จากมาเฟืยผู้ยิ่งใหญ่ที่มีแต้มบาปนับล้าน สู่การฟื้นคืนชีพสุดป่วนกับอายุขัยที่เหลือแค่ 1 ปี! เมื่อยมทูตตัวตึงยื่นคำขาดต้องลดแต้มบาปเพิ่มแต้มบุญ และพิชิตใจครูสาวผู้เกลียดมาเฟียเข้าไส้ เพื่อต่อชีวิต 50 ปี! ภารกิจเปลี่ยนคนชั่วให้เป็นคนดีที่มาพร้อมความฮา ความน่ารัก และมิตรภาพ กำลังจะเริ่มต้นขึ้น!"

ภารกิจพิชิตใจนางฟ้า แต่ชีวิตข้าเหลือ365 วัน - ตอนที่ 4 แม่พิมพ์ที่แสนงดงาม โดย ปราณยักษา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,แอคชั่น,ตลก,แฟนตาซี,ชาย-หญิง,คอมเมดี้,พลังพิเศษ,ระบบ,ความรัก,นักเรียน,พล็อตสร้างกระแส,โรงเรียน,วิญญาณ,แฟนตาซี,รัก,ตลก,มาเฟีย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ภารกิจพิชิตใจนางฟ้า แต่ชีวิตข้าเหลือ365 วัน

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,แอคชั่น,ตลก,แฟนตาซี,ชาย-หญิง

แท็คที่เกี่ยวข้อง

คอมเมดี้,พลังพิเศษ,ระบบ,ความรัก,นักเรียน,พล็อตสร้างกระแส,โรงเรียน,วิญญาณ,แฟนตาซี,รัก,ตลก,มาเฟีย

รายละเอียด

ภารกิจพิชิตใจนางฟ้า แต่ชีวิตข้าเหลือ365 วัน โดย ปราณยักษา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

จากมาเฟืยผู้ยิ่งใหญ่ที่มีแต้มบาปนับล้าน สู่การฟื้นคืนชีพสุดป่วนกับอายุขัยที่เหลือแค่ 1 ปี! เมื่อยมทูตตัวตึงยื่นคำขาดต้องลดแต้มบาปเพิ่มแต้มบุญ และพิชิตใจครูสาวผู้เกลียดมาเฟียเข้าไส้ เพื่อต่อชีวิต 50 ปี! ภารกิจเปลี่ยนคนชั่วให้เป็นคนดีที่มาพร้อมความฮา ความน่ารัก และมิตรภาพ กำลังจะเริ่มต้นขึ้น!"

ผู้แต่ง

ปราณยักษา

เรื่องย่อ

สารบัญ

ภารกิจพิชิตใจนางฟ้า แต่ชีวิตข้าเหลือ365 วัน-ตอนที่ 1 การกลับมาของจอมมาร,ภารกิจพิชิตใจนางฟ้า แต่ชีวิตข้าเหลือ365 วัน-ตอนที่ 2 ภารกิจที่ไม่คุ้นชิน,ภารกิจพิชิตใจนางฟ้า แต่ชีวิตข้าเหลือ365 วัน-ตอนที่ 3 แสงสว่างอันร้อนแรง,ภารกิจพิชิตใจนางฟ้า แต่ชีวิตข้าเหลือ365 วัน-ตอนที่ 4 แม่พิมพ์ที่แสนงดงาม,ภารกิจพิชิตใจนางฟ้า แต่ชีวิตข้าเหลือ365 วัน-ตอนที่ 5 ปฏิบัติการคนดี

เนื้อหา

ตอนที่ 4 แม่พิมพ์ที่แสนงดงาม

ภายในห้องนอนโอ่อ่า โคมระย้าคริสตัลส่องประกายยามต้องแสง ผนังบุด้วยกำมะหยี่สีม่วงเข้มตัดกับเตียงคิงไซส์สีดำลายทองที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางห้อง แต่สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือตู้ปลาขนาดยักษ์ที่ทำให้ห้องนี้ดูเหมือนอยู่ในอควาเรียมมากกว่าห้องสำหรับพักผ่อน

ราเชนทร์ตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้าตรู่ด้วยความกระสับกระส่ายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เหตุการณ์เมื่อวานยังคงค้างคาอยู่ในใจ ทำให้มาเฟียหนุ่มรู้สึกว้าวุ่นจนอยู่ไม่เป็นสุข เขาก้าวเดินไปมาในห้องนอนหลายรอบอย่างเลื่อนลอย จนกระทั่งเสียงเคาะประตูเบา ๆ ดังขึ้น คิมผู้รับหน้าที่เป็นพ่อครัวประจำคฤหาสน์ เข้ามาตามเขาไปรับประทานอาหารเช้าด้วยความระมัดระวัง

"นายท่านครับ... อาหารเช้าเสร็จแล้วครับ"

"อืม" ราเชนทร์ ตอบรับสั้น ๆ แต่ยังคงเดินไปเดินมาสักพัก ก่อนจะถอนหายใจแล้วเดินลงบันไดมายังห้องอาหารที่อยู่ชั้นล่างด้วยสีหน้าไม่สดชื่นเท่าไหร่นัก ซึ่งบรรดาลูกน้องคนสนิทก็พากันยืนรออยู่ก่อนแล้วเหมือนเช่นทุกวัน

"อ้าว ไอ้ฤทธิ์ไปไหนล่ะ" ราเชนทร์ เอ่ยถามหลังจากเห็นสมาชิกขาดไปคนหนึ่ง

"เมื่อวานเลิกเร็วพี่ฤทธิ์เลยพาภรรยาไปเที่ยวทะเลครับเจ้านาย นี่ก็เพิ่งส่งข้อความมาบอกว่าใกล้จะถึงแล้ว" ลีโอ รายงานหลังจากเปิดดูโทรศัพท์มือถือ

ราเชนทร์ นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าช้า ๆ เขาจำได้ว่าเป็นคนจัดงานแต่งให้ฤทธิ์กับหมอแอนอย่างยิ่งใหญ่อลังการเมื่อปีที่แล้ว ใครจะคิดว่ามาเฟียสไตล์โบราณอย่างฤทธิ์ จะสามารถพิชิตใจคุณหมอสาวแสนสวยโปรไฟล์เลิศหรูได้ โดยไม่ใช้เสน่ห์ยาแฝด

ไม่ทันขาดคำเสียงวิ่งกระหืดกระหอบของชายผู้โชคดีมีเมียเป็นหมอก็วิ่งเข้ามาในห้องอาหาร พร้อมกับยกมือไหว้เหนือหัวเพราะรู้สึกผิดอย่างแรง

"ขอโทษครับหัวหน้า..คือเมื่อคืน...หนักไปหน่อย"

ทันทีที่ฤทธิ์พูดจบ ทุกสายตาก็จับจ้องไปที่เขาพร้อมด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม จนหนุ่มใหญ่ทรงนักเลงทำสีหน้าเลิ่กลั่ก รู้สึกเหมือนตัวเองพูดอะไรผิดไป

"เออ..หมายถึงดื่มหนักน่ะ คิดอะไรกันอยู่ไม่ทราบ" ฤทธิ์กระแอมออกมาพร้อมใบหน้าที่แดงขึ้นเล็กน้อย ทำให้ทุกคนที่รอฟังเรื่องสนุก ๆ ดูผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด

"แต่งงานงั้นเหรอ" ราเชนทร์รำพึงในใจ พลันภาพของครูสาวผู้กล้าหาญที่เพิ่งต่อปากต่อคำกับเขาอย่างดุเดือดเมื่อวานก็ผุดขึ้นมาในห้วงความคิด อย่างต่อเนื่อง ทำให้อาหารเช้าระดับมิชลินสามดาวมื้อนี้ดูจืดชืดไปพอสมควร



หลังจากทานมื้อเช้าเสร็จเรียบร้อย ราเชนทร์ ตัดสินใจที่จะแวะไปที่โรงเรียนอีกครั้ง โดยอ้างกับพวกลูกน้องว่า..เป็นการสำรวจพื้นที่ทำความดี

แต่ความจริงแล้ว เขาเพียงอยากเห็นหน้าครูรินรวีอีกครั้งเท่านั้นเอง โดยที่ตัวเองก็ยังไม่รู้เหตุผลแน่ชัดว่าเพราะอะไร

ฤทธิ์, คิม, สมิง, และ ลีโอ ต่างมองหน้ากันไปมา ก่อนจะส่ายหน้าอย่างรู้แกว เพราะพวกเขาเข้าใจดีว่าเจ้านายคนนี้ไม่เคยทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลแอบแฝง

"เจ้านาย... เมื่อวานคุณเพิ่งไปโรงเรียนมาแล้วไม่ใช่หรือครับ?" ลีโอถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าเจ้านายจะแถไปทางไหน

"แล้วไงล่ะ? กูจะไปกี่ครั้งก็ได้นี่หว่า มันเป็นที่สาธารณะ" ราเชนทร์ ตอบด้วยท่าทางที่ไม่เป็นธรรมชาติเท่าไหร่ ซึ่งดูยังไงก็มีพิรุธ

 "โรงเรียนมันเป็นที่สาธารณะตั้งแต่เมื่อไหร่วะ? มีแต่เจ้านายนี่แหละที่คิดอย่างนั้น" 

ลีโอกับคิดแอบคิดเหมือนกันโดยไม่ได้นัดหมาย แต่ก็ได้แต่เก็บไว้ในใจ ส่วนสมิงถือคติว่า "นายว่าไงไปตามนั้น"

"แล้วเราจะไปทำอะไรที่นั่นอีกครับ?" ฤทธิ์ถามย้ำเหมือนต้องการรู้ความจริงบางอย่างจากผู้ร้ายปากแข็ง

"ทำความดีไง! ช่วยเหลือผู้คน! ที่นั่นมีนักเรียนเยอะแยะ ต้องมีคนต้องการความช่วยเหลือแน่ ๆ" ราเชนทร์ อธิบายด้วยตรรกะที่เขาคิดขึ้นมาเอง ซึ่งฟังดูคลุมเครือ และไม่น่าเชื่อถือในสายตาของลูกน้อง แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกไปอีก ด้วยความคิดที่ว่า

 "อะไรที่เจ้านายทำแล้วมีความสุขก็ปล่อยๆ ไปแล้วกัน"



หนึ่งชั่วโมงต่อมารถตู้ อัลพาร์ดสีดำสนิททะเบียน 8989 ก็แล่นมาจอดบริเวณข้างโรงเรียนสุวรรณนครวิทยาอีกครั้ง ท่ามกลางสายตาผู้คนโดยรอบที่มองมาด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย

 ประตูรถตู้ถูกเปิดออกอย่างช้าๆ พร้อมกับร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อเชิ้ตเข้ารูปสีเทาของราเชนทร์ ก้าวเดินลงมาอย่างสง่าผ่าเผย ตามลงมาด้วยเหล่าลูกน้องคู่บารมีทั้งสี่

หลังจากทั้งหมดก้าวเท้าเข้ามาในบริเวณโรงเรียน ราเชนทร์ ชะลอฝีเท้าลงเล็กน้อย สายตาคู่คมของเขากวาดมองไปรอบ ๆ เหมือนกำลังค้นหาอะไรบางอย่างที่สำคัญมาก

"โรงเรียนกว้างใหญ่ขนาดนี้ จะเจอง่ายไหมนะ" มาเฟียหนุ่มแอบคิดในใจ สีหน้าฉายความคาดหวังเล็กน้อย

จนกระทั่งสายตาไปสะดุดเข้ากับร่างของหญิงสาวที่นั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหินใต้ต้นไผ่ใหญ่ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากทางเดินมากนัก แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมากระทบเรือนผมสลวยสีน้ำตาลเข้มที่ยาวประบ่าของเธอ ทำให้ดูเปล่งประกายงดงามยามที่มันปลิวไสวไปตามลมเล็กน้อย

ราวกับว่าเขาได้ถูกนำพาด้วยพลังงานบางอย่างที่มองไม่เห็น ให้ได้มาพบเจอกับเธออย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งหญิงสาวคนนั้นคือ "ครูรินรวี!" 

ราเชนทร์หยุดชะงักราวกับถูกสะกด ทำให้ลูกน้องทั้งสี่พลอยหยุดตามไปด้วยอย่างพร้อมเพรียงกัน

น้ำเสียงที่สดใสและอบอุ่น ของครูรินรวีแว่วเข้ามาในโสตประสาทของพวกเขาอย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอกำลังยิ้มและพูดคุยกับนักเรียนหญิงคนหนึ่งที่ดูเศร้าหมองด้วยสีหน้าที่อ่อนโยน 

ด้วยระยะห่างที่พอเหมาะและบรรยากาศที่ค่อนข้างเงียบในบริเวณนั้น ทำให้ราเชนทร์ได้ยินเสียงของครูสาวอย่างชัดเจน โดยที่เธอไม่ทันสังเกตเห็นการมาของพวกเขาเลย

"ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น หนูต้องรักตัวเองให้มาก ๆ นะคะ" เสียงของเธอแผ่วเบาแต่ชัดเจน "ความรักที่ดีคือความรักที่ทำให้หนูเป็นคนที่ดีขึ้น... แต่ถ้าวันไหนที่ความรักทำให้หนูไม่มีความสุข นั่นอาจจะไม่ใช่หนังที่เราควรจะดูให้จบเรื่อง"

"คำพูดเพียงไม่กี่ประโยคของครูสาว ได้สั่นคลอนหัวใจของราเชนทร์อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ราวกับเป็นถ้อยคำที่ถูกร่ายมาเพื่อเขาโดยเฉพาะ และหากความรักจะสามารถเปลี่ยนใครสักคนให้กลายเป็นคนที่ดีขึ้นได้... คนคนนั้นก็คงเป็นเขา ที่มีเธอเป็นแรงบันดาลใจ

ราเชนทร์ ยืนมองครูสาวผู้เป็นดั่งแสงสว่างอยู่เนิ่นนาน เสมือนว่าเวลาได้ถูกหยุดหมุนลง ในวินาทีนั้นเอง ราเชนทร์ก็ค้นพบว่า ความรู้สึกที่เคยมีต่อผู่หญิงคนอื่นๆ เป็นเพียงแค่ความต้องการที่อยากจะครอบครอง

 แต่กับรินรวี...มันคือความปรารถนาที่อยากจะเป็นคนที่ดีขึ้นอย่างแท้จริง เพื่อที่จะได้คู่ควรกับความงดงามที่เขากำลังมองเห็นอยู่ตรงหน้า

"นายท่าน..." เสียงของคิม ลูกน้องคนสนิทดังขึ้นเบา ๆ แต่ไม่อาจดึงความสนใจของราเชนทร์ ออกจากภาพตรงหน้าได้ เขายังคงจ้องมองครูรินรวีอยู่อย่างนั้น หัวใจของเขาเต้นรัวด้วยความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคย เป็นความอบอุ่นที่มาพร้อมกับความปรารถนาที่อยากจะปกป้องรอยยิ้มนั้นไว้ให้นานที่สุด

ราเชนทร์ ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเผลอมองไปนานแค่ไหน จนกระทั่งเสียงกระแอมไอ ของคิมดังขึ้นกว่าเดิมเป็นครั้งที่สอง เขาจึงดึงตัวเองกลับสู่โลกแห่งความจริง และหันไปทำท่าทางขึงขังกลบเกลื่อนความรู้สึกแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นในใจทันที

"ยืนดูอะไรอยู่ครับนายท่าน?" คิมแกล้งถามทั้งที่รู้ดีอยู่แล้ว แววตาของเขาคล้ายกับว่าเห็นอะไรที่น่าสนใจจากท่าทีของเจ้านาย

"ไม่..มีอะไร! ก็แค่..ชมวิวทิวทัศน์" ราเชนทร์ ตอบด้วยเสียงที่ดูไม่เป็นธรรมชาติเอาเสียเลย ใบหน้าคมเข้มของเขาดูขรึมลงเล็กน้อยเพื่อปกปิดพิรุธ

ทว่าลีโอ ซึ่งได้รับการยอมรับว่าฉลาดที่สุดในกลุ่ม ก็จับความผิดปกติจากท่าทางและน้ำเสียงของผู้เป็นหัวหน้าได้ทันที

"เจ้านาย...นั่นครูสาวที่กล้าหือกับคุณเมื่อวานนี้นี่ครับ" ลีโอกระซิบถามพลางยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย "จะให้สั่งสอนยังไงดีครับ"

"ไม่ต้อง!!" ราเชนทร์ตอบเสียงดุ สีหน้าของเขากลับมาเคร่งขรึมในชั่วพริบตาเหมือนจะพยายามกลบเกลื่อนความรู้สึกบางอย่างในใจ แววตาคมกริบที่เคยมั่นคงสั่นไหวเล็กน้อย ราวกับความแข็งกระด้างที่เขาเคยมีกำลังถูกบดบังด้วยความอ่อนโยนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

"หัวหน้า... ดวงคุณช่วงนี้จะเด่นเรื่องความรัก ต้องระวังหัวใจตัวเองด้วยนะครับ" ฤทธิ์ พึมพำเสียงเบา ขณะมองดูไพ่ในมือที่เขาเปิดขึ้นเมื่อครู่

"ไอ้ฤทธิ์! เอาไอ้ไพ่เฮงซวยของมึงไปไกล ๆ ไป!" ราเชนทร์ รีบเอ็ดเสียงดังกลบเกลื่อน แต่ลึก ๆ ในใจก็แอบคาดหวังกับคำทำนายเหมือนกัน

แต่จู่ๆ สมิงซึ่งเป็นคนที่ซื่อ...ที่สุดในกลุ่มก็พูดโพล่งขึ้นมาตรง ๆ อย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง 

"ลูกพี่ชอบครูคนนั้นเหรอครับ? ผมเห็นลูกพี่จ้องเธออยู่นานเลย"

ราเชนทร์ สะดุ้งเฮือก ใบหน้าของเขาแดงก่ำขึ้นมาทันทีด้วยความอับอายที่ความลับในใจถูกเปิดเผย เขาหันไปโวยใส่สมิงเสียงเขียว

 "ไอ้สมิง! ห้ามพูดเรื่องไร้สาระ!" 

การปฏิเสธเสียงแข็งของราเชนทร์กลับทำให้ลูกน้องอีกสามคนอย่างคิม ลีโอ และฤทธิ์ ต่างมองหน้ากันด้วยรอยยิ้มแอบแฝงที่ผุดขึ้นบนใบหน้า ราวกับพวกเขากำลังสนุกกับท่าทีที่แปลกตาของเจ้านายที่ไม่เคยได้พบเห็นมาก่อน

"นายท่านเราจะเข้าไปสำรวจในโรงเรียนต่อไหมครับ เผื่อว่าจะทำอะไรได้บ้าง" คิมรีบตั้งคำถามเพื่อเปลี่ยนสถานการณ์ เพราะรู้สึกว่าพวกเขาจะแกล้งเจ้านายมากไปหน่อยแล้ว

"กลับบ้าน! เราต้องไปวางแผนให้ดี ๆ ก่อน!" ราเชนทร์ สั่งลูกน้องเสียงเข้ม ก่อนจะก้าวเดินออกจากโรงเรียน แต่ก็ไม่วายแอบเหลือบมองไปทางครูสาวอีกครั้ง ด้วยความรู้สึกบางอย่างที่เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างชัดเจนในใจ

ราเชนทร์ เดินออกจากโรงเรียนด้วยความรู้สึกที่เปลี่ยนไปจากเมื่อวาน ภารกิจพิชิตใจครูรินรวีอาจจะไม่ได้ยากอย่างที่เขาเคยกังวลก็ได้...หัวใจที่เคยแข็งกร้าวของเขากลับเริ่มรู้สึกว่าตัวเองอยากเป็นคนดีจริง ๆ ไม่ใช่เพราะกลัวการตกนรก หรือเพราะอยากได้อายุขัยที่เพิ่มขึ้น แต่เป็นเพราะอยากให้เธอยิ้มให้เขาแบบที่เธอยิ้มให้กับนักเรียนคนนั้นต่างหาก



ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ภายในห้องโถงรับรองขนาดใหญ่ในคฤหาสน์ของราเชนทร์ ที่ปกติใช้เป็นสถานที่รับรองแขกคนสำคัญ หรือเจรจาธุรกิจสีเทา บัดนี้กลับกลายเป็นศูนย์บัญชาการชั่วคราวสำหรับภารกิจที่แปลกประหลาดที่สุดเท่าที่แก๊งมังกรทมิฬเคยทำมา

บนโต๊ะกาแฟไม้สักแกะสลักอย่างวิจิตรงดงามปูทับด้วยแผ่นกระจกใส แผนผังโรงเรียนมัธยมสุวรรณนครวิทยาที่ลีโอไปหามาจากไหนสักแห่งถูกกางออก ข้อมูลของมูลนิธิต่าง ๆ ที่เขาเพิ่งไปถ่ายเอกสารมาจากในอินเตอร์เน็ตกองพะเนินอยู่ข้าง ๆ

ราเชนทร์ ในเสื้อเชิ้ตสีขาวปลดกระดุมเม็ดบนเผยให้เห็นสร้อยคอที่มีจี้รูปมังกรจีนสีดำบ่งบอกถึงสถานะผู้นำสูงสุด เขายืนตัวตรงอยู่หน้าลูกน้องทั้งสี่ที่นั่งประจำตำแหน่งอย่างเรียบร้อย เหมือนกำลังเข้าประชุมบอร์ดบริหาร 

จากประสบการณ์เลวร้ายเมื่อวันก่อน ที่พวกเขาพากันออกทำความดีแบบไม่รู้เรื่องรู้ราว ทำให้ต้องมานั่งคุยกันแบบจริง ๆ จัง ๆ อีกครั้ง เพื่อทำความเข้าใจกันใหม่

“เอาล่ะพวกมึง!” ราเชนทร์ กวาดตามองลูกน้องแต่ละคน แววตาที่เคยเต็มไปด้วยความอำมหิตครั้งอดีตบัดนี้ฉายแววมุ่งมั่นแปลก ๆ

 “พรุ่งนี้เราจะไปโรงเรียนอีกครั้ง แต่คราวนี้ไปแบบ... เป็นทางการ”

สมิงชายร่างยักษ์ดั่งป้อมปราการเหล็กยกมือขึ้นถาม "ทางการแบบไหนครับลูกพี่? แบบที่เราเคยไปเจรจาเรื่องขอเพิ่มส่วนแบ่งกำไรจากบ่อนพนัน ใช่ไหมครับ?" ชายหัวเกรียนพูดพลางทำท่าเหมือนกำลังจะหักนิ้ว

ราเชนทร์ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ "ไม่ใช่เว้ย! ทางการแบบ... ใส่เสื้อเชิ้ตผูกไทด์ ไปคุยเรื่องดี ๆ อะไรพวกนั้น!" เขามองหน้าสมิงที่ยังคงทำสีหน้ามึนงงอย่างเหนื่อยใจ

ลีโอชายหนุ่มผมกระเซิงจอมวางแผนพยักหน้าหงึก ๆ พลางจัดแว่นตากรอบหนาสีแดงที่อยู่บนสันจมูก พร้อมกับกระแอมเล็กน้อย

“อะแฮ่ม! คือพรุ่งนี้เราจะไปในนามของมูลนิธิ...อะไรซักอย่าง เพื่อจะเข้าไปข่มขู่...ไม่ใช่สิ เข้าไปขอร้องผู้อำนวยการโรงเรียน เพื่อทำ..ภารกิจ เอ๊ย! กิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์" ลีโอพยายามพูดอย่างระวังที่สุด เพราะเขาไม่ค่อยคุ้นชินกับเรื่องราวอะไรแบบนี้เท่าไหร่นัก

"แล้วถ้าเขาไม่รับคำขอร้องล่ะครับหัวหน้า?"ฤทธิ์พูดแทรกขึ้นมาด้วยแววตาเป็นประกาย "เราสามารถเคลียร์ได้แค่ไหนครับ?" หนุ่มใหญ่ทรงนักเลงกำหมัดแล้วทุบไปที่ฝ่ามืออีกข้างเบาๆ อย่างหมั่นเขี้ยว 

"ไอ้ฤทธิ์! เก็บมือมึงไปเลย! โรงเรียนนะ ไม่ใช่ซุ้มไก่ชน!" ราเชนทร์ชี้นิ้วใส่ จนฤทธิ์หน้าเจื่อนหยิบเอาไพ่ขึ้นมาสับเล่นแก้เขิน

"แล้วงานนี้เราจะได้อะไรครับเจ้านาย" ลีโอขมวดคิ้วเล็กน้อยถามด้วยความไม่แน่ใจ เพราะการปล่อยปละละเลยกิจการต่าง ๆ ที่เคยหล่อเลี้ยงคนในแก๊ง เพื่อมาทำอะไรแบบนี้ อาจส่งผลกระทบในระยะยาวได้ 

ราเชนทร์จ้องมองชายที่ได้ชื่อว่าฉลาดที่สุดในกลุ่มอย่างเข้าใจความหมาย ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดดูข้อมูลลับเฉพาะ

"พวกมึงไม่ต้องกังวลไปหรอก รายได้ทั้งหมดจากผลประกอบการที่ผ่านมาของแก๊ง ต่อให้พวกมึงกินหรูอยู่แพงทั้งชาติก็ไม่หมดง่ายๆ"

 "ราเชนทร์พูดตอกย้ำความมั่งคั่งของแก๊งเพื่อรับประกันความมั่นคง ทำให้รอยยิ้มโล่งใจปรากฏบนใบหน้าของลีโอและคนอื่นๆ

"แล้วเราจะไปทำอะไรกันบ้างครับ" คิมถามพร้อมกับหยิบสมุดโน้ตคู่ใจขึ้นมาเตรียมวางแผนงาน

ราเชนทร์ ยิ้มเล็กน้อย พลางกวาดสายตาไปบนแผนผังโรงเรียนที่กางอยู่บนโต๊ะ “เก็บขยะ... ช่วยดูแลสวน... ซ่อมแซมอุปกรณ์ที่ชำรุด... ทำทุกอย่างที่ทำให้โรงเรียนดีขึ้น นี่คือสโลแกนของเรา”

ฤทธิ์ ผู้ซึ่งกำลังเกลี่ยไพ่ทาโรต์บนฝ่ามืออย่างเงียบ ๆ พูดขึ้นอย่างระมัดระวัง

“หัวหน้า... แล้วถ้าพวกกระทิงเดือดหรือฉลามเหล็กมันมาบุกคฤหาสน์ตอนที่เราไม่อยู่ล่ะครับ?” นี่เป็นคำถามที่แสดงถึงความกังวลอย่างแท้จริง เพราะตลอดชีวิตการเป็นมาเฟียของพวกเขา การทิ้งฐานที่มั่นไว้โดยไม่เหลือใครคอยดูแลถือเป็นเรื่องอันตรายถึงชีวิต

ราเชนทร์ นิ่งไปครู่หนึ่ง นี่เป็นปัญหาที่เขาไม่ได้คิดถึงเลย มัวแต่หมกมุ่นอยู่กับการทำความดีและแผนพิชิตใจครูรินรวี

ราเชนทร์หันไปหาชายที่แต่งชุดพ่อบ้านสไตล์ยุโรป ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่แฝงความคาดหวัง

"คิม มึงพาเพื่อนๆ วางกับดักรอบบริเวณคฤหาสน์ในส่วนที่มีความเสี่ยง ทำได้ใช่ไหม" ทันทีที่ได้รับคำสั่ง ชายในชุดพ่อบ้านยกยิ้มมุมปากอย่างมั่นใจ ก่อนจะตอบกลับ

" ไว้ใจได้ครับนายท่าน ต้องการหวังผลระดับไหนดีครับ แบบสาหัสหรือนอนเฝ้ารากมะม่วงเลย

"เฮ้ย!ไม่ต้องขนาดนั้น เอาแค่ขับไล่ไปก็พอ" ราเชนทร์เริ่มรู้สึกว่าการปรับตัวเพื่อจะเป็นคนดีของพวกลูกน้อง คงต้องใช้เวลาสักหน่อย 

"นี่คือโอกาสที่เราจะได้แสดงให้เห็นว่า 'มาเฟียก็ทำความดีได้" ราเชนทร์ หันไปหาฤทธิ์ที่กำลังรอรับคำสั่งด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

 "ฤทธิ์ มึงจัดการเรื่องอุปกรณ์ที่ต้องใช้ให้พร้อม พรุ่งนี้เราจะไปที่โรงเรียนแต่เช้า" หนุ่มใหญ่ทรงนักเลงพยักหน้าพร้อมกับยกนิ้วโป้งแทนคำตอบ

"เอาล่ะ...ในเมื่อเข้าใจตรงกันแล้ว" ราเชนทร์ กวาดสายตามองทุกคนที่นั่งอยู่รอบโต๊ะ

"ขอเน้นย้ำอีกครั้งว่างานนี้เป็น ภารกิจบำเพ็ญประโยชน์ ที่พวกเราต้องตั้งใจทำด้วยใจจริง เพื่อรอยยิ้มของ.....คนในโรงเรียน" เขาเน้นเสียงอย่างชัดเจน แม้จะสะดุดไปบ้างเพราะเผลอนึกถึงหน้าของใครบางคน 

"ขอบใจพวกมึงทุกคนมาก อาล่ะ! แยกย้ายได้"

ราเชนทร์ ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพร้อมตบโต๊ะเบา ๆ เป็นสัญญาณปิดการประชุม

หลังจากลูกน้องคนสนิททั้งสี่พากันออกจากห้องไปได้ไม่นาน ร่างของเด็กชายตัวอ้วนก็ปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า พร้อมกับจ้องมองราเชนด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม

"เป็นยังไงล่ะไอ้หนุ่ม ในที่สุดก็เริ่มจริงจังแล้วสินะ" บุญมีหยิบขวดน้ำหวานขึ้นมาดูดอึกใหญ่ด้วยสีหน้าสดชื่น แล้วจึงพูดต่อ

 "ก่อนอื่นคงต้องทำให้ความรู้สึกติดลบ ของรินรวีกลายเป็นศูนย์ก่อน แล้วค่อยเริ่มนับหนึ่ง" ราเชนทร์พยักหน้าช้าๆ แต่สีหน้ายังคงรู้สึกหนักใจ

"ก็คงต้องพยายามทำให้ดีที่สุด..." มาเฟียหนุ่มถอนหายใจยาวก่อนจะเดินหันหลังออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ


ในอีกด้านหนึ่ง ณ คอนโดมิเนียมมีระดับใจกลางสุวรรณนครยามค่ำคืน แสงไฟจากตึกระฟ้าและรถยนต์ที่เคลื่อนไหวไม่หยุดนิ่ง ทำให้มหานครแห่งนี้ดูราวกับสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ที่กำลังหล่อเลี้ยงด้วยแสงสีและความพลุกพล่าน"

หญิงสาวผมยาวประบ่าสีน้ำตาลแดงก้าวเข้ามาในห้องพักที่ตกแต่งอย่างเป็นระเบียบด้วยเฟอร์นิเจอร์โทนสีพาสเทล เธอทิ้งตัวลงบนโซฟาสีฟ้าครามอย่างอ่อนล้า ในขณะที่ สโนว์ เจ้าแมวเมนคูนสีขาวตัวเขื่องเดินเข้ามาคลอเคลียต้อนรับ

"คิดถึงจังเลยสโนว์ มาให้แม่กอดหน่อย" รินรวีอุ้มลูกสาวตัวโปรดขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเช็กดูข้อความในเพจของโรงเรียน

จังหวะที่นิ้วเลื่อนหน้าจอช้าๆ จนมาถึงภาพๆ หนึ่งนั่นคือชายฉกรรจ์ห้าคนที่เดินเข้ามาในโรงเรียน และหนึ่งในนั้น... เธอจำได้ทันที เขาคือผู้ชายที่ปะทะคารมกับเธอเมื่อวานนี้ ราเชนทร์ จอมมารแห่งสุวรรณนคร

"เขามาทำอะไรอีก? ทำไมพวกมาเฟียถึงได้พูดไม่รู้เรื่องกันนักนะ!" เสียงบ่นพึมพำลอดออกมาจากปากเรียวงาม สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความไม่พอใจ และในแววตานั้นก็แฝงไว้ด้วยความเจ็บปวดอย่างลึกซึ้ง

รินรวีหวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อห้าปีก่อน เมื่อน้องชายคนเดียวของเธอถูกรถมอเตอร์ไซค์ของแก๊งมาเฟียพุ่งชนจนบาดเจ็บสาหัส แม้จะรอดชีวิตมาได้ แต่ก็ต้องกลายเป็นคนพิการไม่สามารถเดินได้อีก และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ความเกลียดชังมาเฟียฝังลึกในใจของเธอตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

การเผชิญหน้ากันเมื่อวานนี้ ทำให้รินรวีอดประหลาดใจในความกล้าหาญของตัวเองไม่ได้ ที่กล้าไปต่อปากต่อคำกับชายที่ได้ชื่อว่าจอมมารผู้ชั่วร้ายได้ขนาดนั้น

 แต่ที่น่าแปลกใจยิ่งกว่าก็คือ แม้ว่าเธอจะพูดจารุนแรงกับราเชนทร์แค่ไหน เขากลับไม่แสดงท่าทีตอบโต้อะไรเลย ซึ่งผิดวิสัยของมาเฟียที่มักจะใช้กำลังแก้ปัญหา


"เขาวางแผนอะไรอยู่กันแน่?"