"เมื่อคำทำนายจากไพ่ทาโรต์นำไปสู่การล่มสลายของอาณาจักร เจ้าหญิงผู้หยั่งรู้อนาคตจำต้องเดินทาง เพื่อแก้ไขชะตา... และเผชิญหน้ากับความรักต้องห้ามที่ไม่ควรเกิดขึ้น"

ARCANA คำทำนายแห่งโชคชะตา - บทที่3 The High Priestess ความลับใต้แสงจันทร์ (1) โดย เงาเวลา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ยุคกลาง,รัก,ผจญภัย,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ARCANA คำทำนายแห่งโชคชะตา

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ยุคกลาง,รัก,ผจญภัย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

 ARCANA คำทำนายแห่งโชคชะตา โดย เงาเวลา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

"เมื่อคำทำนายจากไพ่ทาโรต์นำไปสู่การล่มสลายของอาณาจักร เจ้าหญิงผู้หยั่งรู้อนาคตจำต้องเดินทาง เพื่อแก้ไขชะตา... และเผชิญหน้ากับความรักต้องห้ามที่ไม่ควรเกิดขึ้น"

ผู้แต่ง

เงาเวลา

เรื่องย่อ

คำนำนักเขียน

สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับเข้าสู่เรื่อง Arcana คำทำนายแห่งโชคชะตา เรื่องนี้ผลงานเรื่องแรกของเราเอง (ฮา) ถือซะว่าเป็นการงานผลอ่าน พร้อมๆ กับการเฝ้าดูการเติบโตของเราเอง >< โดยเนื้อเรื่องจะกล่าวถึง การใช้ไพ่ทาโรต์ในการทำนายดวง มีการรีเสิร์ชข้อมูลเกี่ยวกับไพ่ ตำนาน ความหมายต่าง ๆ และมีการแต่งเสริมเพื่อความอรรถรสในการอ่าน จินตนาการเรื่องราวอีกด้วย

ความคิดเห็นจากนักอ่านทุกท่าน คือ กำลังใจและคำชี้แนะของเรา ขอขอบคุณไว้ล่วงหน้านะคะ โดยเรื่องนี้เราจะทดลองลงเป็นตอน ทั้งหมดประมาณ 10 ตอน เพื่อดูแนวโน้มของนิยายเรื่องนี้ในอนาคต หลังจากนั้นเราก็จะทำเป็น E-book โดยมีทั้งหมด 22 ตอนนั้นเอง 

รบกวนนักอ่านทุกๆ ท่าน เอ็นดู และสนับสนุนเราด้วยนะคะ

รักทุกท่านที่กำลังเปิดอ่านหน้านี้

เงาเวลา

สารบัญ

ARCANA คำทำนายแห่งโชคชะตา-บทนำ เริ่มต้น, ARCANA คำทำนายแห่งโชคชะตา-บทที่1 The Fool ก้าวแรกของผู้ไม่รู้, ARCANA คำทำนายแห่งโชคชะตา-บทที่2 The magician นักเล่นกล (1), ARCANA คำทำนายแห่งโชคชะตา-บทที่2 The magician นักเล่นกล (2), ARCANA คำทำนายแห่งโชคชะตา-บทที่3 The High Priestess ความลับใต้แสงจันทร์ (1), ARCANA คำทำนายแห่งโชคชะตา-บทที่3 The High Priestess ความลับใต้แสงจันทร์ (2)

เนื้อหา

บทที่3 The High Priestess ความลับใต้แสงจันทร์ (1)

 

บทที่3 The High Priestess ความลับใต้แสงจันทร์

 

“เอลาร่า เธอเป็นอะไรรึเปล่า”

ลูเซียเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความห่วงใย เขาชำเลืองมองใบหน้าของหญิงสาวอย่างเงียบงัน แม้แววตาที่เต็มไปด้วยความกังวลของเขาจะทอดมายังเธอ แต่มันก็ไม่อาจส่งผ่านไปถึงหัวใจที่เยือกเย็นของเธอได้เลย ม่านบางบางกั้นขวางระหว่างเขาและเธอยังคงมีอยู่เสมอ

“ทำไมถึงถามอะไรแบบนั้นละ”

เอลาร่าตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ สายตาของเธอยังคงกวาดมองเส้นทางข้างหน้า ไม่หันมาสบตาลูเซียแม้เพียงเสี้ยววินาที ท่าทางของเธอยังคงสำรวมและสง่างาม แม้ก้าวแต่ละก้าวต้องฝ่าความขรุขระของพื้นทางอย่างมาก

“ข้ารู้สึกว่าเจ้า...จะเศร้าอยู่”

ทันทีที่สิ้นเสียงของลูเซีย เอลาร่าก็หยุดชะงักอยู่กับที่ ก่อนที่จะค่อย ๆ หันกลับมาสบตากับชายหนุ่ม สีหน้าของเธอฉายแววงุนงงเล็กน้อย ราวกับไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด แต่ในขณะเดียวกัน ลูเซียกลับเห็นบางอย่างจากแววตานั้น ความเศร้าหมอง สั่นไหว เหมือนกับว่าจะหลั่งน้ำตาออกมา แต่กลับไม่มีหยดใดร่วงหล่น ความเงียบครอบคลุมระหว่างทั้งสองในชั่วพริบตานั้น เหมือนเวลาถูกหยุดนิ่งไว้ในดวงตาคู่นั้นของเอลาร่า...ดวงตาที่บอกเล่าความเจ็บปวดได้มากกว่าคำพูดใด ๆ 

“พูดอะไรบ้า ๆ” 

หญิงสาวเบือนหน้าหนีจากชายหนุ่ม ไม่อยากให้เขาได้รับรู้ถึงความรู้สึกภายในใจ ที่เก็บซ่อนไว้  เสียงลมหอบหนึ่งพัดผ่าน เอลาร่าหลับตาลงเงียบ ๆ  สูดลมหายใจเข้าอย่างช้า ๆ  แล้วหันกลับมามองทางข้างหน้า และเริ่มเดินต่อไปอีกครั้ง ลูเซียไม่อยากให้บรรยากาศตึงเครียดไปมากกว่านี้ เขาเอ่ยขึ้นมา...

“งั้น...ไหน ๆ พวกเราก็มาถึงดินแดนแห่งเหรียญแล้ว”

“ลองไปดูที่ตลาดเวทมนตร์แห่งสุดท้ายกันไหม”

“ถือซะว่า...เปลี่ยนบรรยากาศ”

เสียงของลูเซียที่เปล่งออกมาอย่างแผ่วเบา แฝงไปด้วยความลังเลและประม่าน คล้ายต้องการคลี่คลายความเงียบอันอึดอัดไม่ให้กดทับบรรยากาศไปมากกว่านี้

“เจ้าอยากไปเที่ยวเองสิไม่ว่า...”

เอลาร่าตอบกลับทันควัน  ตัดทอนความมุ่งมั่นของลูเซียจนหมดสิ้น หญิงสาวตรงหน้าเขาไม่เคยมีความคิดที่จะหยุดพักแม้แต่น้อย คำพูดนั้นสะกิดใจเขาจนรู้สึกหูตกเล็กน้อย ก่อนจะเผลอเผยความรู้สึกของเขาออกไป...

“ก็คงงั้น...แต่ว่าถ้าไปกับเจ้าก็คงดี”

เอลาร่าหันกลับมาสบตาของลูเซีย ทำให้ชายหนุ่มอดรู้สึกไม่ได้ว่า...เขาเผลอทำอะไรผิดไปหรือเปล่า ในสายตาของเขา เธอดูเหมือนจะโกรธอยู่นิด ๆ แต่ก่อนที่ลูเซียจะทันได้เอ่ยอะไรต่อ หญิงสาวก็เบือนหน้าหนี แล้วหันหลังเดินมุ่งหน้าไปยังตลาดตามที่เขาเคยบอกไว้ ทิ้งให้ลูเซียงุนงงกับการกระทำของเธออยู่ตรงนั้นต่อไป ก่อนที่จะเริ่มออกวิ่งตามเอลาร่า

“ที่นี่มัน...น่าทึ่งดีแฮะ ไม่คิดว่าจะมีตลาดแบบนี้อยู่”

เสียงอันสดใส ดวงตาที่เปล่งประกาย และท่าทางที่ดูสุขุมในยามปกติ บัดนี้กลับเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ความตื่นเต้นแทบจะปะทุออกมาจากภายใน บรรยากาศรอบตัวอบอวลไปด้วยกลิ่นอายแห่งความสุขและความสนุกสนาน ผู้คนที่สันจรไปมาต่างก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกนั้นเช่นกัน

“อุปกรณ์เวทมนตร์...แต่มันดูเหมือนจะไม่มีเวทมนตร์เลย”

ลูเซียพูดพลางมองนู้นมองนี่ไปด้วย สีหน้าของเขาเต็มด้วยความสุขอย่างบอกไม่ถูก กลับกันเอลาร่ายังคงสีหน้าที่เคร่งเครียดอยู่อย่างนั้น

“นั้นก็เพราะว่า...สิ่งของที่นี่มีเสน่ห์ของตัวเองอยู่...มันก็เลยถูกเรียกว่า...เวทมนตร์”

คำตอบของเอลาร่าเปรียบเสมือนสายลมอ่อนที่พัดผ่านใจ ลูเซียรู้สึกว่าความสงสัยที่เกาะกุมในอกค่อย ๆ คลายลงทีละน้อย เขาหันไปมองหญิงสาวข้างกาย ดวงตาไล่มองเสี้ยวใบหน้าของเธอเพียงชั่วครู่ แล้วชะงักไป... สีหน้าของเธอ...เริ่มผ่อนคลายลงแล้ว ความอ่อนโยนเริ่มเห็นชัดขึ้น รอยยิ้มบาง ๆ ของเธอ พลางทำให้ชายมีรอยยิ้มแต้มอยู่บนมุมปากของเขาไปด้วย แม้เพียงเล็กน้อย แต่ก็เพียงพอให้หัวใจอุ่นขึ้นอย่างประหลาด

“อย่างนี้นี่เอง...คงหมายถึงคุณค่าทางจิตใจสินะ...”

ลูเซียเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาราวกับกระซิบ

“ของบางอย่าง...ก็ยังไม่ถูกกลืนไปกับเวลา”

เอลาร่าหลุบตาลงเล็กน้อย ริมฝีปากขยับช้า ๆ ก่อนจะเอ่ยออกมา ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนกว่าทุกครั้ง แต่กลับความเศร้าหมองอยู่บาง เสียงของเธอคล้ายกับสายลมอันอบอุ่นในยามเช้า...

“เมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรนะ”

ลูเซียเอ่ยออกไปด้วยความสงสัย เมื่อกี้เขาคิดว่าหญิงสาวกำลังพูดอะไรบางอย่าง แต่เขากลับไม่ได้ยินอะไรเลย

“เปล่าหรอก...”

เอลาร่าส่ายหน้าช้า ๆ ตอบปฎิเสธคำถามลูเซีย สายตาของเธอหยุดอยู่ที่ลูกบอลแก้วที่วางอยู่ในร้านขายของเล่น  ภายในถูกตกแต่งด้วยภาพงานเทศกาลฤดูหนาว ปุยหิมะสีขาวร่วงหล่นช้า ๆ เอลาร่าหลุบตาลง ใบหน้าเปลี่ยนเป็นเศร้าสอยโดยไม่รู้ตัว ความทรงจำในวัยเยาว์ผุดขึ้นมาชัดเจนราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ความอบอุ่นจากพ่อแม่ ความรู้สึกมั่นคงจากคำพูดของใครบางคนที่หายไปจากชีวิต...ทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่เธอโหยหา

“เฮ้...ดูนี่สิ...มันบอกว่าเป็นเครื่องรางแห่งนำโชคนะ”

ลูเซียส่งเสียงออกมาจากอีกฝั่งของร้าน แผงขายเครื่องประดับจากหินต่าง ๆ ประดับประดาด้วยไฟหลากสี สะท้อนที่หินคล้ายกับมันกำลังเปล่งแสงออกมา เอลาร่าละสายจากร้านขายของเล่น หันหน้ากลับมาหาชายหนุ่มที่กำลังชี้นิ้วให้เธอดู

“หินนั่น...เป็นหินเวทพระอาทิตย์ ไว้ใช้ให้พลังงานกับไพ่”

เอลาร่าสะดุดกับสร้อย ที่ถูกตกแต่งด้วยหินสีทองเปล่งแสงคล้ายกับพระอาทิตย์ เธอตกตะลึงอยู่อย่างนั้น ความหายากของหินชนิดนี้ เป็นที่รู้ ๆ กันในศาสตร์ของไพ่ ผู้ใดที่ได้ครอบครอง ว่ากันว่าจะเพิ่มพลังงานของไพ่ได้ ลูเซียสังเกตอาการของหญิงสาวที่ไม่ละสายตาจากสร้อยเส้นนั้นเลย จึงเอ่ยออกไปว่า... 

“งั้นยิ่งดีเลย...ข้าซื้อให้เจ้า”

เอลาร่าตกใจในคำพูดของลูเซีย เธอรีบเก็บสีหน้าของเธอซ่อนไว้อีกครั้ง เมื่อเห็นใบหน้าของชายหนุ่มที่ดูมีความสุขจากปฏิกิริยาของหญิงสาวเมื่อครู่ 

“ข้าไม่ต้องการที่จะติดหนี้บุญคุณเจ้าหรอกนะ”

หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เรียบเย็นอีกครั้ง  ถ้อยคำนั้นเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยกำแพงที่เธอก่อขึ้นอย่างหนาแน่น ความรู้สึกที่ไม่อยากจะเป็นหนี้ใคร ไม่อยากถูกพันธนาการด้วยความรู้สึก หรือความเมตตาจากใครก็ตาม แม้เธอจะรู้ดีว่า หินเวทก้อนนั้นมีคุณค่ามากเพียงใด 

“ไม่เป็นอะไร...ข้าเต็มใจให้”

ลูเซียไม่สนใจคำปฏิเสธหรือแววตาที่เย็นชาเลยแม้แต่น้อย มือของเขายังคงยื่นออกไปตรงหน้า เอลาร่าเบือนหน้าหลบ ท่าทางของเธอแสดงชัดเจนว่าไม่ต้องการับของเขา แต่ความดื้อดึงของชายหนุ่มนั้นกลับรุนแรงยิ่งกว่าคำปฏิเสธ พริบตาเดียวที่เธอเผลอกะพริบตา เขาก็หายวับไป และปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของเธอ

“เจ้า----”

ยังไม่ทันที่เอลาร่าจะเอ่ยตอบโต้ เขาก็คล้องสร้อยเครื่องรางนั้นลงบนลำคอของเธออย่างแผ่วเบา ปลายนิ้วของเขาแตะที่หลังคอเธอเพียงชั่วครู่ ก่อนจะถอยห่างออกไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น 

“ไม่ใช่การให้...แต่คือการปกป้อง”

เขาพูดพลางสบตากับเธอ พร้อมรอยยิ้มบางเบา เอลาร่ายืนนิ่ง สัมผัสความเย็นของจี้หินที่แตะต้องผิว เธอรู้สึกสั่นไหวในอกที่ไม่สามารถอธิบายได้ บางอย่าง...บางอย่างที่เธอไม่กล้าจะยอมรับมาตลอด กำลังเริ่มก่อตัวขึ้นช้า ๆ ในห้วงความเงียบนี้

“...ขอบใจ”

น้ำเสียงนุ่มนวล ละมุนละไม ที่เอ่ยออกมาครั้งนี้ ทำให้ลูเซียรู้สึกแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก ลูเซียก้มหน้าลงมองที่ใบหน้าอันอ่อนหวานของหญิงสาว ยิ้มมุมปากก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความทะเล้น

“ไม่นึกว่าจะยอมพูดคำนี้กับข้าได้นะ”

“งั้นข้าไม่เอา”

เอลาร่าเบือนหน้าหนีออกไป ก่อนที่จะเอ่ยตัดบทในทันที น้ำเสียงของเธอเด็ดขาด บรรยากาศรอบตัวเริ่มตึงเครียดขึ้นอีกครั้ง ลูเซียชะงักไปเพียงครู่ สีหน้าของเขาหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่จะลดมือลงช้า ๆ พร้อมกับถอดหายใจเบา ๆ

“ข้าขอโทษ...ข้าเข้าใจแล้ว”

เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครืออย่างน้อยใจ ลูเซียก้าวเดินนำไปเล็กน้อยก่อนจะหยุดแล้วหันกลับมามอง เอลาร่าที่ยังยืนอยู่ที่เดิม

“...ไปกันเถอะ...วันนี้จะได้พักกันเสียที”

เขายังคงพูดด้วยน้ำเสียงเช่นเดิม หากแต่ใบหน้าของเขายังมีรอยยิ้มบาง ๆ บนใบหน้า ราวกับจะบอกว่า...ไม่เป็นไร...แม้ว่าเธอจะไม่ใยดีกับเขาเลยสักนิด