"มาเป็นคนทำงานบ้านไม่ได้มาทำอย่างอื่นนะ" "ก็แล้วแต่เธอใครเขาบังคับ"
ชาย-หญิง,รัก,ผู้ใหญ่,รักโรแมนติก,รักโรแมนติด,รักแรก,รักเด็ก,รักสมัยเด็ก,รักดุเดือด,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ดอกเบี้ยแสงเทียน"มาเป็นคนทำงานบ้านไม่ได้มาทำอย่างอื่นนะ" "ก็แล้วแต่เธอใครเขาบังคับ"
พ่อเลี้ยงปรเมศยืนอยู่ในชุดเสื้อยืดธรรมดากับกางเกงวอร์ม แต่แสงไฟอุ่น ๆ ทำให้เขาดูอบอุ่นกว่าทุกครั้งที่เธอเคยเห็น
เขามองเธอด้วยสายตานิ่ง ๆ แต่ไม่แข็งกร้าว
“ฉัน...แค่... นอนไม่หลับค่ะ” แสงเทียนพูดออกมาเบา ๆ เกือบจะเป็นเสียงกระซิบ
เขาไม่ตอบอะไรเพียงแค่เดินพ่านเธอไปเปิดประตู
“งั้นก็เข้ามาสิ”
แสงเทียนก้าวตาม..เข้ามาในห้องเงียบ ๆ กลิ่นสบู่อ่อน ๆ และกลิ่นกายของพ่อเลี้ยงหอมจาง ๆ ลอยมาแตะจมูก ทำให้ใจเธอเต้นแรงจนแทบควบคุมไม่ได้
พ่อเลี้ยงปิดประตูลงเบา ๆ ก่อนเดินไปหยุดอยู่ข้างเตียง
เขาไม่พูดอะไรเลยสักคำ... เพียงแต่หันมามองเธอนิ่ง ๆ
“แน่ใจแล้วเหรอ” เสียงเขาทุ้มต่ำ สะกดใจอย่างประหลาด
แสงเทียนไม่ตอบอะไรออกมาในทันที แต่เดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ตรงหน้าเขา เธอพยักหน้าเบา ๆ ทั้งที่หัวใจยังเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ดวงตาคู่นั้นวูบไหวด้วยความสับสนและความกลัวปนกัน... แต่ที่แน่ชัดคือ ไม่มีความฝืน
“ฉันจะไม่เร่งเธอ... ถ้าไม่แน่ใจ”
เธอสบตาเขา เสียงสั่น ๆ เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากที่สั่นเล็กน้อย
“เทียนแน่ใจค่ะ…”
ความเงียบตกคลุมเพียงชั่วอึดใจ ก่อนที่เสียงเข้มจะดังขึ้นอีกครั้ง
“ถ้าอย่างนั้นก็... ถอดเสื้อผ้า”
“คะ? ... ถอดเสื้อผ้า...เลยเหรอคะ?”
เสียงของแสงเทียนเต็มไปด้วยความตกใจ ใจที่เพิ่งมั่นคงเมื่อครู่กลับสะดุดกึก
กำชายเสื้อแน่น ดวงตาเบิกกว้างอย่างไม่ทันตั้งตัวกับคำสั่งนั้นตรง ๆ
เขายังคงนิ่ง... แต่นัยน์ตาคู่นั้นจองมอมาอย่างจิงจัง
"ถ้าเธอไม่อยากทำมัน ก็ออกจากห้องไป...."
แสงเทียนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง หัวใจเต้นแรงจนได้ยินเสียงของมันชัดในอก
มือของเธอยังสั่น แต่ดวงตานั้นกลับแน่วแน่
เธอค่อย ๆ เอื้อมมือไปปลดกระดุมเสื้อทีละเม็ด ช้า ๆ — อย่างคนที่ยังไม่เคย แต่เต็มใจ
และแม้เสียงหัวใจของเธอจะดังกึกก้อง แต่ก็ไม่ได้สะท้านเพราะความกลัว...
หากเป็นเพราะเขา — คนตรงหน้าที่กำลังจ้องเธออย่างจริงจัง
พ่อเลี้ยงปรเมศยังคงนั่งนิ่ง
เสื้อตัวบางหลุดจากบ่าผิวขาวผ่องสั่นระริกเล็กน้อยเมื่อสัมผัสกับอากาศเย็น หน้าอกใหญ่โตตั้งชูชันตรงหน้า พ่อเลี้ยงปรเมศมองตาเป็นมันด้วยความพอใจ แสงเทียนใช้มือทังสองข้างกอบกุมทั้งสองเต้าไว้อย่างเขินอาย เงยหน้าขึ้นสบตาเขา
"ใหญ่ขนาดนั้นคงจะปิดมิดหรอกนะ....เอามือของเธอออก"
"ฉัน...ไม่เคย..." เสียงของเธอเบาจนแทบไม่หลุดจากลำคอ ความอาย ความกลัว และความสับสนตีวนในดวงตา
พ่อเลี้ยงปรเมศสบตาเธอนิ่ง แล้วคำสั่งที่เด็ดขาดก็ดังขึ้นช้า ๆ
"ถอดกางเกง"
ดวงตากลมเบิกกว้าง หัวใจเต้นรัวกระหน่ำเหมือนจะหลุดออกมา
สองมือดึงกางเกงนอนตัวบางค่อย ๆ เลื่อนหล่นจากสะโพกขาวอย่างช้า ๆ ตามคำสั่งของเขา ร่างบอบบางที่เปลือยเปล่าเผยผิวเนียนละเอียดขาวจัดจนแทบสะท้อนแสง แสงเทียน ใบหน้าแดงก่ำด้วยความอายจนตัวสั่น แต่กลับทำได้เพียงยืนนิ่ง ยอมจำนนต่อสายตาคมลึกของเขาที่ไล่มองตั้งแต่ปลายเท้าจนถึงเส้นผม
เธออยากหันหลังหนี อยากหลบสายตาคมเข้มที่มองมาเหมือนแผดเผา... แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากยืนนิ่งปล่อยให้ความเขินอายกัดกินหัวใจช้า ๆ
เสียงกลืนน้ำลายของพ่อเลี้ยงปรเมศดังแผ่วราวกับสะท้อนอยู่ในห้องแคบ ๆ
"สวยมาก..." เขาว่าด้วยน้ำเสียงพร่าแหบ ราวกับพยายามกักเก็บความกระหายที่เริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้
"นั่งลง"
เสียงทุ้มนั้นเต็มไปด้วยอำนาจ แสงเทียนชะงักไปครู่หนึ่งก่อนค่อย ๆ ทรุดตัวลงเก้าอี๋ตามคำสั่งของเขา หัวใจเต้นแรงจนแทบหลุดจากอก มือเล็กจับขอบเก้าอี๋ไว้แน่นอย่างไม่รู้จะวางตรงไหน
พ่อเลี้ยงปรเมศยกยิ้มมุมปาก แววตาพึงพอใจราวกับนายพรานที่ได้ครอบครองของล้ำค่า
"แยกขาออก"
คำสั่งสั้น ๆ แต่เปี่ยมไปด้วยแรงกระแทกอารมณ์ ทำให้ดวงตากลมโตเบิกกว้าง มือเล็กกำแน่นจนสั่น แต่สุดท้ายแสงเทียนก็ยอมขยับขาอ้าออกช้า ๆ ทีละน้อย ด้วยท่าทีเอียงอายจนใบหน้าแดงจัด
สายตาคมจับจ้องไม่กะพริบ ราวกับจะกลืนกินทุกเสี้ยวของภาพตรงหน้า
"ดีมาก..."
เขากระซิบเสียงพร่า ขณะที่โน้มกายลงช้า ๆ ดวงตาคมกริบไม่ละจากใบหน้าหวานที่กำลังสั่นระริกไปทั้งตัว
ฝ่ามือใหญ่แตะลงบนต้นขาขาวเนียน ไล้ปลายนิ้วขึ้นอย่างเชื่องช้า กวาดไล่ไปรอบเรียวขา แล้วลูบขึ้นมาจนถึงต้นแขนทั้งสองข้าง สัมผัสของเขาเหมือนเปลวไฟที่ลากไล้ผ่านผิว
แสงเทียนสะดุ้งน้อย ๆ หายใจขาดห้วง แต่กลับไม่เอ่ยห้าม กลับเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยดวงตาฉ่ำวาวที่บ่งบอกถึงความตื่นตระหนกปนอาย.......
แล้วจู่ ๆ เขาก็จับสองแขนของเธอรวบไว้ด้วยมือเดียว — ดึงไปไขว้ด้านหลังเบา ๆ แต่แน่นพอให้เธอต้องโน้มตัวไปข้างหน้าอย่างช่วยไม่ได้
สองเต้าใหญ่ยิ่งเด้งขึ้นตรงหน้าพ่อเลี้ยง แสงเทียนขยัวตัวเล็กน้อย
"อยู่นิ่ง ๆ ... " เสียงทุ้มต่ำของเขากระซิบชิดใบหู ลมหายใจร้อนเป่ารดจนแสงเทียนต้องหลับตาแน่น
พ่อเลี้ยงใช้มืออีกข้างไล้ผ่านแผ่นหลัง เปลือยเปล่า นุ่มนวล และเต็มไปด้วยไออุ่น เธอรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังถูกกลืนลงไปในเปลวไฟ แต่ไม่อาจหันหลังหนี
"เธอสวยมาก แสงเทียน..."
เสียงของเขาแหบพร่าเต็มไปด้วยความอดกลั้น ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปสัมผัสผิวกายของเธออย่างแผ่วเบา กระซิบเสียงพร่า ใหนลองยกขาทั้งสองข้างของเธอขึ้นซิแสงเทียน
เขากระซิบชิดใบหู น้ำเสียงพร่าต่ำราวกับคาถาสะกดใจ
แสงเทียนตัวแข็งเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ ทำตามคำสั่งด้วยหัวใจที่เต้นระรัว เธอไม่กล้ามองหน้าเขา มีเพียงเสียงหอบหายใจเบา ๆ ที่เล็ดลอดจากลำคอ
เมื่อเรียวขาถูกยกขึ้นตามที่เขาสั่ง พ่อเลี้ยงปรเมศคุกเข่าลงตรงหน้า....แสงเทียนตกใจเล็กน้อย แต่ไม่ได้ถอย
มือหนาคู่นั้นค่อย ๆ ยื่นมาจับขาเธอไว้ จับทั้งสองแยกออกจากกัน เผยให้เห็นกลีบดอกไม้สีสมพู ดวงตาของเขาคมกริบ มองภาพตรงหน้าเหมือนกำลังจดจำรายละเอียดทุกส่วนตรงนั้น — เปลือยเปล่า งดงาม น่าลิ้มลอง
แสงเทียนกะพริบตาถี่ — พยายามกลั้นน้ำตาแห่งความรู้สึกอัดแน่นไว้
เขาโน้มหน้าเข้ามาชิด มองภาพเบื้องหน้าด้วยแววตาที่ลุกวาว สัมผัสของเขาชิดใกล้ขึ้นทุกที ทุกจังหวะลมหายใจราวกับจะกลืนกินเธอทั้งตัว
"แบบนี้แหละ... ฉันชอบ" เขาว่าเสียงต่ำพร่า นิ้วมือไล้ผ่านเนินผิวเนื้ออ่อนโยน แล้วทาบริมฝีปากลงอย่างแผ่วเบา แสงเทียนสะดุ้งก้นขยับถอยหลังเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงลิ้นอุ่นที่ตรงร่องสาว สองมือพ่อเลี้ยงจับสะโพกเล็กแล้วดึงให้แนบกับปาก..ลิ้นสากตวัดลากเลียดูดกินน้ำหวานจากร่องสาวหยาดเยิ้มอย่างหิวกระหาย
"แสงเทียนเธอนี่มันหวานจริง ๆ ฉันไม่เคยกินของใครมาก่อนแลยนะ....แสงเทียนเธอเป็นคนแรกที่ฉันกิน"
แสงเทียนหลับตาแน่น ปล่อยให้เขาพาเธอไหลลื่นไปกับคลื่นแห่งความร้อนแรง ที่ท่วมท้นโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
เสียงครางเบา ๆ ดังลอดจากลำคอของแสงเทียน มันคือความรู้สึกที่ทะลักล้น ร้อนแรง และเกินจะต้าน
สองมือยกขึ้นมากอบกุมสองเต้าของตัวเองไว้แน่น ปิดไปมากับความเสียวซ่าน
ตลาดในอำเภอเล็ก ๆ คลาคล่ำไปด้วยผู้คน ร้านรวงเปิดเรียงรายสองฟากถนน บรรยากาศคึกคักด้วยเสียงพูดคุย เสียงแม่ค้าตะโกนเชิญลูกค้า และกลิ่นอาหารหอม ๆ ลอยอบอวลอยู่ในอากาศ
พ่อเลี้ยงปรเมศจอดรถข้างตลาด แล้วเดินลงไปเลือกซื้อของที่จำเป็นสำหรับไร่
แสงเทียนเดินตามมาอย่างเงียบ ๆ แต่พอเดินถึงโซนของใช้ เขาก็หันมาถามเสียงเรียบ
“เธออยากได้ของใช้อะไรไหม?”
“ที่ไร่ไม่มีร้านค้านะ ถ้าอยากได้อะไรก็ซื้อไป ของที่ผู้หญิงต้องใช้น่ะ...ก็เอาไปด้วยเลย”
เขาพูดหน้าตาเฉย...ราวกับกำลังคุยเรื่องปุ๋ยยูเรีย หรือสายยางรดน้ำต้นไม้แสงเทียนชะงัก เดินช้าลง
“แต่...ฉันไม่มีเงินนะ”
พ่อเลี้ยงไม่แม้แต่จะหันมามองเพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อย แล้วตอบห้วน ๆ
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวหักเงินทีหลัง”เขาพูดแค่นั้น...แล้วเดินต่อ
แสงเทียนยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินไปยังชั้นวางของใช้ส่วนตัวใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อเล็กน้อย
เธอหยิบสบู่ แชมพู ยาสีฟัน และของอีกสองสามอย่าง
ลังเลเล็กน้อย ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบ...ผ้าอนามัย
เธอซ่อนมันไว้ใต้ของชิ้นอื่นในตะกร้า แล้วเดินกลับมาหาเขาช้า ๆ
“ได้หรือยัง?”
เสียงพ่อเลี้ยงถามโดยไม่เงยหน้ามอง มือเขาวางของในตะกร้าให้คนขายคิดเงินแล้ว
แสงเทียนวางตะกร้าของตัวเองลงเคียงข้างเบา ๆ
ท่าทางเขิน ๆ นิดหน่อยสิ่งที่อยู่บนสุดของตะกร้าดันเป็นผ้าอนามัยพอดี...แสงเทียนรีบยกของอื่นมาบังไว้
แต่คนขายหญิงวัยกลางคนหัวเราะน้อย ๆ อย่างรู้ทันพลางหยิบของขึ้นมาคิดราคาเสียงใส
“ทั้งหมดนี่นะลูก พ่อบ้านใจดีจ่ายให้แล้วกันนะคะ”เธอพูดขำ ๆ พลางหันไปยิ้มกับพ่อเลี้ยง
“อืม คิดรวมเลย”ปรเมศตอบสั้น ๆ แบบไม่สะทกสะท้านอะไรเลยราวกับนี่เป็นเรื่องที่เขาทำเป็นปกติประจำวัน
แสงเทียนเหลือบมองเขาอย่างแปลกใจนิด ๆไม่ใช่เพราะเขาจ่ายให้ แต่เพราะเขา...ไม่เขินเลยเหรอ?
“จะเอาใส่กล่องมั้ยคะ?” คนขายถามอีก
“ใส่ถุงธรรมดาก็พอค่ะ!” แสงเทียนรีบตอบเสียงสูง หน้าแดงจนจะกลายเป็นลูกตำลึงสุกอยู่แล้ว
พ่อเลี้ยงปรเมศอมยิ้มนิด ๆก่อนจะหยิบถุงจากคนขายมาเดินนำออกจากร้านทิ้งให้แสงเทียนยืนเม้มปากตัวเองอยู่คนเดียว
เมื่อเดินมาถึงรถเขายื่นถุงให้เธอโดยไม่พูดอะไรแล้วก็เปิดประตูขึ้นไปนั่งอย่างหน้าตาเฉย
แสงเทียนรับถุงมาเงียบ ๆมองแผ่นหลังเขาในแววตา...ทั้งหงุดหงิด ทั้งงง และทั้ง...
ใจเต้นแปลก ๆเธอส่ายหน้าแรง ๆ พึมพำเบา ๆ
“โอ๊ย! อย่าบอกนะว่าฉันกำลัง...เขินคนแบบเขาเนี่ยนะ?”
รถกระบะของพ่อเลี้ยงปรเมศแล่นผ่านซุ้มไม้เลื้อยหน้าทางเข้าไร่ ก่อนจะเลี้ยวเข้าสู่ลานบ้านอย่างนุ่มนวล
แสงเทียนที่นั่งข้างคนขับ พอเห็นหลังคาบ้านและเรือนพัก ก็ถอนหายใจโล่งอกเล็กน้อย
แต่ก่อนที่เธอจะได้พัก...
โครกกกกกกกกกก~
เสียงท้องร้องของเธอดังขึ้นมาอย่างชัดเจน ราวกับประกาศชัยชนะของความหิวที่ก่อตัวมาตั้งแต่สาย
พ่อเลี้ยงปรเมศหันมามองทันที คิ้วขยับเล็กน้อยอย่างกลั้นขำ
“หิวแล้วล่ะสิ?”
แสงเทียนยิ้มแห้ง ๆ พยักหน้าน้อย ๆ ด้วยท่าทางไม่รู้จะอายหรือจะหัวเราะดี
เขาลงจากรถ ยืนรอเธอที่หน้าบ้าน
ก่อนจะถามเสียงเรียบ
“ทำกับข้าวเป็นมั้ย?”
“เป็นค่ะ” เธอตอบทันที แต่เสียงแอบแผ่วเบาเหมือนเพิ่งนึกได้ว่าจะโดนอะไรตามมา
“ดี...”เขาพยักหน้าก่อนจะพูดต่ออย่างเร็ว
“แล้วจบเรียนจบอะไรมา?”
“บัญชีค่ะ” แสงเทียนยิ้มบาง ๆ เสียงใสขึ้นเล็กน้อย เหมือนจะภูมิใจนิด ๆ
“อืม...แบบนี้คงจะได้ทำบัญชีให้ไร่แน่ ๆ” เธอพูดเองในใจ
แต่ไม่ทันจะฝันกลางวันเสร็จดี ๆ เขาก็พูดสวนขึ้นมาทันที
“งั้นก็...ทำงานบ้านก็แล้วกัน”
“หา!?” แสงเทียนเผลออุทานเสียงสูง หันขวับไปมอง
“แล้วถามทำไมล่ะคะ ถามให้ดีใจเล่นหรือไง?”
พ่อเลี้ยงปรเมศยักไหล่ท่าทางสบาย ๆ ไม่สะทกสะท้าน
“ก็ถามเฉย ๆ ว่าเรียนอะไรมา
“อ้าว!”
“เร็วเข้า เข้าครัวได้แล้ว ฉันเริ่มจะหิวแล้วนะ”เขาออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ แต่ดวงตามีแววขำแว้บ ๆ
แสงเทียนเม้มปากแน่น กอดถุงของใช้ในมือแน่นก่อนจะเดินกระแทกเท้าเข้าบ้าน
“ค่าาาาาา~ เจ้านาย~”เธอพูดเสียงสูงยานคาง พลางเบ้ปากใส่เขาให้หลัง
“ดี...รู้ตัวก็ดี”เสียงตอบกลับจากพ่อเลี้ยงยังดังตามหลังมา
แสงเทียนหันไปมองห้องครัว แล้วถอนหายใจยาวเหยียด
กลิ่นกระเทียมเจียวลอยอบอวลไปทั่วครัวไม้ขนาดพอเหมาะ เสียงน้ำซุปในหม้อเดือดปุด ๆ สลับกับเสียงตะหลิวกระทบกระทะเบา ๆ
แสงเทียนคาดผ้ากันเปื้อนตัวเก่า ๆ ที่แขวนไว้ในห้องครัว ผูกผมขึ้นหลวม ๆ แล้วจัดการหุงข้าว ต้มน้ำแกง และผัดผักอย่างคล่องแคล่ว
“โชคดีนะ ที่พ่อเคยให้ช่วยทำกับข้าวตั้งแต่เด็ก…”เธอบ่นกับตัวเองเบา ๆ ขณะใส่น้ำปลาในหม้อ
ในเวลาไม่นานข้าวสวยร้อน ๆ ก็ถูกตักใส่โถ
ไข่เจียวกรอบ ๆ หั่นเรียงอย่างสวย
ต้มจืดผักกาดขาวเต้าหู้หมูสับในหม้อดิน
และผัดถั่วฝักยาวใส่กุ้งตัวโต ๆ
เธอจัดจานอย่างตั้งใจ ก่อนยกทั้งหมดไปวางบนโต๊ะไม้ใต้ถุนบ้านพ่อเลี้ยงปรเมศนั่งอยู่ที่นั่นเรียบร้อยแล้ว พิงพนักไม้ มองภาพตรงหน้าเงียบ ๆ
“มาแล้วค่ะ เจ้านาย...~”แสงเทียนพูดล้อเลียนแบบไม่จริงจังนัก
“พูดมาก"พ่อเลีี้ยงดุแบบไม่จริงจังนัก "แต่กลิ่นอาหารใช้ได้”เขาตอบกลับเรียบ ๆ แต่สายตาที่มองอาหารมีแววพอใจชัดเจน
แสงเทียนทรุดตัวนั่งตรงข้ามเช็ดเหงื่อที่หน้าผากเบา ๆ แล้วรินน้ำใส่แก้วให้เขาโดยไม่พูดอะไร
พ่อเลี้ยงหยิบช้อนขึ้นตักข้าวคำแรกชิมไข่เจียวไปนิดแล้วเงียบ
“ไม่อร่อยเหรอคะพ่อเลี้ยง?”แสงเทียนเงยหน้าถามทันที ใจเต้นตุ้บ ๆเขายักคิ้ว “อืม…”แสงเทียนหน้าแป้วทันที
“แต่ฉันว่าโอเคนะ…”เขาหันมามองหน้าเธอ แล้วพูดต่อด้วยเสียงนิ่ง ๆ แต่เหมือนจงใจ
“อร่อยกว่าที่คิด”
“จรองเหรอค่ะพ่อเลียง!?” แสงเทียนยิ้มจนตาหยี
“ฉันนึกว่าเธอจะทำได้แค่ไข่เจียวไหม้” แสงเทียนถอนหายใจเฮือก
“พ่อเลี้ยงก็ชมกันตรง ๆ ก็ได้…”
“ก็มันจริง” เขาตอบ
จากนั้นทั้งคู่ก็กินข้าวในความเงียบ...แต่ไม่อึดอัดเป็นความเงียบแบบที่มีเสียงช้อนกระทบจานเสียงลมพัดเบา ๆ
และเสียงของหัวใจบางดวง ที่เหมือนกำลังปรับจังหวะเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว
หลังอาการจบลง
แสงเทียนจัดการล้างจานเช็ดโต๊ะเก็บของเรียบร้อย เธอก็เดินกลับมาหาพ่อเลี้ยงปรเมศที่นั่งจิบชาอยู่ตรงเก้าอี้ไม้ใต้ถุนบ้าน
ดวงตาคมเข้มของเขามองวิวไร่เบื้องหน้าแต่เธอรู้ดีว่าเขารับรู้ทุกย่างก้าวของเธอเสมอ
แสงเทียนสูดลมหายใจเงียบ ๆก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแน่วแน่
“พ่อเลี้ยงจะให้ฉันทำงานอะไรบ้างคะ...แล้วเงินเดือนล่ะ?”
เขาหันมามองเธอ ดวงตาใต้ขนตาหนานิ่งสนิทไม่ได้ตอบทันที
แสงเทียนยังคงจ้องเขาอย่างไม่หลบ
“ฉันทำได้ทุกอย่าง ขอแค่ช่วยลดหนี้ให้แม่ ไม่ต้องไปยึดที่ก็พอ”
พ่อเลี้ยงปรเมศวางแก้วชาในมือเบา ๆ แล้วเอนหลังเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มนิด ๆ ที่มุมปาก
ยิ้มแบบที่เธอไม่ไว้ใจเอาเสียเลย
“ทำได้ทุกอย่างเหรอ?”น้ำเสียงทุ้มต่ำของเขาดังขึ้น
พร้อมแววตาที่ดูจะล้อเลียนแต่ก็อ่านยากเกินกว่าจะแน่ใจว่าเขาคิดอะไรอยู่แสงเทียนรู้สึกเย็นวาบขึ้นมาทันที
แต่ก็ยังพยักหน้าแน่วแน่
“ค่ะ...ถ้ามันช่วยให้หนี้ลดลงได้จริง ฉันยอม”
เขาหัวเราะหึในลำคอเบา ๆ แล้วตอบกลับเสียงเรียบ
“งั้น...ตอนนี้ก็ทำงานบ้านไปก่อนแล้วกัน”เขาพูดขณะหยิบแก้วชาอีกครั้ง
“ส่วนอย่างอื่น...ฉันขอคิดดูก่อน”คำตอบนั้นสั้นแต่ทำเอาใจเธอกระตุกวูบเธอพยักหน้าช้า ๆ แล้วพูดเสียงเบา
“ได้ค่ะ”ก่อนจะเดินเลี่ยงไปยังห้องพักของตัวเอง
ปล่อยให้พ่อเลี้ยงปรเมศนั่งมองแผ่นหลังของเธอที่ค่อย ๆ หายเข้าไปในบ้าน
ริมฝีปากของเขายกยิ้มขึ้นอีกเล็กน้อย
แต่คราวนี้ไม่ใช่ยิ้มล้อเลียน
...หากเป็นรอยยิ้มที่เหมือน "กำลังนึกแผนอะไรบางอย่าง"