นักศึกษาสาวผู้คลั่งใคล้ของโบราณ ถูกพลังลึกลับดึงย้อนเวลากลับไปราว 500 กว่าปีก่อน ทั้งยังต้องเป็นตัวแทนของคุณหนูสกุลจ้าว ผู้หลงใหลจวิ้นเทียนฮ่องเต้ ถึงขนาดถูกส่งไปเป็นกุ้ยเฟยในวังหลวง.
เกิดใหม่,ย้อนยุค,ข้ามเวลา,จีน,ชาย-หญิง,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ห้วงฝันแห่งราชวังมังกรนักศึกษาสาวผู้คลั่งใคล้ของโบราณ ถูกพลังลึกลับดึงย้อนเวลากลับไปราว 500 กว่าปีก่อน ทั้งยังต้องเป็นตัวแทนของคุณหนูสกุลจ้าว ผู้หลงใหลจวิ้นเทียนฮ่องเต้ ถึงขนาดถูกส่งไปเป็นกุ้ยเฟยในวังหลวง.
อยู่ดี ๆ นักศึกษาสาวอย่างเยว่ไป๋ลู่ ถูกพลังลึกลับดึงเข้าสู่โลกยุคโบราณของราชวงศ์หมิง ย้อนเวลากลับไปกว่า 500 ปีก่อน จากชีวิตธรรมดาในยุคปัจจุบัน กลับต้องสวมบทบาทเป็น คุณหนูสกุลจ้าว หญิงสาวผู้หลงใหลในองค์ฮ่องเต้ถึงขั้นสั่งให้คนติดภาพวาดของพระองค์ไว้ในห้องนอน
และเมื่อตัวจริงฆ่าตัวตายเพราะความเอาแต่ใจ ทำให้เยว่ไป๋ลู่ที่ถูกดึงมาแทนที่ จำต้องเข้าสู่วังหลวงในฐานะกุ้ยเหริน พระสนมลำดับที่สี่ของราชวงศ์ แม้ความงามและชาติกำเนิดของนาง ไม่ได้เป็นที่สนใจเท่าใดนัก แต่สิ่งที่อยู่ในหัวใจของนางไม่ใช่การเรียกร้องขอความรักจากผู้เป็นฮ่องเต้ เป้าหมายเดียวของนางคือ การหาผ้าไหมลายมังกร ที่อาจเป็นกุญแจนำทางให้นางกลับสู่โลกปัจจุบัน ทว่าหนทางไม่ง่ายอย่างที่คิด เมื่อฮ่องเต้ผู้เย็นชาไม่เคยใส่ใจสตรีคนใดในวัง กลับค่อย ๆ แสดงความสนใจต่อนางทีละน้อย จนหัวใจที่ตั้งมั่นของนางเริ่มหวั่นไหวอย่างไม่อาจควบคุม
-------------------------------------------
“เจ้าจะอยากรู้ไปทำไม ข้าเคยมอบให้นางหรือไม่ ก็ไม่เกี่ยวอันใดกับเจ้า” พูดจบ จึงหันตัวเดินจาไปโดยไม่แม้แต่จะมองหน้าอีกฝ่าย ก่อนอี้หนิงจะรวบรวมความกล้า แล้วเดินไปดักหน้าอีกฝ่าย
“หากพระองค์ช่วยสงเคราะห์ หม่อมฉันมีวิธีทำให้จือซินกุ้ยเฟยตอบรับรักพระองค์” คำพูดของนางทำให้ชายหนุ่มหรี่ตามองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า นางพูดได้อย่างชาญฉลาด แถมยังกล้าเสนอข้อแลกเปลี่ยนกับเขาที่เป็นฮ่องเต้ผู้สูงศักดิ์ ดวงตากลมแป๋วของนางจ้องมองเขาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ก่อนที่เขาจะยิ้มมุมปาก แล้วหยิบผ้าไหมผืนนั้นกลับมา พลางตอบกลับด้วยสุรเสียงนุ่มลึกที่เต็มไปด้วยความคิด
“ผ้าปักลายมังกรที่เจ้าว่า มีใช้อยู่ทั่ววังหลวงราวสิบกว่าผืน”
“สิบกว่าผืน!” อี้หนิงทวนคำพร้อมเบิกตากว้าง ก่อนชายหนุ่มจะอธิบายต่อ
“เชื้อพระวงศ์ชั้นสูง ต่างใช้กันทั้งนั้น ไม่ได้มีแค่ข้าที่ใช้มัน ซึ่งข้าไม่เคยมอบผ้าปักลายมังกรให้กับจือซิน และไม่คิดจะมอบให้ เพราะสิ่งที่นางชอบคือการทำเครื่องหอมธรรมดา ไม่ใช่ปักสูงค่าเช่นนั้น” หญิงสาวนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ความหวังที่จะหาผ้าปักลายมังกร เพื่อกลับโลกปัจจุบันดูเหมือนลดน้อยถอยลงไปทุกที
“ข้าสงเคราะห์เจ้าแล้วตามคำขอ เช่นนั้น ที่เจ้าบอกว่าจะทำให้จือซินตอบรับรักข้า เจ้าจะทำเช่นไร” เขาสบสายตาอีกฝ่ายแน่นิ่ง ก่อนนางจะกลืนน้ำลายอึกใหญ่แล้วตอบกลับ
“หม่อมฉันขอเวลาคิดหนึ่งวันเพคะ” เขายิ้มมุมปาก ไม่คิดคาดหวังอะไรจากนาง ก่อนหันตัวเดินจากไป พร้อมสายตาสั่นไหวของอี้หนิงหันมองร่างอีกฝ่ายจนลับสายตา แล้วก้มหน้าลงเล็กน้อย
‘สิบกว่าผืน จะตามหายังไงหมด จะรู้ได้ยังไง ว่าผ้าผืนแท้จริงนั้นอยู่ที่ไหน ฉันต้องอยู่ในยุคนี้ไปจนตายจริง ๆ งั้นเหรอ’
ตลอดทั้งคืนหญิงสาวนอนพลิกกายไปมาอย่างใช้ความคิด คนไม่เคยมีแฟนมาก่อนทั้งชีวิต จะคิดแผนการให้จือซินกุ้ยเฟยตอบรับรักฮ่องเต้ได้ยังไงกัน ก่อนนางจะเด้งตัวลุกขึ้นนั่งพลันถอนหายใจ
‘มอบดอกไม้เพื่อเอาใจงั้นเหรอ? ขนาดปลูกให้ทั้งสวนยังรั้งใจจือซินกุ้ยเฟยไม่ได้ หนักหนาเพียงนี้ควรใช้วิธีใดล่ะ’ หญิงสาวคู้เข่าขึ้นมากอดไว้แล้วใช้ความคิดวนเวียนไปมา เวลาผ่านไปไม่นานรู้ตัวอีกที แสงจากด้านนอกก็สาดเข้ามา พร้อมนางกำนัลเปิดประตูเข้ามาดูแลปรนนิบัติตามหน้าที่
“พระสนมหาวสองสามครั้งแล้วนะเพคะ เมื่อคืนหลับไม่สนิทเหรอ” ขณะที่ซูหนิงกำลังสางผมให้กับหญิงสาว สังเกตเห็นความผิดปกติจึงเอ่ยถาม
“หากจะมอบของกำนัล จือซินกุ้ยเฟยก็มีมากมายจนล้นหีบ เหลือวิธีใดเอาใจนางได้อีก” อี้หนิงหลุดพูดบางอย่างออกมา ก่อนซูหนิงจะขมวดคิ้วแล้วชักมือเล็กน้อย
“พระสนมตรัสว่าอะไรนะเพคะ”
“ซูหนิง เจ้าช่วยข้าคิดหน่อยได้หรือไม่” นางเอ่ยถามอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ก่อนซูหนิงจะวางหวีไม้ลงช้า ๆ แล้วย่อตัวลงใกล้กับอี้หนิงกุ้ยเหริน
“ช่วยคิดสิ่งใดเพคะ”
“ทำให้คนที่รัก ประทับใจมีวิธีใดบ้าง” ซูหนิงเข้าใจได้ในทันที ว่าอีกฝ่ายคงอยากเอาใจฮ่องเต้ เหมือนกุ้ยเหรินคนอื่น ๆ จึงปล่อยยิ้ม แล้วเอื้อมไปหยิบหวีสางผมให้อีกครั้ง
“เช่นนั้น ทำอาหารให้ดีหรือไม่เพคะ” อี้หนิงเอียงศีรษะ ขบคิดเล็กน้อย
“เป็นความคิดที่ดี” นางตอบรับ พร้อมรอยยิ้มอ่อน
ในช่วงบ่ายของวันนั้น อี้หนิงกุ้ยเหริน ตัดสินใจมุ่งตรงไปยังตำหนักเฉิงเทียนที่ประทับของฮ่องเต้ ทว่าไม่อาจเข้าไปอย่างง่ายดาย มีกฎระเบียบขั้นตอนยุ่งยาก นางยืนรออยู่นานกว่าจะได้รับอนุญาตให้เข้าไปในที่ประทับส่วนพระองค์ ร่างของหญิงสาวเดินเข้าไปตามลำพัง สายตาของนางหันมองไปรอบ ๆ สถานที่ประทับขนาดใหญ่ ภายในตบแตะด้วยไม้แกะสลักและมุกมีค่า หลายอย่างที่นางอยากนำกลับไปในยุคปัจจุบัน แต่ต้องเก็บอาการแล้วเดินตรงไปด้วยกิริยาสำรวมอย่างถึงที่สุด
ก่อนจวิ้นเทียนที่นั่งทรงอักษรอยู่จะเงยหน้าขึ้นมองนาง แล้วไล่ให้ทุกคนในที่นั้นออกไป เพียงเวลาไม่นานเหลือเพียงเขาและนาง ก่อนชายหนุ่มจะเอ่ยขึ้น
“มาพบข้าถึงที่นี่ คิดออกแล้วเหรอ ว่าจะทำเช่นไรให้จือซินรับรักข้า” สุรเสียงนุ่มลึก พร้อมใบหน้าหล่อเหลาเอ่ยถามด้วยสายตาไม่คาดหวังมากนัก
“หม่อมฉันคิดทั้งคืนแล้วเพคะ” เขาวางพู่กันในมือแล้วเอ่ยถาม
“เช่นนั้น เจ้าคิดอะไรออกบ้าง”
“วิธีที่จะทำให้จือซินกุ้ยเฟยประทับใจ พระองค์ต้องลงมือทำอาหารอร่อย ๆ ให้เพคะ”
“ทำอาหาร?” สายตาของเขาฉายแววสงสัย ก่อนที่อี้หนิงจะยิ้มกว้างแล้วพยักหน้า
“เอาใจด้วยการทำอาหาร อาจเป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้จือซินกุ้ยเฟยประทับใจ”
“แต่ข้าทำไม่เป็น” เขาตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เช่นนั้นหม่อมฉันช่วยเพคะ” นางยิ้มกว้าง แล้วเผลอก้าวเท้าเข้าไปหาเขาอย่างลืมตัว พลันยื่นมือไปรับ เหมือนที่เคยทำกับเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย
“หม่อมฉันเตรียมครัวไว้แล้ว ลองไปทำอาหารดูสักครั้งนะเพคะ” เขามองมือของนางที่เอื้อมมารับ หากแต่ไม่เอื้อมไปจับ พลันลุกขึ้นแล้วเดินนำมา ก่อนอี้หนิงจะก้มมองมือตัวเองที่ยื่นค้างไว้ แล้วรีบดึงกลับมาพร้อมเดินตามหลังชายหนุ่มไปยังโรงครัวด้วยสีหน้าภูมิใจ
“เริ่มจากจุดไฟในเตานั้นก่อนเพคะ”
“จุดเตา?” เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย นับจากเด็กจนโตไม่เคยลงมือทำอะไรไร้สาระเช่นนี้มาก่อน เมื่อได้สติจึงเตรียมหันตัวเดินออกจากห้องครัว ทำให้อี้หนิงรีบวิ่งมาดักหน้าแล้วสบสายตาชายหนุ่มนิ่ง
“พระองค์จะถอดใจไม่ได้ หากไม่ลองจะรู้ได้อย่างไรว่าได้ผลหรือไม่ ลองดูไม่เสียหายนะ ดีกว่าหันหลังกลับไปแล้วไม่ได้อะไรเลย” เขาจับจ้องไปยังนัยน์ตาจริงจังคู่นั้น ก่อนตัดสินใจหันหลังกลับเข้าไปในครัวอีกครั้ง มองเตาฟืนแล้วย่อตัวลงนั่ง
“ต้องทำยังไง?” สุรเสียงเอ่ยถามพร้อมสายตาเลื่อนมองหาอุปกรณ์
“เริ่มจากจุดไฟเพคะ” อี้หนิงค่อย ๆ สอนสิ่งที่เรียนรู้มาจากซูหนิงให้กับจวิ้นเทียนฮ่องเต้ เขาเอื้อมไปหยิบท่อนฟืน แล้วค่อย ๆ จุดไฟตามลำดับ พยายามอยู่สองสามครั้งก่อนไฟจะลุกขึ้น
“ติดแล้วเพคะ” สิ้นเสียงของนาง ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกโล่งใจจนเผลอยิ้มออกมาอย่างลืมตัว
“ทำยังไงต่อ?” ดวงตากลมโตของเขา แสดงความไร้เดียงสาออกมาทำให้หญิงสาวตอบกลับ
ไรท์ติดเหรียญใน plotteller ด้วยนะคะ สำหรับผู้ที่ไม่สะดวกอ่าน E-book ใน MEB
ตอนพิเศษมีเฉพาะใน E-book เท่านั้นนะคะ