เหล่าคนตายและคนสิ้นหวังถูกอัญเชิญมายังโลกแห่งเกมนรกที่ต้องใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน หนทางที่จะรอดไปจากที่นี่คือ 'เล่นเพื่อรอด' หรือ 'ยอมแพ้แล้วตาย'

เกมนรกคนเดรัจฉาน ( The Death Game From Hell ) - [ 0 ] ขอต้อนรับสู่โลกแห่งเกม โดย Fantasy Destroyer @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ดราม่า,ระทึกขวัญ,สะท้อนปัญหาสังคม,จิตวิทยา,ดาร์ค,ชีวิต ,ปรัชญา,เกม,เกมเอาชีวิตรอด,เอาชีวิตรอด,จิตวิทยาระทึกขวัญ,จิตวิทยา,สะท้อนจิตใจ,สะท้อนสังคม,ดาร์ค,ระทึกขวัญ,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เกมนรกคนเดรัจฉาน ( The Death Game From Hell )

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ดราม่า,ระทึกขวัญ,สะท้อนปัญหาสังคม,จิตวิทยา,ดาร์ค

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ชีวิต ,ปรัชญา,เกม,เกมเอาชีวิตรอด,เอาชีวิตรอด,จิตวิทยาระทึกขวัญ,จิตวิทยา,สะท้อนจิตใจ,สะท้อนสังคม,ดาร์ค,ระทึกขวัญ,ดราม่า

รายละเอียด

เกมนรกคนเดรัจฉาน ( The Death Game From Hell ) โดย Fantasy Destroyer @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เหล่าคนตายและคนสิ้นหวังถูกอัญเชิญมายังโลกแห่งเกมนรกที่ต้องใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน หนทางที่จะรอดไปจากที่นี่คือ 'เล่นเพื่อรอด' หรือ 'ยอมแพ้แล้วตาย'

ผู้แต่ง

Fantasy Destroyer

เรื่องย่อ

ว่ากันว่า'มนุษย์' คือสิ่งมีชีวิตน่าอัศจรรย์ ขึ้นชื่อว่าเป็นสัตว์ประเสริฐ หรือในภาษาวิทยาศาสตร์คือเป็นสิ่งมีชีวิตที่วิวัฒนาทางปัญญาขั้นสุด พวกเขาเกิดมา เติบโต และเรียนรู้ความเป็นไปของโลกที่พวกเขามีชีวิตหายใจ พัฒนาและเปลี่ยนแปลงให้อยู่จุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร ออกเดินทางตามปณิธานจวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต


แต่ทว่าในทางกลับกันเหรียญมักมีสองด้านเสมอ หาก 'มนุษย์' เลือกทำตรงกันข้าม เกิดมาแล้วปราถนาความตาย เติบโตมาอย่างบิดเบี้ยว หรือเรียนรู้เดรัจฉานวิชาเพื่อเติมเต็มความกระหาย ยอมทำทุกอย่างเพื่อความต้องการของตัวเอง แม้จะต้องทำร้ายใครก็ตาม


เส้นบางๆ ระหว่าง 'สัตว์ประเสริฐ' กับ 'สัตว์เดรัจฉาน' จึงไม่ต่างกัน แค่อยู่ที่ว่าจะเลือกฝังมันในจิตใต้สำนึก หรือจะใช้มันสนองตัวเอง


เช่นนั้นแล้ว...


ขอต้อนรับสู่โลกแห่งเกม


เกมที่จะทำให้ชีวิตของคุณไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป


เกมที่คุณเดิมพันด้วยชีวิต ต้องเลือกระหว่างเล่นเพื่อ 'รอด' หรือยอมแพ้แล้ว 'ตาย'


เพื่อทดสอบว่าคุณเห็นคุณค่าของชีวิต


หวังว่า 'ความเดรัจฉาน' ในตัวคุณจะไม่ทำให้เลวร้ายลงยิ่งกว่าเดิม


หรือจะต้องกลายเป็น'เครื่องมือ'ในการเอาตัวรอด

สารบัญ

เกมนรกคนเดรัจฉาน ( The Death Game From Hell )-[ 0 ] ขอต้อนรับสู่โลกแห่งเกม,เกมนรกคนเดรัจฉาน ( The Death Game From Hell )-[ The Hermit #1 ] ชีวิตแสนน่าเบื่อ,เกมนรกคนเดรัจฉาน ( The Death Game From Hell )-[ The Hermit #2 ] แม่มเอ๊ย...ชีวิต,เกมนรกคนเดรัจฉาน ( The Death Game From Hell )-[ The Hermit #3 ] อดีตโปรเพลย์เยอร์,เกมนรกคนเดรัจฉาน ( The Death Game From Hell )-เข้าเกมแล้ว... ( 1 ),เกมนรกคนเดรัจฉาน ( The Death Game From Hell )-เข้าเกมแล้ว... ( 2 ),เกมนรกคนเดรัจฉาน ( The Death Game From Hell )-[NC] บทลงโทษสำหรับการปฎิเสธเล่นเกม

เนื้อหา

[ 0 ] ขอต้อนรับสู่โลกแห่งเกม

เสียงอื้ออึงของรถยนต์ที่บีบแตร สลับกับเสียงโหวกเหวกของผู้คนที่เคยเร่งรีบใช้ชีวิตในเมืองกรุงจางหายไปในพริบตา แสงไฟนีออนจากป้ายโฆษณาตามตึกสูงระฟ้ายังคงส่องสว่างเรืองรอง แต่กลับไร้ซึ่งเงาผู้คน เสียงหัวเราะ รอยยิ้ม และความเร่งรีบที่คุ้นเคยทุกอย่างหยุดนิ่ง ราวกับภาพยนตร์ที่ถูกกดปุ่มหยุดฉายกะทันหัน ความเงียบงันที่ผิดปกติเข้าครอบงำ ราวกับมหานครทั้งเมืองถูกกลืนกินโดยความว่างเปล่า เงาของตึกสูงระฟ้าทอดตัวยาวบิดเบี้ยวผิดรูป เงียบงันเสียจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจของตัวเอง อากาศแปรเปลี่ยนเป็นความหนาวเย็นยะเยือกจับขั้วหัวใจ กลิ่นที่คุ้นเคยของยางมะตอยร้อนระอุและควันพิษในเมืองหลวงจางหายไป แทนที่ด้วยกลิ่นอับชื้นคล้ายฝุ่นที่ลอยคละคลุ้งเข้ามาปะทะจมูกอย่างจัง 

ร่างนับร้อยนับพันของผู้คนจากทุกชนชั้นปรากฏขึ้นมากลางมหานครที่ว่างเปล่าอย่างกะทันหัน เมืองกรุงที่ปรากฏตรงหน้ายังคงสภาพสมบูรณ์ทุกประการ ตึกระฟ้าเสียดฟ้า ถนนโล่งไร้รถรา ร้านค้าร้านขายยังคงเปิดไฟสว่างไสว เสมือนเพิ่งถูกทิ้งร้างไปเพียงไม่กี่นาที บางคนยังอยู่ในชุดทำงาน บางคนอยู่ในชุดลำลอง หลายคนอยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมจะรับมือกับอะไรทั้งนั้น 

“เกิดอะไรขึ้น!” เสียงของผู้ชายคนหนึ่งตะโกนลั่นอย่างบ้าคลั่ง สลับกับเสียงสะอื้นฮักของหญิงสาวอีกคน “นี่มันที่ไหนกัน”

“ม...มาอยู่นี่ได้ยังไง?”

“มันเรื่องเชี่ยอะไรวะเนี่ย?!”

พวกเขาสับสนวุ่นวาย บางคนกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง บางคนวิ่งหนีอย่างไร้จุดหมาย บางคนทรุดตัวลงร่ำไห้ราวกับคนเสียสติ ความหวาดกลัวสิ้นหวังแผ่ซ่านไปทั่วทุกอณูของอากาศ 

ทันใดนั้นเอง เสียงบรรเลงของ เรเควียม บทเพลงแห่งความตายอันน่าขนลุกก้องกังวานไปทั่วเมือง ราวกับเสียงสวรรค์ที่ประกาศการมาถึงของหายนะ ดนตรีโอเปร่าอันหนักหน่วงโหยหวนเสียดแทงเข้าสู่โสตประสาทของทุกคนที่อยู่ที่นั่น เสียงไวโอลินกรีดร้องผสานกับเสียงประสานจากเครื่องสายและเครื่องเป่าที่สร้างความหม่นหมอง ทำให้จิตใจของทุกคนจมดิ่งสู่ห้วงแห่งความสิ้นหวัง

พร้อมกันนั้น จอภาพทุกชนิดที่ตั้งตระหง่านอยู่ทั่วเมือง ไม่ว่าจะเป็นจอโทรทัศน์ตามบ้านที่เปิดค้างไว้ ป้าย LED ขนาดมหึมาบนตึกระฟ้า ป้ายโฆษณาอิเล็กทรอนิกส์ตามสี่แยกไฟแดง หรือแม้แต่หน้าจอโทรศัพท์มือถือที่หล่นอยู่บนพื้น ทั้งหมดสว่างวาบขึ้นพร้อมกัน ฉายภาพของชายคนหนึ่งที่ใบหน้าถูกซ่อนไว้ในเงามืด รูปร่างของเขาดูไม่แน่ชัดแต่พอเดาได้ว่าน่าจะสูงโปร่ง ใส่สูทผุกไทแดง อากัปกิริยากลับแฝงไปด้วยความรู้สึกคุกคามที่ยากจะบรรยาย

“สวัสดีทุกคนครับ”

เสียงทุ้มลึกเย็นชากังวานราวกับมาจากก้นบึ้งของขุมนรกดังขึ้นทะลุจากจอภาพทุกจอ ลบเลือนเสียงกรีดร้องและเสียงสะอื้นของผู้คนไปจนหมดสิ้นแฝงด้วยอำนาจที่ทำให้ผู้ฟังขนลุกซู่ ขณะที่ดนตรีเรเควียมยังคงบรรเลงต่อไป  

“ไม่ต้องงงกันหรอกว่ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง พวกคุณทุกคน... หรือจะเรียกว่า ผู้เล่น ก็ได้ พวกคุณถูกคัดเลือกมาที่นี่ เพื่อเข้าร่วม เกม ของผม”

ผู้คนในลานกว้างต่างแตกตื่นและโวยวาย 

“เกมอะไรวะ! ปล่อยกูไปนะเว้ย!” ชายฉกรรจ์คนหนึ่งตะโกนอย่างกราดเกรี้ยว พยายามจะวิ่งหนีไปตามถนนที่ว่างเปล่า แต่กลับดูเหมือนไม่มีทางออก หรือทางหนีใดๆ ที่จะพาพวกเขาออกไปจากพื้นที่นี้ได้

“นี่มันบ้าชัดๆ!” หญิงสาวคนหนึ่งทรุดตัวลงกับพื้น ร้องไห้สะอึกสะอื้น “ฉันจะกลับบ้าน!”

เขาเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เย้ยหยันราวกับกำลังมองดูหนูที่ติดกับดัก

“ใช่แล้วครับ ผมคือ เกมมาสเตอร์ ผู้สร้างอีเวนต์เกมที่ไม่เหมือนเกมที่คุณเคยรู้จัก เพราะนี่ไม่ใช่แค่การเล่นสนุก แต่มันคือ เกมที่เดิมพันด้วยชีวิตจริงๆ”

“นี่มันไม่ใช่เรื่องจริง! ใครก็ได้ช่วยที!” เสียงกรีดร้องของเด็กสาวคนหนึ่งดังแหลมขึ้น

“เกมที่เดิมพันด้วยชีวิต? เกมบ้าไรกันฟร่ะ!”

ดูเหมือนชายที่เรียกตัวเองว่าเกมมาสเตอร์จะไม่สนคำพูดไดๆ ของคนเบื้องล่าง จึงพูดต่อ 

“พวกคุณบางคนอาจจะคิดว่าความตายคือจุดจบ คือความสงบ คือการปลดปล่อยจากทุกสิ่งทุกอย่างที่น่าเบื่อหน่ายในชีวิตเก่า”

พร้อมกับภาพที่บิดเบี้ยวเล็กน้อยบนจอ 

“แต่จริงๆ แล้ว... ความสิ้นหวังต่างหากคือจุดเริ่มต้นที่แท้จริงของการมีชีวิตอยู่ครับ”

เสียงฮือฮาดังระงม ผู้คนบางส่วนเริ่มเงียบเสียงลงแต่แววตาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นไม่เข้าใจ พวกเขาจ้องมองไปยังจอภาพขนาดมหึมาที่ฉายภาพชายปริศนาคนนั้นด้วยความหวังว่านี่จะเป็นเพียงฝันร้าย

“ลองคิดดูสิ ว่าชีวิตที่ไร้ซึ่งความหวัง ไร้ซึ่งเป้าหมาย มันต่างอะไรกับการรอคอยความตายที่ไม่ได้มาถึงเสียที? ที่นี่... คุณจะได้เรียนรู้ความหมายของการดิ้นรน ความหมายของการมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเอง และเพื่อสิ่งที่คุณยึดมั่น”

“โลกภายนอกที่คุณจากมา มันก็เป็นแค่เกมเล็กๆ ที่พวกคุณหลอกตัวเองว่ามีทางเลือก แต่ที่นี่... ทางเลือกของคุณมีแค่สองทางครับ” เขาชูนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว “คือ เล่นเพื่อรอด หรือ ยอมแพ้แล้วตาย ไปซะ!”

ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้ง แม้แต่เสียงลมหายใจก็ยังแทบไม่ได้ยิน ผู้คนนับพันยืนนิ่งจ้องมองดูจอภาพราวกับรูปปั้น ประมวลผลคำพูดที่เพิ่งได้ยิน มันคือความจริงที่เย็นชาโหดร้ายเกินกว่าจะรับไหว

“จำไว้ให้ดีนะครับ... การตายในโลกนี้ ไม่ได้นำไปสู่ความสงบสุข แต่มันจะเปลี่ยนคุณไป... ตลอดกาล”

คำพูดสุดท้ายดังก้องอยู่ในอากาศ ท่ามกลางความตื่นตระหนกที่ยังคงคุกรุ่น 

กริ๊ง กริ๊ง!

จู่ๆ เสียงอันแหลมเล็กก็ดังขึ้นพร้อมกันจากทุกทิศทาง เสียงนั้นไม่ใช่เสียงแปลกประหลาด แต่มันคือเสียงแจ้งเตือนที่คุ้นเคย

กริ๊ง กริ๊ง!

กริ๊ง กริ๊ง!

กริ๊ง กริ๊ง!

มือถือทุกเครื่องที่ยังอยู่ในกระเป๋าเสื้อของเหล่าผู้คนที่ปรากฏตัวขึ้นมาในเมืองแห่งนี้ สว่างวาบขึ้นพร้อมกันเป็นสีแดงก่ำ ก่อนจะปรากฏข้อความบนหน้าจออย่างชัดเจนถึงแม้บางเครื่องจะแตกหักหรือมีรอยร้าว

[ เกมกำลังจะเริ่มในอีก 1 ชั่วโมง ]

“อะไรกันอีกล่ะเนี่ย!?” ชายวัยกลางคนคนหนึ่งอุทาน ใบหน้าซีดเผือดขณะจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์ที่สว่างวาบในมือของเขา

“หมายความว่ายังไง!?”

“เกมกำลังจะเริ่มในอีกหนึ่งชั่วโมง...”

“เกมบ้าบออะไรกัน! ไม่เล่นโว๊ย!”

“ใช่ ใครจะเล่นก็เชิญ! พากูกลับบ้านเดี๋ยวนี้!”

เสียงแตกตื่นดังระงม ผู้คนต่างยกมือถือขึ้นมาดู บางคนพยายามกดหน้าจอ ไม่ก็กดโทรออก หรือส่งข้อความหาใครสักคนแต่ไร้ประโยชน์ สัญญาณโทรศัพท์ดับสนิท มือถือทุกเครื่องกลายเป็นเพียงเครื่องมือที่แสดงข้อความประหลาดนี้เท่านั้น ไม่สามารถปัดทิ้ง หรือปิดมันได้

“บ้า! บ้าไปแล้ว!” หญิงสาวคนหนึ่งกรีดร้อง น้ำตาคลอเบ้า

“ฉันไม่อยากเล่นเกมบ้าๆ นี่!”

“เอาฉันออกไป! พาฉันกลับบ้านที!”

“เห้ย! ใครก็ได้ช่วยที”

ความตื่นตระหนกแปรเปลี่ยนเป็นความสับสนที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น พวกเขาถูกโยนเข้ามาในสถานที่ที่ไม่รู้จัก ถูกบังคับให้เข้าร่วมเกมที่เดิมพันด้วยชีวิต ตอนนี้พวกเขามีเวลาเตรียมตัวเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น ความหวาดกลัวที่ปะทุขึ้นมาใหม่ในใจของผู้คนทุกคนหนักอึ้งกว่าเดิม

สถานที่คล้ายเมืองกรุงแห่งนี้กำลังจะกลายเป็นลานประหารแห่งใหม่ที่เดิมพันด้วยชีวิตของพวกเขาเองในไม่ช้า