"เมื่อคำทำนายจากไพ่ทาโรต์นำไปสู่การล่มสลายของอาณาจักร เจ้าหญิงผู้หยั่งรู้อนาคตจำต้องเดินทาง เพื่อแก้ไขชะตา... และเผชิญหน้ากับความรักต้องห้ามที่ไม่ควรเกิดขึ้น"
แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ยุคกลาง,รัก,ผจญภัย,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ARCANA คำทำนายแห่งโชคชะตา"เมื่อคำทำนายจากไพ่ทาโรต์นำไปสู่การล่มสลายของอาณาจักร เจ้าหญิงผู้หยั่งรู้อนาคตจำต้องเดินทาง เพื่อแก้ไขชะตา... และเผชิญหน้ากับความรักต้องห้ามที่ไม่ควรเกิดขึ้น"
คำนำนักเขียน
สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับเข้าสู่เรื่อง Arcana คำทำนายแห่งโชคชะตา เรื่องนี้ผลงานเรื่องแรกของเราเอง (ฮา) ถือซะว่าเป็นการงานผลอ่าน พร้อมๆ กับการเฝ้าดูการเติบโตของเราเอง >< โดยเนื้อเรื่องจะกล่าวถึง การใช้ไพ่ทาโรต์ในการทำนายดวง มีการรีเสิร์ชข้อมูลเกี่ยวกับไพ่ ตำนาน ความหมายต่าง ๆ และมีการแต่งเสริมเพื่อความอรรถรสในการอ่าน จินตนาการเรื่องราวอีกด้วย
ความคิดเห็นจากนักอ่านทุกท่าน คือ กำลังใจและคำชี้แนะของเรา ขอขอบคุณไว้ล่วงหน้านะคะ โดยเรื่องนี้เราจะทดลองลงเป็นตอน ทั้งหมดประมาณ 10 ตอน เพื่อดูแนวโน้มของนิยายเรื่องนี้ในอนาคต หลังจากนั้นเราก็จะทำเป็น E-book โดยมีทั้งหมด 22 ตอนนั้นเอง
รบกวนนักอ่านทุกๆ ท่าน เอ็นดู และสนับสนุนเราด้วยนะคะ
รักทุกท่านที่กำลังเปิดอ่านหน้านี้
เงาเวลา
"เพราะความหวังย่อมมีราคาเสมอ..."
สองปีก่อน....
อาณาจักรในช่วงมิติเวลา “เอลเรสเทีย” ดินแดนที่รุ่งเรืองที่สุดในดินแดนทั้งหก เมืองหลวงเรืองรองด้วยกลิ่นอ้ายเวทมนตร์ แสงพระอาทิตย์ และแสงจันทร์ที่คอยปกป้อง คุ้มครองประชาชนของเมือง ให้พ้นจากเงามืด กล่าวถึงคำทำนายโบราณที่สืบทอดต่อกันมา ผ่านราชวงศ์ผู้หยั่งรู้อนาคตด้วยไพ่ทาโรต์
แต่แล้วคำทำนายหนึ่งก็เปลี่ยนทุกสิ่ง
“ เมื่อดวงอาทิตย์หายไปในเงาแห่งตน
เจ้าหญิงจะเลือกทางผิดเพียงหนึ่ง
สองจักรวาลจะทับซ้อน อาณาจักรทั้งหกเริ่มสั่นคลอน
และอาณาจักรจะดับสูญในเปลวไฟเวลา”
เมื่อวันเกิดครบอายุ สิบหกปี ของเจ้าหญิงเอลาร่า คอร์ลัม อันคาน่า ได้เข้าพิธีพิสูจน์สายเลือดราชวงศ์ ผ่านการทำนายผ่านไพ่ทาโรต์ครั้งแรกเธอ ชาวเมืองต่างเฝ้าตารอที่จะได้ฟังคำทำนายจากเจ้าหญิงอันเป็นที่รักของพวกเขา
สามวันก่อนเริ่มพิธี....
สถานที่ที่เต็มไปด้วยพลังงานจากพระอาทิตย์ พระจันทร์ และดวงดาว ลานพิธีที่ถูกเขียนวงแหวนเวทอักษรโบราณ เด็กสาวร่างเพรียวกำลังร้อนรนอยู่บนลานพิธี ความตื่นเต้นและความคาดหวังจากคนรอบข้าง ทำให้หัวใจเต้นแรงราวกับเสียงกลองตามงานเฉลิมฉลองที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ
“ทำไงดี...ถ้าฉันจำความหมายของไพ่แต่ละใบไม่ได้ละ”
เจ้าหญิงผมยาวสะท้อนแสงสีเหลืองทอง สวมชุดสีขาวบริสุทธิ์ นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลเต็มไปด้วยความกังวล บ่นด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรนกับพระสหายชาวบ้านของพระองค์ แม้ว่าสายตาจะมองเพ่งสมาธิไปที่หนังสือเล่มหนา ๆ บนแท่นพิธี
“ใจเย็น ๆ สิ เจ้าหญิง...คนเราก็มีผิดพลาดกันได้นะ”
สาวผมสีดำสั้นประบ่า แต่งกายด้วยชุดเรียบง่ายแบบชาวบ้าน ใช้ถ้อยคำธรรมดาเป็นกันเอง เสียงพูดแฝงด้วยความร่าเริงขี้เล่นเล็กน้อย ยิ่งเมื่อได้เห็นองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ ผู้เป็นที่รักของผู้คน กำลังมีท่าทีร้อนรนและเต็มไปด้วยความกังวลในทุกสิ่ง เธอก็ยิ่งอดยิ้มขำเบา ๆ ไม่ได้
“มันต้องไม่มีการผิดพลาดสิ! ทุกคนในราชวงศ์ต่างก็ทำกันได้ทั้งนั้น”
“ถ้าคำทำนายเกิดผิดพลาดขึ้นมา...ให้ฉันทำไง”
“ถ้าฉันอ่านไพ่ไม่ได้ละ”
“ท่านพ่อ ท่านแม่ก็จะผิดหวังในตัวฉัน”
“แต่ท่านก็อ่านความหมาย จำมันมาตั้งสามปีแล้วนะ”
เจ้าหญิงน้อยพรั่งพรูคำถามใส่พระสหายแทบไม่เว้นช่วง หามีเวลารอฟังคำตอบไม่ มือเล็ก ๆ ของเธอก็พลางเปิดหน้าหนังสือเล่มหน้าไปเรื่อย ๆ อย่างร้อนรน
แต่พระสหายของพระองค์ตอบกลับด้วยท่าทีสบายใจ ไม่รู้สึกเดือดร้อนแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามยังดูสนุกกับอาการร้อนรนของเจ้าหญิงเสียด้วยซ้ำ ทั้งที่โดยปกติเป็นคนสุขุม ใจเย็น ไม่แสดงความรู้สึกออกมาง่าย ๆ แต่ครั้งนี้กลับเผลอแสดงอาการของคนที่กังวลอย่างไม่รู้ตัว
“ถึงอย่างนั้นฉันก็ตื่นเต้นอยู่ดี”
เจ้าหญิงพูดพลางใช้มือปิดหนังสือเล่มหนาลง แล้วหันมาจ้องสาวชาวบ้านแทน
“เอาอย่างนี้...หม่อมฉันมีคำแนะนำดีๆ ให้เพคะ”
หญิงสาวยื่นข้อเสนอดี ๆ ช่วยเจ้าหญิงน้อยที่กำลังกังวล และร้อนรนอยู่
“อะไรหรือ...พูดมาเร็วเข้า!”
น้ำเสียงที่ดังกระแทกเข้าหน้าสาวชาวบ้าน ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ในพิธีเราจะใช้ไพ่ ทั้งหมด ห้าใบใช่มั้ยเพคะ
ระหว่างการเลือกไพ่ทำนาย...ท่านก็ทรงเลือกไพ่ มาอีกหนึ่งใบ แล้วซ่อนไว้สิเพคะ
เขาว่ากันว่า ไพ่ใบที่หกจะมีพลังที่คอยช่วยพลังงานในไพ่ทั้งห้าในการทำนาย”
เจ้าหญิงน้อยตั้งใจฟังข้อเสนอด้วยความตั้งใจ และความคาดหวังที่ว่าจะช่วยเธอให้หายกังวลจากเรื่องนี้ไปได้ แต่กลับผุดคำถามขึ้นมาในใจ และเอ่ยมันออกไป
“จริงหรือ...แต่มันจะไม่ทำให้ทำนายไม่คลาดเคลื่อนรึ”
เมื่อพระสหายได้ฟัง ก็ตอบกลับทันควัน
“ไม่หรอกเพคะ! หม่อมฉันอ่านมาจากหนังสือในห้องสมุดเพคะ”
ถือว่าเป็นเคล็ดลับเสริมกำลังใจเพคะ”
เจ้าหญิงน้อยตกใจในความมั่นใจของพระสหายของพระองค์ แม้ว่าในใจนั้นยังเต็มไปด้วยความสงสัยที่ยังค้างคาอยู่ แต่ก็ตอบรับข้อเสนอจากสาวชาวบ้านไป
“อืม...จะลองดูนะ”
คืนในวันงานพิธี...
ท่ามกลางผู้คนที่เบียดเสียดคับคั่งภายในงานพิธีซึ่งแสงจันทร์สะท้อนผืนน้ำทอประกายเจิดจ้า เจ้าหญิงน้อยผู้มีเรือนผมสีทองยาวสลวย ถูกรวบขึ้นอย่างประณีตในทรงผมพิธีการ กำลังนั่งนิ่งสงบอยู่หลังม่านสีกรมท่าที่กั้นจากสายตาผู้คน ชุดพิธีสีแดงทองที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นโอบล้อมร่างเธอไว้อย่างสง่างาม ราวกับเป็นสัญลักษณ์แห่งสายเลือด และในขณะที่เธอจรดใจเข้าสู่สมาธิท่ามกลางความเงียบงันนั้นเอง...
เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาในหัว
[คืนแห่งหายนะเริ่มขึ้นพร้อมสุริยคราสที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ท้องฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นสีเลือด บัลลังก์ถูกโค่น ผู้คนสาบสูญ และเสาหลักแห่งเวทมนตร์พังทลายลง ทายาทแห่งแสง ผู้เป็นเจ้าของโชคชะตา]
เจ้าหญิงหลุดจากการทำสมาธิ เริ่มมีอาการตัวสั่น และความกังวลมากมายก็ผุดออกมา หัวใจเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะด้วยความไม่สบายใจ ไม่นานเธอก็เริ่มพึมพำกับตัวเอง จนกระทั่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังมาจากด้านหน้าของม่าน
“ตอนนี้ได้เวลาอันสมควร ขอเชิญเจ้าหญิงเอลาร่า คอร์ลัม อันคาน่า เพื่อเริ่มพิธีที่สืบทอดต่อกันมาในราชวงศ์ของอาณาจักรเอลเรสเทีย”
เมื่อสิ้นเสียงจากท่านพ่อพูดอันเป็นที่รัก เจ้าหญิงก็สละทิ้งความสงสัย ความหวาดกลัวในใจทิ้งไปจนหมด ลุกออกมาจากที่นั่ง เธอเดินผ่านม่านออกมาอย่างสุขุม ภาพลักษณ์เต็มไปด้วยความมั่นใจ แม้ภายในใจจะเริ่มสั่นไหวอย่างเงียบงัน ราวกับผิวน้ำที่สงบนิ่ง ถูกก้อนหินก้อนเล็กโยนลงกลางใจจนเกิดระลอกคลื่นเบา ๆ
“ข้ามีนามว่าเอลาร่า คอร์ลัม อันคาน่า จะเริ่มพิธีเปิดไพ่เพื่อมอบคำทำนาย และนำความผาสุกมาสู่อาณาจักรเอลเรสเทียของเรา”
เมื่อสิ้นเสียงของหญิงสาว แม้ว่าน้ำเสียงแฝงไปด้วยความกังวลมากมาย สายตาจดจ้องสำรับไพ่ทาโรต์ทำนาย มือขวาเรียวเล็กเริ่มจับสำรับไพ่ขึ้นมา สับไพ่ และกีดไพ่เป็นครึ่งวงกลมบนผ้ากำมะหยี่สีกรม ในหัวของเธอกำลังคิดทบทวนเกี่ยวกับความหมายไพ่ต่าง ๆ และไม่ลืมที่จะทำตามข้อเสนอของพระสหายของเธอ หญิงสาวตั้งใจสมาธิเลือกไพ่ทาโรต์ ออกมา ห้าใบ และแอบหยิบไพ่ใบที่หกซ่อนไว้ เมื่อครบจำนวนไพ่ที่ต้องการ เธอเริ่มเปิดไพ่ ผลที่ออกมาคือ The tower (หอคอยพังทลาย) ,The moon (จันทราแห่งมายา) , The Hanged Man (ชายผู้กลับหัว) , Justice (ความยุติธรรมแปรเปลี่ยน) และ Wheel of Fortune วัฏจักรแห่งชะตา)
แต่ก่อนที่เจ้าหญิงจะได้อ่านความหมายของไพ่ที่เปิดออกมา ความรู้สึกประหลาดบางอย่างพลันแล่นวาบขึ้นในร่างกาย และแล้ว...ถ้อยคำของคำทำนายก็พรั่งพรูออกจากปากของเธอ โดยที่ยังไม่ทันได้ตั้งใจ
“เมื่อดวงอาทิตย์หายไปในเงาแห่งตน
เจ้าหญิงจะเลือกทางผิดเพียงหนึ่ง
สองจักรวาลจะทับซ้อน อาณาจักรทั้งหกเริ่มสั่นคลอน
และอาณาจักรจะดับสูญในเปลวไฟเวลา”
เมื่อสิ้นเสียงของเจ้าหญิงน้อย ท้องฟ้าเริ่มมืดดับลง แสงจันทราที่เคยส่องสว่างกับถูกบดบังด้วยกลุ่มเมฆ กระแสลมเปลี่ยนทิศเกิดลมกระโชก พัดเข้ามาในลานพิธี เสียงคำรามจากเบื้องบนสะท้อนก้องดัง ราวกับโลกทั้งใบกำลังสั่นไหว
“เร็วเข้า! รีบอพยพชาวเมืองไปในที่ปลอดภัย”
เสียงทรงอำนาจนั้นตัดผ่านเสียงลม เสียงฟ้า เสียงความวุ่นวาย ดั่งฟ้าฟาดลงมากลางใจทหารทุกคน เพื่อเรียกสติกลับมา ปฏิบัติตามคำสั่งอย่างไม่รอรี
“เอลาร่าลูก ตั้งสติไว้นะ ตอนนี้รีบหนีไปก่อน”
เสียงของผู้เป็นแม่สั่นเครือแต่หนักแน่น แฝง ทั้งความกลัว ความรัก และคำสั่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ดวงตาเธอสั่นไหว แต่เสียงนั้นชัดเจนพอจะฝ่าความวุ่นวายไปถึงหัวใจของลูกสาว
หลังจากเหตุการณ์สงบลง ชาวบ้านต่างกันแยกย้ายกับบ้านของตนเอง แต่ทว่ายังหลงเหลือเสียงซุบซิบนินทาต่าง ๆ มากมาย เกี่ยวกับคำทำนายของเจ้าหญิงอันเป็นที่รัก ความหวาดกลัวในสิ่งที่ไม่แน่ไม่นอน เริ่มก่อตัวหนาขึ้นภายในจิตใจของชาวเมือง
ในท้องพระโรงที่เงียบสนิท มีเพียงเสียงลมพายุที่ลอดเข้ามาผ่านทางช่องหน้าต่าง เสียงนั้นแทรกผ่านม่านหินเย็นเยียบ ราวคำเตือนจากฟากฟ้า กษัตริย์ และราชินี ทรงพยายามปลอบโยนเจ้าหญิงน้อยผู้สั่นสะท้านอยู่ในอ้อมแขน แม้เธอจะเงียบงัน แต่ในดวงตากลมใสกับเต็มไปด้วยคำถามนับพันที่พยายามจะเปล่งออกมา ทว่า...ความหวาดกลัวกลับแทรกตัวอยู่ในแววตา ก่อนเสียงใดจะเอื้อนเอ่ย
“ท่านแม่ ท่านพ่อ...เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นหรือเพคะ”
ถ้อยคำเปล่งออกมาดังคำกระซิบที่ปะทะกับอากาศเย็นยะเยือกของความไม่แน่นอน เสียงของเจ้าหญิงสั่นเล็กน้อยแต่พยายามควบคุมให้มั่นคง
“พ่อเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”
กษัตริย์ตรัสด้วยน้ำเสียงต่ำและหนักแน่น แต่แฝงไว้ด้วยความสับสน เสียงที่พยายามมั่งคงเพื่อไม่ให้ผู้เป็นลูกตื่นกลัวยิ่งกว่าเดิม แม้ในใจจะเต็มไปด้วยคำถามที่ยังไม่มีคำตอบ
“แม่ก็ด้วย...นี้เป็นครั้งแรกเหมือนกันที่เกิดพายุเช่นนี้ขึ้นในพิธีการ”
ราชินีเอ่ยเสียงเบา ราวกับไม่อยากให้ความจริงนั้นฟังดูน่ากลัวเกินไป น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความอาทร ห่วงใย และกลัวไม่แพ้ใคร แต่ก็ยังพยายามประคองใจเจ้าหญิงไว้ถ้อยคำอ่อนโยน
“พ่อขอถามลูกสาวพ่อหน่อยสิ...ลูกทำไมถึงพูดคำทำนายนั้นออกมาล่ะ”
น้ำเสียงของกษัตริย์อ่อนลงกว่าครั้งไหน ราวกับกลัวว่าคำถามของเขาจะเป็นภาระหนักจนไหล่เล็ก ๆ ขององค์หญิงน้อยแบกรับไม่ไหว ดวงตาคมกร้าวของนักรบผู้เคยผ่านสงครามนับไม่ถ้วน บัดนี้กลับอ่อนละมุนเมื่อมองบุตรี
เจ้าหญิงเงยหน้าขึ้นช้า ๆ ดวงตากลมโตสั่นระริกความสับสนและหวาดหวั่นแทบจะเอ่อล้นออกมาจากเบ้าตา
“ลูก...ลูกก็ไม่รู้เหมือนกันเพคะ...อยู่ ๆ คำพวกนั้นก็เข้ามาในหัวของลูก
ยังไม่ทันที่จะอ่านความหมาย...ปากของลูกก็ขยับไปเองเพคะ”
ถ้อยคำนั้นพรั่งพรูติด ๆ ขัด ๆ แทบจะกลายเป็นเสียงสะอื้น หากแต่เธอยังพยายามกดมันไว้ภายใต้กิริยางดงาม สมกับเป็นองค์หญิง ทว่า...ความกลัวที่ไม่อาจมองเห็นได้กำลังคืบคลานในดวงตาของเธออย่างชัดเจน
คำถามนับพันที่ไร้ซึ่งคำตอบ ยังคงค้างคาในใจของพวกเขา แม้กาลเวลาจะล่วงเลยผ่านไปนานนับเป็นปี และผู้คนต่างพากันลืมเลือนคำทำนายของเจ้าหญิงน้อย กลับไปใช้ชีวิตอย่างปกติสุข ราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น แต่ในความเป็นจริงเบื้องหลังความสงบสุขนั้นผู้นำของพวกเขาไม่เคยหยุดเฝ้าระวัง ด้วยศรัทธาอันหนักแน่นของราชวงศ์ ที่เชื่อมั่นอย่างไม่หวั่นไหวว่าสักวันหนึ่ง...สิ่งนั้น จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ศรัทธาของราชวงศ์มิได้เกิดจากความเชื่อ หากแต่เป็นความกลัว...กลัวสิ่งที่ไม่มีใครกล้าเอ่ยชื่อ กลัวคำทำนายที่บอกเล่าเรื่องราวแห่งหายนะก่อนพิธีจะเริ่ม พวกเขารู้ดีว่านี่ไม่ใช่เพียงถ้อยคำจากปากเด็กน้อย หากเป็นแต่คำเตือน...เตือนจากบางสิ่งที่นอกเหนือการควบคุมของมนุษย์...
แม้ผู้คนจะลืมเลือนไปหมดสิ้น...แต่บนบัลลังก์สีทอง ยังมีสายตาคู่หนึ่งที่ไม่เคยหลับใหล จับจ้องท้องฟ้า จับจ้องกาลเวลา รอคอยเพียงจังหวะเดียว...ที่เงานั้นจะกลับมาขยับอีกครั้ง และเมื่อมันขยับ...โลกทั้งใบจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป
ในช่วงเวลาหลังจากเจ้าหญิงกลับมาในห้องของตนเอง ได้คิดทบทวนต่าง ๆ มากมายเกี่ยวกับความของไพ่ที่เลือกมา และไพ่ใบที่หกที่แอบซ่อนไว้
“The Tower หอคอยพังทลาย ความหมายคือ...การล่มสลาย ความหายนะ
แล้วก็The moon จันทรามายา ความกลัวหรือสิ่งที่ซ่อนเร้น...ถ้าจำไม่ผิด
คืนนั้นพระจันทร์หายไปเพราะเมฆบังนี่นา
The Hanged man ชายกลับหัว ถ้าจำไม่ผิดน่าจะหมายถึงการเสียสละ
Justice ความยุติธรรมแปรเปลี่ยน การชดใช้บาปของบรรพบุรุษ
ใบสุดท้าย Wheel of Fortune วัฏจักรแห่งชะตา หนังสือบอกว่า
การหมุนเวียนของชะตากรรม วัฏจักรของอดีตและอนาคตเริ่มบิดเบี้ยว”
เจ้าหญิงน้อยหลุบตาลงมองไพ่แต่ละใบที่เรียงรายตรงหน้า ลมหายใจเธอสะดุดในลำคอ ราวกับหัวใจจะลืมวิธีการเต้นอย่างถูกจังหวะ ความเย็นเยียบบางอย่างค่อย ๆ ไต่ขึ้นมาจากปลายนิ้วจนชาหน่วงในอก
“มีแต่คำพยากรณ์ที่บอกถึงหายนะ”
เธอพึมพำเสียงแผ่ว เบาจนแทบไม่ได้ยินเองด้วยซ้ำ ความสงสัยแปรเปลี่ยนเป็นหวาดกลัว...ความหวาดกลัวค่อยๆ กลืนกินความกล้า เธอเริ่มรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังเอนเอียง ราวกับโชคชะตาไม่ใช่สิ่งที่สามารถเลือกได้อีกต่อไป แต่มันกำลังไหลย้อนกลับมาทับร่างเธอช้าๆ ทีละใบ ทีละใบ
“จริงสิ...ยังเหลืออีกใบที่เราซ่อนไว้อยู่นี่น่า”
ดวงตาที่เคยสั่นระริกด้วยความกลัวเริ่มมีแสงบางอย่างส่องขึ้นมาทีละน้อย คล้ายเปลวเทียนเล็ก ๆ ในห้องมืด มือของเธอกำไพ่ใบนั้นไว้แน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว หัวใจที่หนักอึ้งพลันสั่นสะเทือนด้วยแรงปรารถนา...ที่เชื่อว่ายังไม่สาย...ที่อยากให้เพียงใบเดียวนี้ เปลี่ยนทุกสิ่งที่เลวร้ายให้คลี่คลาย หากโชคชะตามีทางเลือก...เธอภาวนาให้ไพ่ใบนี้คือทางรอดนั้น ไม่ใช่จุดจบ
“หะ...The devil...”
เสียงหลุดจากริมฝีปากเบาราวลมหายใจ ก่อนร่างของเธอจะทรุดฮวบลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง หัวใจเต้นกระหน่ำราวจะหลุดออกจากอก มือสั่นไหวไม่อาจควบคุม สายตาเบิกโพลงจ้องมองภาพบนไพ่ เงาดำตนหนึ่งมีปีกคล้ายค้างคาว โซ่ตรวพันธนาการสองคนไว้แน่น เธอรู้ดี...รู้ดีเกินไปถึงความหมายของมัน
“การล่อลวง”
“พันธสัญญาอันตราย”
“การสูญเสียอิสรภาพ”
เสียงกรีดร้องดังขึ้นในใจแต่ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา เธอไม่แน่ใจว่าเป็นลมหายใจของตัวเองหรือโชคชะตาที่เพิ่งแตกสลายตรงหน้า และในขณะที่เธอนั่งนิ่งอยู่นั้น
ความหวังที่เคยวูบขึ้นชั่วขณะ ถูกฉีกกระชากลงสู่ความมืดอีกครั้ง...ยิ่งลึกกว่าครั้งไหน ๆ