“เจ้าคือดวงใจข้าที่ใกล้แตกสลายลงอีกครั้ง” —อเล็กซานเดอร์
ชาย-หญิง,รัก,แฟนตาซี,ดาร์ค,ตะวันตก,แฟนตาซี,สืบสวนสอบสวน,ผจญภัย,ดราม่า,โรมานซ์แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
A Tale of Thousand Stars ปาฏิหาริย์รักข้ามพิภพ“เจ้าคือดวงใจข้าที่ใกล้แตกสลายลงอีกครั้ง” —อเล็กซานเดอร์
ท่ามกลางความรุ่งโรจน์แห่งจักรวรรดิอังกฤษ คำสาปโบราณกำลังจะตื่นขึ้น…
ปี ค.ศ. 1847 ภายใต้ร่มเงาแห่งพระราชินีนาถวิกตอเรีย หญิงสาวแปลกหน้า—เอเลนอร์ เฮสติงส์—ตื่นขึ้นในร่างของสตรีสูงศักดิ์โดยไร้ซึ่งความทรงจำ
เมื่อโชคชะตานำพาให้เธอได้พบกับดยุก อเล็กซานเดอร์ คาเวนดิช ทายาทแห่งตระกูลผู้ถูกพันธนาการด้วยความลับและบาปกรรมในอดีต ทั้งสองถูกผูกมัดด้วยสายสัมพันธ์เร้นลับและแรงปรารถนาที่ท้าทายขีดจำกัดของกาลเวลา
ท่ามกลางเงามืดของคฤหาสน์แชตส์เวิร์ธ คำสาปร้ายและอดีตอันโหดร้ายค่อย ๆ เผยโฉม เอเลนอร์และอเล็กซานเดอร์ต้องร่วมกันไขปริศนาและเดิมพันด้วยหัวใจ หากปรารถนาจะมีวันพรุ่งนี้ พวกเขาต้องเลือกระหว่างความรักกับความตาย
นวนิยายแฟนตาซี-โศกนาฏกรรมรัก ที่จะพาคุณดำดิ่งสู่โลกแห่งคำสาบาน อำนาจ และการทรยศ กับปาฏิหาริย์ของสองดวงวิญญาณที่ถูกลิขิตให้พานพบเพียงเพื่อจากลาและคําอธิษฐานที่พลิกชะตาฟ้าและดิน
“แม้ม่านเวลาจะขวางทางเราไว้ไกล แต่หัวใจยังร่ำร้องเรียกหา
ใต้ท้องฟ้าที่พราวด้วยหมู่ดาวนับพันครา ความรักยังเลอเลิศเยียวยารอยแผลใจ
แม้ศตวรรษจะพาเราให้ห่างไกล แต่สองวิญญาณยังผูกสายใยแน่นมั่นมิแปรผัน
หนึ่งหัวใจในสองร่างที่ใฝ่ฝัน ดวงดาราจะนำทางเราทุกคืนวัน
ให้ปาฏิหาริย์ผลิบานไม่ว่าวันพรุ่งเป็นเช่นไร”
— เอเลนอร์ บาร์เน็ตต์
วันที่ 28 ตุลาคม ปี ค.ศ. 1847
ตั้งแต่ที่ฉันได้พบกับท่านอเล็กซานในวันนั้นเวลาก็ร่วงเลยมาได้สามวันแล้ว ฉันปรับตัวและพยายามทำความเข้าใจในการใช้ชีวิตเยี่ยงสตรีผู้สูงศักดิ์ในคฤหาสน์ของลอร์ดบาร์เน็ตต์ ทำตัวให้คุ้นชินกับการพูดการจาของคนในสมัยนี้ให้มากที่สุด โชคดีที่ฉันคุ้นเคยกับคำศัพท์พวกนี้เป็นอย่างดี จึงไม่มีปัญหาเผลอหลุดพูดจาห้วนด้วยศัพท์ที่ใช้กันในยุคที่จากมา
วันนี้เป็นวันดี อากาศแจ่มใสกว่าทุกวัน ดวงอาทิตย์เผยตัวออกมาทักทายกรุงลอนดอนอย่างที่หาได้ยากนัก ฉันจึงเกิดอยากใช้เวลาในสวนดอกไม้หลังคฤหาสน์ในช่วงบ่ายเพื่อคลายความเบื่อหน่ายเสียหน่อย เลดี้เอเลนอร์ผู้นี้ไม่มีงานการให้ทำเช่นคนอื่นเขา วัน ๆ จึงทำได้แค่หาอะไรทำฆ่าเวลา ส่วนลอร์ดบาร์เน็ตต์เองก็ไม่ได้กลับคฤหาสน์มานานนับเดือนด้วยเพราะติดธุระงานอยู่ที่แมนเชสเตอร์ ทิ้งให้ธิดาผู้นี้อยู่ที่คฤหาสน์หลังนี้เพียงลำพังกับเหล่าผู้รับใช้
สวนที่ด้านหลังของคฤหาสน์ทอดยาวออกไปเสมือนผืนพรมเขียวขจีที่ปูด้วยหญ้าเรียบ ตกแต่งเสริมด้วยพุ่มไม้ที่ตัดแต่งเป็นรูปทรงสลับกับพุ่มไม้ดอกที่ผลิบานตามฤดูกาล เช่น ดอกกุหลาบอังกฤษ ดอกลาเวนเดอร์ และดอกเดลฟิเนียมสีครามที่กำลังบานสะพรั่งในฤดูนี้ พวกมันส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ลอยคลอไปกับสายลมในยามบ่าย
ทางเดินโรยด้วยหินกรวดขาวทอดยาวคดเคี้ยวผ่านซุ้มไม้เลื้อยที่ประดับด้วยกุหลาบเลื้อยสีชมพูนวล นำทางสู่ศาลาทรงหกเหลี่ยมสีขาวครีมที่ประดับด้วยลายฉลุวิจิตรหลังน้อยที่กลางสวน หลังคามุงด้วยกระเบื้องสีเทาอ่อน และยังมีไม้เลื้อยปกคลุมบางส่วนให้ร่มเงา
เวลานี้ ฉันทอดร่างมานั่งใต้ศาลาเล็ก ๆ นี้ ที่จัดให้มีที่นั่งสำหรับสองที่เพียงลำพัง ลิเลียนเตรียมชุดน้ำชาที่มาพร้อมกับขนมชิ้นเล็กชิ้นน้อยไว้ทานคู่กันเป็นอาฟเตอร์นูนที พร้อมกับหาหนังสือวรรณกรรมดี ๆ ที่เผยแพร่ในยุคนี้มาอ่านสักหนึ่งเล่ม ในมือของฉันกำลังถือหนังสือเรื่อง ‘ไพรด์แอนด์พรีจูไดซ์’ วรรณกรรมอันโด่งดังของนักเขียนสตรีชาวอังกฤษระดับโลกอย่าง ‘เจน ออสเต็น’ ที่ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1813
หนังสือของเจนอาจจะยังไม่เป็นที่แพร่หลายมากนักในตอนนี้ ด้วยว่า นางเป็นสตรีที่มุ่งมั่นกับเรื่องงานแทนการแต่งงานสร้างครอบครัว ผิดวิสัยของสตรีทั่วไปในยุคนี้ หรือก็คือ นางเป็นผู้สนับสนุนสิทธิสตรียุคแรก ๆ ของโลก ก่อนที่มันจะเริ่มแพร่หลายมากขึ้นในศตวรรษที่ยี่สิบต่อมา นางได้สร้างสรรค์นิยายที่ลึกซึ้ง อ่อนหวาน และแหลมคม มีชื่อเสียงจากการสะท้อนภาพสังคม ชนชั้น และบทบาทของสตรีในยุคของนาง ผ่านภาษาที่เฉียบคมและตัวละครที่มีชีวิต นางเสียชีวิตลงในปี ค.ศ. 1817 ด้วยวัยเพียง สี่สิบเอ็ดปี
ฉันอ่านหนังสือเรื่องนี้พลางจิบชาได้ไม่นาน ลิเลียนก็เอาจดหมายสารฉบับใหม่ที่ท่านอเล็กซานส่งมาให้
“ใต้ฝ่าพระบาทส่งจดหมายเชิญคุณหนูมาเจ้าค่ะ”
“ขอบใจจ้ะ” ฉันกล่าว
หยิบเอาซองขาวในถาดเงินของนางขึ้นมาเพื่อเปิดอ่าน ลิเลียนยื่นมีดเงินให้ฉันเพื่อกรีดซอง และก็ได้เห็นข้อความในนั้นที่เขียนว่า
วันที่ 28 ตุลาคม ค.ศ. 1847
ถึง เลดี้ เอเลนอร์ บาร์เน็ตต์
ข้าขอเชิญท่านหญิงมาพบเพื่อพูดคุยเรื่องกำหนดการพิธีวิวาห์ของพวกเรา ที่คฤหาสน์เดวอนเชียร์ เวลา 17:00 น. ของวันนี้
จาก อเล็กซานเดอร์ คาเวนดิช
เมื่อได้รู้ว่าเป็นสารเกี่ยวกับสมรส ลิเลียนก็ชักสีหน้าสลดแทนที่จะยินดี
“ดิฉันจะไปเตรียมเครื่องแต่งกายไว้ให้นะเจ้าคะ คุณหนูมีอะไรที่ต้องการอีกหรือไม่”
นางถามด้วยท่าทางมีพิรุธอย่างมาก ดูลุกลี้ลุกลนชอบกล
“ไม่จ้ะ ขอบคุณพี่มาก ฉันขออยู่อ่านหนังสือที่นี่อีกสักพัก แสงแดดวันนี้ช่างอบอุ่นสบายตัวดีเหลือเกินพี่ว่าไหม”
“จริงเจ้าค่ะ เชิญคุณหนูตามอัธยาศัย ดิฉันมิรบกวนท่านแล้ว”
สิ้นคำ นางก็เดินจากไปปล่อยให้ฉันได้รื่นเริงกับหนังสือต่ออย่างเงียบสงบท่ามกลางหมู่ดอกไม้ที่ส่งกลิ่นหอมและแสงแดดอันอบอุ่น
✽ ✽ ✽
คุณหนูของดิฉันตื่นขึ้นหลังจากที่ท่านดื่มยาพิษตั้งใจดับชีวิตตนในสวนเมื่อปลายสัปดาห์ก่อน ฟื้นคืนกลับมาอย่างปลอดภัย แต่กลับกลายเป็นบุคคลที่ไร้ซึ่งความทรงจำในอดีต สิ่งนี้อาจเป็นผลดีต่อตัวท่านหญิงก็เป็นได้ เพราะท่านมีสีหน้าและแววตาที่ดูมีความสุขกว่ามากกว่าแต่ก่อน แม้จะมีกิริยาท่าทางและภาษาวาจาที่ผิดแปลกกว่าเดิมอยู่บ้าง แต่ตัวของดิฉันผู้ซึ่งคอยดูแลคุณหนูมาตั้งแต่เล็กแต่อ่อน ยอมที่จะเห็นท่านโศกามากไปกว่านี้มิได้แล้ว ดิฉันควรรายงานเรื่องนี้ให้นายท่านได้รับทราบ
คิดดังนั้น ดิฉันจึงแอบกลับไปที่ห้องพักเพื่อเขียนจดหมายสารถึงนายท่านว่า
วันที่ 28 ตุลาคม ค.ศ. 1847
ถึงนายท่าน ลอร์ด เพอร์ซิวัล บาร์เน็ตต์
คุณหนูเอเลนอร์ตั้งใจดื่มยาพิษหมายดับชีวิตตนเองเมื่อห้าวันที่แล้ว เยี่ยงปาฏิหาริย์ คุณหนูมิถึงแก่ชีวิตโปรดนายท่านอย่าพะวง แต่ทว่า คุณหนูกลับความจำเสื่อมลืมสิ้นถึงเรื่องราวในอดีต แม้แต่ชื่อตนก็จำมิได้
คุณหนูได้พบกับใต้ฝ่าพระบาทที่งานเลี้ยงเต้นรำในคืนวันที่ 25 ตุลาคม ที่ผ่านมา และทั้งสองกำลังนัดหมายเพื่อเจรจาถึงวันที่และรายละเอียดของพิธี
จาก ลิลาอ์นา วูดเวิร์ด
หลังจากปิดผนึกจดหมายฉบับนี้เสร็จสรรพ ดิฉันก็รีบสาวเท้าไปส่งให้คนส่งสารม้าเร็วในทันที เกรงว่าคุณหนูจะสงสัย จากนั้นก็รีบกลับไปที่ห้องนอนของคุณหนูเพื่อเตรียมชุดแต่งกายสำหรับนัดในตอนเย็น แต่กลับนึกพิเรนทร์ได้บางอย่าง ดิฉันมิแน่ใจว่าภาวะความทรงจำเสื่อมของท่านหญิงร้ายแรงถึงเพียงไหน ท่านยังคงจำเรื่องราวของสตรีที่ทำให้ท่านต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้ได้หรือไม่
ว่าแล้ว ดิฉันก็รีบเดินออกไปยังห้องนอนอีกห้องที่อยู่เยื้องถัดไปเพียงสิบห้าก้าว หยิบเอากุญแจในช่องเก็บของที่ด้านหน้าผ้ากันเปื้อนขึ้นมาปลดล็อกกรประตู เดินตรงไปยังตู้เสื้อผ้าในห้องนั้น จัดแจงหยิบเอาชุดกระโปรงยาวสีเขียวมรกตตัวหนึ่งที่มีปกสีขาวเรียบช่วงแผงคอออกมาชม
‘ชุดนี้แหละที่จะเตรียมให้คุณหนูใส่ไปพบกับใต้ฝ่าพระบาทเย็นนี้’
✽ ✽ ✽
คฤหาสน์เว็กซ์ฟอร์ดตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงลอนดอน เมืองพัทนีย์ การเดินทางไปคฤหาสน์เดวอนเชียร์ในเขตพิคคาดิลีกลางเมืองกรุงต้องใช้เวลาเดินทางไม่เกินยี่สิบนาที ระหว่างทางฉันก็นึกอยากถามสิ่งที่ค้างคาใจขึ้นมา ในตอนนี้ลิเลียนกำลังนั่งเหม่อลอยเหมือนกำลังคิดอะไรฟุ้งซ่านอยู่ฝั่งตรงข้ามกับฉันในรถม้า
“พี่ว่า ท่านอเล็กซานเป็นคนเยี่ยงไรกัน”
นางสะดุ้งหลุดจากภวังค์ แสดงสีหน้าฉงนจากคำถามเกินคาดเดานี้ ก่อนจะเลือกตอบคำถามให้ตรงกับที่ฉันสงสัย
“ใต้ฝ่าพระบาทเป็นคนเงียบเจ้าค่ะ ดิฉันได้ยินมาว่าท่านเป็นบุรุษที่มิชื่นชอบให้สตรีเข้าใกล้เท่าไหร่นัก”
ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ่งนึกสงสัย เหตุใดบุรุษที่มีหน้าตาหล่อเหลาเยี่ยงเขาถึงไม่คิดอยากเข้าใกล้สตรีนางใด แม้แต่ตัวฉันที่เป็นคู่หมั้น
‘หรือว่าท่านจะชื่นชอบเพศเดียวกัน’
เสียงล้อไม้กระทบพื้นถนนหินดังกร๊อบแกร๊บตลอดทาง ฉันกวาดสายตามองออกไปที่นอกหน้าต่าง เชยชมภาพวิวทิวทัศน์ของเมืองในยุคสมัยที่ล้าหลัง พลางคิดว่าอยากรู้จักตัวตนท่านผู้นี้ให้มากยิ่งขึ้น เขาอาจจะเป็นกุญแจสำคัญของการย้อนเวลาของฉันก็เป็นได้
เมื่อมิสเตอร์บาร์คเกอร์ขับรถมาเทียบที่หน้าทางเข้าอีกครั้ง ฉันกับลิเลียนก็ก้าวลงจากรถเดินขึ้นบันไดเพื่อขึ้นไปในคฤหาสน์หลังเดิมที่เพิ่งจากมาเมื่อคืน ในช่วงกลางวันที่ไร้ซึ่งผู้คนเช่นนี้ ช่างให้ความรู้สึกแตกต่างและวังเวงเป็นอย่างมาก เมื่อขึ้นมาถึงหน้าประตูทางเข้า บุรุษเฒ่าที่ฉันเจอเมื่อคืนนี้กำลังยืนรอต้อนรับอยู่ที่ด้านหน้าประตูไม้โอ๊กหนาบานเดิม หนนี้ เขาโค้งทักทายฉันด้วยความสุภาพอ่อนน้อมผิดจากครั้งแรก
“ขอต้อนรับท่านหญิงอีกครั้งขอรับ”
เขายืนจ้องหน้าฉันด้วยสีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ และตัวฉันเองก็จ้องหน้าเขากลับเช่นกัน ไม่แน่ใจว่าเขาเป็นใคร ลิเลียนรีบปรี่ตัวเข้าไปหาบุรุษผู้นั้นพร้อมกระซิบกระซาบอะไรบางอย่าง จนทำให้เขาย้อนกลับมามองที่ฉันอีกคราและกล่าวแนะนำตัว
“กระผมขออภัยที่มิให้เกียรติท่าน กระผมมิรู้ซึ่งอาการของท่านมาก่อน กระผมมีชื่อว่า ธีโอดอร์ ไวคลิฟฟ์ เป็นข้ารับใช้ส่วนตัว ทั้งยังเป็นอัศวินคู่กายของนายท่านขอรับ”
“ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้ง เซอร์ไวคลิฟฟ์” ฉันกล่าวตอบ
“ยินดีเช่นกันขอรับ ได้โปรดตามกระผมเข้าไปด้านใน”
เซอร์ไวคลิฟฟ์เดินนำไปยังห้องห้องหนึ่งที่อยู่ลึกเข้าไปยิ่งกว่าห้องใด เป็นห้องที่แตกต่างจากคืนก่อนโดยสิ้นเชิง ห้องนี้ดูละม้ายคล้ายกับห้องทำงานขนาดใหญ่ที่มีชุดเฟอร์นิเจอร์ใช้สำหรับรับรองแขกอยู่กลางห้อง ทั้งยังมีโต๊ะทำงานไม้สีเข้มตัวหนาและกว้างยาวประมาณเกือบสองเมตร ที่ทำจากไม้โรสวู้ดกับเก้าอี้พิงบุนวมสมยศศักดิ์ดยุก ตั้งอยู่ชิดกำแพงด้านในสุด และนั่นเองที่ฉันได้พบกับเขาเป็นครั้งที่สอง
“เชิญท่านหญิง”
เขาเอ่ยทัก พลางนั่งไขว่ห้างอยู่ที่โซฟาตัวยาวฝั่งขวามือ ในมือจิบน้ำชา ไม่คิดปรายตาขึ้นมองฉันแต่อย่างใด เอาแต่หลุบตามองชาในถ้วยระหว่างที่ฉันหย่อนตัวลงนั่งที่โซฟาฝั่งตรงข้าม จากนั้นเซอร์ไวคลิฟฟ์ก็เดินไปหยิบเอากาเซรามิกขลิบทอง มารินน้ำชาให้ตามพิธีต้อนรับแขก
ท่านอเล็กซานชำเลืองตาขึ้นมองที่บุรุษเฒ่าผู้นี้ เป็นสัญญาณเงียบว่าให้เขาและเหล่าผู้รับใช้ออกไปจากห้องเพื่อความเป็นส่วนตัว เซอร์ไวคลิฟฟ์พยักหน้ารับคำสั่ง เดินนำเหล่าหญิงรับใช้อีกสองคนและลิเลียนออกจากห้อง เหลือแค่เพียงฉันกับเขาตามลำพัง
เขาวางถ้วยน้ำชาลงบนโต๊ะไม้เตี้ยที่ด้านหน้า และเปลี่ยนกิริยามาผสานฝ่ามือทั้งสองข้างไว้บนตัก แต่ยังคงหลับตาอยู่แบบนั้นยังไม่คิดลืมตามองฉันอยู่ดี แล้วก็กล่าวขึ้นมาว่า
“พิธีวิวาห์พระราชทานจะมีขึ้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้มีกำหนดการสมรสวันที่ 30 พฤศจิกายน เจ้าเห็นควรว่าอย่างไร”
“…”
ฉันจ้องเขานิ่งไม่คิดโต้ตอบอะไร เมื่อเขาเห็นเช่นนั้นจึงอธิบายต่อเพื่อไม่ให้เสียจังหวะ
“และข้าเองก็อยากจะขอเจรจาถึงกฎเก—”
และแล้วเขาก็ชำเลืองตาขึ้นมามองในที่สุด เมื่อได้เห็นฉันที่นั่งฟังเขาเล่าอย่างสงบเสงี่ยม คำพูดก็ขาดสะบั้นลงพร้อมชักสีหน้าที่ดูตึงเครียดขึ้นมาอย่างฉับพลัน
“เจ้า—เจ้าตั้งใจใช่หรือไม่!”
เขาตวาดถามฉันด้วยน้ำเสียงแสนโกรธเคือง เปลี่ยนสรรพนามที่ใช้เรียกจาก ‘ท่าน’ มาเป็น ‘เจ้า’
“ท่านหมายความอันใด” ฉันสับสน
“เจ้ากลับไปเสียท่านหญิง วันนี้ข้ามิคิดเจรจาอันใดต่ออีกแล้ว”
เขาลุกขึ้นยืนและเดินตรงไปที่ประตูทางออก ไม่อยู่รออธิบายอะไรเพิ่มเติม
“เดี๋ยวท่าน! ฉันไม่เข้าใจ เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ”