" จากคู่กัดสุดป่วน กลายเป็นความรักแสนหวานที่เร่าร้อนและอบอุ่น... เมื่อโชคชะตาพาพวกเขามาพัวพัน หัวใจก็เริ่มละลายทีละนิด จนกลายเป็นรักที่ไม่มีใครห้ามได้"
ชาย-หญิง,รัก,ครอบครัว,อบอุ่น,พระเอกครั้งรัก,พระเอกขี้หึง,สืบสวนสอบสวน,ดราม่า,พระเอกปากร้าย ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
คลั่งรักยัยตัวร้ายข้างห้อง" จากคู่กัดสุดป่วน กลายเป็นความรักแสนหวานที่เร่าร้อนและอบอุ่น... เมื่อโชคชะตาพาพวกเขามาพัวพัน หัวใจก็เริ่มละลายทีละนิด จนกลายเป็นรักที่ไม่มีใครห้ามได้"
ริน นักเขียนนิยายสาวสายโรแมนซ์ที่เพิ่งอกหักหนักจนต้องย้ายออกมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ในคอนโดแห่งหนึ่ง เธอหวังจะใช้ชีวิตสงบเรียบง่ายกับโน้ตบุ๊กและแมวหนึ่งตัว แต่ดันมี “ปัญหา” ข้างห้องชื่อว่า ภาคิน — วิศวกรหนุ่มหล่อที่หล่ออย่างเดียวไม่พอ ยังขี้บ่น ชอบหาเรื่อง และมีปากร้ายขั้นสุด
ทั้งคู่เจอกันครั้งแรกก็ปะทะคารมกันยับ กลายเป็นคู่กัดขาประจำที่เจอกันทีไรต้องมีเรื่องให้ถกเถียง... แต่แทนที่จะห่างกันไปเรื่อย ๆ กลับกลายเป็นว่ายิ่งใกล้ ยิ่งเหมือนแรงดึงดูดบางอย่างกำลังทำให้หัวใจเต้นแรงขึ้นทุกวัน
จนวันหนึ่ง...หลังจากมีเหตุให้ต้องติดฝนอยู่ด้วยกันในห้องเดียว ความเผ็ดร้อนที่กดเอาไว้ก็ถูกปล่อยออกมา
เรื่องราวความสัมพันธ์ที่เริ่มจากความรำคาญ กลายเป็นความคลั่งรักที่ห้ามใจไม่ได้
ตัวละครหลัก
รินรดา (ริน )
• อายุ 27 ปี
• อาชีพ: นักเขียนนิยายออนไลน์ + ฟรีแลนซ์
• บุคลิก: พูดเก่ง อารมณ์ศิลปิน ขี้หงุดหงิดเวลาโดนขัดสมาธิ ข้างนอกปากดี ข้างในใจบาง
• จุดเด่น: สายเซอร์ มีเสน่ห์แบบธรรมชาติ ชอบแต่งตัวสบาย ๆ แต่แอบแซ่บเวลาออกงาน
ภาคิน (คิน)
• อายุ 30 ปี
• อาชีพ: ceo วิศวกรเครื่องกลในบริษัทใหญ่
• บุคลิก: สุขุม ขี้หงุดหงิดเวลาโดนรบกวน ปากร้าย แต่ลึก ๆ เป็นคนอบอุ่น มีความเป็นผู้ใหญ่
• จุดเด่น: หล่อเข้ม หุ่นล่ำแบบไม่พยายาม ใส่เสื้อยืดธรรมดาก็หล่อจนคนทั้งโลกเหลียวมอง
เสียงเคาะประตูดังขึ้นสามครั้งติดกัน รินขมวดคิ้วหยุดพิมพ์นิยายกลางประโยคก่อนจะเดินไปเปิดประตู
“ ขอโทษนะครับ คุณพอจะลดเสียงลดได้มั้ย? ”
เสียงทุ้มเย็น ๆ ของผู้ชายตรงหน้าทำเอาเธอชะงักนิดหนึ่ง เขาหล่อ…หล่อแบบที่ถ้าไปเดินห้างต้องมีสาวขอไลน์แน่นอน แต่ปากเขานี่น่าตบจริงๆ
“ เสียงอะไรเหรอคะ? ” รินถามกลับ หน้ายังยิ้มอยู่แต่คิ้วเริ่มกระตุก
“ เสียงคลิกคีย์บอร์ดครับ ดังเหมือนคุณตีกลองอยู่ในห้อง ”
เธออ้าปากค้าง นี่เขาบ่นเธอพิมพ์นิยายเนี่ยนะ!?
“ ขอโทษนะคะ ฉันทำงานนะ ไม่ใช่ตีกลอง แล้วห้องมันไม่ใช่ห้องเก็บเสียงด้วย คุณจะให้ฉันหยุดหายใจเลยมั้ยคะ? ”
เขายกคิ้ว “ ผมแค่ขอให้ลดเสียงลงนิดหน่อยเอง ถ้าคุณใช้คีย์บอร์ดแบบเงียบ เสียงก็คงไม่ลอดมาขนาดนี้ ”
“ คุณนี่…เรื่องมากจริง ๆ เลยนะคะ ” รินพ่นลมหายใจ ก่อนจะยิ้มหวานแบบกัดฟัน “ ถ้าอยากอยู่แบบไร้เสียง ลองย้ายไปอยู่บนเขาดูสิคะ เงียบแน่นอน ”
ภาคินหัวเราะในลำคอเบา ๆ “ ผมไม่ติดหรอก ถ้าไม่มีคนอย่างคุณอยู่ข้างห้อง ”
เธอเบิกตากว้าง จะเถียงอีกแต่เขากลับเดินไปเข้าห้องตัวเองหน้าตาเฉย ปล่อยให้เธอยืนอารมณ์เดือดอยู่หน้าประตู
“ ไอ้คนปากเสีย ” เธอบ่นไล่หลังเสียงแผ่ว “ หล่อก็ส่วนหล่อสิ ปากหมาเสียซะหมดราคา! ”
เธอกลับเข้าไปในห้องอย่างหัวเสีย ทิ้งตัวลงที่เก้าอี้พิมพ์ต่อไปแค่สองบรรทัดก็เผลอเหลือบมองผนังห้องข้าง ๆ
และในหัวก็ดันจินตนาการไปไกล…ถ้าเขาอยู่ในห้องตอนนี้ แล้วใส่เสื้อยืดตัวนั้นจะพอดีตัวแค่ไหนนะ? กล้ามแน่นแบบนั้น…เสียงตอนเขาหายใจจะเซ็กซี่ขนาดไหนกันนะ?
“ บ้าเอ๊ย! ” รินสะบัดหัวตัวเอง “ จะคลั่งอะไรกับหมอนั่น!?”
แต่ก็หยุดยิ้มไม่ได้อยู่ดี…
หลังจากกลับเข้าห้อง ภาคินปิดประตูห้องแล้วพิงหลังลงกับมัน ถอนหายใจแรง ๆ แบบไม่เข้าใจตัวเอง
“ แม่ง…” เขาพึมพำกับตัวเอง
ยัยนั่นโวยวายเหมือนแมวโดนน้ำ แต่เขากลับยืนฟังอยู่ตั้งนาน เธอตัวเล็กกว่าที่คิด ใบหน้าหวาน ๆ กับดวงตาวาว ๆ แบบนั้น…มันไม่น่าจะเป็นคนที่พิมพ์คีย์บอร์ดดังลั่นได้เลย
แต่ก็ใช่ เธอนั่นแหละ ตัวต้นเหตุ และเธอก็…เซ็กซี่กว่าที่เขาควรจะคิดซะด้วยซ้ำ
เสื้อยืดตัวโคร่งที่เธอใส่แบบไม่ใส่ใจดูเชย ๆ ทำไมถึงดูน่ามองขนาดนั้น ริมฝีปากที่เถียงเขารัว ๆ นั่น ถ้าหยุดพูดสักแป๊บแล้วให้เขากอดจูบลงไป จะยังดื้ออยู่มั้ยนะ
ภาคินยกมือขึ้นเสยผม กัดฟันแน่นเมื่อรู้สึกถึงบางอย่างที่ไม่ควรจะรู้สึก
“ อย่าโง่น่า ภาคิน…เธอเป็นแค่เพื่อนบ้านข้างห้องเสียงดัง
ขี้บ่น น่ารำคาญ เท่านั้น ”
เขาเตือนตัวเองเสียงเข้ม แต่ภาพริมฝีปากของเธอกลับไม่ยอมออกจากหัว เขาเดินไปเปิดตู้เย็น คว้าเบียร์กระป๋องออกมาแล้วเปิดมันด้วยแรงกดอารมณ์ จิบไปนิดเดียว สมองก็นึกย้อนไปถึงตอนที่เธอพูดใส่หน้าเขา
“ถ้าอยากอยู่แบบไร้เสียง ลองย้ายไปอยู่บนเขาดูสิคะ เงียบแน่นอน”
“ ยัยบ้า…แต่ก็น่ารักดีว่ะ ” เขาหัวเราะในคอ เสียงเบาจนแทบไม่ได้ยินเสียงเลย
เธอคงไม่รู้ตัวหรอก ว่าการที่เธอขัดใจเขาแบบนั้นมันกำลังทำให้เขาสนใจเข้าไปทุกที และเขาก็รู้ดี ว่าถ้าเธอยังอยู่ข้างห้องแบบนี้ต่อไปสักวัน…เขาคงจะอดใจไม่ไหวจริง ๆ
เช้าวันใหม่ รินลงลิฟต์พร้อมแก้วกาแฟเย็นในมือ เธอสวมแว่นดำ เสื้อยืดตัวหลวมกับกางเกงยีนส์ขาสั้น มาดนักเขียนสายติสท์ที่คนทั่วไปคงมองว่า “ ชิลล์ ” แต่ที่จริงในหัวเธอกำลังแต่งฉากพระเอกจูบนางเอกอยู่
โชคดี…หรือโชคร้ายก็ไม่แน่ เพราะขณะเดินผ่านล็อบบี้ คำพูดหนึ่งก็ดังขึ้นข้างหูของเธอ
“ คุณเป็นนักเขียนใช่มั้ยครับ? ”
เธอหันไปมองชายหนุ่มที่ยิ้มให้ แก้วกาแฟในมือของเธอแทบตก หล่นลงพื้น รินคิดในใจ “ หนุ่มหล่อระดับนายแบบ แถมแต่งตัวดี มีมารยาทอีกด้วย ”
“ผมอยู่ชั้นบน เห็นคุณถือโน้ตบุ๊กลงมาเกือบทุกวันก็เลยเดาเอาน่ะครับ ” เขายิ้มอีกครั้ง “ ผมชื่อธันวาครับ ”
“ รินค่ะ ” เธอตอบแล้วยิ้มกลับ โดยไม่ปฏิเสธว่ารู้สึกดีเวลาโดนคนหล่อทัก
แต่เธอไม่รู้เลยว่า มีสายตาคู่หนึ่งมองมาแบบเงียบ ๆ จากอีกฝั่งของล็อบบี้ที่กำลังมองเธออยู่
ภาคินยืนถือกระเป๋าเอกสารในมุมมืดอีกฝั่งของล็อบบี้ หรี่ตามองผู้ชายแปลกหน้าที่คุยกับริน แล้วกำมือแน่นแบบไม่รู้ตัว
หงุดหงิดว่ะ…ไม่รู้ทำไม แต่หงุดหงิดฉิบ
เขาเดินผ่านโดยไม่พูดอะไร แต่ตอนสวนกับริน เธอเงยหน้ามายิ้มให้เขาอย่างสดใส
“ อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณเพื่อนบ้าน ”
“ ฮึ ” เขาส่งเสียงในลำคอแบบขัดใจสุด ๆ แล้วเดินผ่านเธอไปโดยไม่หันกลับมา
รินมองเขาแล้วพูดพึมพำ “ นี่เขาไม่ได้ยินที่ฉันพูดกับเขาเหรอ หรือ แกล้งไม่ได้ยินแล้วเมินกันแน่ ” แต่เขาก็ทำเสียงแบบไม่พอใจใส่ฉัน เขาเป็นอะไรของเขา?
คืนนั้น ฝนตก…
เสียงฟ้าร้องดังสนั่น รินที่เพิ่งกลับมาจากงานเขียนบทข้างนอกถึงกับสะดุ้งจากเสียงฟ้าร้อง เธอลืมพกร่มและแน่นอน เธอเปียกโชกตั้งแต่หัวจรดเท้า ตอนที่กำลังจะไขกุญแจห้อง มือกลับสั่นเพราะหนาวจัดและก่อนจะเป็นลมอยู่ตรงหน้าห้อง…
เสียงประตูห้องข้าง ๆ ก็เปิดออก
ภาคินยืนอยู่ตรงนั้น หน้าประตูของเขา เสื้อกล้ามสีเทากับกางเกงขาสั้นเผยให้เห็นกล้ามแน่น ๆ กับไหล่กว้าง ๆ เขาขมวดคิ้วทันทีที่เห็นเธอ
“ บ้าเอ๊ย…เปียกเป็นลูกหมาตกน้ำขนาดนี้ จะเป็นไข้ตายมั้ยเนี่ย ”
เขาเดินเข้ามาดึงกระเป๋าทำงานจากมือเธอโดยไม่ขออนุญาตแล้วเอื้อมไปแตะแขนเธอเบา ๆ
“ หนาวรึเปล่า? ”
เธอหนาวสั่น หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ก่อนที่เธอจะพูดตอบกลับไป
“…นิดหน่อยค่ะ ”
“ เข้าห้องฉันก่อน เดี๋ยวหาผ้าขนหนูให้ ”
เสียงเขาแข็ง ๆ เหมือนเดิม แต่แววตากลับอ่อนโยนอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
-----------------
ห้านาทีต่อมา เธอยืนอยู่ในห้องเขา ผ้าขนหนูพันตัวหลวม ๆ เสื้อผ้าเปียกถูกเขาโยนเข้าตะกร้าผ้าและเขาก็ยืนอยู่ตรงหน้าเธอในระยะใกล้จนได้กลิ่นแชมพูจากผมเธอ
“ คุณหวงฉันเหรอ ” รินถามเบา ๆ
ภาคินทำหน้าชะงัก...!
“ เมื่อเช้าน่ะ... คุณดูเหมือนจะไม่พอใจตอนฉันคุยกับผู้ชายคนนั้นน่ะ”
เขานิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มมุมปากเล็ก ๆ
“ ก็แค่ไม่ชอบเห็นคนพูดกับคุณ...แล้วคุณยิ้มแบบนั้นให้ใครอื่น ”
“ แบบไหน? ”
เขาก้าวเข้าใกล้มาอีกนิด สายตาเขาหนักแน่นจ้องตาเธอไม่กะพริบ
“ แบบที่ผมอยากให้คุณยิ้มให้แค่ผมคนเดียว ”
และก่อนที่เธอจะได้พูดอะไรต่อ... ริมฝีปากของเขาก็แนบลงมาอย่างแนบแน่นอย่างอบอุ่น แต่เร่าร้อนจนเธอแทบยืนไม่ไหว
เสียงฝนยังคงตกปรอย ๆ แต่ในห้องของภาคินนั้นอุณหภูมิกลับพุ่งสูงขึ้นเกินเหตุ
ภาคินยังยืนอยู่ตรงหน้าริน ห่างกันไม่ถึงคืบลมหายใจของเธอหอบเบา ๆ แก้มแดงระเรื่อเพราะความเขิน หรือเพราะจูบเมื่อครู่นั้น...เขาก็ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ ๆ เขาอยากจูบอีก
“ คุณรู้ตัวมั้ย...” เขาเอ่ยเสียงต่ำ สายตาไม่ละจากริมฝีปากเธอ
“ คุณมันน่ารำคาญ...แต่น่าจูบฉิบหาย”
รินเบิกตากว้าง ใจเต้นแรงจนแทบจะระเบิดออกมา
“ คุณนี่มัน...” เธอกำลังจะต่อว่า แต่เสียงมือถือของเธอก็ดังขึ้นขัดจังหวะ
เธอถือมือถือขึ้นมาดู “ ธันวา โทรเข้า.......”
เธอมองชื่อบนหน้าจอ แล้วลังเล แต่ภาคินกลับแย่งมือถือจากมือเธอแล้วกดตัดสายทิ้งหน้าตาเฉย
“ เฮ้! นี่คุณทำบ้าอะไรเนี่ย!? ”
“ ฉันไม่ชอบเขา ” เขาตอบสั้น ๆ
“ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันด้วย? ” เธอเถียง
ภาคินจ้องตาเธอแน่น...
“ ก็เกี่ยว...เพราะผมไม่อยากให้คุณยิ้มให้เขาแบบนั้นอีก ”
เธอนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วจู่ ๆ ก็ยิ้ม – รอยยิ้มที่ยิ่งทำให้เขาอยากขย้ำเธอให้จมหายอยู่ตรงนี้
“ คุณนี่มันหวงฉันชัด ๆ เลยนะ ”
เขาไม่ปฏิเสธ แต่ก็กัดฟันแน่น “ เปล่า ”
“ แล้วเมื่อกี้ที่จูบฉันล่ะ? ”
“ ...มันก็แค่ปากมันพลาดไปเฉย ๆ ” เขาเบือนหน้าหนีแต่หูแดงอย่างชัดเจน
รินหัวเราะ คิก คัก
“ เหรอคะ งั้นถ้าฉันเข้าไปใกล้อีกนิด...ปากคุณจะพลาดอีกหรือเปล่า ”
ยังไม่ทันที่เขาจะตอบ เธอก็ขยับตัวเข้าไปแนบชิดกลิ่นสบู่จากตัวเขาผสมกับอุณหภูมิอุ่น ๆ จากผิวเนื้อมันทำให้หัวใจแอบเต้นระรัวขึ้นหลายจังหวะจนควบคุมไม่ได้
“ ริน...” เสียงเขาเริ่มแหบพร่า
เธอมองตาเขานิ่ง ๆ แล้วกระซิบเบา ๆ
“ ฉันไม่ได้รำคาญคุณนะภาคิน...แต่อย่าทำให้ฉันคิดเกินเลย ถ้าคุณยังไม่แน่ใจว่าจะรับผิดชอบมันไหว”
คำพูดนั้นกระแทกใจเขาเต็มแรงเพราะในตอนนี้ เขารู้แล้ว... ว่าเขากำลังจะคิดเกินเลยมาก ๆ และไม่แน่ว่า...เขาอาจไม่อยากหยุดแค่ “ คิด ”