จากมาเฟืยผู้ยิ่งใหญ่ที่มีแต้มบาปนับล้าน สู่การฟื้นคืนชีพสุดป่วนกับอายุขัยที่เหลือแค่ 1 ปี! เมื่อยมทูตตัวตึงยื่นคำขาดต้องลดแต้มบาปเพิ่มแต้มบุญ และพิชิตใจครูสาวผู้เกลียดมาเฟียเข้าไส้ เพื่อต่อชีวิต 50 ปี! ภารกิจเปลี่ยนคนชั่วให้เป็นคนดีที่มาพร้อมความฮา ความน่ารัก และมิตรภาพ กำลังจะเริ่มต้นขึ้น!"
รัก,แอคชั่น,ตลก,แฟนตาซี,ชาย-หญิง,คอมเมดี้,พลังพิเศษ,ระบบ,ความรัก,นักเรียน,พล็อตสร้างกระแส,โรงเรียน,วิญญาณ,แฟนตาซี,รัก,ตลก,มาเฟีย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
แสงแรกของวันใหม่สาดส่องผ่านหน้าต่างกระทบกระจกตู้ปลาขนาดใหญ่ไซด์มินิอควาเรียมภายในห้องนอนราเชนทร์ ร่างสูงกำยำพลิกตัวไปมาบนเตียงคิงไซส์สีเข้ม ใบหน้าคมคายฉายแววครุ่นคิดตั้งแต่เมื่อคืน เขาแทบไม่ได้ข่มตาลงเลยหลังจากภาพรอยยิ้มสดใสของครูรินรวียังคงตราตรึงอยู่ในห้วงความคิด
ความรู้สึกแปลกประหลาดที่ก่อตัวขึ้นในใจ ไม่ใช่ความปรารถนาทางกายที่เขาคุ้นเคย ไม่ใช่ความหลงใหลในรูปลักษณ์ภายนอกอย่างที่ผ่านมา แต่เป็นความอบอุ่นที่บริสุทธิ์และลึกซึ้งกว่านั้น มันทำให้หัวใจที่เคยแข็งกระด้างราวหินผาเริ่มอ่อนโยนลงทีละน้อย
"อยากเป็นคนที่ทำให้เธอยิ้มแบบนั้นบ้าง..." ราเชนทร์พึมพำกับตัวเองอย่างแผ่วเบา ความปรารถนาอันบริสุทธิ์ที่ไม่เคยมีมาก่อนในชีวิตของชายผู้ได้ชื่อว่า "จอมมารแห่งสุวรรณนคร" กำลังไหลเวียนอยู่ภายในใจจนแทบจะล้นทะลัก
ความรู้สึกที่ไม่อาจเก็บงำไว้ได้อีกต่อไป ทำให้ราเชนทร์ลุกขึ้นจากเตียง เขาเดินตรงไปยังระเบียงส่วนตัวอย่างเชื่องช้า ทอดสายตามองไปยังเมืองที่กำลังฟื้นคืนชีวิตในยามเช้าตรู่
แผนการที่วางไว้เพื่อ "ภารกิจบำเพ็ญประโยชน์" ดูเหมือนจะมีความหมายมากกว่าที่เคยเป็นมา การทำให้ครูรินรวียิ้มให้เขาอย่างจริงใจ กลายเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้เขาต้องจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยและดูดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อให้ภาพลักษณ์ของ "มูลนิธิ" ที่เขาปั้นแต่งขึ้นมานั้นน่าเชื่อถือและดู "เป็นทางการ" อย่างแท้จริง
ราเชนทร์ส่งข้อความเสียงสั่งการลูกน้องคนสนิททั้งสี่อีกครั้ง โดยเน้นย้ำถึงเรื่องการแต่งกายและท่าทีที่ต้องดูสุภาพเรียบร้อยเป็นพิเศษ
และในหนึ่งชั่วโมงต่อมา ภาพสี่ชายฉกรรจ์ที่แต่งกายประหลาดก็ปรากฏขึ้นภายในห้องโถงรับรองของราเชนทร์ พวกเขาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะแต่งตัวให้ดูเหมือน "พนักงานออฟฟิศ" ตามคำสั่งของเจ้านาย แต่ผลลัพธ์ที่ออกมานั้น... ช่างผิดเพี้ยนไปจากความจริงอย่างน่าอนาถ
สมิง ผู้ซึ่งมีขนาดตัวใหญ่ยักษ์ราวกับหมีควาย สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวที่คับแน่นจนกระดุมแทบจะกระเด็นหลุดออกมา กางเกงสแล็คสีดำที่สั้นเต่อเผยให้เห็นถุงเท้าลายจุดสีแดงสดใสที่ลอยเด่นอยู่เหนือรองเท้าหนังสีน้ำตาลที่เหมือนผ่านสงครามโลกมา ยิ่งไปกว่านั้น แว่นตาทรงกลมใหญ่ขนาดเท่าจานรองแก้ว ทำให้เขาดูเหมือนหลุดออกมาจากหนังการ์ตูน
ส่วนคิมผู้รักความสะอาดและระเบียบวินัยเป็นชีวิตจิตใจ สวมชุดที่ถูกต้องตามหลักการที่สุด แต่กลับรีดจนแข็งเกินไป เสื้อเชิ้ตสีครีมมีรอยพับตั้งฉากราวกับกระดาษพับ กางเกงสแล็คสีเทารีดจนมีรอยเส้นตรงคมกริบ ส่วนรองเท้าหนังสีดำขัดมันวาวจนสะท้อนแสงราวกับกระจก ทว่าเขากลับเลือกสวมแว่นตากันแดดทรงนักบินสีดำทึบ ทำให้ดูเหมือนกำลังจะไปถ่ายแบบมากกว่าไปทำงาน
ทางด้านลีโอ ผู้พยายามจะเป็นพนักงานออฟฟิศที่ดูมีคุณวุฒิ เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนพอดีตัว พร้อมเสื้อสูทสีกรมท่าที่ดูเข้ากันดี แต่กลับผูกเนคไทลายการ์ตูนรูปแมวน้ำอย่างกับเด็ก ในมือถือแฟ้มเอกสารปกแข็งสีเหลืองสดสองเล่ม และมีปากกาสีสันสดใสเสียบอยู่ที่กระเป๋าเสื้อถึงห้าแท่งราวกับจะไปเปิดร้านเครื่องเขียน
และสุดท้ายฤทธิ์ ผู้มีรสนิยมลึกลับและชอบของขลัง แม้จะพยายามปรับตัว แต่ก็ยังคงความ "เป็นตัวเอง" ไว้อย่างชัดเจน เขาจัดทรงผมแบบนักเลงยุค 2499 ที่ปาดเรียบด้วยน้ำมันจนเป็นเงา เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีดำลายดอกุหลาบสีขาว ตามด้วยเนคไทสีแดงสดและกางเกงยีนส์สีดำขาเดฟ ตามด้วยรองเท้าหนังกลับสีน้ำตาล ที่สำคัญคือเครื่องรางของขลังจำนวนไม่น้อยยังคงห้อยระโยงระยางเต็มคอและข้อมือ ส่งเสียงกระทบกันเบาๆ ทุกครั้งที่เขาขยับตัว
ราเชนทร์ เองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเลยแม้แต่น้อย เขาเลือกสวมเสื้อสูทหนังสีน้ำตาลเข้มเนื้อดีที่ตัดเย็บอย่างประณีต แต่ดันเลือกเสื้อเชิ้ตสีเขียวสดใสตัดกับเนคไทสีแดงเข้มประดับมุกที่ดูหรูหรา ทำให้เขาดูโดดเด่นสะดุดตาเกินไปสำหรับพนักงานออฟฟิศปกติ ทรงผมหยักศกของเขายังคงรวบมัดไว้ข้างหลังตามสไตล์ แต่ที่ดูไม่เข้ากันที่สุดคือแว่นตาสี่เหลี่ยมเฟรมดำหนาเตอะที่ดูเกินขนาด เพื่อให้ดูเหมือนเป็น "ปัญญาชน"
“เป็นไงบ้าง?” ราเชนทร์ถามลูกน้องด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม พร้อมกับยกมือขึ้นจัดแว่นตาที่เลื่อนลงมาเล็กน้อย
ทั้งสี่คนมองหน้ากันแล้วพยักหน้าด้วยความพอใจ เพราะคิดว่าตัวเองแต่งตัวได้ดีที่สุดแล้วตามคอนเซ็ปของพนักงานบริษัท แต่อาจจะขัดใจศิลปิน
“ดีครับลูกพี่! ดูเป็นคนดีจริงๆ” สมิงพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจในความคิดของตัวเอง
หลังจากนั้นรถอัลพาร์ทกันกระสุนสีดำเงาวับเลขทะเบียนดัง ก็แล่นเอื่อยๆ ผ่านถนนสายหลักของเมืองสุวรรณนคร ภายในรถอัดแน่นไปด้วยของใช้ที่พวกเขาเพิ่งไปเหมามาจากร้านขายของใช้ในบ้าน ทั้งไม้กวาด ขยะถุงดำใบใหญ่ ปุ๋ย กรรไกรตัดกิ่งไม้ สีทาบ้าน แปรงขัดพื้น และอุปกรณ์ทำความสะอาดอื่นๆ อีกมากมาย
“เจ้านายครับ” ลีโอเอ่ยขึ้นเพื่อเสนอความคิดเห็น “ผมคิดว่าเราควรมีแผนการทำงานที่ชัดเจนหน่อยนะครับ เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน”
“ไม่คาดฝันแบบไหน?” ราเชนทร์ถามกลับ พลางจัดแว่นตาทรงเหลี่ยมที่เลื่อนลงมาเล็กน้อย
“อย่างเช่น... ถ้าครูคนอื่นโวยวายใส่เรา” ลีโอเริ่มแจกแจง “ถ้านักเรียนกลัวเราจนร้องไห้... ถ้าผู้อำนวยการไม่ให้เราทำภารกิจ...”
“หรือถ้าเราทำอะไรผิดพลาดทำให้ดูแย่ลงไปอีก” คิมเสริมขึ้นมาด้วยน้ำเสียงกังวล เมื่อนึกถึงประสบการณ์เมื่อวันก่อน
ราเชนทร์นิ่งไปครู่หนึ่ง เขาไม่ได้คิดถึงสถานการณ์เหล่านี้เลยตั้งแต่ต้น แต่ก็ยังคงตอบกลับอย่างเชื่อมั่น
“ไม่เป็นไรน่า” ราเชนทร์โบกมือปัด “เราแค่ทำตัวปกติ แล้วทำความดีด้วยใจจริง”
“ปกติของเราคือแบบไหนครับ?” สมิงถามขึ้นอย่างซื่อตรง
“อ่า...” ราเชนทร์ชะงักไปอีกครั้งเมื่อตระหนักถึงความจริงข้อนี้เพราะ "ปกติ" ของพวกเขาที่ผ่านมาคือการข่มขู่ ใช้กำลัง และสร้างความหวาดกลัว
“งั้น... ปกติแบบใหม่” เขาแก้ตัวตะกุกตะกัก “เป็นคนดี อ่อนโยน สุภาพ”
“เข้าใจแล้วครับ!” สมิงพยักหน้าอย่างมั่นใจราวกับเข้าใจทุกอย่าง ทั้งที่คำว่าสุภาพอ่อนโยนไม่เคยมีในหัว
“แล้วถ้ามีใครมาหาเรื่องล่ะครับ?” ฤทธิ์ที่กำลังจับพวงมาลัยรถถามต่อด้วยสีหน้าระแวงภัย แต่สายตายังคงจับจ้องถนนอย่างชำนาญ
“เราก็... เราก็...” ราเชนทร์อ้ำอึ้ง เขาคิดไม่ออกว่าจะตอบอย่างไรให้เป็นไปตามแนวทาง “คนดี” ที่เขาควรจะเป็น
“เราก็จัดการ... เอ้ย! ไม่ใช่สิ!” ราเชนทร์หายใจเข้าลึกๆ พยายามตั้งสติก่อนตอบ
“เราก็แก้ไขด้วยการพูดคุย ด้วยเหตุผลต่างหาก!”
ทั้งสี่คนเงียบกริบ นี่เป็นแนวทางที่พวกเขาไม่คุ้นเคยอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกับพวกคู่อริ
"ถึงแล้วครับหัวหน้า!" ฤทธิ์ลดความเร็วลงอย่างนุ่มนวลกว่าปกติ เขาค่อยๆ มองหาที่จอดรถก่อนจะขับเข้าไปอย่างระวัง
โรงเรียนมัธยมสุวรรณนครวิทยาตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ประตูโรงเรียนเปิดกว้างราวกับเชื้อเชิญให้พวกเขาเข้าไป... แต่ก็ไม่แน่ว่าคนข้างในจะยินดีต้อนรับพวกเขาไหม
ทันทีที่รถตู้สีดำเงาวับระดับพรีเมียมจอดสนิทอยู่หน้าประตูโรงเรียน เสียงอื้ออึงของนักเรียนที่กำลังเดินเข้าแถวก็พลันเงียบลง มีสายตาหลายคู่จับจ้องมาที่พวกราเชนทร์อย่างไม่วางตา นักเรียนที่เดินผ่านไปมาต่างหยุดชะงักและกระซิบกระซาบกันเป็นกลุ่มๆ
การปรากฏตัวของชายฉกรรจ์ห้าคนที่แต่งตัวแปลกประหลาดราวกับหลุดมาจากนิตยสารแฟชั่นหลุดโลก พร้อมกับรถยนต์หรูราคาแพงที่ดูไม่เข้ากับบรรยากาศโรงเรียน ทำให้ทุกคนอยากรู้อยากเห็นจนออกนอกหน้า
“เจ้านาย... นักเรียนเขามองเราแปลกๆ นะครับ” ลีโอกระซิบเสียงเบา พลางกวาดตามองซ้ายขวาอย่างระแวดระวัง
“ปกติ คนเราจะทำความดีเขาต้องมองด้วยความชื่นชมสิ” ราเชนทร์พูดเองเออเอง พลางจัดแว่นตาที่กำลังจะหล่น พยายามเดินนำหน้าเข้าไปในรั้วโรงเรียนอย่างมั่นใจ
แต่แล้วเขาก็เริ่มสังเกตเห็นว่าสายตาของนักเรียนเหล่านั้นไม่ใช่ความชื่นชมอย่างที่เขาคาดหวัง แต่เป็นความสงสัย ความไม่ไว้วางใจ และความกลัวปนอยู่ด้วยอย่างชัดเจน
“นั่นใครน่ะ? มาเฟียรึเปล่า?” เสียงแผ่วเบาของนักเรียนหญิงคนหนึ่งดังมาถึงหูของราเชนทร์
“มาทำอะไรเนี่ย? ดูน่ากลัวชะมัด”
“เขากล้าแต่งตัวแบบนี้ได้ยังไง? ตลกอ่ะ”
เสียงกระซิบกระซาบเหล่านั้นทำให้ราเชนทร์และพรรคพวกเริ่มรู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่ แต่เขาก็พยายามเชิดหน้าเดินต่อไปโดยไม่ใส่ใจกับเสียงรอบข้าง
ราเชนทร์เดินตรงไปยังอาคารอำนวยการตามแผนที่โรงเรียนที่เตรียมมาอย่างดี โดยมีลูกน้องทั้งสี่เดินตามหลังเป็นแถวอย่างเป็นระเบียบราวกับขบวนพาเหรดที่แปลกประหลาดที่สุดเท่าที่คนในโรงเรียนแห่งนี้เคยเห็นมา
ภายในห้องทำงานที่อยู่ชั้นบนสุดของอาคารธุรการ ชายวัยกลางคนผมบางแต่ดูเป็นมิตร กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์รายวันอย่างสบายใจ บนโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ที่มีป้ายไม้สลักไว้ว่า ผู้อำนวยการถวิล ประทีปทอง
เสียงเคาะประตูเบาๆ พร้อมเสียงแจ้งจากเลขานุการว่ามีแขกมาพบ ทำให้ท่านผู้อำนวยการวางหนังสือพิมพ์ลงและเดินออกมาด้วยรอยยิ้มที่คุ้นเคย
แต่รอยยิ้มนั้นกลับแข็งทื่อไปทันทีที่เห็นร่างสูงใหญ่ของราเชนทร์ยืนอยู่เบื้องหน้า พร้อมด้วยลูกน้องสี่คนที่แต่งกายแปลกตา ผอ.ถวิลไม่ได้รู้จักใบหน้านี้ดีเท่านั้น แต่เขายังรู้ดีว่า "จอมมารแห่งสุวรรณนคร" ที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือใคร และมีอิทธิพลมากแค่ไหน
“อ่า... คุณราเชนทร์” ท่านผอ.เอ่ยด้วยน้ำเสียงระมัดระวัง พลางกวาดตามองลูกน้องของราเชนทร์ที่ยืนตัวตรงเป็นแถว “มี... มีธุระอะไร...หรือครับ?”
ราเชนทร์ยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตรที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ ซึ่งมันก็ยังคงดูน่าเกรงขามอยู่ดี เขาผายมือให้คิมส่งแผ่นพับสีเหลืองสดใสที่ลีโอเร่งทำขึ้นเมื่อคืนให้แก่ท่านผู้อำนวยการ
“ผมมาในนาม ‘มูลนิธิแสงสว่างเพื่อเยาวชน’ ครับ” ราเชนทร์กล่าวเสียงทุ้มฟังชัด “มีความประสงค์จะขอเข้ามาช่วยเหลือในการพัฒนาโรงเรียนของเราให้ดียิ่งขึ้นครับ”
ผอ.ถวิลรับแผ่นพับด้วยมือที่สั่นเทาเล็กน้อย สายตาจับจ้องไปที่ตัวอักษรพิมพ์เก่าๆ รูปภาพที่ดูไม่ชัดเจนนัก และข้อความที่ดูเหมือนจะเร่งรีบทำขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่
“อ่า... มูลนิธิ... แสงสว่าง...” ท่านผอ.อ่านทีละคำด้วยความไม่แน่ใจ “คุณ... คุณจริงจังกับเรื่องนี้หรือครับ?” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย
“จริงจังมากครับ!” ราเชนทร์พยักหน้าแรง เพื่อยืนยันความตั้งใจ “พวกเราอยากช่วยทำให้โรงเรียนสวยงาม สะอาด เป็นระเบียบ นักเรียนมีสภาพแวดล้อมที่ดีในการเรียนรู้ครับ”
ผู้อำนวยการมองไปที่ลูกน้องทั้งสี่ที่ยังคงยืนตัวตรงเหมือนทหาร แล้วกลับมามองราเชนทร์ด้วยสีหน้าไม่แน่ใจนัก ความรู้สึกประหลาดใจผสมกับความหวาดระแวงยังคงมีอยู่ไม่น้อย
“แล้ว... แล้วคุณต้องการอะไรตอบแทนหรือครับ?” ผอ.ถวิลถามด้วยความกังวล เพราะการกระทำของมาเฟียมักไม่เคยมีอะไรที่ "ฟรี"
“ไม่ต้องการอะไรเลยครับ” ราเชนทร์ตอบทันควัน “เราแค่อยากทำความดีครับ”
คำว่า "ทำความดี" ที่หลุดออกมาจากปากของ "ชายผู้ได้ชื่อว่าจอมมาร" นั้นฟังดูแปลกแยกและไม่เข้ากันอย่างสิ้นเชิง ผอ.ถวิลรู้สึกไม่สบายใจอย่างมากกับสถานการณ์ตรงหน้า แต่ก็ไม่อยากปฏิเสธโดยตรง เพราะเกรงกลัวว่าปัญหาที่แท้จริงจะตามมามากกว่าการได้รับความช่วยเหลือ
“อ่า... งั้น... งั้นคุณช่วยอะไรได้บ้างครับ?” ท่านผอ.เอ่ยปากถามอย่างลังเล ราเชนทร์จึงพยักหน้าให้ชายที่เจ้าระเบียบที่สุดเป็นคนรายงาน
“นี่คือภารกิจที่พวกเราจะทำครับ เก็บขยะ ตัดแต่งสวน ทาสีอาคาร ซ่อมแซมอุปกรณ์ที่ชำรุด....” คิมพูดไล่ลำดับไปทีละข้อตามที่เขาได้เขียนรายการเตรียมไว้
ท่านผอ.ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ความจริงแล้วโรงเรียนก็มีงานที่ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงภูมิทัศน์ หรือซ่อมแซมส่วนที่ทรุดโทรม แต่การรับความช่วยเหลือจากคนอย่างราเชนทร์นั้นทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจและกังวลใจเป็นอย่างมาก
“ครับ... ถ้าอย่างนั้น...” ผู้อำนวยการจำต้องตัดสินใจ พลางคิดหาทางออกที่ปลอดภัยที่สุด
“ให้ช่วยเก็บขยะในลานหน้าอาคารหนึ่งได้ไหมครับ เดี๋ยวผมจะให้ครูรินรวีไปดูแลคุณ”
ทันทีที่ได้ยินชื่อครูรินรวี หัวใจของราเชนทร์ก็เต้นแรงขึ้นอย่างไม่เป็นจังหวะ แววตาที่เคยดุดันโดยธรรมชาติอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
“ครับ! ขอบคุณมากครับท่านผู้อำนวยการ!” ราเชนทร์ตอบรับอย่างกระตือรือร้น
ไม่นานนัก ครูรินรวีก็เดินออกมาจากอาคารเรียนด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ เมื่อท่านผู้อำนวยการโทรเรียกให้มาช่วยดูแล "แขกพิเศษที่เธอไม่อยากยุ่งด้วย" พอเธอเห็นราเชนทร์และลูกน้องยืนรออยู่ด้วยชุดแต่งกายสุดพิลึกพิลั่น เธอจึงชักสีหน้าแสดงความไม่พอใจ
“สวัสดีครับครูรินรวี” ราเชนทร์รีบทักทายแบบสุภาพที่สุดเท่าที่จะทำได้ พร้อมรอยยิ้มกว้างที่เผยให้เห็นเขี้ยวเล็กน้อย
ครูรินรวีพยักหน้าตอบอย่างเรียบเฉย ไร้อารมณ์ใดๆ “สวัสดีค่ะ คุณมาทำอะไรอีกคะ?” น้ำเสียงของเธอดูเย็นชาอย่างเห็นได้ชัด จนทำให้ผอ.ถวิลเริ่มรู้สึกใจคอไม่ดี
“ผมก็มาทำความดีไงครับ” ราเชนทร์ตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจเกินร้อย “เราตั้งมูลนิธิขึ้นมา เพราะอยากช่วยเหลือโรงเรียนครับ”
ครูรินรวีก้มลงมองแผ่นพับสีเหลืองที่ผู้อำนวยการยื่นให้เธอดูก่อนหน้านี้ ยิ่งมองก็ยิ่งเต็มไปด้วยความสงสัย
“มูลนิธิ... แสงสว่างเพื่อเยาวชน” เธออ่านออกเสียงชื่อมูลนิธิอย่างช้าๆ ชัดถ้อยชัดคำ “ตั้งมาได้นานแค่ไหนแล้วคะ?”
“อ่า... เพิ่งตั้ง... เมื่อวานนี้เองครับ” ราเชนทร์ตอบด้วยสีหน้าไม่สบายใจเล็กน้อย เพราะเขาไม่เคยคิดว่าเธอจะถามถึงเรื่องนี้
“เมื่อวาน?” ครูรินรวียิ้มเยาะที่มุมปาก “แล้วมีใบอนุญาตไหมคะ? มีบอร์ดกรรมการไหมคะ? มีบัญชีธนาคารไหมคะ?” คำถามของเธอราวกับห่าฝนที่ถาโถมเข้าใส่
ราเชนทร์เงียบกริบ เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องเอกสารราชการพวกนี้เลย ลีโอซึ่งยืนอยู่ข้างๆ รีบก้าวเข้ามาช่วยเจ้านายก่อนที่สถานการณ์จะย่ำแย่ไปกว่านี้
“คืองี้ครับ เรากำลังจัดการเรื่องเอกสารให้เรียบร้อยอยู่ครับ แต่การทำความดีไม่จำเป็นต้องรอให้เอกสารครบก่อนจริงไหมครับคุณครู” เขาพยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลที่สุด
“หืม” ครูรินรวีพยักหน้าอย่างไม่เชื่อถือ แต่ก็ไม่ได้ซักไซ้ต่อ “งั้นคุณจะช่วยทำอะไรคะ?”
“เก็บขยะครับ!” ราเชนทร์พูดอย่างกระตือรือร้นเกินเหตุ “ผมจะทำให้โรงเรียนสะอาดที่สุดเลยครับ!”
ครูรินรวีมองไปที่ลานหน้าอาคารหนึ่งซึ่งมีใบไม้แห้งและขยะเล็กน้อยกระจัดกระจายอยู่จริงๆ เป็นลานที่นักเรียนมักจะมานั่งพักผ่อนและทำกิจกรรมนอกห้องเรียน
“ถ้าอย่างนั้น... ก็ได้ค่ะ” เธอถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “แต่ทำให้เรียบร้อยนะคะ อย่าสร้างปัญหาให้โรงเรียนเด็ดขาด”
“ครับ! ผมสัญญา!” ราเชนทร์พยักหน้าแรงๆ หัวใจเต้นระรัวอย่างแปลกประหลาดเมื่อได้ยืนอยู่ใกล้เธอขนาดนี้ ความรู้สึกที่ไม่ใช่แค่ความปรารถนาในการเพิ่มอายุขัย แต่เป็นความปรารถนาที่อยากให้เธอยอมรับในสิ่งที่เขากำลังจะทำ
“ฉันจะไปทำงานอื่นก่อนนะคะ อีกประมาณสามสิบนาทีจะกลับมาดู” รินรวีบอกด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย พลางกวาดสายตามองไปรอบๆ ลานกว้างที่กำลังจะกลายเป็นสนามทดสอบความดีของเหล่ามาเฟีย ก่อนจะเดินหันหลังกลับเข้าไปในอาคารเรียน
ราเชนทร์มองตามแผ่นหลังของครูสาวที่เดินลับไป เขาไม่รู้ว่าการ "ทำความดี" ในครั้งนี้ จะช่วยลดทอนกำแพงในใจของเธอลงได้หรือไม่ แต่สำหรับเขาแล้ว... ถือเป็นบททดสอบครั้งสำคัญ เพื่อให้ได้เห็นรอยยิ้มของเธออีกครั้ง