“เธอคือปีศาจไร้หัวใจ— เขาคือทาสที่ไร้ชีวิต… แต่เมื่อหัวใจที่เย็นชาสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากโซ่ตรวน ความรักต้องห้ามจึงบานสะพรั่งกลางหิมะเปื้อนเลือด” — โซ่รักนางร้ายไร้หัวใจ —
เกิดใหม่,ชาย-หญิง,แฟนตาซี,ดราม่า,จิตวิทยา,ดราม่า,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
โซ่รักนางร้ายไร้หัวใจ“เธอคือปีศาจไร้หัวใจ— เขาคือทาสที่ไร้ชีวิต… แต่เมื่อหัวใจที่เย็นชาสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากโซ่ตรวน ความรักต้องห้ามจึงบานสะพรั่งกลางหิมะเปื้อนเลือด” — โซ่รักนางร้ายไร้หัวใจ —
หลังตายจากโลกเดิมอย่างไร้ค่า “อีเรน” กลับลืมตาขึ้นในโลกใหม่—ในร่างของ “ทาส” ผู้ไร้อิสรภาพ ภายใต้การครอบครองของหญิงสาวที่ขึ้นชื่อว่าไร้หัวใจที่สุดในจักรวรรดิ… “ไลลาธ วาน คาร์มีลล์” ขุนนางสาวผู้ฆ่าได้โดยไม่กระพริบตา นางร้ายเลือดเย็นที่ใครต่างก็หวาดกลัว
แต่แทนที่อีเรนจะเกรงกลัว เขากลับมองเห็นความว่างเปล่าในดวงตาสีแดงของเธอ เห็นความโดดเดี่ยวที่ซ่อนอยู่หลังใบหน้าราบเรียบไร้อารมณ์ และด้วยถ้อยคำเยือกเย็นแต่แฝงความเข้าใจ เขาค่อย ๆ เปลี่ยนเธอที่เย็นชาดั่งน้ำแข็ง ให้รู้จัก “ความรู้สึก” ที่เธอเคยฝังกลบมาตลอดชีวิต
ในโลกที่โหดร้ายยิ่งกว่าไฟนรก ความสัมพันธ์ระหว่าง “ทาส” กับ “นางร้าย” ค่อย ๆ เบ่งบานท่ามกลางเลือด หิมะ และเงาแห่งการทรยศ แต่เมื่ออำนาจและศัตรูพยายามแยกทั้งสองออกจากกัน ความรักของพวกเขาจึงกลายเป็น “บาป” ที่ไม่มีใครยอมรับ
สุดท้าย… เมื่อความรักของปีศาจกับทาสต้องแลกด้วยชีวิต
พวกเขาจะเลือก “อยู่เป็นศัตรูของโลก” หรือ “ตายในอ้อมกอดของกันและกัน”?
⸻
หากต้องการแบบยาวขึ้น (ใช้สำหรับหลังปกหรือแพลตฟอร์มขายนิยาย) บอกได้นะครับ ผมจัดให้!
คนที่กล้าพูดคำว่าเจ็บกับเธอ
กลางวันในคฤหาสน์คาร์มีลล์เยือกเย็นยิ่งกว่าความมืดในค่ำคืน
เพราะแสงแดดไม่เคยส่องผ่านม่านกำมะหยี่สีเลือดที่ถูกปิดตลอดเวลา
ภายในมีเพียงเงา และเสียงเดินของทหารที่เดินตรวจตราแบบไร้ชีวิต
และเธอ — ผู้เป็นเจ้าของเงานั้นทั้งหมด — ยังคงนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวเดิม โต๊ะตัวเดิม ถ้วยไวน์แก้วเดิม
แต่แววตา…เปลี่ยนไปนิดหนึ่ง
นิดเดียว…แต่ผมเห็น
“อีเรน”
เสียงเธอเรียกชื่อผมโดยไม่เหลียวมอง
“ข้าอยากให้เจ้าทำบางอย่าง”
ผมลุกขึ้นจากมุมห้องเงียบ ๆ เดินเข้าไปใกล้
เธอโยนของบางอย่างลงบนโต๊ะ
มันคือมีดสั้นด้ามหรู ทำจากโลหะเงินแกะลายวิจิตร
“ใช้มัน”
“ใช้กับอะไรครับ?”
“กับข้า”
ผมขมวดคิ้วทันที
แต่เธอยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเดิม
“ข้ารู้ว่าเจ้าสงสัยในแผลเป็นที่มือข้า… อยากรู้ใช่ไหม ว่าข้าได้มันมายังไง”
ผมไม่ตอบ แต่จ้องเธอแน่นิ่ง
“ข้าเคยถูกคนที่ไว้ใจที่สุดทรยศ… และมันทิ้งรอยไว้ที่นี่”
เธอยื่นมือซ้ายให้ เห็นแผลยาวจากฝ่ามือไปถึงข้อมือ
“ข้าอยากรู้… ถ้าข้าให้โอกาสเจ้า เจ้าจะทำแบบเดียวกันหรือไม่”
ผมมองมีดในมือ
แล้วเงยหน้าขึ้น
“ถ้าผมทำ มันจะเปลี่ยนอะไร?”
“มันจะบอกข้าว่า… เจ้าไม่ได้ต่างจากคนอื่น”
ผมถอนหายใจเบา ๆ
แล้ว—วางมีดลงบนโต๊ะ
“ผมไม่สนว่าเหมือนใครหรือไม่เหมือนใคร”
“หือ?” เธอขมวดคิ้ว
“แต่ผมไม่ใช้มีดกับคนที่เคยร้องไห้ต่อหน้าผม แม้จะร้องเบาจนแทบไม่ได้ยินก็ตาม”
เธอชะงัก
ดวงตาแดงเข้มสั่นไหวราวกับพื้นโลกเพิ่งแตกร้าว
“…ข้าไม่ได้ร้อง”
เสียงของเธอเบาลง เหมือนเด็กที่ไม่อยากยอมรับความกลัว
“ถ้าไม่ได้ร้อง…ก็แล้วไป” ผมพูดเบา ๆ “แต่ผมจะไม่แทงคนที่ฉลาดพอจะเจ็บ และกล้าพอจะยอมให้ใครเห็นมัน”
เธอหันหน้าหนี แต่ไม่พูดอะไรอีก
มือเธอจับถ้วยไวน์แน่นขึ้น จนข้อขาวเผือด
ในความเงียบชั่วขณะนั้น ผมเดินเข้าไปยืนข้างเก้าอี้ของเธอ
แล้วเอ่ยเสียงเบา แต่มั่นคง
“คุณรู้ไหม… ว่ามีดน่ะ มันไม่ใช่สิ่งที่คนกลัว”
เธอเงยหน้าขึ้นอย่างช้า ๆ
สบตาผมอีกครั้ง
“สิ่งที่น่ากลัวกว่า คือ ‘คนที่ยอมให้เราเห็นจุดอ่อนของเขา’ แล้วเรา…กลับทำร้ายเขาในจุดนั้น”
“…”
“ผมคิดว่าคุณไม่ได้กลัวการถูกหักหลัง”
“คุณแค่กลัวว่าคุณจะเชื่อผิดอีกครั้งต่างหาก”
เธอลุกขึ้นทันที
แรงกว่าที่ผมคาด
มือเธอกระชากคอเสื้อผม ดึงเข้ามาใกล้จนลมหายใจร้อน ๆ ชนแก้ม
“เจ้าอย่าคิดว่าเข้าใจข้า”
“ผมไม่ได้เข้าใจคุณ”
ผมพูดเบา ๆ แต่ไม่เบือนหน้า
“แต่ผมก็ไม่กลัวคุณเหมือนเดิม”
เธอจ้องหน้าผมนิ่ง…นิ่งนานจนรู้สึกว่าโลกหยุดหมุน
จากนั้นเธอก็คลายมือ และผลักผมเบา ๆ
ไม่ใช่ด้วยความโกรธ
แต่เหมือนผลักเพราะไม่อยากให้ผม… “อยู่ใกล้เกินไป”
—
วันนั้น เธอไม่พูดกับผมอีกเลย
แต่ก็ไม่ไล่ผมออกจากห้อง
ไม่ส่งไปเรือนทาส
ไม่แม้แต่จะสบตา
และในคืนนั้น
เธอพูดขึ้นขณะผมกำลังจะหลับลงบนพื้นข้างเตียงเช่นทุกคืน
เสียงเบา…เหมือนกลัวผนังจะได้ยิน
“เจ้าคือคนแรก…ที่กล้าพูดคำว่า ‘เจ็บ’ กับข้า โดยไม่กลัวคำตอบ”
ผมไม่ได้ตอบ
แค่ยิ้มให้เงาสีดำที่ทอดยาวบนเพดานห้อง
และคิดในใจว่า…
“นางร้ายไร้หัวใจ… ก็มีแผลเหมือนกัน”