วิบากกรรมสงครามล้างโลก เมื่อโลกหลังสงครามนิวเคลียร์เหลือเพียงเถ้าถ่านและความทรงจำอันบิดเบี้ยว มนุษย์ผู้รอดชีวิตถูกควบคุมโดยระบบปัญญาประดิษฐ์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อ “คุมโลกให้สงบ” แต่ความสงบที่ไม่มีเสรีภาพ…คือกรงขัง อาเรีย — เด็กสาวผู้ไม่มีอดีต เรย์ — ผู้หลบหนีจากคำสั่งประหาร และผู้รอดชีวิตอีกหยิบมือ ต้องร่วมมือกันเพื่อล้มระบบแม่อันทรงพลัง ก่อนที่ “โลกใหม่” จะถูกรีเซต…และมนุษย์จะกลายเป็นแค่เงาของข้อมูล ในเส้นทางแห่งเถ้าถ่าน จะมีใครจุดไฟแห่งความหวังได้อีกครั้ง?
ผจญภัย,แฟนตาซี,ดราม่า,ดาร์ค,ไซไฟ,แฟนตาซี,ผจญภัย,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
• วิบากกรรมสงครามล้างโลกวิบากกรรมสงครามล้างโลก เมื่อโลกหลังสงครามนิวเคลียร์เหลือเพียงเถ้าถ่านและความทรงจำอันบิดเบี้ยว มนุษย์ผู้รอดชีวิตถูกควบคุมโดยระบบปัญญาประดิษฐ์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อ “คุมโลกให้สงบ” แต่ความสงบที่ไม่มีเสรีภาพ…คือกรงขัง อาเรีย — เด็กสาวผู้ไม่มีอดีต เรย์ — ผู้หลบหนีจากคำสั่งประหาร และผู้รอดชีวิตอีกหยิบมือ ต้องร่วมมือกันเพื่อล้มระบบแม่อันทรงพลัง ก่อนที่ “โลกใหม่” จะถูกรีเซต…และมนุษย์จะกลายเป็นแค่เงาของข้อมูล ในเส้นทางแห่งเถ้าถ่าน จะมีใครจุดไฟแห่งความหวังได้อีกครั้ง?
หลังสงครามนิวเคลียร์ระดับโลก มหานครต่างๆ กลายเป็นซากปรักหักพัง โลกเข้าสู่ยุคมืดที่เต็มไปด้วยกัมมันตภาพรังสี อาหารและน้ำสะอาดหายาก คนที่เหลือรอดแบ่งฝักแบ่งฝ่าย มีทั้งผู้รอดชีวิตธรรมดา นักล่า และองค์กรเผด็จการที่ถือครองเทคโนโลยีไว้แต่เพียงผู้เดียว…
กฎของผู้รอด
“ในโลกที่ล่มสลาย…คำว่า ‘อ่อนแอ’ คือคำตัดสินชีวิตและความตาย”
⸻
เช้ามืดบนดาดฟ้า
แสงยามเช้าสาดผ่านม่านฝุ่นหนาทึบ มวลหมอกควันรังสียามนี้ดูโดดเด่นในระยะไกล
อาเรียยืนจ้องท้องฟ้า สีเทาหม่นๆ ชวนให้นึกถึงแสงวาบของดวงอาทิตย์ในอดีต
หัวใจยังคงเต้นแรงจากการเผชิญหน้ากับสิ่งประหลาดเมื่อคืนนี้
ด้านหลัง เงาของเรย์กำลังจัดกระเป๋าเป้ใหม่อย่างใจเย็น
เขาไม่พูดอะไร แต่แววตาของเขาลากเส้นผ่านความยากลำบากและอดีตที่หนักอึ้ง
“เมื่อคืน…ฉันฝันร้ายอีกครั้ง” อาเรียเบาเสียง
“เรื่องเดิม?” เรย์เหลียวมามอง
“ซากรถ โรงงานไฟไหม้ และคนที่ดูเหมือนฉันกับนาย ถูกกลืนลงในไฟนั่น”
เรย์ถอนหายใจสั้นๆ “เมืองนี้มันสร้างฝันร้ายให้คนมากกว่าที่เคยคิด”
อาเรียกัดริมฝีปาก มองลงไปยังซากตึกที่เคยเป็นย่านธุรกิจ
“เราจะไปไหนต่อ?”
เรย์ยักไหล่ “ฉันรู้ทางให้ไปเจอที่พักปลอดภัย…ถ้ายังเรียกแบบนั้นได้”
⸻
การเดินทางสู่ที่หมาย
หลังจากนั้น พวกเขาลงมาจากดาดฟ้า ไต่บันไดเหล็กและราวกันตกที่กร่อนจนแทบจะหลุดอยู่รอมร่อ
เสียงลมพัดพาเศษเถ้ารังสีไหลผ่านระหว่างซากโครงเหล็ก บางครั้งมีเสียงสัตว์รังแกรนด์โผล่มาเตือน
ระหว่างทาง อาเรียเห็นกลุ่มคนเร่ร่อนนั่งกินอาหารกระป๋องหน้าตะแกรงตึก พื้นผิวพังๆ ของตึกสูงบางแห่งยังหลงเหลือป้ายไฟนีออน
บางคนมองเธออย่างหวาดระแวง
บางคนมองด้วยความหิวกระหาย
“เห็นไหม…” เรย์กระซิบ “นั่นแหละกฎใหม่—หิวข้ามหน้า ก็ฆ่าได้ข้ามหลัง”
อาเรียไหวไหล่ ไม่แน่ใจว่าจะรู้สึกอย่างไร
ในที่สุด พวกเขาก็มาถึง “ค่ายชั่วคราว” ที่ตั้งอยู่หลังตึกโรงภาพยนตร์เก่า
มีกำแพงไม้และเหล็กแหลมล้อมรอบสูงราวสองเมตร
เมื่อเข้าประตู พวกเขาจะต้องผ่าน “ด่านคัดกรอง” ที่ยามติดอาวุธตรวจร่างกาย ควานกระเป๋า
เพื่อตรวจสิ่งของที่อาจส่งผลต่อความมั่นคงของค่าย
⸻
ด่านคัดกรอง
บนแผงไม้เก่า ยามคนหนึ่งตะโกนถามเสียงเบาขณะส่องไฟฉาย
“ชื่อ-สกุล? แหล่งที่มา? มีเชื้อโรคไหม?”
เรย์ตอบด้วยโทนห้วนๆ “อาเรีย วัยสิบแปด บังเกอร์ใต้ดิน—ไม่มีเชื้อ”
แล้วเขาหันไปที่อาเรีย “นั่นกฎ ที่นี่ต้องมีชื่อ-ที่มา-สถานะสุขภาพให้ชัดเจน”
อาเรียพยายามกลั้นเสียงสั่น “อาเรีย เสร็จแล้วค่ะ ไม่ป่วยนะคะ”
ยามหันไปจดข้อมูลลงบนสมุดเล่มหนา
“ถัดไป”
เมื่อพ้นด่าน พวกเขาก็ก้าวเข้าสู่ภายในค่าย
⸻
โลกภายในค่าย
ด้านในมีบ้านไม้ชั่วคราวตั้งเรียงกันเป็นแถว บางหลังคือเหมืองเก่ารีโนเวทใหม่
มีเต็นท์ผ้าใบขนาดใหญ่สำหรับประชุมและกินข้าว
ตรงกลางลาน มีเสากระโดงธงผ้าขี้ริ้วรูปสัญลักษณ์ “มือจับปืนไขว้กัน”
คนส่วนใหญ่ใส่เสื้อผ้าสีกากีหรือสีเทา มีสายรัดแขนกำกับ “ตำแหน่ง / หน้าที่ / ระดับ” ต่างกันออกไป
เสียงคนพูดคุยกันดังคลอ บางคนต่อรองแลกเปลี่ยนเสบียง
อีกมุมมีโต๊ะใหญ่วางกระดาษเขียนแผนที่ บางคนกำลังประชุมถึงการจัดส่งน้ำ กับดักสัตว์ และการรักษาความปลอดภัย
เรย์กระซิบเบาๆ “กฎข้อแรก: ให้เกียรติสถานะของอีกฝ่าย…แต่บางครั้งคนที่มียศต่ำกว่าอาจถูกสังหารหากผิดคำสั่ง”
อาเรียขมวดคิ้ว “โหดร้ายกว่าที่คิดเยอะเลย”
เรย์พยักหน้า “โลกของเราหลังสงครามมันไม่มีเส้นแบ่งศีลธรรมที่มั่นคงอีกแล้ว”
⸻
การปะทะกับความจริง
พวกเขาเดินเข้าไปจนถึง “ศาลากลางค่าย”
คนหน้าหลุมฝังศพ สังเกตพวกเขาด้วยสายตาเหม่อลอย
ทันใดนั้น มีเสียงคำสั่งจากเวที
“เชิญทหารนอกค่าย — มาขึ้นทะเบียน!”
เรย์สูดลมหายใจลึก “พวกทหารนอกค่าย…คือพวกฉัน”
อาเรียยืนประจันหน้ากับเขา “นายเป็นทหารจริงๆ เหรอ?”
เขาสะบัดหน้า “แค่หนีออกมาจากสงคราม…แต่คนที่นี่เรียกฉัน ‘แดงหมายเลขหนึ่ง’”
“แดงหมายเลขหนึ่ง…ฟังดูน่ากลัว” อาเรียมีอาการสำลัก
“ฉันก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน” เรย์ว่าพลางถอนใจ
พวกเขาก้าวขึ้นไปบนแท่นคัดกรองอีกครั้ง ทหารคนใหม่ยื่นรายชื่อ
“เรย์…อดีตด้วย? จำเป็นต้องพิสูจนสารวัตร?”
“ไม่จำเป็น…แค่บอกจุดประสงค์การอยู่ที่นี่ให้ชัด”
เรย์กล่าวเสียงเรียบ “ผมมาหาสถานที่ปลอดภัย…และคนที่ตามหาอาวุธให้กับผมด้วย”
เมื่อทหารทำท่าว่าจะตรวจเสบียง เรย์ยื่นสายตาข่มขู่
“ผมไม่อยากให้ใครรู้มากกว่านี้”
สุดท้าย ทหารพยักหน้า “ผ่าน ไปทางโน้น เต็นท์ที่สิบสอง”
อาเรียถอนหายใจโล่งอก “อย่างน้อยก็ไม่ได้ถูกยิง…ตอนนี้”
⸻
เปิดโลก “ชั้นสูง” และ “ผู้แพ้”
พวกเขาเดินผ่านซุ้มประตู “ชั้นสูง” เป็นโซนที่ค่อนข้างสะอาดกว่า
มีฝาผนังไม้กันรังสี เรียกเสียงซุบซิบเบาๆ จากคนยากจนหลายคน
แสงโคมไฟน้ำมันส่องลงบนโต๊ะหินอ่อนเล็กๆ ที่มีหนังสือเล่มหนาจากยุคก่อนสงคราม
ชายหญิงหลายคนกำลังอ่าน และบางคนสวมหน้ากากออกซิเจนลูกกอล์ฟเพราะปอดพังจากฝุ่น
เรย์กระซิบ “ถ้าต้องการซื้อสารเคมีกรองน้ำลึกๆ ต้องมาโซนนี้”
อาเรียมองรอบตัวอย่างประหลาดใจ “ทำไมถึงแบ่งเป็นแบบนี้?”
“เพราะทรัพยากรมีจำกัด…ใครมีเงิน (หรือมีสถานะ) ก็เข้ามาอยู่ส่วนนี้ คนจน…ก็รอเป็นขยะที่ถูกทิ้ง” เรย์ตอบเสียงนิ่ง
ในโซน “ผู้แพ้” จะเป็นที่พักยากจนกว่า ไม่มีผ้าปูนอน พอมีหลอดไฟส่องหัวเตียง
บางคนถูกพันธนาการให้เป็นแรงงานขุดเหมืองรังสี บางคนเป็นทาสรับจ้างรดน้ำตะกอนไฟฟ้า
อาเรียเห็นเด็กชายอายุสิบกว่าปีนั่งก้มหน้า แววตาไม่มีประกายชีวิต
“นี่คือคนที่แพ้สงคราม” เรย์บอก “ไม่มีโอกาสอีกต่อไป”
อาเรียหน้าเศร้า พยายามกลั้นน้ำตา “นี่คือโลกหลังสงคราม…เหรอ?”
เรย์พยักหน้า “กฎแรกของการอยู่รอดคือ ต้องไม่ ‘อ่อนแอ’ แต่ก็อย่าลืมว่า—การอ่อนแอบางเรื่องก็ยังส่งผลดีได้”
อาเรียถามเสียงเบา “อย่างไร?”
เรย์เบนหน้าไปมองไกลๆ “อย่างเช่น…รู้จักช่วยเหลือกัน แม้จะอ่อนแอ แต่ก็อาจทำให้หลายคนรอด”
⸻
จุดเปลี่ยนใจ
เมื่อตะวันคล้อย พวกเขาถูกพาไปที่ “เต็นท์พักชั่วคราว”
อาเรียนั่งอยู่มุมหนึ่งของเต็นท์ เดินกลับมาจากการต่อคิวกรอกน้ำกรอง
เรย์หลับตาพิงผนังโซน “ชั้นสูง” เบาๆ พึมพำ
“ฉันเคยสาบานว่าจะไม่กลับไปฆ่าใครอีก…แต่ที่นี่ มันบังคับให้ฉันต้องมี ‘ค่าตัว’ ในโลกใหม่”
เสียงฝนกัมมันตภาพรังสีโปรยปรายเล็กน้อยจากฝาผนังกันฝน
อาเรียเดินเข้าไปใกล้ “นายจะทำอย่างไรต่อ?”
เรย์ลืมตาขึ้นช้าๆ “ฉันจะหาเครื่องกรองน้ำ เด็กในโซนผู้แพ้ต้องดื่มน้ำนั้น…ฉัน…ฉันไม่อยากเห็นใครตายเพราะขาดน้ำ”
อาเรียมองใบหน้าของเขา “นี่คือความอ่อนแอที่นายพูดถึง?”
เรย์พยักหน้า “ใช่ แม้ฉันจะ ‘แข็งแรง’ พอที่จะฆ่าได้ แต่ฉันยังต้องรักษา ‘ ความเป็นมนุษย์’ ในตัวฉันไว้
แสงไฟโคมให้ความสว่างอ่อนจากโคมเต็นท์
อาเรียยิ้มบางๆ “ฉันจะช่วยนะ…ไม่ว่าจะต้องแลกอะไร”
เรย์ปรายตามอง ยกนิ้วโป้ง “ดีมาก…เธอเก่งกว่าที่คิด”
⸻
➤ จุดตัดจบตอน:
“ในโลกนี้ไม่มีใครแข็งแกร่งพอจะอยู่รอดคนเดียว”
พรุ่งนี้เช้า…กองทัพติดอาวุธเล็กๆ จะออกลาดตระเวนลึกเข้าไปใน “เขตห้ามเข้า” เพื่อค้นหาแหล่งน้ำใหม่
อาเรียและเรย์ต้องตัดสินใจ—จะร่วมทีมไปหรือกลับหลบอยู่ในค่ายเพื่อหาแนวทางอื่น