะ!”
 
 "แน่ใจเหรอครับ!?" ชายอีกคนพูดสวนขึ้นมาอย่างหวาดระแวง 
 
 "ถ้าเรากด ยอมรับ ก็หมายถึงปฏิเสธเกม... มันอาจจะหมายถึง การตาย ได้เลยนะคะ!" ผู้หญิงคนหนึ่งเหมือนจะตีความอะไรบางอย่างได้
 
 “แต่ถ้าไม่ปฏิเสธ แล้วต้องไปเล่นเกมบ้าๆ ที่เดิมพันด้วยชีวิตจริงๆ ใครจะกล้าเสี่ยงกันล่ะ!?” ผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งพูด
 
 “ฉันไม่เสี่ยงหรอกนะ! ฉันจะกดปฏิเสธมันนี่แหละ! ฉันไม่อยากเล่นเกมบ้าบออะไรทั้งนั้น!” หญิงสาวสวมชุดกู้ภัยคนหนึ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
 
 “ใช่ๆ! ถ้าทุกคนปฏิเสธ... มันก็คงทำอะไรเราไม่ได้หรอก!”
 
 “ผมว่าไม่จริงครับ! ไอ้เกมมาสเตอร์นั่นจะเชื่อคำพูดมันเหรอครับ? จู่ๆ ก็มาบอกจะให้พวกเราเล่นเกมอะไรก็ไม่รู้” ชายสวมสูทหลวมๆ อีกคนโต้แย้ง 
 
 เสียงถกเถียงเริ่มเบาลง บางคนเริ่มตัดสินใจ
 
 ผู้คนจำนวนไม่น้อยเลือกที่จะกดยอมรับโดยไม่ลังเล พวกเขาเลือกที่จะเชื่อใน สิทธิ ที่ได้รับ โดยหวังว่าการปฏิเสธจะพาพวกเขากลับสู่โลกเดิมได้ หรืออย่างน้อยก็หลีกเลี่ยงความตายในเกมที่กำลังจะมาถึง ซึ่งไม่มีทางรู้ทิศทาง ขณะที่บางส่วนยังคงยืนนิ่ง ไม่กล้าแตะหน้าจอ เพราะยังไม่รู้ว่าผลลัพธ์ที่ตามมาคืออะไร พวกเขากลัวทั้งการเล่นเกมและความตายที่อาจเกิดจากการปฏิเสธ
 
 และคนอีกส่วนหนึ่งที่เป็น ส่วนน้อยมากกลับดันกดไม่ยอมรับ ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน บางคนอาจเชื่อว่าการปฏิเสธคือการถูกฆ่าทันที ขณะที่บางคนอาจรู้สึกว่าไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว และต้องการดิ้นรนเพื่อหาทางรอดในเกมนี้อย่างแท้จริง
 
 สำหรับปอนด์ นิ้วของเขายังคงจ่ออยู่ที่ปุ่มยอมรับ ใบหน้าของเขายังคงนิ่งงัน แต่สมองกำลังทำงานอย่างหนักชั่งใจ
 
 ‘ถ้าเรายอมรับ มันจะจบง่ายๆ จริงหรอ?’
 
 แต่ทันใดนั้น สัญชาตญาณเก่าที่เคยทำให้เขาเป็นผู้เล่นระดับโปรเพลย์เยอร์ก็ทำงานขึ้นมา ความรู้สึกไม่ชอบมาพากลพลุ่งพล่านขึ้นในใจ
 
 ‘ม…ไม่ได้! นี่คือคำเชิญชวนให้ยอมแพ้! ถ้าไอ้เกมมาสเตอร์นี่มันเล่นไม่ซื่อ... มันจะให้ทางเลือกแก่เราง่ายๆ แบบนี้เหรอ? มันต้องเป็นกับดักแน่ๆ!’
 
 เขาไม่ได้เชื่อในโชคชะตาหรือพระเจ้า แต่เชื่อในตรรกะของ เกม ที่ออกแบบมาเพื่อหลอกล่อ จึงตัดสินใจไม่กดปุ่มใดๆ ปล่อยให้นิ้วของเขาค้างเติ่งอยู่เหนือหน้าจอสีแดงก่ำนั้น ด้วยความรู้สึกที่ว่าการตัดสินใจที่เร่งรีบที่สุดคือความผิดพลาดที่ร้ายแรงที่สุด
 
 เกมมาสเตอร์ที่ปรากฏบนจอขนาดมหึมาและหน้าจอโทรศัพท์มือถือทุกเครื่องนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ราวกับกำลังรอคอยให้การตัดสินใจของผู้คนสิ้นสุดลง จากนั้นเขาก็ปล่อยเสียงหัวเราะออกมา
 
 “หึ… หึ… หึ…” เสียงหัวเราะนั้นทุ้มต่ำและน่าขนลุกยิ่งกว่าเสียงดนตรีเรเควียมที่บรรเลงอยู่เสียอีก ราวกับเสียงของปีศาจที่กำลังสนุกสนานกับการทรมานเหยื่อที่ติดกับดัก
 
 “คิดไว้ไม่มีผิดเลยนะครับ ก็นะ... พวกมนุษย์ก็เป็นซะอย่างนี้แหละ” เขาหยุดชั่วครู่ ใบหน้าในเงามืดเหมือนจะชะโงกยื่นมาใกล้จอ จ้องมองอย่างเหยียดหยาม 
 
 “เอาเป็นว่า ถ้าใครไม่เล่นเกม ก็ถือว่ายอมรับในโชคชะตาของตัวเองสินะครับ”
 
 ทันทีที่คำว่ายอมรับในโชคชะตาสิ้นสุดลง...
 
 ตู้ม! เสียงดังสนั่นราวกับลูกโป่งที่ถูกอัดด้วยแรงดันระเบิดออกมาอย่างรุนแรง 
 
 สิ่งที่ระเบิดไม่ใช่ระเบิด แต่เป็นศีรษะของผู้เล่นคนหนึ่งที่เพิ่งกดปุ่มยอมรับหมาด เลือดและชิ้นเนื้อกระจายออกไปรอบทิศทางอย่างน่าสยดสยอง คนที่ยืนอยู่ข้างๆ ถึงกับกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง เมื่อเลือดอุ่นๆ และชิ้นส่วนเละๆ เปื้อนใบหน้าของพวกเขา
 
 ตู้ม! ตู้ม!
 
 เสียงระเบิดดังตามมาทันที หัวของคนที่สองและสามก็แตกออก ตามด้วยคนที่สี่ ห้าและหก ไล่ไปเรื่อยๆ ทั่วบริเวณที่ผู้คนรวมตัวกัน เลือดสีแดงฉานสาดกระเซ็นไปตามพื้นคอนกรีตและผนังตึก ความตายมาถึงอย่างรวดเร็วโหดเหี้ยมเกินกว่าที่ใครจะจินตนาการได้
 
 “กริ๊ดดดดดด!!!”
 
 “อ๊ากกกกกกก!!!”
 
 ความวุ่นวายก็เกิดขึ้นในทันที เสียงกรีดร้องของผู้คนนับสิบชีวิตดังระงมไปทั่ว ความหวาดกลัวที่เคยเป็นแค่ความสับสนบัดนี้ได้กลายเป็นความบ้าคลั่งของการหนีตาย ผู้คนต่างวิ่งชนกันไปมาอย่างไม่คิดชีวิต เบียดเสียดกันราวกับฝูงสัตว์ที่กำลังถูกไล่ล่า พวกเขาพยายามหาที่กำบังจากร่างที่กำลังระเบิดอยู่รอบตัว
 
 “ไม่จริง! ช่วยด้วย! ฉันไม่ได้กด!”
 
 “วิ่งหนีไป! อย่าอยู่ใกล้พวกที่กดปุ่มนั้น!”
 
 “พระเจ้าช่วย! ฉันยังไม่อยากตาย!”
 
 ในขณะที่ความอลหม่านกำลังดำเนินไป หัวของผู้คนก็ยังคงระเบิดอย่างต่อเนื่อง ดังเป็นจังหวะที่โหดร้ายน่ากลัว เลือดและเนื้อหนังสาดกระเซ็นคลุ้งไปในอากาศปะปนกับกลิ่นคาวเลือดที่เริ่มโชยมา ผู้ที่ยืนอยู่ใกล้คนเหล่านี้ถูกย้อมด้วยสีแดงก่ำของเพื่อนร่วมชะตากรรม หลายคนล้มลงกับพื้นแล้วถูกเหยียบซ้ำอย่างไม่ตั้งใจ
 
 ปอนด์ยืนช็อกแข็งทื่อ ประสาทสัมผัสของเขาชาชินไปกับภาพความรุนแรงที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา ทำให้เขารู้สึกคลื่นไส้จนเกือบอาเจียนออกมาตรงนั้น สัญชาตญาณที่เพิ่งหยุดเขาไม่ให้กดปุ่มนั้นช่วยชีวิตเขาไว้
 
 ‘ให้ตายสิ... เกมมาสเตอร์นั่น มันให้เราเลือกความตายนี่เอง!’
 
 เขารีบผลักตัวเองออกจากบริเวณที่ผู้คนกำลังเบียดเสียดกันหนีตาย ไม่สนใจเสียงกรีดร้องหรือเสียงระเบิดที่ดังตามหลังอีกต่อไป สายตาของเขามุ่งเน้นไปที่การเอาชีวิตรอดเพียงอย่างเดียว
 
 ท่ามกลางเสียงกรีดร้องโหยหวนและเสียงศีรษะที่ระเบิดอย่างต่อเนื่อง เกมมาสเตอร์ที่ปรากฏบนจอทุกหนแห่งก็ยังคงยิ้มเยาะอย่างน่าขนลุก
 
 ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!!!
 
 เสียงหัวเราะกังวานของเขาสะท้อนไปทั่วทุกจอภาพ เต็มไปด้วยความสุขสะใจอย่างที่สุด ภาพความวุ่นวาย ความหวาดกลัว และการดิ้นรนหนีตายของผู้คนเบื้องล่าง ทำให้เขาเร้าใจจนเลือดสูบฉีด เหมือนกำลังดูการแสดงที่สนุกที่สุดในโลก
 
 แต่แล้ว อารมณ์ขัน นั้นก็มลายหายไปในทันควัน เขาขยับใบหน้าเข้าใกล้จอภาพเล็กน้อย และเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาลงอย่างน่ากลัว
 
 “เอาล่ะ ตั้งใจฟังให้ดีนะครับ...”
 
 คำพูดของเขาถูกกลืนหายไปในความอลหม่าน ไม่มีใครสนใจจะฟังเลยแม้แต่น้อย ผู้คนยังคงหวาดผวาตาเหลือก กรีดร้องและพยายามวิ่งเบียดเสียดกันหนีออกจากบริเวณที่เต็มไปด้วยคาวเลือด แม้แต่คนที่เพิ่งมอบความตายอย่างโหดเหี้ยมที่สุดก็ไม่อาจยับยั้งการดิ้นรนกลัวตายจากของมนุษย์ได้
 
 “ฟังกันก่อนสิครับ...” เขาพูดซ้ำด้วยน้ำเสียงที่กดต่ำลงกว่าเดิมเล็กน้อย
 
 ผลลัพธ์ยังเหมือนเดิม นอกจากจะไม่มีใครฟังแล้ว ผู้คนก็ยิ่ง แตกตื่นหนักกว่าเดิม เพราะความพยายามที่จะหนีตายของพวกเขาถูกขัดจังหวะ
 
 “ฮึ่ม...” เกมมาสเตอร์เริ่มชักหมดความอดทน เสียงฮึ่มฮั่มในลำคอของเขาฟังดูอันตรายอย่างยิ่ง
 
 แล้วจู่ๆ เขาก็ตวาดเสียงดังลั่นอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
 
 “หยุดสักที! ถ้าใครไม่หยุด... ฉันจะระเบิดหัวของพวกแกทิ้งแม่มให้หมดเลย!!!”
 
 เสียงตวาดลั่นประหนึ่งฟ้าผ่าเปรี้ยงสนั่นกึกก้องไปทั่วทั้งเมือง สะท้อนกังวานไกลออกไปในอากาศเหนือหัว พลังอำนาจในน้ำเสียงนั้นทำเอาผู้คนถึงกับแก้วหูอื้ออึง หน้าต่างบานกระจกต่างๆ สั่นไหว
 
 คราวนี้ผู้คนชะงักหยุดทันที พอได้ยินคำขู่ประกาศิตสุดท้ายจากผู้กำหนดความเป็นความตาย หลายคนหยุดวิ่งอย่างกะทันหันจนชนกันเอง แต่ก็ยอมยืนนิ่งฟังอย่างจำนน แม้จะหยุดนิ่งแต่หลายคนก็ยังคงสะอื้นฮักๆ ตัวสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด
 
 เมื่อฝูงชนหยุดนิ่งตามคำขู่ที่น่าสะพรึงกลัว เกมมาสเตอร์ก็ผ่อนคลายสีหน้าลงทันที ราวกับนักแสดงที่เปลี่ยนบทบาทจากปีศาจเป็นสุภาพบุรุษราศีอำมหิตเมื่อครู่หายไปสิ้นเชิง
 
 “ดีมากครับ ขอบคุณทุกคนที่ให้ความร่วมมือ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตรและสุภาพอย่างประหลาด ผิดแปลกจากคำตวาดก่อนหน้าจนน่าขนลุก 
 
 “ยอมตั้งใจฟังสักที ผมเข้าใจว่าการเป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอและกลัวตาย พอเจออะไรแบบนี้ก็สติเตลิดเป็นธรรมดา”
 
 เขาหยุดชั่วครู่ มองไปยังความวุ่นวายและร่องรอยเลือดที่กระจัดกระจายอยู่เบื้องล่างด้วยสายตาที่ดูเหมือนไม่ได้ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย
 
 “เอาล่ะครับ ทีนี้ฟังให้ดีนะครับ การที่ทุกคนมายังโลกนี้ได้ เป็นเพราะโชคชะตานำพามา นั่นเป็นความจริงส่วนหนึ่ง” เกมมาสเตอร์อธิบายต่อด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “แต่อีกส่วนที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ พวกคุณทุกคนล้วนมีสิทธิที่จะ เลือก ด้วยตัวเอง”
 
 เขาจ้องมองผ่านจอภาพ กำลังมองลึกเข้าไปในจิตใจของผู้รอดชีวิตแต่ละคน
 
 “และการที่คนที่ปฏิเสธเกมเมื่อครู่ ก็ต้องยอมรับในชะตากรรมของพวกเขา เพราะนั่นก็เป็น ความสมัครใจ ของพวกเขาเองครับ ผมก็มีหน้าที่แค่ทำตามกฎก็เท่านั้น”
 
 สิ้นประโยคของเกมมาสเตอร์ เสียงกระซิบกระซาบและเสียงโต้เถียงก็ดังขึ้นอีกครั้งอย่างควบคุมไม่ได้ แต่คราวนี้ไม่มีใครกล้าตะโกนเสียงดังอีกแล้ว
 
 “ยอมรับในชะตากรรมบ้าอะไรวะ! นั่นมันคือการฆาตกรรมหมู่ชัดๆ!” ชายวัยกลางคนคนหนึ่งพึมพำด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความแค้น
 
 “ไอ้สารเลวนั่นมันเล่นกับจิตใจคน! มันทำให้เราคิดว่าการปฏิเสธคือทางรอดที่ง่ายที่สุด!” อีกคนเสริมอย่างสั่นเครือ
 
 “ฉันรู้มาตั้งแต่แรกแล้วว่ามันไม่ชอบมาพากล” หญิงสาวคนหนึ่งที่ตัวสั่นแต่ยังคงมีสติกล่าวขึ้น
 
 “เกมที่เดิมพันด้วยชีวิตจะไม่มีทางให้อิสระในการปฏิเสธที่ปลอดภัยได้ง่ายๆ หรอก! ผมบอกพวกคุณแล้ว!”
 
 ทุกคนที่รอดชีวิตต่างถกเถียงกันด้วยความรู้สึกผสมผสาน ทั้งความโล่งใจที่ตนเองรอดตาย ความโกรธแค้นต่อเกมมาสเตอร์และความรู้สึกเหนือกว่าเล็กน้อยต่อผู้ที่ถูกหลอกให้ตาย
 
 “ในเมื่อพวกคุณส่วนใหญ่ได้ เลือก ที่จะเล่นเกมแล้ว ผมก็ขออวยพรให้โชคดีครับ จงใช้ชีวิตให้เหมือนเป็นวันสุดท้ายของชีวิตครับ” 
 
 เสียงของเขาผ่อนคลายลงจนเหมือนกำลังกล่าวคำอำลาบนเวที เหมือนจะอำนวยพรมายังผู้รอดชีวิตที่ยังคงหวาดกลัวจนตัวสั่น
 
 “แต่จำไว้ให้ดีนะครับ... โลกนี้มีกฎไว้ให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด”
 
 เขาหยุดชั่วครู่ ดวงตาในเงามืดจ้องลึกราวกับรู้ทันถึงความคิดกบฏในใจของผู้คน
 
 “ผมรู้ว่าพวกคุณน่ะ... พวกมนุษย์น่ะ ชอบที่จะแหกกฎเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว” เขาแซะด้วยน้ำเสียงหยอกล้อแกมเยาะเย้ย 
 
 “แต่ผมขอย้ำไว้ตรงนี้เลยนะครับ กฎมันง่ายมาก เล่นเพื่อรอด หรือจะ ยอมแพ้แล้วตาย หากไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เหมือนเมื่อสักครู่... ก็จงเล่นเกมให้ผ่านเท่านั้นเองครับ”
 
 น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไปมาอย่างรวดเร็ว เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ทำให้ผู้ฟังไม่สามารถเดาทางได้เลยว่าชายผู้นี้กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ เขาโบกมือเล็กน้อยเป็นการร่ำลา
 
 “ขอให้สนุกกับการเล่นเกมนะครับทุกคน และหวังว่าเราจะได้เจอกันใหม่ในตอนจบอีเวนต์นะครับ ฮ่าฮ่าฮ่า!”
 
 ทันทีที่เขาจากไปพร้อมกับเสียงหัวเราะบ้าคลั่งน่าขนลุก ภาพของชายปริศนาสวมสูทนั่งอยู่ในความมืดก็ดับวูบลงจากจอภาพทุกจอทั่วเมือง ไม่ว่าจะเป็นป้าย LED ขนาดยักษ์ หรือโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมือของปอนด์
 
 หน้าจอที่มืดสนิทพลันสว่างขึ้นอีกครั้งด้วย ตัวอักษรสีแดงขนาดใหญ่ เพียงชุดเดียว
 
 [ เกมกำลังจะเริ่มในอีก 1 ชั่วโมง ]
 
 ตามมาด้วยตัวเลขที่เริ่มนับถอยหลังอย่างเป็นทางการบนหน้าจอของทุกคน
 
 [ 00:59:59 ]
 
 [ 00:59:58 ]
 
 [ 00:59:57 ]
 
 เหลือเพียงความเงียบที่หนักอึ้งกับความตึงเครียดที่กัดกินทุกอณูอากาศในเมืองร้างนั้น ปอนด์มองไปยังนาฬิกานับถอยหลังบนหน้าจอใอถือด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นปนความหวาดระแวง บทนำที่โหดร้ายได้จบลงแล้ว และพวกเขามีเวลาเพียงหกชั่วโมงเพื่อเตรียมตัวเข้าสู่สมรภูมิแห่งชีวิตจริง