วิบากกรรมสงครามล้างโลก เมื่อโลกหลังสงครามนิวเคลียร์เหลือเพียงเถ้าถ่านและความทรงจำอันบิดเบี้ยว มนุษย์ผู้รอดชีวิตถูกควบคุมโดยระบบปัญญาประดิษฐ์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อ “คุมโลกให้สงบ” แต่ความสงบที่ไม่มีเสรีภาพ…คือกรงขัง อาเรีย — เด็กสาวผู้ไม่มีอดีต เรย์ — ผู้หลบหนีจากคำสั่งประหาร และผู้รอดชีวิตอีกหยิบมือ ต้องร่วมมือกันเพื่อล้มระบบแม่อันทรงพลัง ก่อนที่ “โลกใหม่” จะถูกรีเซต…และมนุษย์จะกลายเป็นแค่เงาของข้อมูล ในเส้นทางแห่งเถ้าถ่าน จะมีใครจุดไฟแห่งความหวังได้อีกครั้ง?
ผจญภัย,แฟนตาซี,ดราม่า,ดาร์ค,ไซไฟ,แฟนตาซี,ผจญภัย,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
• วิบากกรรมสงครามล้างโลกวิบากกรรมสงครามล้างโลก เมื่อโลกหลังสงครามนิวเคลียร์เหลือเพียงเถ้าถ่านและความทรงจำอันบิดเบี้ยว มนุษย์ผู้รอดชีวิตถูกควบคุมโดยระบบปัญญาประดิษฐ์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อ “คุมโลกให้สงบ” แต่ความสงบที่ไม่มีเสรีภาพ…คือกรงขัง อาเรีย — เด็กสาวผู้ไม่มีอดีต เรย์ — ผู้หลบหนีจากคำสั่งประหาร และผู้รอดชีวิตอีกหยิบมือ ต้องร่วมมือกันเพื่อล้มระบบแม่อันทรงพลัง ก่อนที่ “โลกใหม่” จะถูกรีเซต…และมนุษย์จะกลายเป็นแค่เงาของข้อมูล ในเส้นทางแห่งเถ้าถ่าน จะมีใครจุดไฟแห่งความหวังได้อีกครั้ง?
หลังสงครามนิวเคลียร์ระดับโลก มหานครต่างๆ กลายเป็นซากปรักหักพัง โลกเข้าสู่ยุคมืดที่เต็มไปด้วยกัมมันตภาพรังสี อาหารและน้ำสะอาดหายาก คนที่เหลือรอดแบ่งฝักแบ่งฝ่าย มีทั้งผู้รอดชีวิตธรรมดา นักล่า และองค์กรเผด็จการที่ถือครองเทคโนโลยีไว้แต่เพียงผู้เดียว…
“โลกเคยสว่างไสวด้วยแสงอาทิตย์…ตอนนี้มันเรืองแสงด้วยเถ้าถ่าน”
เสียงไซเรนสุดท้ายดับลงไปเมื่อเจ็ดปีก่อน
อาเรียไม่รู้ว่าโลกภายนอกเป็นอย่างไร—มีเพียงบังเกอร์โลหะเย็นเฉียบกับไฟกระพริบแดงที่เตือนว่าออกซิเจนกำลังลดลง
เธออยู่กับระบบอัตโนมัติมาตลอด ไม่มีพ่อแม่ ไม่มีคำอธิบาย
มีแค่เสียงผู้หญิงสังเคราะห์จากเครื่อง AI ที่คอยพูดซ้ำๆ ว่า:
“อยู่นิ่งไว้ ห้ามเปิดประตู จนกว่าจะมีคำสั่งปลดล็อกจากภายนอก”
แต่ตอนนี้…มันพูดว่า:
“ระบบขัดข้อง ประตูปลดล็อกอัตโนมัติใน 00:03:59”
อาเรียมองจอแสดงผลนิ่งๆ ก่อนจะกัดฟันกรอด เธอพึมพำกับตัวเอง
“แบบนี้ไม่แฟร์เลย…ฉันยังไม่พร้อม…”
เธอคว้ากระเป๋าผ้าใบเก่าๆ ข้างเตียง บรรจุน้ำกระป๋องสุดท้ายและมีดพับสนิมเขรอะ
ในใจมีแต่คำถาม—โลกภายนอกยังมีอยู่ไหม?
หรือเธอคือคนสุดท้าย?
ประตูเหล็กหนาเปิดออกพร้อมเสียงอื้ออึง ก๊าซภายในไหลออกมาพ่นลมหายใจครั้งสุดท้าย
อาเรียก้าวออกไป—ตาแทบมองไม่เห็นเพราะแสงจากดวงอาทิตย์ที่ลอดผ่านม่านฝุ่นในอากาศ
สิ่งแรกที่เธอเห็นคือซากอาคารที่ถูกละลายจากความร้อนระดับนรก ราวกับภูเขาน้ำแข็งที่โดนลาวา
ต้นไม้แห้งตายเป็นเถา โครงกระดูกปริศนาวางทับกันเป็นชั้นๆ
ทุกอย่างเงียบ…เงียบเกินไป
แครก!
เสียงอะไรบางอย่างเหยียบเศษกระจก
อาเรียหันขวับ คว้ามีดพับขึ้นมาตั้งท่า
ชายร่างสูงผิวไหม้แดดยืนอยู่ เขาสวมหน้ากากกรองอากาศครึ่งหน้า สวมเสื้อเกราะผ้าเก่าๆ ที่เคยเป็นเครื่องแบบทหาร
เขาไม่พูดอะไร เพียงเดินตรงมาหาเธอช้าๆ ก่อนจะหยุด
มือซ้ายเขาโยนขวดน้ำมาทางเธอ
“ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่…อย่าอยู่ตรงนี้นาน”
เสียงของเขาห้าวต่ำ แต่ไม่ใช่เสียงขู่
อาเรียจ้องเขาอย่างระแวง
“คุณเป็นใคร?”
“คนแปลกหน้า…ที่ยังมีน้ำเหลืออยู่”
“ทำไมถึงช่วยฉัน?”
“เพราะฉันยังไม่เบื่อจะเห็นคนรอดตาย”
“…”
เธอลังเล ก่อนจะคว้าน้ำมาดื่มอย่างตะกละจนสำลัก
น้ำกลิ่นคลอรีนจางๆ—ไม่อร่อย แต่คือสิ่งมีค่า
ชายคนนั้นหันหลังเดินจากไปช้าๆ ราวกับเชื่อว่าเธอจะตามมาเอง
และเขาคิดถูก…
“เดี๋ยวสิ…แล้วฉันจะไปที่ไหน?”
“ที่ไหนก็ได้…ที่ไม่มีรังสี กับคนที่ยิงก่อนถาม”
อาเรียก้าวตามเขาไป ท่ามกลางเถ้าถ่านที่ปลิวว่อนในอากาศ
ดวงตาเธอเต็มไปด้วยคำถาม แต่ลึกๆ ก็มีบางอย่างมากกว่านั้น—ความหวังเล็กๆ ว่า เธอจะไม่ต้องเดินโลกนี้คนเดียวอีกต่อไป ุ