ชาย-หญิง,รัก,ดราม่า,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เมื่อสิเรียมออกจากที่ประชุมแล้ว เธอก็กลับมาทำงานตามปกติ หญิงสาวทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น หากแต่ต้องส่งต่องานที่ทำอยู่ให้คุณโจวมาดูแลต่อ ด้วยเหตุนี้หญิงสาวจึงยุ่งมากจนลืมเวลารับประทานอาหาร
เอกสารวางเกลื่อนอยู่เต็มโต๊ะ จนแทบไม่มีที่ว่าง โทรศัพท์เข้ามาไม่ว่างเว้น แต่ละสายล้วนแต่โทรมาสอบถามเธอเรื่องถูกปลดออกจากตำแหน่ง จนสุดท้ายเธอต้องให้ดวงกมลช่วยรับสายแทน ไม่อย่างนั้นสิเรียมคงจัดการงานของตัวเองไม่เสร็จ
ดวงกมลที่เฝ้าดูเจ้านายมาตั้งแต่เช้ารู้สึกไม่เข้าใจเลย ทำไมคุณสิเรียมถึงทำเหมือนไม่ทุกข์ร้อนเรื่องที่เสียตำแหน่งไป ขนาดเธอเป็นเพียงเลขา ยังแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้ ในขณะที่เจ้านายส่งต่องานให้รักษาการคนใหม่เงียบ ๆ ด้วยความใจเย็น
“หิวจังคุณมล คุณมลหิวไหมคะ” ในที่สุดเจ้านายก็พูดขึ้น ดวงกมลถอนหายใจออกมา อย่างน้อยก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อย ที่คุณสิเรียมรู้สึกหิว
“กินอะไรกันดีคะ บ่ายสองแล้วด้วย” เธอดูเวลาแล้วถามกับเจ้านาย
“สั่งเดลิเวอร์รี่ก็ได้ค่ะ เรียมเอาหมี่ไก่ฉีกสองกล่อง คุณมลอยากกินอะไรก็สั่งเลยนะคะ เรียมเลี้ยง” สิเรียมบอก แล้วก้มลงไปสนใจกับงานต่อ
“ได้ค่ะ มลจัดการให้” เธอรับคำ แล้วหยิบโทรศัพท์มาสั่งอาหารให้เจ้านายและตัวเอง
“คุณมล” สิเรียมเรียกขณะที่อ่านเอกสารที่ถืออยู่ “เรียมอาจจะต้องไประยองสักสองวัน ไปดูโรงงาน ออดิทเพิ่งเข้าด้วย” หญิงสาวเอ่ยขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้
“ค่ะ เอ่อ แล้วคุณโจวจะต้องดูแลโรงงานอาหารแช่แข็งด้วยไหมคะ” ดวงกมลถาม
“NK Fresh Freeze เป็นของเรียมค่ะ เจ๊กไม่มีสิทธิ์ เขารักษาการแค่ในส่วนของ NK food” หญิงสาวอธิบายเสียงเฉียบขาด บ่งบอกว่าเธอหวงโรงงานอาหารแช่แข็งที่สร้างมามากแค่ไหน
สิเรียมไม่มีวันยอมให้สองพ่อลูกนั่น ฮุบโรงงานที่เธอสร้างมาด้วยหยาดเหงื่อแรงกายหรอก เพราะเมื่อแรกเริ่มก่อตั้ง สองคนนี้คัดค้านไม่ให้เธอลงทุนทำโรงงาน จนอากงต้องแยกโรงงานอาหารแช่แข็งออกจากบริษัทส่งออกพืชผล
ดวงกมลถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ค่อยยังชั่ว มลเป็นห่วงคุณเรียมนะคะ”
สิเรียมเงยหน้าจากแล็บท็อป แล้วเผยยิ้มให้เลขาแทนคำขอบคุณ เพียงเท่านี้ดวงกมลก็ทราบแล้วว่า เจ้านายของเธอไม่เป็นอะไร และจัดการความรู้สึกของตัวเองได้เป็นอย่างดี
หลังจากนั้นไม่นานนัก อาหารที่สั่งเอาไว้ก็มาส่ง สิเรียมจึงได้พักรับประทานอาหาร ดวงกมลเองก็สั่งอาหารแบบเดียวกันมาเพื่อความรวดเร็ว หญิงสาวทั้งสองนั่งกินอาหารอยู่ที่โซฟาเงียบ ๆ ก่อนดวงกมลจะนึกเรื่องอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“อ้อ คุณเรียมคะ เรื่องคุณผู้ชายทายาทของวรจักรสี่คน ที่คุณเรียมให้มลไปหาข้อมูลมา มลจัดการหามาให้เรียบร้อยแล้วนะคะ ข้อมูลอยู่ในอีเมลค่ะ” ดวงกมลรายงาน สิเรียมที่เพิ่งคีบเส้นหมี่เข้าปากพยักหน้ารับ ก่อนจะวางกล่องหมี่ไก่ฉีกลงบนโต๊ะ แล้วหันไปหยิบไอแพดมาเปิดอีเมลขึ้นดู
ช้าไม่ได้แล้วสิเรียม...
หญิงสาวบอกกับตัวเอง อาเจ็กโจวกับเฮียฟานนำหน้าสิเรียมไปแล้ว และถือแต้มต่อเหนือเธอไปหนึ่งแต้ม เธอจะทนอยู่นิ่ง ๆ ให้โดนยึดทุกสิ่งทุกอย่างที่อากงสร้างมาไปต่อหน้าต่อตาได้อย่างไร
สิเรียมอ่านประวัติผู้ชายจากตระกูลวรจักรทีละคน ใบหน้าหวานภายใต้กรอบแว่นเรียบนิ่ง มีเพียงคิ้วเรียวสวยที่ขมวดเข้าหากัน
ดวงกมลลอบมองเจ้านาย ทั้งแอบเอาใจช่วยอยู่ใกล้ ๆ ให้เธอนึกถูกชะตากับชายหนุ่มหนึ่งในสี่คน ที่ดวงกมลหาข้อมูลมาให้
บอกตามตรงว่าเธอแอบเชียร์ให้เจ้านายเลือกคุณคีรี เพราะโพรไฟล์ดี เป็นสุภาพบุรุษ และหน้าตาหล่อ แม้ลึก ๆ เธอจะชอบคุณธาตุตรี ที่หล่อร้าย ดูภูมิฐานที่สุดในบรรดาพี่น้องทั้งหมด และจากประวัติที่เธอได้อ่านมา เขาเป็นคนเก่งชนิดหาตัวจับได้ยาก เป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จด้วยตัวเอง ไม่ได้พึ่งพาทรัพย์สมบัติของตระกูล
แต่เสียอย่างเดียวที่ออกจะเจ้าชู้ และสเปกสูง จนดวงกมลอดหวั่นใจไม่ได้ว่า หากเจ้านายของเธอเลือกเขาแล้ว จะไม่เกิดปัญหาเรื่องมือที่สามเข้ามาในความสัมพันธ์ภายหลัง
ถ้าเป็นอย่างนั้นเธอคงสงสารคุณสิเรียมแย่
จะว่าคุณเรียมอ่อนประสบการณ์เรื่องความรักก็ถูก เธอเองแม้จะครองตัวเป็นโสดอยู่ในตอนนี้ แต่ก็เคยผ่านการมีความรักมาบ้าง หากแต่คุณเรียมไม่เคยคบหากับผู้ชายคนไหนเลย ยิ่งต้องมาแต่งงานกับผู้ชายอย่างคุณธาตุตรี ดวงกมลอดเป็นห่วงไม่ได้จริง ๆ
“คุณคีรีเขามางานศพอากงด้วย เรียมเจอเขาอยู่นะ” หญิงสาวเอ่ยพูดขึ้นหลังจากที่เงียบไปนาน แล้วหันหน้าจอให้ดวงกมลดูชายหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลา แววตาที่ฉายผ่านรูปถ่ายดูอบอุ่น เจือด้วยความขี้เล่น
“อ๋อ มลจำได้ค่ะ ตัวจริงหล่อกว่าในรูปมาก ๆ เลยนะคะคุณเรียม” ดวงกมลบอกเมื่อพอจะจำชายหนุ่มที่เจ้านายพูดถึงได้
“ใช่ เขาสุภาพมาก คนนี้พี่ชายเขาเหรอ... ธาตุตรี ชื่อแปลกจัง” สิเรียมกวาดสายตาอ่านประวัติของชายผู้มีศักดิ์เป็นพี่ชายของคีรี
เขาเป็นผู้ชายที่อายุมากกว่าเธอถึงแปดปี... หญิงสาวจ้องมองดวงตาคมที่มองผ่านรูปถ่าย แววตานั้นฉายแววเย็นชา สีหน้าเรียบเฉย ทว่าดูดีอย่างบอกไม่ถูก
สิเรียมเผยยิ้มออกมาเมื่อได้อ่านข้อมูลของเขาอย่างละเอียด
เขาไม่ชอบผูกมัดในความสัมพันธ์ โสด คบผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า
ราวกับฟ้าประทาน
นี่แหละแกะดำในหมู่แกะขาว
เขาคือสามีที่สิเรียมต้องการ
“คุณมลคะ” สิเรียมเรียกเลขาคนสนิทด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“คะ คุณเรียม” ดวงกมลนั่งตัวตรง ราวกับรอรับบัญชาจากจ้านาย
“เรียมจะแต่งงานกับเขา” สิเรียมกลับหน้าจอไปให้ดวงกมลดู แล้วชี้ไปที่ผู้ชายบนหน้าจอ
“ธาตุตรี วรจักร เรียมเลือกคนนี้”
“ตายแล้ว!” ดวงกมลยกมือขึ้นทาบอก
“ตกใจอะไรคะ คุณมล” หญิงสาวถามด้วยความแปลกใจ ขณะที่หันหน้าจอกลับมา
“จะอะไรละคะคุณเรียม เขาเจ้าชู้นะคะ มลว่าอย่าเลยดีกว่าค่ะ เลือกคนอื่นนะคะ คุณคีรีไงคะ” ดวงกมลคะยั้นคะยอให้สิเรียมเลือกใหม่
“คุณมล ที่เรียมต้องการคือ ผู้ชายที่ไม่มีวันรักเรียม” สิเรียมย้ำถึงจุดประสงค์
เพราะเธอมองผู้ชายที่จะเข้ามาในชีวิตไม่ต่างอะไรจากภาระ ยิ่งสลัดให้หลุดได้เร็วเท่าไรก็ยิ่งดี จะได้ไม่ต้องมีปัญหาคาราคาซัง
“โธ่ คุณเรียม” ดวงกมลถอนหายใจ เธอยู่ปากน้อย ๆ เชิงอ้อนวอนให้เจ้านายใจอ่อน ลองเลือกใหม่
“คุณธาตุตรีคนนี้เขาทิ้งเรียมแน่ ๆ ค่ะ เรียมมั่นใจ ดูสิคะ ข้อมูลของเขา เรียมแทบจะไม่มีสิ่งที่ผู้หญิงในอุดมคติของเขามีเลย ไม่เซ็กซี่ แถมไม่รู้เรื่อง...บนเตียง ก็ใช่นะคะ ที่เรียมพอจะมีสมอง แต่ก็ไม่ได้เก่งโดดเด่นอย่างผู้หญิงที่เขาเคยผ่านมา เขาอยู่กับเรียมไม่ได้หรอกค่ะคุณมล เขาอกแตกตายแน่ค่ะ” สิเรียมอธิบาย
ดวงกมลส่ายหน้า เธอไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้เลย เธอหวังลึก ๆ ว่าคุณผู้ชายจากวรจักรจะเอาชนะใจเจ้านายของเธอได้ และดูแลคุณสิเรียมไปจนแก่เฒ่า อยู่เคียงข้างเธอ คอยเป็นกำลังใจให้เธอ ไม่ใช่ทอดทิ้งเธอไปเช่นที่คุณสิเรียมพูด และหวังให้เกิดขึ้น
ทว่าเธอคิดผิด เป็นเจ้านายของเธอเองที่ไม่อยากผู้มัดกับพวกเขา และอยากเลิกกับคุณผู้ชายวรจักร ที่เลือกมาเป็นสามีให้เร็วที่สุด
“คุณเรียมจะไม่เปิดใจสักหน่อยเหรอคะ เผื่อมีลูกแล้ว อาจจะรักกันก็ได้ อย่างคำคนโบราณว่าไงคะ อยู่ ๆ กันไป ก็รักกันเอง” ดวงกมลลองเกลี้ยกล่อมดู เผื่อเจ้านายของเธอจะใจอ่อน ยอมเปลี่ยนแผน สิเรียมมองเลขาตรง ๆ ด้วยสายตาแน่วแน่
“เรื่องลูก ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะรั้งคนสองคนให้อยู่ด้วยกันสำหรับเรียม ลูกคนเดียว เรียมเลี้ยงเองได้ค่ะคุณมล ขอแค่เรียมไม่ต้องผูกมัดกับเขา ไม่ต้องหลงระเริงไปกับความรักจนลืมเรื่องงาน ชีวิตเรียมอุทิศให้ณุกูรกิตเท่านั้น คุณมลจำเอาไว้นะคะ แม้แต่เรื่องลูก เรียมก็จะมีเพื่อสืบทอดตระกูล และรับช่วงต่อธุรกิจของณุกูรกิต ทุกอย่างที่เรียมทำ ต้องมีผลประโยชน์” สิเรียมบอกด้วยถ้อยคำหนักแน่น
“คุณเรียมคะ ความรักไม่ได้น่ากลัวนะคะ มลอยากให้คุณเรียมเปิดใจบ้าง อย่างน้อยก็เพื่อลูก...”
“ไม่ใช่พ่อแม่ ไม่ใช่อากง เขาจะรักเรียมได้ยังไงคะ” สิเรียมวางไอแพดลง เธอกอดอกมองเลขาด้วยสายตาคมดุ ดวงกมลถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน
“พรหมลิขิตไงคะ คุณเรียมก็... ต้อนมลซะจนมุมเลยนะคะ ชอบเอาชนะกันจริง ๆ” เลขาสาวเบาอุบอิบ แล้วมองค้อนเจ้านายที่ยกยิ้มที่เถียงชนะเธอ
“โอเค ๆ เรียมยอมก็ได้ค่ะ ถ้าคุณมลไม่สนับสนุนให้เรียมเลือกคนนี้ งั้นเรา...จับฉลากอย่างที่อากงวัฒน์แนะนำมาดีไหมคะ” สิเรียมเสนอ ดวงกมลเลิกคิ้วด้วยความตกใจ ดูไม่ค่อยแน่ใจกับวิธีนี้เท่าไร
“จะดีเหรอคะ คุณเรียม” เธอถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
“ดีสิคะ สิเรียมจะเสี่ยงทายเลือกสามีจากการจับฉลากนี่แหละ หรือให้เสี่ยงเทียนอย่างนางบุษบาดีคะ” เธอเลิกคิ้วถามด้วยท่าทางกวนอารมณ์
“ค่ะ ๆ มลยอมแล้วค่ะ รอสักครู่นะคะ มลไปทำฉลากให้ก่อน” ว่าแล้วดวงกมลก็วางกล่องเส้นหมี่ไก่ฉีกลง แล้วลุกไปทำฉลากใส่กล่องมา
เลขาสาวเขย่ากล่องใส่ชื่อชายหนุ่มจากตระกูลวรจักรทั้งสี่คน แล้วยื่นให้เจ้านายที่นั่งอยู่
“อธิษฐานก่อนค่ะ แล้วค่อยจับ” ดวงกมลกำชับ
“ไม่เอาหรอก งมงาย” สิเรียมปฏิเสธ แล้วล้วงมือลงไปในกล่อง เธอหยิบม้วนกระดาษขึ้นมาหนึ่งชิ้นส่งให้ดวงกมล
“เปิดเลยค่ะ” เธอสั่ง
ดวงกมลรีบวางกล่องใส่ฉลากลง แล้วแกะม้วนกระดาษออกอ่าน เลขาสาวเบิกตาค้าง เมื่อเห็นชื่อที่เขียนอยู่ในกระดาษด้วยลายมือของตัวเอง
“หรือว่าพรหมลิขิต!” ดวงกมลแหวเสียงดัง สิเรียมขมวดคิ้วมองเลขาสาวด้วยความไม่เข้าใจ
“ได้ใครคะคุณมล”
“ธาตุตรี วรจักรค่ะ” ดวงกมลส่งแผ่นกระดาษให้เจ้านายดูเป็นการยืนยัน
สิเรียมยกยิ้มที่มุมปาก เธอเอนหลังพิงพนักด้วยความพึงพอใจกับการเลือกของตัวเอง
หญิงสาวมั่นใจว่านี่จะเป็นนิมิตหมายที่ดี จากนี้ทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนที่เธอวางเอาไว้ ธุรกิจที่อากงสร้างมาจะปลอดภัยในความดูแลของเธอ ณุกูรกิตจะเจริญรุ่งเรือง
เธอจะแต่งงานกับธาตุตรี วรจักร มีลูกกับเขา เพื่อสืบทอดตระกูล และสุดท้าย...สิเรียมจะขอเลิกกับเขาเอง ไม่ฉุดรั้งเขาเอาไว้
จะไม่มีความรัก ไม่ผูกพันต่อกัน...
หญิงสาวคิดวางแผนโดยไม่เฉลียวใจ
แต่อนิจจา...เธอคงลืมไปว่าชีวิตไม่ได้ง่ายดังที่เธอวาดฝัน
ยังมีหลายสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุม สิเรียมยังอ่อนประสบการณ์ ด้วยทั้งชีวิตเธอขลุกอยู่กับธุรกิจที่เธอเพียรสร้าง ไม่เคยหลงใหลใฝ่ในรัก เธอคิดว่าเพราะเธอเลือกได้ โดยมีเงื่อนไขเรื่องมรดกเข้ามาเกี่ยวข้อง เพียงเธอเสนอ แล้วผู้ชายคนนั้นจะทำตามข้อเสนอของเธอทุกประการ แค่ไร้ซึ่งการผูกมัด เขาก็คงพอใจ
แต่เธอลืมคิดไป ว่าอีกฝ่ายก็มีจิตใจ มีความรู้สึกเช่นปุถุชน ความคิดของเธอล้วนเห็นแก่ตัว เอาแต่ใจตัวเอง
สิเรียมไม่มีทางรู้เลย ว่าผู้ชายที่เธอเลือกคนนี้ ไม่ใช่คนที่เธอจะควบคุมได้โดยง่าย หญิงสาวมองเห็นเพียงว่า เส้นทางนี้ที่เธอกำลังเลือกเดินโรยด้วยกลีบกุหลาบสวย แต่มันแฝงด้วยหนามคม พร้อมจะทิ่มแทงเธออยู่ทุกเมื่อ ในตอนนี้เธอยังหลงระเริงอยู่กับกลีบกุหลาบสวย จนลืมอันตราย หารู้ไม่ว่าข้างหน้า คือดงหนามกุหลาบคม ที่รอเธออยู่
ดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
โทรศัพท์ที่วางเอาไว้บนโต๊ะข้างเตียงส่องแสงสว่างวาบขึ้น ก่อนจะสั่นครืนอยู่บนโต๊ะ มือหนาเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มารับสาย
“ฮัลโหล” เสียงทุ้มเข้าเจือด้วยงัวเงียดังขึ้น ทำให้หญิงสาวที่นอนอยู่ข้าง ๆ ขยับตัว เขาไม่ได้สนใจเท่าไรนัก
(ตื่นเถอะพี่ตรี ตะวันโด่งแล้ว) เป็นเสียงของคีรีที่ดังขึ้นมาตามสาย
ธาตุตรีหัวเราะในลำคอ ก่อนจะลุกจากเตียงคิงไซซ์ทั้งร่างกายเปลือยเปล่า ทิ้งหญิงสาวผมบลอนซ์ที่นอนอยู่บนเตียงเอาไว้เพียงลำพัง
เขาหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำที่กองอยู่บนพื้นมาสวมลวก ๆ ทั้งโบกมือไล่หญิงสาวที่ลุกตามขึ้นมา เธอจึงเก็บเสื้อผ้าที่ทิ้งอยู่เกลื่อนพื้นขึ้นมาแต่งตัวเงียบ ๆ
“โทรมาปลุกทำไม มีอะไรให้พี่ช่วย” เขาถามน้องชายด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
ธาตุตรีรักน้องชายของเขามาก เพราะคีรี เขาถึงได้มีชีวิตอิสระ ต้องทนแบกความกดดันในการทำธุรกิจที่เขาไม่ชอบ ไม่มีความสนใจ
(มีข่าวจากบ้านคุณปู่มาแจ้งครับผม)
“แบ่งสมบัติตั้งนานแล้วนี่ คุณอภิวัฒน์เขามีอะไรมาให้พี่ตื่นเต้นอีกล่ะ”
ธาตุตรีเอื้อมไปหยิบรีโมทเพื่อกดเปิดผ้าม่าน แสงสว่างค่อย ๆ สาดส่องเข้ามาภายในห้อง ไอร้อนบางเบาแผ่มาจากหน้าต่างกระจกบานใหญ่ ที่เบื้องหน้าเป็นวิวเมืองสุดลูกหูลูกตา แต่เพราะเครื่องปรับอากาศที่ทำงานอยู่ ทำให้ชายหนุ่มไม่ได้สนใจกับไอร้อนนี้เท่าไรนัก
(เรื่องนี้สนุกกว่าเรื่องสมบัติของคุณปู่อีก) น้องชายโฆษณา ธาตุตรีลุกไปเทน้ำในเหยือกใส่แก้วที่อยู่บนโต๊ะ แล้วยกขึ้นดื่มดับกระหาย
“ว่ามาสิ” ชายหนุ่มพูดหลังจากดื่มน้ำเสร็จแล้ว
(จำอากงไฉได้ไหมครับ พี่ตรี)
“จำได้ เพื่อนคุณปู่ที่ชอบให้ทองปีละหนึ่งบาท”
(อากงท่านเสียแล้วนะ เพิ่งจัดงานศพแล้วเปิดพินัยกรรมไปได้วันสองวันนี่เอง)
“ทำไมไม่โทรมาบอกพี่ จะได้ช่วยงานศพอากง อย่างน้อยท่านก็เคยเอ็นดูเรา” ชายหนุ่มตำหนิน้องชาย ที่ไม่ยอมบอกเรื่องสำคัญอย่างนี้กับเขา
ธาตุตรีจำได้ว่า อากงไฉชอบมาเล่นหมากรุกกับคุณปู่ที่บ้าน เขาเคยเจอท่านหลายครั้งเมื่อไปรับประทานอาหารกับคุณปู่ช่วงวันหยุด ท่านเป็นนิ่ง ๆ แต่ใจดี พูดจาตรงไปตรงมา เขาเคยให้อากงสอนเล่นหมากรุกอีกด้วย เพราะท่านฝีมือดี เรียกได้ว่าแทบจะหาใครเอาชนะท่านได้ยาก ส่วนคุณปู่ของเขาก็มีฝีมือไม่แพ้กัน แต่ท่านมักจะออกตัวว่าอ่อนกว่าเพื่อนเสมอ
(ผมเองก็ยุ่ง มีเวลาไปงานศพอากงแค่วันเดียวเอง)
“เหรอ แล้วไงต่อ มีแค่นี้เหรอ” ธาตุตรีเกาท้ายทอยด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย แต่ก็สลัดความรู้สึกนั้นทิ้งไปได้ทันที
(อากงไฉกับคุณปู่แอบทำสัญญากัน ท่านมีเงื่อนไขว่า ถ้าหลานสาวอากงไฉไม่แต่งงานกับพวกเราหนึ่งในสี่คน จะไม่ได้รับมรดกที่อากงไฉยกให้เธอ ตอนนี้บ้านโน้นเขาวุ่นวายกันใหญ่ กลัวถูกจับคลุมถุงชน ตลกชะมัดพี่ตรี) คีรีหัวเราะมาตามสาย ในขณะที่ธาตุตรีขมวดคิ้วเมื่อได้ฟังเรื่องที่น้องชายเล่า
หนึ่งในสี่... นั่นก็รวมถึงเขาด้วย
“เดี๋ยวนะคิน ที่อยู่ในเงื่อนไขกงไฉ รวมถึงพี่ด้วยเหรอ” ธาตุตรีถามเสีนงเข้ม
(ครับ พวกเราสี่คน พี่ตรี ผม บ้านโน้นทั้งสองคน)
“หลานสาวอากงไฉที่ดูจืด ๆ ชืด ๆ คนนั้นใช่ไหม” ธาตุตรีจำเด็กผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาได้ทันที ไม่ผิดจากที่คีรีคิดเอาไว้
(ครับ ยัยเปียไง ที่พี่ตรีชอบไปแอบมองแล้วหัวเราะใส่)
“ไม่มีใครเอาหรือไง” ธาตุตรีถามโพล่งออกมาตรง ๆ จนคีรีสะดุ้ง
(ใจเย็นพี่ตรี)
“ใครจะแต่งกับผู้หญิงคนนั้นก็แต่งเถอะ พี่ไม่เล่นเกมปัญญาอ่อนนี่ด้วย เสียเวลา”
เป็นไปตามที่คีรีคิดเอาไว้ไม่มีผิด พี่ชายของเขาต้องไม่ยอมทำตามสัญญานี้แน่นอน คนรักอิสระอย่างพี่ตรี มีหรือใครจะบังคับได้
คีรีที่ถือสายอยู่หลุบตาลงต่ำ พลางถอนหายใจออกมา
แน่นอน...ต้องเป็นเขาที่ยิ้มรับอีกครั้ง เป็นเขาที่ไม่มีทางเลือก
(ฮ่า ๆ) คีรีเลือกที่จะหัวเราะกลบเกลื่อน (ผมแต่งให้เองก็ได้ สิเรียมจะได้ไม่ต้องเลือกใครให้เสียเวลา บ้านโน้นก็ไม่เอา บ้านเราก็เหลือแค่ผม แผนสำรองเหมือนทุกที)
“คิน...” ราวกับได้สติ ธาตุตรีเพิ่งรู้ตัวว่าเขาเพิ่งจะปัดปัญหาไปให้น้องอีกแล้ว
ที่แล้วมา ไม่ว่าเขาจะทิ้งสิ่งใดไว้ คีรีจะเป็นคนเก็บกวาดเศษซากของการกระทำของเขาทุกครั้ง ตอนที่เขาทิ้งธุรกิจที่คุณพ่อได้รับสืบทอดมาจากคุณปู่ ก็มีคีรีที่ออกหน้ารับช่วงต่อแทน ทั้งที่น้องชายของเขาเองมีความฝันอยากเป็นนักบิน แต่คีรีก็เลือกจะทิ้งความฝัน แล้วเข้าไปดูแลธุรกิจของคุณพ่อต่อ เพื่อให้เขาได้ทำในสิ่งที่เขาชอบ
การเป็นนักลงทุน เป็นอาชีพที่ธาตุตรีใฝ่ฝัน เขาหลงใหลในกระแสความผันผวนขึ้นลงของตลาดหุ้น และความเสี่ยงในการลงทุนในสกุลเงินดิจิตอล
มันเป็นความท้าทายอย่างบ้าคลั่ง ยามที่เหรียญใดขึ้น พุ่งทะยานทำรายได้มหาศาล ความรู้สึกของเขาราวกับได้เล่นรถไฟเหาะตีลังกา ยามที่เหรียญราคาลง จุดแดง ส่อถึงความขาดทุน แล้วเขาได้เข้าไปช้อนซื้อขึ้นมาจนถึงจุดเขียว ธาตุตรีรู้สึกลิงโลดอย่างบอกไม่ถูก
นี่เป็นเหตุผลที่เขาเลือกเดินเส้นทางนี้ โดยไม่รับฟังคำเตือนของพ่อ ที่เห็นถึงความเสี่ยงของการลงทุน
ในขณะที่ธาตุตรี รู้สึกสนุกที่เป็นหนึ่งในตัวแปรของตลาด
(เอาล่ะ ไม่มีอะไรแล้วล่ะพี่ตรี ผมแค่บอกเอาไว้ เผื่อสิเรียมจะเสี่ยงมาลัย แล้วหวยเกิดมาออกที่พี่ จะได้เตรียมตัวปฏิเสธไว้ทัน ไม่ต้องห่วงนะครับ พี่ตรียังมีผม) คีรีทิ้งท้าย ก่อนจะวางสายไป
ธาตุตรีลดโทรศัพท์ที่แนบหูลง แล้วมองไปยังหน้าจอ
“พี่ตรียังมีผม...” เขาเอ่ยทวนคำพูดของน้องชายด้วยความคิดหลากหลายในหัว
ที่ผ่านมาเขาไม่เคยทำอะไรให้วรจักรเลย ไม่รับช่วงต่อธุรกิจ เพียงถือหุ้นตามคำสั่งของคุณปู่ เพื่อรับปันผลธุรกิจตามเงื่อนไขกงสีเท่านั้น
เป็นคีรีที่แบกรับทุกอย่างเอาไว้ ไม่มีสิทธิ์ได้เลือก ไม่มีสิทธิ์ได้ออกความคิดเห็น ไม่มีสิทธิ์ได้ทำตามความฝัน
ในขณะที่เขาได้ทำทุกอย่างที่เขาอยากทำ...
“ทำไมคราวนี้ไม่โล่งอกเหมือนทุกครั้งล่ะ ตรี” เขาถามกับตัวเอง