จากหญิงสาวชนชั้นรากหญ้าผู้เบื่อหน่ายโลก สู่การเป็นสัตว์เลี้ยงตัวโปรดของคุณหนูตัวร้ายในเกมโอโตเมะ

The Villain's Guardian — อสูรรับใช้ตัวโปรดของคุณหนูนางร้าย - CHAPTER 4 บทเรียนแรกของอสูรรับใช้ โดย Black Panda @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

หญิง-หญิง,แฟนตาซี,รัก,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

The Villain's Guardian — อสูรรับใช้ตัวโปรดของคุณหนูนางร้าย

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

หญิง-หญิง,แฟนตาซี,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

The Villain's Guardian — อสูรรับใช้ตัวโปรดของคุณหนูนางร้าย โดย Black Panda @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

จากหญิงสาวชนชั้นรากหญ้าผู้เบื่อหน่ายโลก สู่การเป็นสัตว์เลี้ยงตัวโปรดของคุณหนูตัวร้ายในเกมโอโตเมะ

ผู้แต่ง

Black Panda

เรื่องย่อ

ทาคาฮาชิ ไม หญิงสาวลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น ต้องจบชีวิตลงในวัยเพียง 21 ปีจากอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน ทว่าในช่วงเวลาที่สติของเธอใกล้ดับสิ้น วงเวทสีเขียวขนาดใหญ่กลับปรากฏขึ้นใต้ร่างที่เปียกชุ่มไปด้วยเลือด พาเธอหายลับไปยังสถานที่ที่ไม่อาจระบุได้

เธอลืมตาขึ้นในโลกที่ไม่คุ้นเคย รายล้อมด้วยผู้คนแปลกหน้า และเต็มไปด้วยพลังเหนือธรรมชาติที่เรียกว่า 'เวทมนตร์' แต่ของขวัญจากโชคชะตาย่อมมาพร้อมกับราคาที่ต้องจ่าย เพราะตั้งแต่นี้ไป เธอจะไม่ถูกจดจำในฐานะมนุษย์อีกต่อไป หากแต่เป็น 'อสูรรับใช้'

และหากความโชคดีนั้นแฝงไว้ด้วยโชคร้าย ก็ราวกับโชคร้ายยังซ้อนทับมาอีกชั้น เมื่อเจ้านายที่กุมพันธะสัญญาของเธอไว้ ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็น 'นางร้าย' จากเกมจีบหนุ่ม ที่เส้นทางชีวิตไม่ได้มุ่งไปสู่จุดจบแบบ Happy Ending!

 

 

นิยายเรื่องนี้เป็นงานเขียนที่ถูกแต่งขึ้น ชื่อ ตัวละคร และเหตุการณ์เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้น

 

สารบัญ

The Villain's Guardian — อสูรรับใช้ตัวโปรดของคุณหนูนางร้าย-CHAPTER 0 เกมเริ่มต้น,The Villain's Guardian — อสูรรับใช้ตัวโปรดของคุณหนูนางร้าย-CHAPTER 1 พันธสัญญาผิดคาด,The Villain's Guardian — อสูรรับใช้ตัวโปรดของคุณหนูนางร้าย-CHAPTER 2 สัญญาที่ไม่อยากผูกพัน,The Villain's Guardian — อสูรรับใช้ตัวโปรดของคุณหนูนางร้าย-CHAPTER 3 ในโลกที่ไม่ใช่ความฝัน,The Villain's Guardian — อสูรรับใช้ตัวโปรดของคุณหนูนางร้าย-CHAPTER 4 บทเรียนแรกของอสูรรับใช้

เนื้อหา

CHAPTER 4 บทเรียนแรกของอสูรรับใช้

นี่มันบ้าไปแล้ว!

ฉันทำได้เพียงกอบกุมมือทั้งสองข้างที่สั่นระริกของตัวเองแน่น พยายามปลอบใจซ้ำ ๆ ว่า... "มันจะไม่เป็นอะไร ทุกอย่างจะต้องไม่เป็นอะไร" แต่ถึงจะพูดแบบนั้น... มันก็ยังบ้าบอเกินจะรับไหวอยู่ดี!

นี่น่ะเหรอการทดสอบ…

ถ้ารู้ว่าการทดสอบจะหมายถึงอะไรแบบนี้ เมื่อเช้าฉันคงจะแกล้งป่วยหรือหนีไปซะให้รู้แล้วรู้รอด...

“วันนี้เธอต้องไปเข้าเรียนกับฉันด้วยนะ” เช้าวันนี้ก็เหมือนเช้าทุกวัน ที่ฉันต้องรีบตื่นแต่เช้าเพื่อจัดแจงเสื้อผ้า เตรียมหนังสือ และข้าวของจำเป็นให้เจ้านายจอมบงการ แต่สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือคำสั่งที่เพิ่งหลุดจากปากเธอเมื่อครู่นี่แหละ... คำสั่งที่ให้ฉันไปเข้าเรียนด้วย

ปกติแล้ว ที่ที่ฉันควรจะอยู่คือศูนย์ดูแลอสูรรับใช้ ไม่ใช่ในห้องเรียนของเหล่านักเรียนหัวกะทิของอาณาจักร

“ทำไมวันนี้ฉันถึงไปได้ล่ะ… ไม่ใช่ว่าอาคารเรียนไม่อนุญาตให้นำอสูรรับใช้เข้าไปเหรอ…” 

“งั้นก็จำไว้ให้ดี... ทุกวันแบบวันนี้ของสัปดาห์ ฉันมีเรียนวิชาควบคุมอสูรรับใช้ และเธอจะต้องเข้าร่วมกับฉันด้วย เข้าใจไหม...” 

“อืม… ฉันจะจำไว้ก็แล้วกัน”

“แล้วก็… อีกอย่าง วันนี้จะมีการทดสอบด้วย...” เธอเว้นจังหวะไปเล็กน้อยก่อนถอนหายใจเบา ๆ “เฮ้อ~ ช่างมันเถอะ”

“อะไรล่ะ... พูดแล้วก็พูดให้จบสิ”

 

“เฮ้อ~ เลิกทำตัวลุกลี้ลุกลนสักทีเถอะ ถ้ากลัวขนาดนั้น เดี๋ยวฉันลงไปสู้คนเดียวเองก็ได้” ฉันหันไปมองเด็กสาวผมสีเขียวลูกแพร์ที่มีสถานะเป็น ‘นางร้าย’ ของเกม เธอกล่าวอย่างมั่นใจจนแอบมีความหวังว่าสถานการณ์อาจจะไม่เลวร้ายเท่าไรนัก

แต่ความรู้สึกดี ๆ เหล่านั้นอยู่กับฉันได้เพียงชั่วครู่ ก่อนที่เธอจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “เพราะมีเธอหรือไม่มี มันก็ไม่เห็นจะต่างกันตรงไหน สู้คนเดียวยังจะดีซะกว่า” 

คำพูดนั้นเจ็บเหมือนมีอะไรทิ่มแทงเข้าที่อกเต็มแรง แต่แทนที่จะเถียงกลับไป ฉันกลับได้แต่ถามด้วยเสียงเบา

“งั้น… ฉันพอจะทำอะไรที่เป็นประโยชน์กับเธอได้บ้างล่ะ” เพราะในมุมของเซเลสเทียร์ เธอก็คงเป็นฝ่ายที่โชคร้ายไม่แพ้กัน แทนที่จะได้อสูรรับใช้สุดแกร่งแบบที่ใคร ๆ เขามีกัน กลับได้ฉัน... มนุษย์สาวยุคใหม่ที่ไม่มีแม้แต่พลังเวทพื้นฐานติดตัว

และเพราะแบบนั้น เพื่อที่เราจะเอาตัวรอดไปได้ด้วยกัน ฉันเองก็ควรหาวิธีการต่อสู้ในแบบของตัวเองให้เจอ แม้จะใช้เวทมนตร์ไม่ได้ แต่คนที่เติบโตมากับวงการกีฬาอย่างฉัน อย่างน้อยก็คงยังพอเตะต่อยหรือจับดาบได้บ้าง

“ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าเธอจะช่วยอะไรได้” เซเลสเทียร์ตอบโดยไม่หันมามอง “แต่อย่าเข้ามาเกะกะก็พอ หรือถ้าจะให้ดีกว่านั้น ช่วยล่ออสูรของอีกฝ่ายไว้ได้ก็คงจะเป็นประโยชน์ที่สุดแล้ว”

 

“คู่ต่อไป วีช่า คลาเอส และนักเรียนโควตาพิเศษ อลิซ เฮสตัน” เสียงของอาจารย์ดังก้องกังวานไปทั่วสนาม ขณะประกาศรายชื่อผู้เข้าสอบคู่ถัดไป และเพียงชั่วขณะหลังจากที่ชื่อของทั้งสองถูกเอ่ยออกมา สายตาทุกคู่ก็หันกลับมาจับจ้องยังเวทีกลางสนามอีกครั้ง พร้อมด้วยเสียงซุบซิบพูดคุยที่เริ่มดังขึ้นทั่วบริเวณ

“อาจารย์ก็เลือกคู่ประลองได้ดีเหมือนกันนะ ฮ่าฮ่า!”

“แอบโล่งใจขึ้นมาเลยแฮะ ตอนแรกก็กลัวเหมือนกันว่าจะได้เจอเลดี้อลิซเป็นคู่ต่อสู้ ไม่งั้นคงปวดหัวแย่”

“ก็แน่ล่ะสิ ทั้งเจ้าชาย ทั้งคุณชายธีออนยังตามให้ความสนใจกันขนาดนั้น ใครจะกล้าแตะ”

“แบบนี้ฉันคงต้องส่งเสียงเชียร์เลดี้วีช่าหน่อยแล้วล่ะ! เลดี้วีช่า! สู้ ๆ นะคะ!”

“เธอเสียงดังเกินไปแล้วนะ...”

“ก็ฉันมันหมั่นไส้ยายผู้หญิงคนนั้นนี่นา! วัน ๆ เอาแต่หมุนรอบผู้ชายไม่เว้นแม้แต่คนเดียว!” 

“เลดี้อลิซจะไหวเหรอ… อสูรรับใช้ของเธอดูยังไงก็ไม่เหมาะกับการต่อสู้เลยสักนิด”

“เฮอะ! แค่ทำตัวหวานใสนิดหน่อย ผู้ชายก็พร้อมจะยกโลกทั้งใบให้แล้วมั้ง!”

เมื่อได้นั่งฟัง สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของฉันมากที่สุดคือหญิงสาวนามว่า ‘อลิซ’ ผู้ที่ดูจะมีความเชื่อมโยงกับตัวละครสำคัญของเกมถึงสองคน และนั่นก็ทำให้ฉันอดสงสัยไม่ได้ ว่าเธออาจจะเป็น นางเอกของเกมรึเปล่า... แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังไม่แน่ใจนัก เพราะข้อมูลเกี่ยวกับนางเอกในความทรงจำของฉันมีเพียงว่าเธอใช้เวทแสง ซึ่งเป็นเวทหายาก เท่านั้นเอง

เมื่อเสียงสัญญาณเริ่มการประลองดังขึ้น ความสงสัยที่ฝังอยู่ในใจฉันก็ได้รับการคลี่คลายในชั่วพริบตา เมื่อหญิงสาวผมสีเงินนามว่าอลิซ ได้เริ่มร่ายเวทแสงอันแสนหายากออกมา ท่ามกลางสายตาทุกคู่ที่จับจ้อง

“ผู้หญิงคนนี้ใช่ไหม... ที่ทำให้เธอกะบคู่หมั้นมีปัญหากันน่ะ” ฉันเอ่ยถามเซเลสเทียร์เพื่อความมั่นใจ

“ใช่ ถ้าไม่มีผู้หญิงคนนี้ ฉันกับธีออนก็คงไม่ต้องผิดใจกันแบบนี้หรอก” เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความคับแค้น

“ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอกนะ” ฉันกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นคง พลางสบตาเธออย่างจริงจัง

เซเลสเทียร์หันมามอง สีหน้าเธอฉายแววสับสน ก่อนจะเอ่ยถามเบา ๆ “เธอหมายความว่า... ยังไงกันแน่”

“ก็หมายความว่า ถ้าคู่หมั้นของเธอไม่เล่นด้วย ผู้หญิงคนนั้นจะมีโอกาสได้ยังไงล่ะ เพราะงั้นคนที่เธอควรโกรธจริง ๆ ไม่ใช่แต่อาละวาดใส่ผู้หญิงคนนั้นเพียงฝ่ายเดียว แต่ควรโกรธคู่หมั้นคนนั้นด้วย... เพราะเขาเป็นคนที่หักหลังความรู้สึกของเธอต่างหาก”

เซเลสเทียร์นิ่งไป ไม่มีคำตอบกลับมา

“เธอน่ะ ควรตื่นจากความฝันได้แล้ว เลิกหลับหูหลับตาเข้าข้างผู้ชายคนนั้นเสียที คิดหน่อยสิ เขาทำร้ายจิตใจเธอขนาดนี้ เธอยังจะปกป้องเขาอีกเหรอ”

ได้โปรดลืมตาดูความจริงเถอะ เจ้านายของฉัน... ไม่อย่างนั้น เราจะพากันตายกันหมด

“อย่าทำเป็นรู้ดีไปหน่อยเลย ยังไงธีออนก็เลือกฉันอยู่ดี เขาสัญญาไว้แล้ว...” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเบากว่าที่ควรจะเป็น บอกได้อย่างชัดเจนว่าเจ้าตัวเองก็ไม่ได้มั่นใจในคำพูดนั้นนัก

“คำสัญญาเหรอ... ของแบบนั้นน่ะ เชื่อได้เสียที่ไหนล่ะ...” ฉันเอ่ยเสียงแผ่วเบา ราวกับพึมพำกับตัวเอง 

“ไม่เชื่อก็เรื่องของเธอ... แต่ฉันเชื่อ” เซเลสเทียร์ตอบกลับ ทั้งที่ในแววตานั้นไม่มีความมั่นใจเหลืออยู่เลยสักนิด

“เด็กน้อยจังนะ... เชื่อแม้กระทั่งคำสัญญาปากเปล่า” ฉันถอนหายใจเบา ๆ เพราะขนาดคำสัญญาที่มีลายลักษณ์อักษรยังถูกบิดเบือนได้ แล้วจะไปหวังอะไรกับเพียงคำพูดลอย ๆ กัน

และสุดท้าย การประลองระหว่างวีช่า คลาเอส และอลิซ เฮสตัน ก็จบลงอย่างรวดเร็ว ผลลัพธ์ชัดเจนคือ วีช่า คลาเอส เป็นฝ่ายคว้าชัยไปอย่างขาดลอย

 

“คู่ต่อไป เซเลสเทียร์ วาเลนเซีย และอเล็กซ์ โฟวเลอร์ ขึ้นมาที่สนามประลองได้เลย” เสียงของอาจารย์ประจำวิชาควบคุมอสูรรับใช้ดังก้องไปทั่วสนามทันทีที่การประลองคู่ก่อนหน้าสิ้นสุดลง พร้อมกับร่ายเวทป้องกันครอบคลุมร่างของเซเลสเทียร์และชายหนุ่มอีกคน เพื่อป้องกันไม่ให้ความรุนแรงในสนามจบลงด้วยความสูญเสีย

“ฉันใช้ดาบนะ” ฉันบอกเซเลสเทียร์ ก่อนจะเดินไปยังแท่นอาวุธด้านข้างสนาม หยิบดาบเล่มหนึ่งขึ้นมา และเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นโล่ที่วางอยู่ใกล้กัน ฉันก็อดไม่ได้ที่จะหยิบมันติดมือมาด้วย

“ใช้เป็นเหรอ...”

“ไม่มีทางอยู่แล้ว แต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลยไม่ใช่เหรอ...”

“เฮ้อ~”

“ฉันจะล่ออสูรรับใช้ของอีกฝ่ายเอง ส่วนเธอรีบจัดการเจ้าเด็กนั่น แล้วค่อยตามมาช่วยฉัน”

“ฉันก็ไม่ได้หวังว่าเธอจะจัดการอสูรรับใช้ตัวนั้นได้หรอก”

 

“เริ่มการประลองได้!” เสียงประกาศเริ่มดังขึ้น ชายหนุ่มคู่ประลองรีบเปิดฉากทันที

“เจ้าเม่น! ใช้หนามโจมตีมันเลย!” 

“กิ้ว~”

“ฉันบอกให้โจมตีไง ยิงหนามใส่เจ้านั่น!” อสูรรับใช้ของเขา ซึ่งมีรูปร่างคล้ายเม่น ดูสับสนและลังเลอย่างเห็นได้ชัด บางทีอาจเพราะมันเป็นแค่สัตว์อสูรระดับสองดาว และยังขาดความเชื่อมโยงกับเจ้านายจึงทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้ “โจมตีสิ เจ้าเม่น!”

“นี่คงไม่ได้ลืมฉันไปแล้วหรอกนะ!” เสียงของเซเลสเทียร์ดังขึ้นพร้อมกับร่างที่โผล่มาทางด้านหลังอีกฝ่าย เธอฉวยจังหวะที่อีกฝ่ายมัวแต่สับสนกับอสูรรับใช้ของตัวเอง เพื่อร่ายเวทเข้าโจมตี “Wind Cutter” เมื่อเสียงร่ายเวทจบลง ใบมีดลมรูปพระจันทร์เสี้ยวก็พุ่งเข้าใส่ชายหนุ่มจากด้านหลังอย่างแม่นยำ ร่างของเขากระเด็นล้มกลิ้งไปตามแรงปะทะ โดยแทบไม่ทันตั้งตัว

ด้านฉัน เมื่อเห็นว่าเจ้าเม่นกำลังสับสน ก็ไม่รอช้า รีบฉวยจังหวะนั้นพุ่งเข้าใส่มันทันที ง้างดาบขึ้นเหนือศีรษะก่อนจะฟาดลงตรงจุดกลางหัวของมันอย่างเต็มแรง

“กิ้ว!” เสียงร้องของเจ้าเม่นดังขึ้น แต่ผลที่ได้กลับไม่เป็นดังหวัง ดาบในมือไม่แม้แต่จะสร้างรอยขีดข่วนให้มันได้แม้เพียงนิด กลับเป็นฉันเสียเองที่รู้สึกถึงแรงสะท้อนรุนแรงจนแขนทั้งสองข้างเจ็บจนชา

“ไม่เจ็บเลยเหรอ!” ฉันพึมพำอย่างไม่อยากเชื่อ และกำลังจะลงมือซ้ำอีกครั้ง แต่ในเสี้ยววินาทีนั้นเอง ร่างของฉันก็ลอยเคว้งกระเด็นไปไกล เมื่อมีอะไรบางอย่างกระแทกเข้ากลางลำตัวเต็มแรง

ลูกตุ้มงั้นเหรอ! มาจากไหนกัน…

แต่เมื่อหันกลับไปมองดี ๆ ก็เห็นว่าที่ปลายหางของเจ้าเม่นนั้นมีสิ่งที่คล้ายลูกตุ้มกลมขนาดใหญ่ห้อยอยู่ ราวกับหางของไดโนเสาร์แองคิโลซอรัส นั่นจึงไม่ยากที่จะเข้าใจว่าสิ่งที่กระแทกฉันเมื่อครู่คืออะไร

แต่ยังไม่ทันได้ตั้งหลัก เจ้าเม่นก็ไม่ปล่อยให้ฉันได้หายใจหายคอ ขนหนามของมันพลันส่องแสงวาบ เปลวไฟสีแดงแผดลุกตามแท่งหนาม ก่อนจะถูกดีดพุ่งเข้ามาทางฉันด้วยความเร็วสูง ราวกับสายฝนแห่งหายนะ

หลบไม่ทันแน่...! คิดได้เช่นนั้น ฉันรีบยกโล่ในมือขึ้นตั้งรับทันที ทว่าโล่นั้นมีขนาดไม่ใหญ่พอจะป้องกันร่างกายทั้งหมด ฉันจึงจำต้องยกขึ้นบังเพียงจุดสำคัญที่สุด ทำให้หนามเพลิงนับสิบพุ่งทะลวงผ่านช่องว่างอย่างไม่ปรานี

แขนและขาขวาถูกทิ่มแทงเต็มแรง โดยเฉพาะบาดแผลที่หัวไหล่ ซึ่งหนามแหลมปักเข้าอย่างจัง ร้อนราวกับเหล็กแดงที่ถูกกดทับลงบนผิวเนื้อ แรงปะทะมหาศาลทำให้ร่างของฉันทรุดฮวบลงกระแทกพื้น เลือดสดทะลักไหลออกจากบาดแผลไม่หยุด จนเสื้อผ้ากลายเป็นสีแดงฉานในพริบตา

“อึก” นี่ฉันทำอะไรมันไม่ได้เลยเหรอ... แม้กระทั่งดาบที่หยิบมาอย่างมีความหวัง ยังไร้ประโยชน์ต่อหน้าอสูรรับใช้ตัวนี้

เลือดยังคงไหลจากไหล่ขวาไม่หยุด ความรู้สึกชาเริ่มลามไปทั่วร่างฝั่งขวา ฉันกัดฟันแน่น พยายามประคองสติ

“อย่างน้อย ถ้ามีอาวุธที่พอจะใช้ได้…”  และในตอนนั้นสายตาฉันก็เหลือบไปเห็นขนหนามของเจ้าเม่น ที่หลุดกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น อีกทั้งเปลวเพลิงที่เคยห่อหุ้มก็ได้มอดดับลงแล้ว “ขอยืมใช้หน่อยแล้วกัน” ฉันไม่คิดจะประวิงให้เสียเวลารีบคว้าหนามแหลมนั้นขึ้นมากำไว้แน่น แม้มันจะบาดมือจนเลือดซึม แต่ในสถานการณ์เช่นนี้... ฉันไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว

และในเวลาเดียวกัน ขณะที่ฉันแทบจะขยับตัวไม่ได้ เจ้าเม่นติดไฟก็เริ่มเบนเป้าหมายของมันไปยังอีกคนในสนาม

“เซเลสเทียร์!” ฉันตะโกนลั่นสุดเสียง หวังให้เด็กสาวรู้ตัวและหลบขนหนามที่กำลังพุ่งเข้าหา

“ไหนบอกจะล่อมันไว้ไง!” เซเลสเทียร์ตะโกนสวนกลับหลังจากกระโดดหลบได้ฉิวเฉียด พร้อมกางโล่พลังเวทขึ้นมารับแรงปะทะ

“ก็ไหนบอกว่าไม่ได้หวังไง…”

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังปลอดภัย ฉันก็ไม่ลังเลที่จะพุ่งตัวเข้าประชิดเจ้าเม่นอีกครั้ง “หวังว่าจะได้ผลนะ” สองมือกอบกำหนามแหลมอย่างไม่กลัวเจ็บ ก่อนจะปักมันลงตรงกลางหัวของเจ้าเม่นอย่างสุดแรง

แต่ทว่า... เหตุการณ์เดิมกลับวนซ้ำอย่างโหดร้าย

ฉันลืมมันไปได้ไง…!

อั่ก! ลูกตุ้มหนักอึ้งที่ปลายหางของเจ้าเม่นเหวี่ยงมากระแทกเข้าที่ใบหน้าของฉันอย่างจัง ราวกับฉีกทุกสติให้ดับวูบ

“...ฉัน...ยอม...แพ้...” และนั่นคือเสียงสุดท้ายที่ลอดผ่านโสตประสาทของฉัน ก่อนสติจะดับวูบลง มันคือคำยอมแพ้จากเด็กสาวผู้แบกรับฉายาว่า ‘นางร้าย’