"เมื่อคำทำนายจากไพ่ทาโรต์นำไปสู่การล่มสลายของอาณาจักร เจ้าหญิงผู้หยั่งรู้อนาคตจำต้องเดินทาง เพื่อแก้ไขชะตา... และเผชิญหน้ากับความรักต้องห้ามที่ไม่ควรเกิดขึ้น"
แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ยุคกลาง,รัก,ผจญภัย,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ARCANA คำทำนายแห่งโชคชะตา"เมื่อคำทำนายจากไพ่ทาโรต์นำไปสู่การล่มสลายของอาณาจักร เจ้าหญิงผู้หยั่งรู้อนาคตจำต้องเดินทาง เพื่อแก้ไขชะตา... และเผชิญหน้ากับความรักต้องห้ามที่ไม่ควรเกิดขึ้น"
คำนำนักเขียน
สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับเข้าสู่เรื่อง Arcana คำทำนายแห่งโชคชะตา เรื่องนี้ผลงานเรื่องแรกของเราเอง (ฮา) ถือซะว่าเป็นการงานผลอ่าน พร้อมๆ กับการเฝ้าดูการเติบโตของเราเอง >< โดยเนื้อเรื่องจะกล่าวถึง การใช้ไพ่ทาโรต์ในการทำนายดวง มีการรีเสิร์ชข้อมูลเกี่ยวกับไพ่ ตำนาน ความหมายต่าง ๆ และมีการแต่งเสริมเพื่อความอรรถรสในการอ่าน จินตนาการเรื่องราวอีกด้วย
ความคิดเห็นจากนักอ่านทุกท่าน คือ กำลังใจและคำชี้แนะของเรา ขอขอบคุณไว้ล่วงหน้านะคะ โดยเรื่องนี้เราจะทดลองลงเป็นตอน ทั้งหมดประมาณ 10 ตอน เพื่อดูแนวโน้มของนิยายเรื่องนี้ในอนาคต หลังจากนั้นเราก็จะทำเป็น E-book โดยมีทั้งหมด 22 ตอนนั้นเอง
รบกวนนักอ่านทุกๆ ท่าน เอ็นดู และสนับสนุนเราด้วยนะคะ
รักทุกท่านที่กำลังเปิดอ่านหน้านี้
เงาเวลา
รุ่งเช้าวันถัดไป...
ทั้งคู่มาถึงหน้าหอสมุดประจำเมือง ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่กลางย่านเมืองของคนร่ำรวย ด้วยอาคารสร้างจากหินอ่อนสีเทาอ่อน ผนังด้านหน้าเป็นลายแกะสลักรูปสัญลักษณ์เหรียญเงินตรา เมื่อผลักประตูโอ๊คหนาเข้าไป เสียงบานพับเก่าดังเอี๊ยดเบา ๆ กลบด้วยกลิ่นของกระดาษเก่าและหมึกแห้งที่อบอวลอยู่ในอากาศ ภายในหอสมุดตกแต่งอย่างสง่างาม เสียงฝีเท้าของเอลาร่าและลูเซียดังก้องสะท้อนในโถงห้องอันกว้างใหญ่ เบื้องหน้าคือโต๊ะทำงานของบรรณารักษ์
“สวัสดีค่ะ...เพิ่งเคยเห็นนะคะเนี่ย...มาจากที่ใดรึคะ”
หญิงสาวชาวพื้นเมืองเอ่ยทักทายพวกเขาด้วยความแปลกประหลาดใจ
“พวกเรามาจากดินแดนแห่งดาบ...เห็นว่าที่นี่มีหนังสืออยู่มากมาย”
เอลาร่าเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ปกติและเป็นมิตร ท่าทางของเธอยังคงนิ่งสงบอยู่เสมอ ในขณะที่ลูเซียคอยมองไปรอบ ๆ ของหอสมุด
“ถ้าอย่างนั้นเชิญเลยค่ะ...หอสมุดเรามีทั้งหมดสองชั้นนะคะ”
หญิงสาวบรรณารักษ์เอ่ยตอบ พลางผายมือออกไปเพื่อแนะนำลูกค้าที่เขามาใช้บริการ ยังไม่ทันที่พวกเอลาร่าจะหมุนตัวออกไปสำรวมหอสมุด บรรณารักษ์ก็เอ่ยบางอย่างขึ้นมาก่อน...
“ส่วนชั้นใต้ดินตอนนี้ห้ามเข้าอยู่นะคะ”
เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือน้อย ๆ ส่งผ่านความกลัวบางอย่างผ่านแววตา ใบหน้าเริ่มเหยเกไปมา ราวกับว่าจะปกปิดบางอย่าง เอลร่าขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น
“เกิดอะไรขึ้นรึเปล่าคะ”
แววตาของเธอจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของบรรณารักษ์ ราวกับจะค้นหาความลับบางอย่างที่ถูกซ่อนอยู่ ลูเซียที่ยืนอยู่ข้าง ๆ สังเกตเห็นความผิดปกติเช่นกัน แต่ก็ปล่อยให้เอลาร่าเป็นผู้พูดนำ...
“ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ...พอดีว่ากำลังปรับปรุงอยู่”
เสียงของบรรณารักษ์สาวสาวไหว คำพูดนั้นเปล่งออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไร้ความมั่นคง ร่างของเธอสั่นเล็กน้อย ราวกับต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการควบคุมตนเอง ดวงตาของเธอเบนหนีจากสายตาสีฟ้าน้ำทะเลของเอลาร่า ที่จ้องมองลึกเข้าไปไม่ลดละ เอลาร่าไม่ได้ขยับตัวแม้แต่น้อย แต่พลังจากแววตาของเธอกลับบีบคั้นบรรยากาศโดยรอบ ให้ตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ ลูเซียที่ยืนอยู่ข้างหญิงสาวก็รับรู้ถึงบรรยากาศที่เริ่มเปลี่ยนแปลง เสียงเย็นเฉียบเอ่ยขึ้นมา...
“ทราบแล้วค่ะ”
เอลาร่าเลือกที่จะตอบออกไปเช่นนั้น เธอไม่อยากให้หญิงสาวตรงหน้าหวาดกลัวไปมากกว่านี้...
“งั้นเชิญเพลิดเพลินได้ตามสบายเลยนะคะ”
เสียงของบรรณารักษ์ยังคงสั่นเครือด้วยความกลับ แต่ต้องยิ้มแย้มบริการลูกค้าต่อไป...เสียงฝีเท้าของทั้งคู่เริ่มออกเดินสำรวจ
“ลูเซียเจ้าไปดูชั้นสอง...ข้าจะดูชั้นนี้เอง”
เอลาร่าเอ่ยกับลูเซีย พลางชี้ไปที่ชั้นสองของหอสมุดไม้
“เข้าใจแล้ว”
ลูเซียเอ่ยตอบกลับ และหมุนตัวหันหลังเดินออกไป แต่สายตาของเขายังคงจับจ้องที่หญิงสาวที่กำลังเดินสำรวจหนังสืออยู่ เธอคง...จะหาทางไปที่ชั้นใต้ดินสินะ...นั้นคือสิ่งที่ลูเซียคิดอยู่ตอนนี้
ผ่านไปครึ่งวัน...
เสียงถอดหายใจเบา ๆ มาจากชั้นสอง ตามด้วยเสียงฝีเท้าหนักแน่นแต่ไม่เร่งรีบ ที่ดังเป็นจังหวะลงมาตามบันไดไม้เก่า
“เอลาร่าข้าไม่เจออะไรเกี่ยวกับไพ่ทาโรต์เลย...”
ลูเซียเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ปนเปด้วยความผิดหวังเล็กน้อย เขาเดินมาหยุดยืนข้างเจ้าหญิง ก่อนจะปรายตามองรอบ ๆ ด้วยแววตาสงสัย ทุกเล่มที่เจอเป็นเพียงแค่ตำราทั่วไป เอลาร่ายังคงยืนนิ่งเงียบ ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลยังคงมองไปที่หนังสือที่เธอถืออยู่ ไม่นานเสียงปิดหนังสือก็ดังขึ้น ก่อนที่เธอจะเอ่ยขึ้น ด้วยสีหน้าที่ผิดหวัง
“ข้าก็ด้วย...แต่ว่าข้าสงสัยเรื่องชั้นใต้ดิน”
เอลาร่ากล่าวพลางวางหนังสือในมือลงอย่างแผ่วเบา แล้วหันกลับมาสบตาลูเซียอีกครั้ง
“ข้าก็ด้วย...บางทีชั้นนั้นอาจมีหนังสืออยู่บ้างก็ได้”
ลูเซียเอ่ยขึ้นด้วยความคิดเช่นเดียวกับ สาเหตุจากการกระทำที่แปลกประหลาดของบรรณารักษ์สาวที่เข้ามาต้อนรับพวกเขา ความรู้สึกบางอย่างที่อยู่ใต้ดินกำลังดึงดูดพวกเขา
“ตามข้ามา”
น้ำเสียงที่เรียบเรื่อยของเอลาร่า แต่แฝงไปด้วยความมุ่งมั่น ลูเซียจึงก้าวตามมาโดยไม่ลังเล หญิงสาวค่อย ๆ หยิบถุงผ้ากะหยี่เล็ก ๆ ที่แนบอยู่เอวของเธอออกมา
“นี่เจ้าจะลองใช้ไพ่ที่นักเล่นกลให้มาอย่างนั้นรึ
ลูเซียถามด้วยความสงสัยปนห่วงใย เอลาร่าหยิบไพ่ใบหนึ่งออกมาอย่างช้า ๆ ปลายนิ้วสัมผัสขอบกระดาษแข็งราวกับสัมผัสสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เสียงลมหายใจเธอเบาลง
“ข้าจะลองถามไพ่ดู...”
น้ำเสียงที่เริ่มเย็นเฉียบกลับมาอีกครั้ง ใจเต้นแรงแต่สายตากลับมั่นคง เธอไม่รู้แน่ชัดว่าไพ่จะนำทางจริงหรือไม่ แต่ในเวลานี้ เธอไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีไปกว่านี้แล้ว
“สวัสดีเจ้าหญิง...ไม่คิดว่าเราจะได้เจอกันเร็วอย่างนี้”
เสียงที่คุ้นหูแผ่วเบา ดังกังวานออกมาจากไพ่ที่เอลาร่าถือไว้ในมือ แสงสีขาวเรืองรองสาดส่องไปทั่วไปห้อง ราวกับแสงจันทร์ในยามราตรี ร่างของหญิงสาวในชุดคลุมยาวสีเทา ปรากฏขึ้นกลางแสงนั้น นัยน์ตาสีทองของเธอจับจ้องมาที่เจ้าหญิงอย่างแน่วแน่
“เดี๋ยวนะ...นี่มันนักเล่นกล...แล้วทำไมถึงออกจากไพ่?”
ลูเซียเอ่ยอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ หญิงสาวในชุดคลุมยาวยิ้มบาง
“ก็เพราะว่าข้า...เป็นจิตวิญาณที่มาจากไพ่อย่างไรเล่า”
“เอลาร่าเจ้ารู้อยู่แล้วอย่างนั้นรึ”
ลูเซียหันไปสบตาเอลาร่าด้วยแววตาที่ไม่เข้าใจ เอลาร่าเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง...
“ข้าแค่รู้สึกพลังงานโบราณจากตัวเธอ...แต่ไม่คิดว่าเจ้าจะเป็นไพ่ทาโรต์”
เอลาร่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น ก่อนจะเบือนสายตาเลี่ยงไปจากลูเซีย คล้ายคิดทบทวนอะไรบางอย่าง ทว่า...ยังไม่ทันที่เธอจะเอ่ยถามอะไรจาก นักเล่นกล เสียงของลูเซียก็ดังขึ้นขัดจังหวะ
“ข้าได้ยินเสียงแปลก ๆ เจ้าได้ยินอะไรบ้างหรือไม่”
เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเข้มจริงจัง แววตาเคร่งเครียดที่ไม่อาจปิดบังได้ ใบหน้าของเขาเริ่มซีดเผือก ราวกับสัมผัสได้ถึงสิ่งที่ผิดปกติบางอย่าง เอลาร่าคิ้วขมวด หันกลับมามองที่เขา
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
เสียงของเธอแฝงไปด้วยความระแวง ขณะเดียวกันก็เริ่มเงี่ยหูฟัง ในความเงียบงันนั้น แต่กลับไม่ได้ยินเสียงใดแม้แต่น้อย นอกจากเสียงลมที่ลอดผ่านหน้าต่าง
“เจ้าหญิง...ท่านไม่ลองไปตามเสียงนั้นดูละ”
นักเล่นกลเอ่ยขึ้น พลางชี้นิ้วไปที่ทางเข้าของชั้นใต้ดิน เอลาร่ากลับหันมาสบตาลูเซียอีกครั้ง เขาพยักหน้ารับ และนำเดินเธอไปตามเสียงที่เขาได้ยิน
“งั้นข้าลา...”
เสียงของนักเล่นกลค่อย ๆ เลือนหายไปพร้อมกับสายลมที่พัดผ่านเบา ๆ เสียงฝีเท้าของทั้งสองดังเป็นจังหวะชัดเจน ก่อนจะหยุดลงหน้าประตูบางหนึ่งซึ่งมีป้ายแขวนไว้ว่า “พื้นที่กำลังปรับปรุง ห้ามเข้า” ทันใดนั้นเอง สายลมหนาวเย็นจากที่ใดก็ไม่อาจทราบ พัดวูบเข้ามากระทบผิวหนัง ราวกับมือเย็นเฉียบลูผ่านต้นคอ ทำให้ทั้งคู่รู้สึกขนลุกพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย
“ในที่สุด...พวกเจ้าก็มาถึง”
เสียงเย็นยะเยือกแววขึ้นจากเบื้องล่างของทางเข้าชั้นใต้ดิน ลมหายใจของทั้งสองชะงักครู่หนึ่ง ก่อนจะก้าวลงบันไดอย่างระมัดระวัง ยิ่งลึกลงไปความมืดยิ่งหนาขึ้น กลืนกินทุกแสงสว่าง แต่ไม่นาน สายตาทั้งคู่เริ่มปรับให้ชินกับความสลัวราวท่ามกลางเงาดำทีทอดตัวตามผนังหิน พวกเขาสังเกตเห็นบางสิ่ง....
นัยน์ตาสีทอง
เปล่งแสงออกมา ทว่าคมกริบราวจะมองทะลุจิตใจ สะท้อนแสงคล้ายดวงดาวในคืนจันทร์ จ้องตรงมาหาพวกเขาไม่กระพริบ
“เจ้าเป็นใคร”
เอลาร่าก้าวขึ้นมาหนึ่งก้าว ก่อนเอ่ยเสียงดังออกไปกลางความเงียบ แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น แต่ทว่าน้ำเสียงของเธอกลับมั่นคง ลูเซียยังคงยืนอยู่ข้างเธอ สายตาไม่ละไปจากนัยน์ตาสีทองที่จ้องตอบมา เขากำด้ามดาบแน่นกว่าเดิม
“อาวีธา...ผู้เฝ้าความรู้ และความลับของโลกนี้”
เจ้าของนัยน์ตาสีทองกล่าวโต้ตอบ พร้อมก้าวเท้าออกมาในความมืด ร่างสูงสง่าปรากฏขึ้นมาอย่างชัดเจน หญิงสาวในชุดคล้ายเครื่องแบบราชวงศ์ ผมยาวสีดำขลับสยายเหนือบ่า ตัดกับผิวขาวซีดราวหิมะยามราตรี
“นั้นคือเสียงที่ข้าได้ยิน...”
ลูเซียเอ่ยทันทีหลังได้ยินเสียงแนะนำตัวจากหญิงสาวลึกลับ เอลาร่าหันไปมองลูเซียชั่วขณะ ดวงตาของเธอฉายแววลังเล ก่อนจะหันกลับไปสบตากับหญิงสาวตรงหน้าอีกครั้ง และเอ่ยความในใจที่สงสัยออกไป
“เจ้าคือ...The high priestess ใช่หรือไม่”
หญิงสาวนัยน์ตาสีทองชะงักไปเพียงชั่วครู่ ดวงตาเปล่งประกายวูบไหวไปมา เธอคลี่ยิ้มบาง ๆ ที่แฝงด้วยความลับ แล้วเอ่ยด้วยเสียงนุ่มทว่าแฝงไปด้วยอำนาจ
“เจ้าจะเรียกข้าอย่างนั้นก็ได้...”
“ตามมาที่ห้องใต้ดิน”
หญิงสาวเอ่ยขึ้นเชิญพวกเขาทั้งคู่ ทั้งเอลาร่าและลูเซียไม่ได้ลังเลแม้แต่น้อย สายตาทั้งคู่สบกัน ก่อนจะก้าวตามเธอเข้าไปโดยไม่มีคำถามใดหลุดจากปาก เส้นทางทอดยาวเบื้องหน้าคล้ายจะนำไปสู่ความลับที่ถูกเก็บง่ำ
“เจ้ากำลังตามหาไพ่นั้นอย่างนั้นรึ”
หญิงสาวหยุดลงท่ามกลางกองหนังสือมากมายที่รายล้อมอยู่ ในห้องไม่มีหน้าต่างเลยแม้แต่น้อย แต่กลับรู้สึกหนาวเย็นอย่างบอกไม่ถูก...
“เจ้าคงรู้แล้วสินะ”
เอลาร่าเอ่ยตอบหญิงสาวตรงหน้า แม้คาดการณ์ไว้แล้วว่าไม่จำเป็นที่จะบอกเล่าเรื่องราวใด เธอก็สามารถรับรู้ได้
“ไม่มีสิใดที่ข้าไม่รู้...แล้วเจ้าอยากรู้เรื่องใดถึงได้มาที่นี่”
หญิงสาวเอ่ยพร้อมรอยยิ้มบางบนริมฝีปาก นัยน์ตาสีทองทอแสง มองตรงมายังทั้งสอง
“ข้าอยากรู้เบาะแส...กับจุดมุ่งหมายของมัน”
เอลาร่าเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ หญิงสาวตรงหน้าพยักหน้าตอบรับเบา ๆ
“ได้...แต่ว่า...จงรู้ไว้ ว่าทุกคำตอบ มีราคาของมัน”
เสียงของหญิงสาวดังก้องในความเงียบ ราวกับคำพิพากษาที่ถูกตรึงไว้ในอากาศ ลูเซียขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ยังคงเงียบ ไม่แทรกใด ๆ ปล่อยให้เป็นการตัดสินใจของเอลาร่า
“เจ้าต้องการสิ่งใด”
เอลาร่าเอ่ยถามไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง เธอสัมผัสได้ถึงแรงกดดันบางอย่างที่กำลังคืบคลานเข้ามา
“เจ้าหญิงแห่งห้วงอนาคต...จงเปิดเผยความลับหนึ่งอย่างจากใจของเจ้า”
หญิงสาวผู้เป็นเจ้าของนัยน์ตาสีทองยิ้มเพียงนิด ก่อนเอ่ยถ้อยคำนั้นด้วยเสียงที่อ่อนโยนแต่ทรงอำนาจ
“สิ่งที่เจ้าปกปิด...แม้แต่ตนเองยังไม่กล้าเผชิญ”
หัวใจของเอลาร่าเต้นแรงโดยไม่รู้ตัว ความพูดนั้นได้สะกิดบาดแผลเก่าบางอย่าง เธอหลุบตาลงเล็กน้อย นิ้วมือทั้งสองข้างกำแน่น เงาสะท้อนในดวงตาสั่นระริก
“ส่วนเจ้า...มือกฎหมายเอ่ย ผู้ต่อต้านโชคชะตา”
ลูเซียสะดุ้งกับเสียงนั้น เผลอยืดตัวขึ้นตรง...
“จงมอบสิ่งที่เจ้ากลัวว่าจะหายไปตลอดกาล”
ชายหนุ่มคิ้วขมวดขึ้นอีกครั้ง ทำหน้าสงสัยในคำพูดของเธอ ไม่นานเสียงเล็กแหลมของหญิงสาวข้างกายเขา ก็เอ่ยขึ้น...
“ข้าเคย...ทำนายอาการประชวรของท่านพ่อ แต่ข้าไม่เคยจะบอกท่าน”
“จนท่านประชวรทำให้...งานในอาณาจักรเกิดปัญหาอยู่คราหนึ่ง”
เอลาร่าหลับตาลงช้า ๆ พลางสูดลมหายใจเข้าลึก ภาพเหตุการณ์ในอดีตฉายวาบขึ้นมาในห้วงความคิด ความเจ็บปวดที่ไม่เคยจางหาย ลูเซียยืนนิ่งไปชั่วขณะ เขาล้วงมือเขาไปในกระเป๋ากางเกงอย่างช้า ๆ ก่อนจะหยิบบางสิ่งออกมา...
“สิ่งนี้...เป็นของแม่ข้า”
ชายหนุ่มเอ่ยเบา ๆ ขณะเปิดกล่องเผยให้แหวนวงน้อย เรียบง่าย แต่เปี่ยมไปด้วยความหมาย แหวนวงนั้นเคยเป็นของหญิงที่เขารักและผูกพันที่สุด เพียงชั่วพริบตาสีหน้าเขาเริ่มเปลี่ยนไป
“แต่ว่า...ข้าไม่ความทรงจำเกี่ยวกับพวกท่านเลย...หากข้าสูญเสียมัน”
“ข้าคงไม่มีสิ่งใดที่จะระลึกถึงตัวตนของข้าได้”
เสียงของเขาแผ่วลง คล้ายลมหายใจที่หลุดรอดจากความเหนื่อยล้าในใจ หญิงสาวเจ้าของนัยน์ตาสีทอง พยักหน้าลงช้า ๆ แล้วยิ้มออกมาอย่างพอใจ
“พอแล้ว...ราคานั้นเท่าเทียมแล้ว”
เธอยื่นมือออกมารับแหวนวงนั้นจากลูเซีย
“ถือว่าข้าเห็นใจพวกเจ้า...ข้าจะเล่าให้ฟัง”
เธอกลับมาสบตาพวกเข้าอีกครั้ง...แล้วเอ่ยในสิ่งที่พวกเขาอยากรู้
“เจ้าหญิงคงจะรู้เรื่องบทบาทหน้าที่อาณาจักรของท่านสินะ”
“ข้าพอรู้มาบ้าง”
เอลาร่าเอ่ยตอบไป และเรื่องราวก็เริ่มต้นขึ้น
“เมื่อนานมาแล้ว...มิติเวลาแห่งนี้ได้ถือกำเนิดขึ้น....
“มีพลังของผู้พิทักษ์ ทั้ง ยี่สิบสอง คอยส่งพลังให้กับโลกนี้”
“เนื่องจากขั้วอำนาจไม่อาจสมดุล...มิตินี้จึงถูกแบ่งออกเป็นสองดินแดน”
“ดินแดนไมเนอร์อันคาน่า...มีอาณาจักรเอลเรสเทียปกครอง... ”
“ซึ่งก็คืออาณาจักรของเจ้าหญิง”
หญิงสาวผายมือออกมาทางเอลาร่า
“ในอาณาเขตของข้า...มีสองอาณาจักรที่อยู่ใต้การปกครอง”
“ซึ่งเป็นอาณาเขตปกครองตนเอง...นั้นก็คือ... ”
“อาณาจักรวาเรซิน ดินแดนแห่งดาบ”
“อาณาจักรโซลาริน ดินแดนแห่งเหรียญ”
เอลาร่าเล่าเรื่องราวต่อออกมา จากการที่ได้ร่ำเรียนบทเรียน เมื่อตอนที่เป็นเจ้าหญิง
“ถูกต้องอย่างที่ท่านได้กล่าวมา”
ลูเซียเอียงคอด้วยความสงสัย แล้วเอ่ยถามออกไป
“แล้วดินแดนใหญ่อีกดินแดนละ”
“ดินแดนไมเนอร์ อันคาน่า”
“ดินแดนนี้ถูกปกครองโดยอาณาจักรมีรินาเลีย”
“มีอาณาเขตปกครองสองดินแดน”
“ดินแดนแห่งถ้วย...อาณาจักรเนโรเวน”
“ดินแดนแห่งไม้เท้า...อาณาจักรเวนธนา”
หญิงสาวเริ่มส่งสายตาที่จริงจัง สื่อมาทางเอลาร่า
“เจ้าหญิง...หลังจากที่ผนึกของ The devil ถูกปลดออกมา”
“ผู้พิทักษ์ทั้งยี่สิบสองตนก็กระจัดกระจายออกไปตามดินแดนต่าง ๆ ”
“ทางเดียวที่จะผนึก The devil คือการรวบรวมไพ่ทั้งยี่สิบสอง”
เสียงของหญิงสาวดังก้องวานในห้องใต้ดิน เผยความจริงที่ทุกคนต่างรอคอย คำตอบที่ทำให้เอลาร่าและลูเซียต่างรู้สึกมีความหวัง แม้หนทางจะยากเย็น
“แล้วข้า...จะรู้ได้อย่างไรว่าไพ่แต่ละใบอยู่ที่ไหน”
ลูเซียกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง พลางหันไปสบตากับเอลาร่า หญิงสาวนัยน์ตาสีทองส่ายหน้าเบา ๆ
“ตอนนี้ข้าไม่สามารถบอกท่านได้...แต่จงรู้ไว้ว่า...”
“พวกเรารอที่จะได้พบกับนายท่านคนใหม่”
หญิงสาวนัยน์ตาสีทองพูดด้วยเสียงที่อ่อนโยน มองมาที่เอลาร่า เธอชะงักเล็กน้อย ก่อนจะถามกลับ...
“หมายถึงข้าหรอ”
หญิงสาวพยักหน้าตอบกลับหญิงสาว แล้วยืนไพ่ใบหนึ่งออกมาให้เธอ
“จงเก็บไพ่ใบนี้ไว้...ข้าจะคอยเฝ้ามองท่านผ่านทางไพ่ใบนี้”
เอลาร่ารับมันมาด้วยสองมือ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่ายด้วยแววตาแน่วแน่
“แล้วอีกอย่าง...”
หญิงสาวเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
“ข้าว่าท่านควรรีบตามหาไพ่ใบอื่นให้เร็วที่สุด...”
“ก่อนที่ the devil จะหาพบก่อน”
“มันจะทำลายไพ่เพื่อไม่ให้ตนเองถูกผนึกอีกครั้ง”
เอลาร่าพยักหน้าช้า ๆ
“ข้าเข้าใจแล้ว...ขอบคุณมาก”
หญิงสาวยิ้มบาง ๆ ก่อนจะโค้งเล็กน้อย ไม่นานร่างของเธอก็หายไปในเงามืด พร้อมเสียงที่ดังกังวานออกมา
“ยินดีเสมอนายคนใหม่”
เอลาร่าก้มมองไพ่ในมือ ก่อนจะเก็บมันลงกระเป๋า แล้วเงยหน้าขึ้นหันไปหาลูเซีย
“ลูเซีย...เจ้ากลับไปก่อนก็ได้นะ...ข้าอยากอยู่ที่นี่อีกสักพัก”
ชายหนุ่มมองเธอครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“ได้สิ...งั้นข้าจะไปรอเจ้ามาทานมื้อเย็นด้วยกัน”
เสียงฝีเท้าของลูเซียค่อย ๆ ห่างออกไป จนกระทั่งความเงียบเข้าปกคลุม เอลาร่าหันมามองชั้นหนังสือเบื้องหน้า สายตากวาดมองผ่านตัวอักษรนับร้อยอยู่ในความเงียบสงัด เธอบ่นพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ราวกับต้องการปลุกความกล้าภายในใจ
“บางทีข้าควรอยู่ที่โซลารินอีกสักหน่อย...พลังงานของไพ่โบราณามันแรงมาก”
ในอีกมุมหนึ่งของเมือง...ลูเซียกำลังเดินกลับที่พัก ทว่าคำพูดหนึ่งจากหญิงสาวนัยน์ตาสีทองยังคงวนเวียนในห้วงความคิดของเขา
“ส่วนเจ้า...ท่านแม่ของเจ้าไม่เคยทอดทิ้งเจ้าเลยนะ”
เขาชะงักเล็กน้อย หยุดมองท้องฟ้ายามเย็นที่เริ่มเปลี่ยนสี แล้วคำพูดอีกประโยคหนึ่งก็ตามในหัว
“บางทีเจ้าควรไปที่อาณาจักรมีรินาเลียดู”
เสียงของหญิงสาวนัยน์ตาสีทองยังคงสะท้อนอยู่ในใจของลูเซีย
“อาณาจักรมีรินาเลียงั้นหรือ...”
เขาพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ขณะเดินทอดเท้ากับที่พัก
“ราชวงศ์ของที่นั่น...ขึ้นชื่อเรื่องความลึกลับอยู่ไม่น้อย”
เขาหยุดคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยต่อในใจ
“แถมยังมีข่าวลือว่า...องค์ชายของพวกเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอยอีกต่างหาก...”
“ลูเซีย...ลูเซีย...”
เสียงแผ่วเบาดังแทรกเข้ามาในห้วงความคิด คล้ายกับสายลมกระซิบผ่านข้างหู ทว่าแฝงด้วยพลังบางอย่างที่ดึงดูดจนเขาไม่อาจเมินเฉย
“นั้นใครน่ะ...”
เขาพูดพึมพำออกมาเบา ๆ แต่ขากลับก้าวไปข้างหน้าโดยไม่รู้ตัว หัวใจเริ่มเต้นช้าลง เหมือนกำลังเข้าอยู่ในภวังค์บางอย่าง ดวงตาเหม่อลอย มือของเขายื่นออกไปข้างหน้าราวกับกำลังถูกใครเชื้อเชิญ....