"มาเป็นคนทำงานบ้านไม่ได้มาทำอย่างอื่นนะ" "ก็แล้วแต่เธอใครเขาบังคับ"
ชาย-หญิง,รัก,ผู้ใหญ่,รักโรแมนติก,รักโรแมนติด,รักแรก,รักเด็ก,รักสมัยเด็ก,รักดุเดือด,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ดอกเบี้ยแสงเทียน"มาเป็นคนทำงานบ้านไม่ได้มาทำอย่างอื่นนะ" "ก็แล้วแต่เธอใครเขาบังคับ"
พ่อเลี้ยงปรเมศยืนอยู่ในชุดเสื้อยืดธรรมดากับกางเกงวอร์ม แต่แสงไฟอุ่น ๆ ทำให้เขาดูอบอุ่นกว่าทุกครั้งที่เธอเคยเห็น
เขามองเธอด้วยสายตานิ่ง ๆ แต่ไม่แข็งกร้าว
“ฉัน...แค่... นอนไม่หลับค่ะ” แสงเทียนพูดออกมาเบา ๆ เกือบจะเป็นเสียงกระซิบ
เขาไม่ตอบอะไรเพียงแค่เดินพ่านเธอไปเปิดประตู
“งั้นก็เข้ามาสิ”
แสงเทียนก้าวตาม..เข้ามาในห้องเงียบ ๆ กลิ่นสบู่อ่อน ๆ และกลิ่นกายของพ่อเลี้ยงหอมจาง ๆ ลอยมาแตะจมูก ทำให้ใจเธอเต้นแรงจนแทบควบคุมไม่ได้
พ่อเลี้ยงปิดประตูลงเบา ๆ ก่อนเดินไปหยุดอยู่ข้างเตียง
เขาไม่พูดอะไรเลยสักคำ... เพียงแต่หันมามองเธอนิ่ง ๆ
“แน่ใจแล้วเหรอ” เสียงเขาทุ้มต่ำ สะกดใจอย่างประหลาด
แสงเทียนไม่ตอบอะไรออกมาในทันที แต่เดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ตรงหน้าเขา เธอพยักหน้าเบา ๆ ทั้งที่หัวใจยังเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ดวงตาคู่นั้นวูบไหวด้วยความสับสนและความกลัวปนกัน... แต่ที่แน่ชัดคือ ไม่มีความฝืน
“ฉันจะไม่เร่งเธอ... ถ้าไม่แน่ใจ”
เธอสบตาเขา เสียงสั่น ๆ เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากที่สั่นเล็กน้อย
“เทียนแน่ใจค่ะ…”
ความเงียบตกคลุมเพียงชั่วอึดใจ ก่อนที่เสียงเข้มจะดังขึ้นอีกครั้ง
“ถ้าอย่างนั้นก็... ถอดเสื้อผ้า”
“คะ? ... ถอดเสื้อผ้า...เลยเหรอคะ?”
เสียงของแสงเทียนเต็มไปด้วยความตกใจ ใจที่เพิ่งมั่นคงเมื่อครู่กลับสะดุดกึก
กำชายเสื้อแน่น ดวงตาเบิกกว้างอย่างไม่ทันตั้งตัวกับคำสั่งนั้นตรง ๆ
เขายังคงนิ่ง... แต่นัยน์ตาคู่นั้นจองมอมาอย่างจิงจัง
"ถ้าเธอไม่อยากทำมัน ก็ออกจากห้องไป...."
แสงเทียนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง หัวใจเต้นแรงจนได้ยินเสียงของมันชัดในอก
มือของเธอยังสั่น แต่ดวงตานั้นกลับแน่วแน่
เธอค่อย ๆ เอื้อมมือไปปลดกระดุมเสื้อทีละเม็ด ช้า ๆ — อย่างคนที่ยังไม่เคย แต่เต็มใจ
และแม้เสียงหัวใจของเธอจะดังกึกก้อง แต่ก็ไม่ได้สะท้านเพราะความกลัว...
หากเป็นเพราะเขา — คนตรงหน้าที่กำลังจ้องเธออย่างจริงจัง
พ่อเลี้ยงปรเมศยังคงนั่งนิ่ง
เสื้อตัวบางหลุดจากบ่าผิวขาวผ่องสั่นระริกเล็กน้อยเมื่อสัมผัสกับอากาศเย็น หน้าอกใหญ่โตตั้งชูชันตรงหน้า พ่อเลี้ยงปรเมศมองตาเป็นมันด้วยความพอใจ แสงเทียนใช้มือทังสองข้างกอบกุมทั้งสองเต้าไว้อย่างเขินอาย เงยหน้าขึ้นสบตาเขา
"ใหญ่ขนาดนั้นคงจะปิดมิดหรอกนะ....เอามือของเธอออก"
"ฉัน...ไม่เคย..." เสียงของเธอเบาจนแทบไม่หลุดจากลำคอ ความอาย ความกลัว และความสับสนตีวนในดวงตา
พ่อเลี้ยงปรเมศสบตาเธอนิ่ง แล้วคำสั่งที่เด็ดขาดก็ดังขึ้นช้า ๆ
"ถอดกางเกง"
ดวงตากลมเบิกกว้าง หัวใจเต้นรัวกระหน่ำเหมือนจะหลุดออกมา
สองมือดึงกางเกงนอนตัวบางค่อย ๆ เลื่อนหล่นจากสะโพกขาวอย่างช้า ๆ ตามคำสั่งของเขา ร่างบอบบางที่เปลือยเปล่าเผยผิวเนียนละเอียดขาวจัดจนแทบสะท้อนแสง แสงเทียน ใบหน้าแดงก่ำด้วยความอายจนตัวสั่น แต่กลับทำได้เพียงยืนนิ่ง ยอมจำนนต่อสายตาคมลึกของเขาที่ไล่มองตั้งแต่ปลายเท้าจนถึงเส้นผม
เธออยากหันหลังหนี อยากหลบสายตาคมเข้มที่มองมาเหมือนแผดเผา... แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากยืนนิ่งปล่อยให้ความเขินอายกัดกินหัวใจช้า ๆ
เสียงกลืนน้ำลายของพ่อเลี้ยงปรเมศดังแผ่วราวกับสะท้อนอยู่ในห้องแคบ ๆ
"สวยมาก..." เขาว่าด้วยน้ำเสียงพร่าแหบ ราวกับพยายามกักเก็บความกระหายที่เริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้
"นั่งลง"
เสียงทุ้มนั้นเต็มไปด้วยอำนาจ แสงเทียนชะงักไปครู่หนึ่งก่อนค่อย ๆ ทรุดตัวลงเก้าอี๋ตามคำสั่งของเขา หัวใจเต้นแรงจนแทบหลุดจากอก มือเล็กจับขอบเก้าอี๋ไว้แน่นอย่างไม่รู้จะวางตรงไหน
พ่อเลี้ยงปรเมศยกยิ้มมุมปาก แววตาพึงพอใจราวกับนายพรานที่ได้ครอบครองของล้ำค่า
"แยกขาออก"
คำสั่งสั้น ๆ แต่เปี่ยมไปด้วยแรงกระแทกอารมณ์ ทำให้ดวงตากลมโตเบิกกว้าง มือเล็กกำแน่นจนสั่น แต่สุดท้ายแสงเทียนก็ยอมขยับขาอ้าออกช้า ๆ ทีละน้อย ด้วยท่าทีเอียงอายจนใบหน้าแดงจัด
สายตาคมจับจ้องไม่กะพริบ ราวกับจะกลืนกินทุกเสี้ยวของภาพตรงหน้า
"ดีมาก..."
เขากระซิบเสียงพร่า ขณะที่โน้มกายลงช้า ๆ ดวงตาคมกริบไม่ละจากใบหน้าหวานที่กำลังสั่นระริกไปทั้งตัว
ฝ่ามือใหญ่แตะลงบนต้นขาขาวเนียน ไล้ปลายนิ้วขึ้นอย่างเชื่องช้า กวาดไล่ไปรอบเรียวขา แล้วลูบขึ้นมาจนถึงต้นแขนทั้งสองข้าง สัมผัสของเขาเหมือนเปลวไฟที่ลากไล้ผ่านผิว
แสงเทียนสะดุ้งน้อย ๆ หายใจขาดห้วง แต่กลับไม่เอ่ยห้าม กลับเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยดวงตาฉ่ำวาวที่บ่งบอกถึงความตื่นตระหนกปนอาย.......
แล้วจู่ ๆ เขาก็จับสองแขนของเธอรวบไว้ด้วยมือเดียว — ดึงไปไขว้ด้านหลังเบา ๆ แต่แน่นพอให้เธอต้องโน้มตัวไปข้างหน้าอย่างช่วยไม่ได้
สองเต้าใหญ่ยิ่งเด้งขึ้นตรงหน้าพ่อเลี้ยง แสงเทียนขยัวตัวเล็กน้อย
"อยู่นิ่ง ๆ ... " เสียงทุ้มต่ำของเขากระซิบชิดใบหู ลมหายใจร้อนเป่ารดจนแสงเทียนต้องหลับตาแน่น
พ่อเลี้ยงใช้มืออีกข้างไล้ผ่านแผ่นหลัง เปลือยเปล่า นุ่มนวล และเต็มไปด้วยไออุ่น เธอรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังถูกกลืนลงไปในเปลวไฟ แต่ไม่อาจหันหลังหนี
"เธอสวยมาก แสงเทียน..."
เสียงของเขาแหบพร่าเต็มไปด้วยความอดกลั้น ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปสัมผัสผิวกายของเธออย่างแผ่วเบา กระซิบเสียงพร่า ใหนลองยกขาทั้งสองข้างของเธอขึ้นซิแสงเทียน
เขากระซิบชิดใบหู น้ำเสียงพร่าต่ำราวกับคาถาสะกดใจ
แสงเทียนตัวแข็งเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ ทำตามคำสั่งด้วยหัวใจที่เต้นระรัว เธอไม่กล้ามองหน้าเขา มีเพียงเสียงหอบหายใจเบา ๆ ที่เล็ดลอดจากลำคอ
เมื่อเรียวขาถูกยกขึ้นตามที่เขาสั่ง พ่อเลี้ยงปรเมศคุกเข่าลงตรงหน้า....แสงเทียนตกใจเล็กน้อย แต่ไม่ได้ถอย
มือหนาคู่นั้นค่อย ๆ ยื่นมาจับขาเธอไว้ จับทั้งสองแยกออกจากกัน เผยให้เห็นกลีบดอกไม้สีสมพู ดวงตาของเขาคมกริบ มองภาพตรงหน้าเหมือนกำลังจดจำรายละเอียดทุกส่วนตรงนั้น — เปลือยเปล่า งดงาม น่าลิ้มลอง
แสงเทียนกะพริบตาถี่ — พยายามกลั้นน้ำตาแห่งความรู้สึกอัดแน่นไว้
เขาโน้มหน้าเข้ามาชิด มองภาพเบื้องหน้าด้วยแววตาที่ลุกวาว สัมผัสของเขาชิดใกล้ขึ้นทุกที ทุกจังหวะลมหายใจราวกับจะกลืนกินเธอทั้งตัว
"แบบนี้แหละ... ฉันชอบ" เขาว่าเสียงต่ำพร่า นิ้วมือไล้ผ่านเนินผิวเนื้ออ่อนโยน แล้วทาบริมฝีปากลงอย่างแผ่วเบา แสงเทียนสะดุ้งก้นขยับถอยหลังเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงลิ้นอุ่นที่ตรงร่องสาว สองมือพ่อเลี้ยงจับสะโพกเล็กแล้วดึงให้แนบกับปาก..ลิ้นสากตวัดลากเลียดูดกินน้ำหวานจากร่องสาวหยาดเยิ้มอย่างหิวกระหาย
"แสงเทียนเธอนี่มันหวานจริง ๆ ฉันไม่เคยกินของใครมาก่อนแลยนะ....แสงเทียนเธอเป็นคนแรกที่ฉันกิน"
แสงเทียนหลับตาแน่น ปล่อยให้เขาพาเธอไหลลื่นไปกับคลื่นแห่งความร้อนแรง ที่ท่วมท้นโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
เสียงครางเบา ๆ ดังลอดจากลำคอของแสงเทียน มันคือความรู้สึกที่ทะลักล้น ร้อนแรง และเกินจะต้าน
สองมือยกขึ้นมากอบกุมสองเต้าของตัวเองไว้แน่น ปิดไปมากับความเสียวซ่าน
พ่อเลี้ยงปรเมศขับรถมารับแสงเทียนที่บ้าน ยาคำและดวงพรเดินมาส่งถึงหน้าบ้าน
"หยุดเมื่อไรก็มา ไร่กับบ้านเราก็ไม่ได้ไกลกันเท่าไหร่" ยาคำพูดพร้อมกับยิ้มบาง ๆ
เสียงแตรรถดัง แปร๊ดดด ๆ เป็นสัญญาณว่าให้รีบ แสงเทียนรีบคว้ากระเป๋าแล้วก้าวขึ้นรถทันที
แต่แทนที่จะนั่งข้างหน้ากับเขา เธอกลับเปิดประตูหลังแล้วนั่งกะบะหลังแทน
"ไปก่อนนะยาย อย่าลืมกินยาด้วยนะ วันหยุดเทียนจะมาหา" เธอหันไปบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
พ่อเลี้ยงปรเมศมองผ่านกระจกหลัง ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบปนยียวนกับตัวเอง
"ก็ดี... ถ้าอยากนั่งตรงนั้น ที่เย็น ๆ สบาย ๆ มีให้นั่งก็ไม่นั่ง"
จากนั้นพ่อเลี้ยงก็กระชากรถออกอย่างแรง จนแสงเทียนที่ยังไม่ทันตั้งตัว หลังกระแทกหงายเงิบกันเลยทีเดียว
"โอ๊ย... ขับรถดี ๆ หน่อยไม่ได้เลยหรือไง!" เธอบ่นเสียงดัง
ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ รถก็เบรกกระทันหันอีกครั้ง คราวนี้หัวของเธอโขกกับท้ายรถกะบะอย่างจัง
“อ๊ากก!” เสียงร้องหลุดจากปากโดยไม่รู้ตัว
เสียงหัวเราะดังลอดออกมาจากเบาะคนขับเสียงทุ้มนุ่มนั่นฟังดูสะใจอย่างยิ่ง
“นั่งให้มันดี ๆ หน่อย เดี๋ยวก็กลิ้งตกจากรถหรอก”
พ่อเลี้ยงปรเมศพูดกลั้วหัวเราะ ไม่แม้แต่จะหันมามอง
“คุณก็ขับให้มันดี ๆ หน่อยได้มั้ยล่ะ!”เสียงหวานตะโกนตอบกลับไปจากเบาะหลัง
“เจ็บก้นไปหมดแล้วเนี่ย! หัวแตกหรือเปล่าก็ไม่รู้”
ยังไม่ทันขาดคำ...
เอี๊ยดดดดด!!
รถกระบะเบรกกระทันหันอีกครั้งจนเสียงยางเสียดพื้นถนนดังลั่นแสงเทียนเซไปข้างหน้าอีกครั้ง แต่คราวนี้เธอเกาะเบาะไว้ทัน
เสียงเปิดประตูรถดังขึ้น ปัง!พ่อเลี้ยงปรเมศลงมายืนเท้าเอว ข้างรถ พร้อมเอ่ยเสียงนิ่ง แต่ชัดเจน
“มานั่งข้างหน้า”
“ฮะ?” แสงเทียนชะงัก
“บอกให้ไปนั่งข้างหน้า” เขาย้ำเสียงดัง
แสงเทียนรีบคว้ากระเป๋าแล้วพึมพำกับตัวเอง
“ก็ได้...ขืนนั่งต่ออีกหน่อย กระดูกคงหัก เป็นสามท่อนแน่…ๆ”
แสงเทียนขยับก้นอย่างระมัดระวัง ค่อย ๆ ก้าวลงจากกะบะหลัง
แต่พอจะก้าวเท้าลง …
“เฮ้ย ทำไมตอนขึ้นมันง่ายวะ พอตอนจะลงนี่..รถนี้ก็ไม่รู้ว่าจะสุงอะไรหนักหน้า"และคนขาสั่นอย่างแสงเทียน...ที่ขาไม่ถึงพื้น
พรืบ!
แสงเทียนเสียหลักกะทันหัน ร่างเล็กไถลลงจากขอบรถ ทิ้งตัวลงมาอย่างไม่ตั้งใจ
ตุบ!
ว๊าย!........
แล้วแสงเทียนก็ตกลง...สู่ อ้อมแขนของพ่อเลี้ยงปรเมศ อย่างจัง
อ้อมแขนแข็งแรงและอบอุ่นของชายหนุ่มโอบรับร่างบางเอาไว้แน่น ราวกับสัญชาตญาณ
แสงเทียนเบิกตากว้าง ใบหน้าซุกเข้ากับอกเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ
ลมหายใจของทั้งคู่แทบจะชนกันในระยะประชิด
กลิ่นกายของเขา...กลิ่นอ่อน ๆ ของเหงื่อแดด กลิ่นดิน....
ใจเธอ...กระตุกวูบ
เขาก็จ้องเธออยู่เช่นกันดวงตาคมกริบใต้คิ้วเข้มดูนิ่งแต่มีบางอย่างที่เธออ่านไม่ออก…แปลกไปจากเดิม
แสงเทียนรีบผละตัวออกทันที
“ขะ…ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ!”
พ่อเลี้ยงปรเมศไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่ยืนนิ่งอยู่กับที่…ในขณะที่ใบหูเขาแดงขึ้นอย่างน่าสงสัย
“ก็ไม่ต้องรับก็ได้นี่!”แสงเทียนบ่นพึมพำเสียงเบา ๆ แล้วรีบเดินไปเปิดประตูฝั่งคนขับ นั่งลงแทบจะกระแทกก้น
เขากลับไปที่เบาะคนขับ เปิดประตู นั่งลง แล้วพูดแค่เบา ๆ
“ถ้าไม่รับ...จะปล่อยให้ตกลงพื้นหรือไง”เสียงเบา...แต่ฟังแล้วเหมือนแหย่ใจเธออีกครั้งและเป็นอีกครั้งที่แสงเทียนต้องเบือนหน้าออกนอกรถก็แค่คนที่รับไว้เฉย ๆ จะอะไรนักหนา
แล้วทำไมต้องรู้สึกว่าใจมัน...แปลก ๆ แบบนี้ด้วยนะ?
รถกระบะแล่นผ่านถนนลูกรังเลียบเนินเขา เสียงเครื่องยนต์ครางเบา ๆ คลอเคลียอยู่ในความเงียบของภายในรถ
แสงเทียนที่นั่งหน้าข้างคนขับนิ่งไปพักใหญ่จนในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นเบา ๆ
“พ่อเลี้ยง...แม่ฉันเป็นหนี้อยู่เท่าไหร่คะ?”คำถามนั้นเรียบง่าย แต่ทำเอาอีกคนหันมาชำเลืองด้วยหางตา
“ไม่มากหรอก”เขาตอบเสียงราบเรียบ
“แค่...แปดแสน”เขาหยุดนิดหนึ่ง แล้วเติมประโยคให้จบอย่างไม่ลังเล
“ยังไม่รวมดอก”
แสงเทียนนิ่งงันมือบางที่วางอยู่บนตักกำแน่น เธอก้มหน้าช้า ๆ ราวกับน้ำหนักของตัวเลขนั้นกดทับหัวใจเธอเอาไว้แปดแสน...
กับครอบครัวที่ไม่มีรายได้
กับแม่ที่ป่วย
กับยายที่แก่ชรา
“ทำงานไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็หมดเองแหละ”เสียงของเขาเอ่ยขึ้นอีกครั้ง เหมือนไม่มีอะไรแต่เธอรู้...ว่ามันไม่ได้ง่ายอย่างที่พูด
แล้วกี่ชาตินะ...ถึงจะใช้หมด?เธอคิดในใจ ก่อนจะหันหน้าออกไปมองวิวสองข้างทางภูเขาสีเขียวทึบทอดตัวอยู่ไกล ๆ
แต่ใจของเธอกลับหนักเหมือนมีหินถ่วง
“แต่ก็มีอีกวิธีนะ…”เสียงทุ้ม ๆ ของเขาดังขึ้นอีกครั้งทำเอาแสงเทียนหันขวับกลับมามองอย่างตกใจ
“วิธีอะไรคะ?”เขาไม่ได้หันมามองสายตายังคงจับจ้องที่ถนนเบื้องหน้ารอยยิ้มบาง ๆ ผุดขึ้นที่มุมปากอย่างลึกลับ
“เดี๋ยวค่อยบอก”
“ฉันจะไปตลาดก่อน...ต้องซื้อของบางอย่าง”เธอมองเขาอย่างไม่ไว้ใจนักไม่ใช่เพราะกลัว...แต่เพราะหัวใจเธอเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะอย่างประหลาด
วิธีอะไร...ทำไมเขาถึงยิ้มแบบนั้น?และที่สำคัญ...ทำไมเธอถึงรู้สึกว่ามันอันตรายกว่ายอดหนี้แปดแสนเสียอีก