เมื่อมรดกตกทอดที่ได้รับมาจากรุ่นพ่อ และแม่ สู่รุ่นลูกกลับกลายเป็นคำสาปร้าย ทางเดียวที่จะหลุดพ้นจากคำสาปเหล่านั้นมีเพียงแค่ ตามหาความรักที่แท้จริงเท่านั้น

นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา - ตอนที่ ๘ ๘ โดย แมวสลิดศรีสยาม @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-หญิง,ครอบครัว,ไทย,แฟนตาซี,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-หญิง,ครอบครัว,ไทย,แฟนตาซี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา โดย แมวสลิดศรีสยาม @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เมื่อมรดกตกทอดที่ได้รับมาจากรุ่นพ่อ และแม่ สู่รุ่นลูกกลับกลายเป็นคำสาปร้าย ทางเดียวที่จะหลุดพ้นจากคำสาปเหล่านั้นมีเพียงแค่ ตามหาความรักที่แท้จริงเท่านั้น

ผู้แต่ง

แมวสลิดศรีสยาม

เรื่องย่อ

บทนำ

 

- กาลครั้งหนึ่ง มีชายหนุ่มได้ติดตามเดินทางพร้อมคณะชาวตะวันตก ได้เดินทางไปยังป่าอันแสนไกล เพื่อตามหาเพรช พลอย จินดา ที่สวยงามเพื่อนำมาทำเป็นเครื่องประดับให้กับเหล่า ลูกๆ ของตนนั้น ชายหนุ่มและคณะได้เดินทางหาสมบัติเหล่านี้ เป็นวัน เป็นเดือน จนย่านกลายเป็นปี ในที่สุดแผนที่ได้นำเหล่าคณะหยุดที่ถ้ำแห่งหนึ่งกลางป่าลึกที่มีธรรมชาติรายล้อม ดูช่างสวยงาม คณะและชายหนุ่มไม่รอช้า ได้เข้าไปข้างในถ้ำหวังว่าจะมีสมบัติมหาศาล ซ่อนอยู่ภายใน เมื่อได้เข้าไปยังตัวถ้ำ ทั้งคณะและชายหนุ่มได้พบกับสมบัติดั่งใจหวัง แต่แล้วกับมีสมบัติที่แสนจะวิเศษนั้นคือ อัญมณีทั้ง ๗ เม็ดที่สุดแสนจะบริสุทธิ์ ที่มิอาจจะประเมินค่าของ อัญมณีเหล่านั้นได้ แต่แล้วความโลภที่กัดกินภายในใจ หรือเป็นสิ่งที่มองไม่เห็นก็ตาม ได้ทำให้เหล่าคณะมีความต้องการที่จะครอบครองสมบัติไว้เพียงผู้เดียว ก่อให้เกิด โศกอนาถกรรมขึ้นเหล่าคณะได้ฆ่าฟัน เพื่อแย่งชิงสมบัติทำให้ถ้ำสั่นไหวอย่างรุนแรงจนได้ถล่มลงมา กลับมีเพียงชายหนุ่ม ที่หนีรอดออกมาได้ แต่ภายในมือของเขานั้นกลับมีกล่องไม้โบราณ ทีได้บรรจุเหล่าอัญมณีเหล่านั้นไว้ -

ปี พ.ศ.2500 ณ ห้องแถวครึ่งไม้ครึ่งปูนแห่งหนึ่งใจกลางเมืองหลวง ประเทศไทย

“เป็นยังไงบ้างนิทานที่พ่อเล่าไป” ชายวัยกลางคน พร้อมกับลูกๆ ที่น่ารักของเขาทั้ง ๗ คน ได้นั่งล้อมชายผู้เป็นพ่อเล่าเรื่องนิทานก่อนนอนด้วยสายตาตื่นเต้น 

“แล้วอัญมณีนั้นอยู่ไหนแล้วค่ะ” เด็กสาวหนึ่งในนั้นได้เอยถามด้วยความสงสัย

“นั้นก็เป็นความลับนะ พอลูก ๆ โตพอเดียวก็จะรู้เอง” 

“ได้เวลานอนแล้วเด็ก ๆ” ผู้เป็นแม่ได้กล่าวตัดบทสนทนา ก่อนที่เด็กๆ จะเข้าห้องนอน

 

 

สารบัญ

นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ตอนที่ ๑ ๑,นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ตอนที่ ๒ ๒,นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ตอนที่ ๓ ๓,นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ตอนที่ ๔ ๔,นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ตอนที่ ๕ ๕,นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ตอนที่ ๖ ๖,นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ตอนที่ ๗ ๗,นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ตอนที่ ๘ ๘,นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ตอนที่ ๙ ๙,นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ตอนที่ ๑๐ ๑๐,นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ตอนที่ ๑๑ ๑๑,นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ตอนที่ ๑๒ ๑๒,นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ตอนที่ ๑๓ ๑๓,นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ตอนที่ ๑๔ ๑๔,นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ตอนที่ ๑๕ ๑๕,นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ตอนที่ ๑๖ ๑๖,นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ตอนที่ ๑๗ ๑๗,นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ตอนที่ ๑๘ ๑๘,นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ตอนที่ ๑๙ ๑๙,นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ดอนที่ ๒๐ ๒๐,นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ตอนที่ ๒๑ ๒๑,นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ตอนที่ ๒๒ ๒๒,นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ตอนที่ ๒๓ ๒๓,นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ตอนที่ ๒๔ ๒๔ (ฉบับย่อ อ่านตัวเด็มได้ในแบบเหมาเล่ม และ e-book ),นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-End End,นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ตอนที่ ๒๔ ภาคย้อนอดีต Part 1,นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ตอนที่ ๒๕ ภาคย้อนอดีต Part 2,นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ตอนที่ ๒๖ ภาคย้อนอดีต Part 3,นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ตอนที่ ๒๗ ภาคย้อมอดีต Part 4,นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ตอนที่ ๒๘ ภาคย้อนอดีต Part 5,นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ตอนที่ ๒๙ ภาคย้อนอดีต Part 6,นิยายชุด ปริญธิดา เรื่อง ปิ่นลดา-ตอนที่ ๓๐ ภาคย้อนอดีต Part 7

เนื้อหา

ตอนที่ ๘ ๘

 

 

 

 

“วันนี้ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” พัฒ ได้กล่าวลาหลังจากได้พูดคุยเสร็จและได้ขอตัวกลับ เมื่อรถของ พัฒ ได้ออกจาก   โฮมสเตย์ไปนั้น พัฒ ได้ทบทวนสิ่งที่ได้รับฟังก่อนหน้านั้น

“การจับคู่ของอัญมณี เรายังไม่สามารถคาดเดาได้ค่ะ แต่สิ่งที่ทราบแน่ชัดตอนนี้เท่าที่เราสรุปได้ว่าอัญมณีที่ฝัง ไว้ในปิ่นของคุณลดา กับอัญมณีที่ฝังไว้ในล็อกเกตของ คุณพัฒ ตอนนี้ทั้งสองเม็ดได้เชื่อมโยงกันแล้วค่ะ” คำพูดของศิตา ได้ทำให้ พัฒ ครุ่นคิดว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ควรทำเช่นไร...ตัดภาพมายังเหตุการณ์ก่อนหน้า ณ โฮมสเตย์ ลดาที่นั่งอยู่ในห้องทำงานของทิมพิกา พร้อมกับทุกคน ก่อนที่ลดาจะกล่าวถามถึงเรื่องการจับคู่ของตนกับพัฒว่า 

“แล้วลดาต้องทำอย่างไรต่อคะ...ทับทิมที่อยู่บนปิ่น ของลดาคู่กับ เพชรที่อยู่ในล็อกเก็ต ของ พี่พัฒ ใช่ไหมคะ...” ก่อนที่ ลดาจะมีอาการหน้าแดง และก้มหน้าเขินอาย คิรัน และ ศิตา มองหน้ากันก่อนที่จะยิ้มออกมา พัฒ ได้เงยหน้ามองไปที่ลดา ตนก็แอบมีอาการใจสั่น แต่ต้องเก็บอาการไว้ ก่อนที่จะตัดมายังปัจจุบัน พัฒ ได้ยิ้มออกมา เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า แต่ไม่ใช่ว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดเป็นครั้งแรก ในครั้งก่อนที่ พัฒ ได้เจอกับ ลดา ที่สถานีตำรวจฯ และได้เดินชนกันที่โรงพัก เป็นการพบกันครั้งแรกตำรวจหนุ่ม ก็ไม่อาจจะหยุดใจไม่ให้หลงรักในเด็กสาวคนนี้ได้แล้ว

    ภายในห้องทำงาน ณ โฮมสเตย์ หลังจากที่ตำรวจหนุ่มได้ขอตัวกลับไปทำงานแล้วนั้น

“มันใกล้จะถึงจุดที่อันตรายแล้ว น้องลดา แต่น้องไม่ต้องห่วงนะช่วงนี้ถ้าออกไปข้างนอก หรือพบผู้คนเยอะ ๆ ก็ควรระวังตัวไว้หน่อย” คิรัน กล่าวด้วยท่าทีเป็นห่วงกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น

“เพราะว่าพี่ในช่วงที่อายุใกล้ครบ ๒๕ ปี คำสาปพี่เริ่มทำงานรุนแรงขึ้นทั้งความสำเร็จที่พี่หวัง ได้สมหวังแทบทุกสิ่ง แต่สิ่งที่ต้องแลก ระบบภายในของพี่เริ่มจะทรุดลงเรื่อย ๆ โดยที่พี่ไม่รู้ตัว จนพี่ได้มาเจอศิตาเมื่อ ๕ ปีก่อน เป็นช่วงเดียวกันที่คุณตาได้ทราบถึงคำสาปนี้ ด้วยความบังเอิญ หรืออะไรก็ไม่รู้ ทำให้พี่ได้มาเจอกับ ศิตา ที่ได้รับของที่ตกทอดมาจากตระกูลเป็นเข็มขัดเส้นนี้ ด้วยพลังของอเมนทิสต์ อาการพี่ได้ทุเลาลงชั่วคราว แต่คำสาปก็ยังอยู่จนกว่าจะหาอัญมณีทั้งหมดครบ แล้วให้อัญมณีจับคู่กับอัญมณีบริวารของตนตามเงื่อนไข เพื่อให้คำสาปร้ายหายไป ให้หลงเหลือแต่คุณของมัน แต่ต้องมีอัญมณีบริวารในการช่วย สะกดคำสาปของแต่ละชิ้นด้วย ตอนนี้เราหาได้ ๒ คู่แล้ว และพี่ต้องช่วยให้น้องผ่านพ้นเรื่องราวนี้ และได้ผ่านเงื่อนไขที่มันเรียกร้องจากน้องให้ได้” ลดามองไปที่คิรัน

“สรุปว่า ลดา คู่กับ พี่พัฒ ใช่ไหมคะ แต่ลดา ไม่รู้ว่าพี่เขาจะชอบ ลดาหรือเปล่า” ก่อนที่จะหน้าแดงและก้มหน้าเขินอายอีกครั้ง คิรัน และ ศิตา ได้ยิ้มออกมาในท่าทีของ ลดา

“พี่ว่า พัฒ ก็น่าจะชอบน้องอยู่นะไม่งั้นคงไม่เที่ยวขับรถไป ๆ มา ๆ เพื่อแจ้งเรื่องสำคัญแบบนี้หรอก ทั้ง ๆ ที่โทรมาแจ้งก็ได้”

“ใช่ค่ะ จากที่สังเกตน่าจะมีใจจริง แต่ เรายังไม่ทราบว่าคุณ พัฒ รักมาจากใจ หรือโดนอัญมณีนั้นสะกด ก็ยังไม่สามารถสรุปได้ในตอนนี้ เราคงต้องรอดูท่าทีไปอีกสักพักนะคะ”

“งั้นเราต้องลองสังเกตเรื่องนี้ไปสักพัก แต่อย่าลืมว่าเรายังมีปัญหากับคนที่ต้องการปิ่นของน้องด้วย เหมือนมีอะไรแปลก ๆ กับเรื่องนี้ พี่ชักเริ่มใจไม่ดีแล้วสิ”

เช้าวันรุ่งขึ้น ลดาตื่นขึ้นมาในเช้าวันหนึ่ง ในช่วงกลางของการปิดเทอมสุดท้ายของปีสี่ ซึ่งเป็นปีสุดท้ายก่อนพิธีปัจฉิมนิเทศ ในวันนี้ มีคณะทัวร์ได้เข้าพัก ณ โฮมสเตย์ของทิม และลดา เป็นคณะทัวร์จากประเทศจีน ได้เข้ามาพักเต็มสองคันรถ เพื่อมาท่องเที่ยวน้ำตกในช่วงฤดูร้อน ช่วงเช้าต่างวุ่นอยู่กับการต้อนรับแขกผู้มาเยือน ต่างทยอยลงจากรถ เมื่อแขกเข้าที่พักแล้วนั้น ทางโฮมสเตย์ ได้วางแผนเตรียมความพร้อมสำหรับโปรแกรมการท่องเที่ยวของคณะในวันพรุ่งนี้ ลดา ทิมพิกา และทีมงานวางแผนในห้องประชุมพร้อมกับ ศีรษะหน้าคณะทัวร์

“วันพรุ่งนี้เราจะเริ่มโปรแกรม บริเวณเชิงเขาเพื่อเข้าไปสำรวจป่าตามเส้นทางที่กำหนดจนถึงน้ำตกเป็นระยะทางสิบกิโลเมตร ตามเส้นทางมีจุดพักผ่อน อยู่ราว ๆ สามจุดเป็นที่พักของเจ้าหน้าที่อุทยานที่ทำขึ้น สำหรับรองรับนักท่องเที่ยว เราจะมีไกด์นำทางหนึ่งท่าน ทางเราขอแนะนำไกด์เดินป่าในครั้งนี้ คือ พรานบุญ และหลานชาย พรานมาร์คคะ”

“สวัสดีครับผมพรานบุญ ส่วนหลานชายผมมาร์ค จะมาช่วยนำทางครับ ขอให้ทำตามที่ผมแนะนำด้วยนะครับเพื่อความปลอดภัยของทุกท่าน” ขณะที่ห้องประชุมกำลังดำเนินไปเรื่อย ๆ นั้น มาร์คแอบชำเรืองมองไปยัง ลดา เป็นระยะ ๆ  หน้าเริ่มแดงก่ำ จนจบการประชุม ก่อนแยกย้ายกลับนั้น 

“พรานบุญ ยังไงพรุ่งนี้ฝากด้วยนะค่ะ ละก็ฝากเด็ก ๆ ทางโฮมสเตย์ ไปเปิดหูเปิดตา สักสามสี่คนนะคะ” ทิมพิกา ได้ฝากพรานบุญดูแลเด็ก ๆ ที่จะติดตามคณะไปด้วยในวันพรุ่งนี้ มาร์คแอบยิ้มดีใจที่ ลดา จะติดตามคณะไปด้วย

“เอ็งยิ้มอะไร ไอ้มาร์ค”

“ป่าวนะตา ยิ้มอะไร ไม่มีหรอก” มาร์คแก้ตัวท่าทีรุกรี้รุกรน ก่อนทั้งคู่จะเดินจากไป พรานบุญยังแซวหลานตัวเองไม่หยุด                   

ในเช้าวันต่อมา ลดาตื่นมาด้วยความสดใส เพราะว่าวันนี้ เป็นวันที่ได้เดินป่าที่ไม่ได้ทำมาเป็นเวลานาน พร้อมกับ คิรัน และศิตา แต่ด้วยความอิจฉาในความหวานของทั้งคู่ลดาจึงชวนรุ่นน้องของตนที่กำลังทำงานเอกสารอยู่บริเวณเคาน์เตอร์ ในวันก่อนเดินทางนั้นเอง ด้วยเหตุนี้ พาขวัญจึงได้เดินทางร่วมกับทั้งสาม ป้าฝากน้องพาขวัญด้วยนะ คิรัน ละก็อย่าตามใจลดามากนักนะ

“ครับคุณป้า ผมจะดูแลน้องให้เป็นอย่างดีครับ” หลังจากกล่าวเสร็จทั้งสี่คน ได้ขึ้นรถตู้ของทางโฮมสเตย์ ที่จัดหาไว้ให้สำหรับคณะที่จะออกเดินทางสำรวจป่ารถ ได้เคลื่อนตัวออกจากโฮมสเตย์ เส้นทางตัดผ่านป่าสองข้างทางเป็นต้นไม้น้อยใหญ่เรียงราย ลักษณะเป็นป่าทึบทำให้แสงแดงส่องผ่านประปราย ทั้งสี่คนเสพบรรยากาศ ในยามเช้ารถได้เคลื่อนออกจากโฮมสเตย์ ไม่ไกลจากที่ตั้งโฮมสเตย์มากนัก รถตู้ได้เลี้ยวเข้าไปทางสูงชัน เปลี่ยนจากถนนลาดยาง เปลี่ยนเป็นถนนตามธรรมชาติที่รถพอสัญจรได้ ทางรถวิ่งได้ตรงเข้าไปในป่า รถตู้ได้หยุดลงข้างทางสำหรับพักรถ คนจากคณะทัวร์ เริ่มทยอยเดินลงจากรถตู้ ที่จอดเรียงรายกันคณะทัวร์หลายสิบคนลงจากรถ มีทั้งผู้คนที่จับกลุ่มกันยืนถ่ายรูป บางกลุ่มพากันดูพืชพันธุ์ ที่แปลกตา และอื่น ๆ อีกมากมายต่างมีท่าทีตื่นเต้นกับกิจกรรมในวันนี้เมื่อทุกคนเตรียมพร้อม ไกด์คณะทัวร์ได้แนะนำพรานบุญ และหลานชายให้คณะได้รู้จักเมื่อแนะนำ และข้อควรปฏิบัติเสร็จแล้วนั้น คณะทัวร์เริ่มออกเดินทางโดยที่มีพนักงานดูแลจากทางโฮมสเตย์คอยเดินปิดท้ายคณะทัวร์ รวมถึงทั้งสี่คนที่ได้ติดตามมาท่องเที่ยวในครั้งนี้ด้วย วิวทิวเขา และป่าทั้งสองข้างทาง ช่างเป็นภาพที่สวยงามดั่งภาพวาดในนิยาย ทำให้จิตใจสงบ และกลมกลืนไปกับธรรมชาติ เมื่อเวลาผ่านไปไม่นานนัก เมื่อเดินทางได้สามกิโลเมตร ใช้เวลาไม่นานได้ถึงจุดพักแรกของสถานที่หมาย เป็นจุดให้บริการ เพื่อให้คณะทัวร์ ได้พักและถ่ายรูปกับวิวทิวทัศน์ข้างหน้าที่เป็นเชิงผาเมื่อมองลงไปด้านล่างเห็นยอดไม้ของป่าเขตร้อน มองไกลออกไปสุดสายตายังสามารถเห็นหมู่บ้านอยู่ไกล ๆ สุดสายตา

“น้ำไหมคุณ” คิรัน ยื่นน้ำให้ศิตาที่กำลังนั่งพิงกับโขดหินบริเวณใกล้ ๆ หน้าผานั่งชมวิว พระอาทิตย์ที่กำลังพ้นขอบฟ้า ส่องแสงแรกสีส้มอมแดง ส่องประกายสวยงาม 

“ขอบคุณค่ะ คุณคิรัน” ศิตารับน้ำส่วนคิรันได้นั่งลงข้าง ๆ ทั้งคู่ได้นั่งชมวิวพระอาทิตย์ที่กำลังลอยขึ้นพ้นขอบฟ้า บรรยากาศช่างโรแมนติก ต่างจากสองสาว ที่ทำได้เพียงนั่งมองตาปริบ ๆ

“อีกห้านาที เราจะออกเดินทางกันต่อนะครับ” เสียงพรานแจ้งให้เหล่าคณะทัวร์ทราบ ก่อนที่ไกด์จะแปลเป็นภาษาที่เหล่าคณะทัวร์จะเข้าใจ ต่างคนเริ่มแบกสัมภาระของตนเพื่อเดินทางต่อ เส้นทางในช่วงที่สองนั้นเป็นเส้นทางธรรมชาติที่ยังไม่ได้เตรียมทางไว้ดีนักต่างต้องเดินทางผ่านพื้นต่างระดับ เนินดินสูง รอดผ่านต้นไม้ใหญ่ เพื่อเดินไปยังจุดที่สองที่มีรวมกันอยู่สามจุดก่อนที่จะถึงจุดหมายปลายทาง เมื่อถึงจุดต่างระดับที่เดินยากนั้น หนึ่งในคณะทัวร์หญิงสาวน่ารัก เดินเซทำท่าเหมือนจะล้ม คิรัน รีบพุ่งเข้าไปพยุงด้วยความเป็นสุภาพบุรุษของตนนั้น แต่กับมีสายตา เหล่มองไปทาง คิรัน ก่อนที่จะเดินผ่านไป 

“ไม่เป็นอะไรนะครับ” คิรันยิ้มให้กับ หญิงสาวคณะทัวร์นั้น ก่อนที่จะวิ่งตามศิตาไปติด ๆ “รอผมก่อน”

“สมควรแล้วคะคุณพี่” ลดาส่ายศีรษะเบา ๆ

เมื่อเวลาผ่านไป ในที่สุดก็มาถึงจุดสุดท้าย คือน้ำตกที่ตั้งอยู่บนยอดเนินเขา สายน้ำตก ตัดผ่านช่องว่างเชิงเขา ไหลลงเป็นสายธาร ตัดผ่านความชื่นในอากาศ ที่กระทบกับอาการร้อน เกิดเป็นรุ้งกินน้ำสวยงามตัดผ่านน้ำตก คณะทัวร์ต่างลงไปเล่นน้ำในน้ำตก บางคนหยิบกล้องถ่ายรูปเก็บภาพความทรงจำ บ้างก็นั่งปิกนิกปูเสื่อนั่งดูลูกหลานตนเล่นน้ำด้วยความสนุกสนาน ส่วนลดา และพาขวัญ พากันเดินสำรวจป่ารอบ ๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“น้องอย่าไปไหนไกลมากนะ” คิรันได้ตะโกนตามหลัง ลดา และพาขวัญ “ค่ะ...” เสียงตอบรับจากสองสาวก่อนพากันเดินเข้าไปสำรวจป่าบริเวณใกล้ กับจุดที่คณะตั้งอยู่ แต่หารู้ไม่มีหนึ่งในคณะทัวร์ แอบปลีกตัวออกจากจุดน้ำตก แอบตามลดา และพาขวัญไป 

ทางคิรัน ที่กำลังนั่งพักผ่อนอยู่นั้นมีก้อนหินปริศณาลอยมาโดนศีรษะของคิรัน คิรันได้มองไปยังทิศทางที่ก้อนหินลอยมานั้นเอง สายตาเหลือบไปเห็นผู้ชายท่าทางไม่น่าไว้วางใจ เดินเข้าไปยังป่าในทิศทางเดียวกัน กับลดา และพาขวัญ 

“คุณเดียวผมมานะ” คิรันรีบลุกขึ้นเดินตามชายคนนั้นอยู่ห่าง ๆ ศิตาเดินตามคิรันไปติด ๆ และพาขวัญกำลังดูพันธุ์ไม้ที่ไม่เคยเห็นอยู่นั้น

“พี่ลดา เราออกมาไกลแล้วนะค่ะ ขวัญว่าเรากลับก่อนดีไหมคะ”

“นั้นสิน้องขวัญ เรากลับกันก่อนดีกว่า…” ลดาลุกขึ้นยังไม่ได้ทันทรงตัวได้ พาขวัญรีบจูงมือลดา สีหน้าดูร้อนรนแปลก ๆ 

“รีบ ๆ เดินเถอะค่ะพี่ลดา เดี๋ยวไม่ทัน” แต่แล้วเบื้องหน้ามีชายยืนอยู่ต่อหน้าของลดา และพาขวัญ สิ่งที่หน้าประหลาดใจนั้นคือ นัยน์ตาที่มีสีแดงก่ำ สะท้อนแสงในมุมมืดของร่มไม้ ในป่าลึก ไม่รอช้าชายผู้นั้นวิ่งเข้าไปทางลดา แต่พาขวัญกระโจนเข้าขวางชายที่พุ่งเข้ามา แต่ชายผู้นั้นไม่ได้มีทีท่าสนใจในตัวพาขวัญ ตาจ้องไปที่ปิ่นปักผมของลดาเพียงอย่างเดียว ก่อนที่จะสลัดหลุดจากพาขวัญในทางด้านของคิรัน และศิตา รีบวิ่งมาตามมาแต่ได้ยินเพียงเสียงไกล ๆ เท่านั้น

“พี่ลดาหนีไป...” พาขวัญตะโกนให้ลดารีบวิ่งหนีไปทางคณะทัวร์ แต่ลดาไม่มีทีท่าจะวิ่งหนี เพราะไม่ต้องการจะทิ้งพาขวัญให้อยู่ในอันตราย แต่แล้วชายที่โดนสะกด ได้นำมีดที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมา และพุ่งใส่ลดาอีกครั้ง แต่แล้วปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นเมื่อแสงจากอัญมณีส่องสว่างอีกครั้ง อัญมณีทับทิมได้ส่องสว่างแสงสีแดง หลังจากนั้นแสงสีขาวได้ปรากฏออกมา พร้อมกับมีบุคคลปริศนาออกมาจากแสงสีขาว และยืนอยู่เบื้องหน้าของลดา แต่ยังมีแสงขาวส่องสว่างอีกหนึ่งแสงที่ได้ฟุ้งในอากาศอีกแสงหนึ่งเจ้าของได้ออกมายืนยังเบื้องหน้าของลดาเช่นกัน ในมือคนผู้นั้นถือปืนคาบศิลาโบราณสีเงินด้ามจับเป็นไม้สีน้ำตาลอ่อนตัวปืนฝังเม็ดเพชรสีขาวส่องประกาย คนผู้นั้นคือมาร์คหลานของพรานบุญ มาร์คได้ยิงปืนขึ้นฟ้าเสียงปืนเรียกสติผู้ที่ถูกครอบงำด้วยพลัง ของอัญมณีบนปิ่นปักผมของลดา เป็นจังหวะเดียวกันที่คิรัน และศิตา วิ่งมาถึงที่เกิดเหตุ แต่เบื้องหนาของทั้งคู่ที่เห็นนั้นนอกจากชายที่ได้สติ ก็ยังพบกับ พัฒ และมาร์ค ที่กำลังพยุงลดาที่นั่งที่พื้น ชายทั้งสองมองหน้าสบตากัน ต่อหน้า ลดา ที่อยู่ตรงกลางของชายหนุ่มทั้งสอง...