เมื่อหญิงสาวผู้สิ้นหวังตกสู่รังของสัตว์ในตำนาน  “นก” กลับได้พบว่าการสิ้นสุดอาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้น  แสงสว่างในชีวิตที่เธอเคยคิดว่าสูญสิ้นไปแล้ว  ยังคงรอให้เธอสัมผัสมันได้ อีกครั้ง [อัพทุกจันทร์]

นกแสงดาว : เปลวไฟแห่งชีวิต - บทที่ 3 มังกรสายฟ้า โดย นภิสดารา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,จิตวิทยา,โรคซึมเศร้า,สัตว์วิเศษ,เยียวยาจิตใจ,มังกร,ฟีนิกซ์,ความหวัง,มิตรภาพ,ฮีลใจ,ต่างโลก,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

นกแสงดาว : เปลวไฟแห่งชีวิต

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,จิตวิทยา

แท็คที่เกี่ยวข้อง

โรคซึมเศร้า,สัตว์วิเศษ,เยียวยาจิตใจ,มังกร,ฟีนิกซ์,ความหวัง,มิตรภาพ,ฮีลใจ,ต่างโลก,แฟนตาซี

รายละเอียด

นกแสงดาว : เปลวไฟแห่งชีวิต โดย นภิสดารา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เมื่อหญิงสาวผู้สิ้นหวังตกสู่รังของสัตว์ในตำนาน  “นก” กลับได้พบว่าการสิ้นสุดอาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้น  แสงสว่างในชีวิตที่เธอเคยคิดว่าสูญสิ้นไปแล้ว  ยังคงรอให้เธอสัมผัสมันได้ อีกครั้ง [อัพทุกจันทร์]

ผู้แต่ง

นภิสดารา

เรื่องย่อ

ในวันที่หมดแรงจะก้าวเดินต่อ “นก” นักศึกษาปริญญาโทด้านสัตววิทยาวัย 25 ปี เลือกจบชีวิตตนลงบนยอดเขาเขียว แต่แทนที่จะดับสูญ นกกลับลืมตาขึ้นในรังของสิ่งมีชีวิตในตำนาน ท่ามกลางท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว


ที่นี่ นกได้รับข้อเสนอให้กลายเป็นคู่พันธะสัญญาของฟีนิกซ์ดวงดาว สัตว์ในตำนานที่มีพลังแห่งความหวัง และแม้ตัวนกจะรู้สึกไร้ค่าเกินกว่าจะช่วยใครได้อีก แต่การเดินทางครั้งใหม่นี้ กลับค่อย ๆ เยียวยาหัวใจที่แตกร้าว


ในโลกที่พลังเวทแห่งธาตุทั้งห้าหล่อเลี้ยงสมดุลชีวิต นกค่อย ๆ เรียนรู้ว่า นกไม่จำเป็นต้องมีพลังที่ยิ่งใหญ่ ก็มีค่าควรแก่การมีชีวิตอยู่


เพราะบางครั้ง แสงแห่งความหวัง อาจเริ่มต้นจากใจที่เคยมืดมน


สารบัญ

นกแสงดาว : เปลวไฟแห่งชีวิต-บทนำ แสงสุดท้าย,นกแสงดาว : เปลวไฟแห่งชีวิต-บทที่ 1 รัตติกาลนิรันดร์,นกแสงดาว : เปลวไฟแห่งชีวิต-บทที่ 2 ฟีนิกซ์ดวงดาว,นกแสงดาว : เปลวไฟแห่งชีวิต-บทที่ 3 มังกรสายฟ้า,นกแสงดาว : เปลวไฟแห่งชีวิต-บทที่ 4 อดีตในกองฟอน

เนื้อหา

บทที่ 3 มังกรสายฟ้า

บทที่ 3 : มังกรสายฟ้า 




นกพินิจพิจารณาผู้มาใหม่ด้วยความสนใจระคนแปลกใจ แน่นอนว่าในโลกเดิมของนกไม่มีทั้งฟีนิกซ์และมังกร ในฐานะนักสัตววิทยาที่มีอดีตอาจารย์ที่ปรึกษาเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องนกลำดับต้น ๆ ของโลก นกสนใจสัตว์ในกลุ่มนกมากเป็นพิเศษ เมื่อได้เจอกับนกฟีนิกซ์ นกในตำนานที่หน้าตาแทบจะเหมือนกับที่เคยจินตนาการไว้นั้น ทำให้นกตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก แม้ตอนนี้จะกลายเป็นลูกนก ก็ยังคงเป็นลูกนกที่สง่างามดังที่คิด แต่ผู้มาใหม่ตรงหน้าที่นกได้รับการบอกเล่าว่าเป็น มังกรสายฟ้า กลับให้ความรู้สึกต่างออกไป โอโลสไม่มีตรงไหนเหมือนมังกรแบบที่นกเคยคิดหรือเคยเห็นตามภาพวาดหรือภาพยนตร์ต่าง ๆ เลย โอโลสดูเหมือนลูกนกตัวจิ๋วสีเงินที่มีสองปีกสองขา เขายังมีเกล็ดปกคลุมร่างอย่างที่มังกรในความคิดนกควรจะมี แต่ก็แค่ส่วนอก ท้อง หลัง หาง และขา แต่ปีกที่นกคิดว่าควรจะเป็นแผ่นหนังเหมือนในหนัง และส่วนหัวที่ยาวกว่าหัวของเอสเตลเล็กน้อย กลับถูกแทนที่ด้วยขนอ่อนนุ่มสีเงิน เช่นเดียวกับขนสีทองของเอสเตล นกที่ศึกษาลูกนกมาไม่น้อยค่อนข้างจะมั่นใจเลยว่า เมื่อทั้งสองโตขึ้น ขนอุยอ่อนนุ่มเหล่านี้จะกลายเป็นขนนกแสนสวยแบบที่พานกลงมายังพื้นดิน มีเพียงสามสิ่งที่ทำให้เห็นว่าโอโลสต่างจากเอสเตล คือกรงเล็บที่หัวปีกทั้งสองข้าง เกล็ด และ ฟันซี่เล็ก ๆ คมกริบเรียงรายอยู่ในปากที่เอสเตลไม่มี ภาพที่เกือบเหมือนจะคุ้นเคยนี้ทำให้นกได้ข้อสรุปว่า มังกรสายฟ้า คือ ‘อาร์คีออปเทอริกซ์’ มีเกล็ดสีเงิน 


“พวกเจ้ามัวมานั่งทำอะไรกันอยู่ตรงนี้ ทำไมไม่ขึ้นไปบนบ้าน ตากน้ำค้างนาน ๆ เดี๋ยวจะไม่สบายนะ” เสียงนุ่มบ่นอย่างไม่จริงจังนัก ก่อนจะมองสำรวจเอสเตล กิลเรเนีย และ มาหยุดสายตาลงที่นก “ว่าแต่… เจ้าเป็นใคร”


“นก…” 


เมื่อเห็นว่านกไม่ยอมพูดต่อ เอสเตลจึงตอบแทน “นางเป็นมนุษย์จากมิติโลกมนุษย์ นางตกลงมาในรังของข้าก่อนที่ข้าจะตาย ข้าสัมผัสได้ถึงพลังแห่งความหวังอันแรงกล้าจากนาง ข้าเลยอยากจะทำพันธะสัญญากับนาง”


จบคำของเอสเตล ดวงตาสีนิลเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ มังกรสายฟ้าตัวจิ๋วพยายามจะโผบินขึ้นด้วยปีกที่มีแต่ขนอุยมาทางนก นกผงะถอยหลัง แต่เจ้าตัวจิ๋วสีเงินกลับร่วงลงไม่ห่างจากจุดเดิมมากนัก แล้วเปลี่ยนเป็นโดดดึ๋ง ๆ เข้ามาหานกแทน ดวงตาสีนิลคู่คมกวาดมองนกอีกครั้งตั้งแต่หัวจรดพื้น ก่อนจะเอ่ยคำพูดที่นกเห็นด้วยมากกว่าคำของเอสเตลเมื่อครู่


“เจ้าแน่ใจนะ ทำไมข้ารับรู้ได้เพียงความสิ้นหวังจากตัวนาง นี่จะเป็นการทำพันธะสัญญาครั้งแรกในชีวิตเจ้าเลยนะเอสเตล”


“นั่นสิเอสเตล นกไม่มีแม้กระทั่งความหวังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป ทำไมถึงบอกว่านกมีพลังแห่งความหวังมากมายอยู่ในตัวล่ะ”


“หากมิเคยสิ้นหวัง แล้วจักรู้ค่าของความหวังได้เยี่ยงไร” 


เอสเตลเดินมาเคียงข้างโอโลสตรงหน้านก “ความหวังอาจจะคล้ายกับความฝันตรงที่ใช้พลังใจในการขับเคลื่อน ความฝันมีพลังมากมายในการรังสรรค์สิ่งใหม่ ๆ อย่างที่เจ้าและอดีตคู่พันธะของเจ้าทำมาตลอดเวลานับหมื่นปี แต่ความฝันที่ยิ่งใหญ่จะสำเร็จได้ ก็ต่อเมื่อมีความหวังอันแรงกล้าคอยผลักดัน ความฝันของเจ้าและกิลเรเนีย ต้องการความหวังจากข้าและคู่พันธะ จึงจะสำเร็จได้ โอโลส” จะงอยปากสีทองสัมผัสจะงอยปากสีเงินเบา ๆ


“ข้ายอมรับว่าครานี้ ข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า เอสเตล แต่ข้ามิได้ต้องการให้เจ้าทำพันธะสัญญากับใครก็ตามที่เจ้าเจอเป็นคนแรกหลังเกิดใหม่เสียหน่อย” เสียงนุ่มอ่อนลง แต่ก็ยังแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยอย่างชัดเจน


“มังกรสายฟ้า โอโลส จ้าวแห่งความฝัน เจ้าหาได้เลือกกิลเรเนียเพียงเพราะเขามีพลังแห่งความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด มิใช่ฤา” ลูกนกสีทองเอ่ยยิ้ม ๆ “ข้าเอสเตล ฟีนิกซ์ดวงดาว จ้าวแห่งความหวัง ข้าย่อมมีเหตุผลของข้าเช่นกัน เชื่อใจข้าเถิด สหาย”


“เฮ้อ… ก็ได้ ข้าเชื่อใจเจ้า สหาย” 


ลูกนกสีทองโผเข้ากอดมังกรสายฟ้าตัวจิ๋ว ถ้านั่นจะเรียกว่ากอดได้ หน้าผากของทั้งสองสัมผัสกัน ปีกข้างหนึ่งโอบรอบคอของอีกฝ่าย ขณะที่ปีกอีกข้างโอบรอบส่วนที่นกคาดว่าจะเป็นเอว โอโลสกอดตอบเอสเตล “ในที่สุดเจ้าก็กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง โอโลส” เสียงใสเอ่ยพลางหลับตาลง “ข้ากลับมาแล้ว เอสเตล” ดวงตาสีนิลปิดลงเช่นกัน


นกหันไปมองหน้ากิลเรเนียที่กำลังมองทั้งสองอยู่ด้วยความดีใจ นกมองเห็นประกายแสงแห่งความหวังมากมายหลั่งไหลออกมาจากสายตาสีม่วงคู่นั้น นกยังคงไม่เข้าใจว่าตัวเองมาทำอะไรที่นี่ เอสเตลมองเห็นอะไรในตัวนกกันแน่ เกิดอะไรขึ้นเมื่อยี่สิบห้าปีก่อน แล้วนกจะช่วยพวกเขาได้อย่างไร


‘แล้ววันนึงเจ้าจะเข้าใจ’ 


เสียงใสดังขึ้นในหัวนก ดวงตาสีทองเปิดขึ้นสบตากับนก นกได้แต่พยักหน้าให้ แม้จะยังไม่เข้าใจมากนัก แต่นกก็เชื่อว่าเอสเตลคงมีเหตุผลของตัวเอง แล้วก็แอบหวังเล็ก ๆ ว่าเอสเตลจะคิดไม่ผิดที่เลือกนก เอสเตลละปีกออกจากโอโลส ทั้งคู่สบตากัน ประกายความเข้าใจฉายวาบขึ้นในดวงตาของโอโลส ทั้งคู่ยิ้มให้กันอีกครั้ง ถ้าลูกนกและมังกรสามารถยิ้มได้ ก็คงทำหน้าเช่นนี้


“ถึงเวลาที่เจ้าจะทำพันธะสัญญากับกิลได้แล้ว โอโลส”


“ข้าดีใจที่ได้เจอเจ้าอีกนะ โอโลส” 


ร่างหนาลุกพรวดขึ้นมาอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินชื่อตน จนนกผงะลุกตามไปด้วย มือใหญ่ช้อนตัวโอโลสไว้ในอุ้งมือทั้งสองข้าง มังกรสายฟ้าตัวจิ๋วถูกยกลอยขึ้นระดับอกของกิลเรเนีย ชายหนุ่มก้มหน้าลงให้หน้าผากสัมผัสกับโอโลสเบา ๆ เหมือนที่เอสเตลกับโอโลสทำก่อนหน้านี้ นกจึงคิดได้ว่านี่คงเป็นท่าทางทักทายกันของกิลเรเนียกับเหล่าเพื่อน ๆ สัตว์ของเขา นกนึกได้ว่าทิ้งลูกนกสีทองไว้ที่พื้น จึงก้มลงอุ้มเอสเตลขึ้นมาชูไว้ในระดับใบหน้าของตน ซึ่งยังคงต่ำกว่าระดับอกของกิลเรเนียอยู่ดี


“เจ้าเต็มใจจะทำพันธะสัญญากับข้า มังกรสายฟ้าโอโลส จ้าวแห่งความฝัน หรือไม่ กิลเรเนีย”


“เพื่อโลกที่ทุกเผ่าพันธุ์สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข ข้าเต็มใจ” 


“เพื่อโลกที่ทุกเผ่าพันธุ์สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข” เสียงนุ่มของโอโลสเอ่ย


แสงสีเงินสว่างวาบขึ้นในมือของกิลเรเนีย เป็นทรงกลมขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จนปกคลุมไปทั่วร่างของชายหนุ่ม แสงสีเงินพาดผ่านจากทั้งคู่ขึ้นไปสู่ท้องฟ้า เสมือนสายฟ้าฟาดกลับด้าน ก่อนจะหายวับไป