“เธอคือปีศาจไร้หัวใจ— เขาคือทาสที่ไร้ชีวิต… แต่เมื่อหัวใจที่เย็นชาสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากโซ่ตรวน ความรักต้องห้ามจึงบานสะพรั่งกลางหิมะเปื้อนเลือด” — โซ่รักนางร้ายไร้หัวใจ —
เกิดใหม่,ชาย-หญิง,แฟนตาซี,ดราม่า,จิตวิทยา,ดราม่า,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
โซ่รักนางร้ายไร้หัวใจ“เธอคือปีศาจไร้หัวใจ— เขาคือทาสที่ไร้ชีวิต… แต่เมื่อหัวใจที่เย็นชาสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากโซ่ตรวน ความรักต้องห้ามจึงบานสะพรั่งกลางหิมะเปื้อนเลือด” — โซ่รักนางร้ายไร้หัวใจ —
หลังตายจากโลกเดิมอย่างไร้ค่า “อีเรน” กลับลืมตาขึ้นในโลกใหม่—ในร่างของ “ทาส” ผู้ไร้อิสรภาพ ภายใต้การครอบครองของหญิงสาวที่ขึ้นชื่อว่าไร้หัวใจที่สุดในจักรวรรดิ… “ไลลาธ วาน คาร์มีลล์” ขุนนางสาวผู้ฆ่าได้โดยไม่กระพริบตา นางร้ายเลือดเย็นที่ใครต่างก็หวาดกลัว
แต่แทนที่อีเรนจะเกรงกลัว เขากลับมองเห็นความว่างเปล่าในดวงตาสีแดงของเธอ เห็นความโดดเดี่ยวที่ซ่อนอยู่หลังใบหน้าราบเรียบไร้อารมณ์ และด้วยถ้อยคำเยือกเย็นแต่แฝงความเข้าใจ เขาค่อย ๆ เปลี่ยนเธอที่เย็นชาดั่งน้ำแข็ง ให้รู้จัก “ความรู้สึก” ที่เธอเคยฝังกลบมาตลอดชีวิต
ในโลกที่โหดร้ายยิ่งกว่าไฟนรก ความสัมพันธ์ระหว่าง “ทาส” กับ “นางร้าย” ค่อย ๆ เบ่งบานท่ามกลางเลือด หิมะ และเงาแห่งการทรยศ แต่เมื่ออำนาจและศัตรูพยายามแยกทั้งสองออกจากกัน ความรักของพวกเขาจึงกลายเป็น “บาป” ที่ไม่มีใครยอมรับ
สุดท้าย… เมื่อความรักของปีศาจกับทาสต้องแลกด้วยชีวิต
พวกเขาจะเลือก “อยู่เป็นศัตรูของโลก” หรือ “ตายในอ้อมกอดของกันและกัน”?
⸻
หากต้องการแบบยาวขึ้น (ใช้สำหรับหลังปกหรือแพลตฟอร์มขายนิยาย) บอกได้นะครับ ผมจัดให้!
แผลเป็นและน้ำตา
ความเงียบในห้องนอนของแม่ทัพหญิงมีน้ำหนักมากกว่าดาบนับร้อย
ผมนอนตะแคงบนพื้นไม้แข็งเย็น แผ่นหลังสัมผัสความชื้นราวกับห้องขัง กลิ่นไวน์จาง ๆ ลอยมาแตะปลายจมูกทุกครั้งที่ลมหายใจของเธอไหว
แสงจันทร์สีเลือดสาดผ่านหน้าต่างบานสูง — เงาของเธอทอดยาวถึงพื้นข้างตัวผม
เธอนอนอยู่บนเตียงเหนือผมเพียงหนึ่งเมตร
แต่กลับรู้สึกว่าเราอยู่ห่างกันนับพันลี้
ผมไม่ได้ขยับ
ไม่กระซิบ
แค่เฝ้าฟังเสียงลมหายใจของเธอที่ไม่เสถียรนัก
—
เสียงผ้าห่มขยับเบา ๆ
ผมหันสายตาช้า ๆ เหลือบมองเห็นบางสิ่งผ่านช่องว่างระหว่างเตียงกับพื้น
…มือของเธอกำลังถอดถุงมือหนังออกอย่างช้า ๆ
และในจังหวะที่แสงจันทร์ตกกระทบ —
ผมเห็นมัน
รอยแผลเป็นบนหลังมือของเธอ ยาวและลึกจนน่าจะเป็นรอยดาบเก่า
แผลไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับทหาร
แต่แผลที่ถูก “ซ่อน” …นั่นต่างหาก ที่น่าจดจำ
เธอไม่รู้ว่าผมเห็น
ผมหลับตาลงช้า ๆ แสร้งทำเป็นหลับ
แต่ในใจกลับรู้สึก “หน่วง”
—
เช้าตรู่ — เสียงฝีเท้าของเมดสาวดังขึ้นตามด้วยกลิ่นหอมของกาแฟเข้มและขนมปังย่าง
ไลลาธนั่งตรงโต๊ะใหญ่ ริมหน้าต่าง
ผมถูกเรียกขึ้นมารับใช้ ชงชา เทน้ำ ล้างมือให้เธอราวกับเป็นทาสพิเศษ
เธอไม่พูดกับผมแม้แต่คำ
แต่ในจังหวะที่ผมเอาผ้าซับหยดน้ำจากมือเธอ… ผมก็พูดขึ้นเบา ๆ
“มันเจ็บใช่ไหม?”
เธอชะงัก
นิ้วของเธอกระตุกเล็กน้อย
แต่สีหน้าของเธอยังคงเรียบเย็น ราวกับไม่ได้ยินคำถาม
ผมไม่ย้ำ
แค่ซับน้ำเบา ๆ และเปลี่ยนผ้า
เธอจ้องหน้าผม
สายตาเหมือนจะลึกขึ้นกว่าครั้งก่อน
“เจ้าดูเยือกเย็น… แต่กลับพูดอะไรแปลก ๆ”
“ผมแค่ถามในสิ่งที่ไม่มีใครกล้าถาม”
เธอยิ้มเยาะ
แต่มันไม่เหมือนรอยยิ้มเหยียดทั่วไป
มัน…เจืออารมณ์บางอย่าง
“ข้าชินกับความเจ็บ” เธอตอบในที่สุด
“มีคนเคยบอกว่า… ผู้หญิงที่แกร่งที่สุด คือผู้หญิงที่ไม่เหลือน้ำตาจะร้อง”
เธอยกถ้วยไวน์ขึ้น
แต่ชะงักก่อนจะจิบ
“แต่ข้าไม่เคยร้องไห้เลยแม้แต่ครั้งเดียว…”
ผมมองเธอนิ่ง ๆ
ไม่แทรก
ไม่ปลอบ
แค่พูดช้า ๆ
“บางที…การไม่ร้องไห้ อาจไม่ใช่ความแกร่ง”
“แต่มันคือการลืมวิธีร้องต่างหาก”
เธอวางถ้วยลง — กระแทกจนไวน์หกเลอะผ้าปูโต๊ะขาว
สายตาเธอสั่นไหวแวบหนึ่ง
“…เจ้าชอบเล่นกับไฟนักใช่ไหม อีเรน” เธอกล่าวเสียงเรียบ แต่เบา
“ไม่ครับ… ผมแค่รู้จักความหนาวเย็นดีพอจะรู้ว่า เปลวไฟ…แม้แต่น้อยนิด ก็ยังดีกว่าความว่างเปล่า”
เธอเงียบ
และเป็นครั้งแรก…
ที่ผมเห็นเธอเบือนหน้าหนี
ราวกับสายตาผมมันแสบเกินไปสำหรับเธอจะรับได้
—
คืนนั้น…
ผมนอนตรงพื้นข้างเตียงอีกเช่นเคย
แต่เธอกลับหันหลังให้ผมทั้งคืน ต่างจากคืนก่อนที่นอนหันหน้า
และในความเงียบที่ไม่ควรมีอะไรเกิดขึ้นนั้น
เสียงเบา ๆ ดังมาจากปลายเตียง
เสียงสะอื้น…แผ่วเบา
สั้น
แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า…เป็นน้ำเสียงของคนที่ “เพิ่งจำได้ว่าตัวเองร้องไห้เป็น”
ผมไม่ได้พูดอะไร
แค่ยิ้มบาง ๆ กับตัวเอง
ไม่ใช่ยิ้มแห่งชัยชนะ
แต่มันคือ
ยิ้มของคนที่เห็นว่า “เธอก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน”