จากหญิงสาวชนชั้นรากหญ้าผู้เบื่อหน่ายโลก สู่การเป็นสัตว์เลี้ยงตัวโปรดของคุณหนูตัวร้ายในเกมโอโตเมะ
หญิง-หญิง,แฟนตาซี,รัก,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
The Villain's Guardian — อสูรรับใช้ตัวโปรดของคุณหนูนางร้ายจากหญิงสาวชนชั้นรากหญ้าผู้เบื่อหน่ายโลก สู่การเป็นสัตว์เลี้ยงตัวโปรดของคุณหนูตัวร้ายในเกมโอโตเมะ
ทาคาฮาชิ ไม หญิงสาวลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น ต้องจบชีวิตลงในวัยเพียง 21 ปีจากอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน ทว่าในช่วงเวลาที่สติของเธอใกล้ดับสิ้น วงเวทสีเขียวขนาดใหญ่กลับปรากฏขึ้นใต้ร่างที่เปียกชุ่มไปด้วยเลือด พาเธอหายลับไปยังสถานที่ที่ไม่อาจระบุได้
เธอลืมตาขึ้นในโลกที่ไม่คุ้นเคย รายล้อมด้วยผู้คนแปลกหน้า และเต็มไปด้วยพลังเหนือธรรมชาติที่เรียกว่า 'เวทมนตร์' แต่ของขวัญจากโชคชะตาย่อมมาพร้อมกับราคาที่ต้องจ่าย เพราะตั้งแต่นี้ไป เธอจะไม่ถูกจดจำในฐานะมนุษย์อีกต่อไป หากแต่เป็น 'อสูรรับใช้'
และหากความโชคดีนั้นแฝงไว้ด้วยโชคร้าย ก็ราวกับโชคร้ายยังซ้อนทับมาอีกชั้น เมื่อเจ้านายที่กุมพันธะสัญญาของเธอไว้ ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็น 'นางร้าย' จากเกมจีบหนุ่ม ที่เส้นทางชีวิตไม่ได้มุ่งไปสู่จุดจบแบบ Happy Ending!
นิยายเรื่องนี้เป็นงานเขียนที่ถูกแต่งขึ้น ชื่อ ตัวละคร และเหตุการณ์เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้น
เสียงเปียโนใสกังวานบรรเลงขึ้นช้า ๆ คล้ายเสียงกระดิ่งต้องลมในยามเช้า ก่อนตามด้วยไวโอลินหวานลึกที่ค่อย ๆ เติมความรู้สึกโหยหาและโรแมนติก เสียงประสานบางเบาราวสายหมอกพัดผ่าน กลายเป็นทำนองที่อบอุ่น เศร้า และน่าหลงใหลในคราวเดียว
“Date A Live : Dream Boyfriend”
“ท่ามกลางผู้คนมากมาย ฉันได้พบกับความรัก...”
เสียงชายหนุ่มแฝงไออุ่นของความรัก ดังขึ้นพร้อมกับดนตรีประกอบที่ชวนฝัน
[เจ้าชายคาร์ซิเลียน] : “เธอแค่คอยอยู่เคียงข้างฉัน… ฉันสัญญา จะไม่ปล่อยให้เกิดอะไรขึ้นกับเธอ”
[ธีออน แมคฟาแลนด์] : “อย่าโกหกเลย… ฉันรู้นะ ว่าเธอน่ะ ชอบเวลาที่ฉันแหย่เธอ”
[มิเอล เกรทบลัฟ] : “ฉันจะทำให้เธอรู้เอง ว่าการได้อยู่กับ ‘ผู้ชายอกสามศอก’ มันเป็นยังไง...”
[บลูเนล กรีนมัวร์] : “แค่บอกมา… ใครกัน ที่ทำให้เธอร้องไห้”
เสียงสุดท้ายคล้ายกระซิบแผ่วในความเงียบ ก่อนภาพชายหนุ่มทั้งสี่จะปรากฏบนหน้าจออย่างนุ่มนวล
“แล้วคุณล่ะ... พร้อมจะเลือกใครให้อยู่เคียงข้างหรือยัง”
แล้วเสียงเปียโนในท่วงทำนองนุ่มนวลชวนฝันก็ค่อยๆ จางหายไป ก่อนที่เสียงทุ้มนุ่มลึก หนักแน่นแต่แฝงไว้ด้วยความอบอุ่นที่พร้อมปกป้อง จะดังขึ้น
[เจ้าชายคาร์ซิเลียน] : “ที่เธอตัวสั่นแบบนี้ เป็นเพราะเลดี้พวกนั้นทำอะไรให้เธอต้องหวาดกลัวใช่ไหม... บอกฉันมาเถอะ...”
คุณจะเลือก…
<(ส่ายหน้าเบา ๆ พยายามฝืนยิ้ม) “พวกเธอไม่ได้ทำอะไรฉันค่ะ”>
<(น้ำตาคลอเบ้า) “ค่ะ! พวกเธอมองฉันด้วยสายตาที่...”>
< (มองตรงไปยังดวงตาของเขาอย่างแน่วแน่) “ฉันไม่เป็นไรค่ะ... เพราะตอนนี้ ฉันมีคุณอยู่ตรงนี้กับฉันแล้ว”>
<จับชายเสื้อของเขาเบาๆ อย่างไม่รู้ตัว>
<(ส่ายหน้าเล็กน้อย) "เรื่องของฉัน... ไม่จำเป็นต้องให้ใครมายุ่ง>
....
ฉับพลัน ท่วงทำนองหวานแปรเปลี่ยนเป็นจังหวะเร้าใจยิ่งขึ้น เบสหนักแน่นเคล้าดนตรีลึกลับ ก่อนเสียงทุ้มต่ำที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์เจ้าเล่ห์จะดังแทรกขึ้นมา
[ธีออน แมคฟาแลนด์] : (ดวงตาคมกริบจับจ้องมาที่คุณอย่างไม่ละสายตา ราวกับจะทะลุทะลวงเข้าไปถึงข้างในจิตใจ)
คุณจะเลือก…
<หลบสายตาเล็กน้อยอย่างประหม่า>
<ถอยหลังก้าวหนึ่งอย่างระมัดระวัง รักษาระยะห่าง>
<จ้องมองกลับไปอย่างท้าทาย ไม่ยอมแพ้ต่อสายตาที่กดดัน>
<ยิ้มเขินอาย>
<หัวเราะเบา ๆ ในลำคอ>
…
เสียงหัวใจเต้นดังขึ้นคลอเบา ๆ
[บลูเนล กรีนมัวร์] : “ว่าแต่... เลดี้... มาคนเดียวเหรอครับ”
คุณจะเลือก…
<(ยิ้มตอบอย่างเป็นมิตร) “ค่ะ มาคนเดียวก็สนุกดีเหมือนกันค่ะ”>
<(แอบดีใจเล็กน้อย แต่พยายามเก็บอาการ) “ก็เรื่อย ๆ ค่ะ แล้วคุณชาย มากับใครเหรอคะ”>
<(ถือโอกาสชวนคุยต่อ) “ค่ะ เพิ่งเดินดูของไปเรื่อย ๆ คุณชาย... สนใจจะเดินด้วยกันไหมคะ”>
…
[มิเอล เกรทบลัฟ] : (มิเอลกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น กักขังคุณไว้ในวงล้อมที่แข็งแกร่ง รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาดูเหนือกว่าเล็กน้อย)
คุณจะเลือก…
<ยืนนิ่ง ไม่ขยับเขยื้อน ยอมจำนนต่อสถานการณ์อย่างเงียบ ๆ>
<พยายามดิ้นให้หลุดจากการกักขังอย่างสุดกำลัง>
<จ้องมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ>
<เงยหน้าสบตาเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะรีบหลุบตาลงอย่างรวดเร็ว>
…
แล้วจังหวะเพลงก็แปรเปลี่ยน... เปียโนคีย์ต่ำแผ่ว... คลื่นเสียงหนักแน่นค่อย ๆ สูงขึ้น ไวโอลินเย็นเยียบเยาะเย้ย เชลโล่ทุ้มลึก บรรยากาศสวยงามแต่ตึงเครียด ราวกับดอกไม้พิษ แสงในจอดูหม่นลง... เมื่อพวกเธอปรากฏตัว
[เจ้าหญิงแคลร์] : “ท่านบารอนไม่เคยอบรมสั่งสอนเธอหรืออย่างไร ว่าไม่ควรถือวิสาสะปรารถนาในสิ่งที่มิใช่ของตนเอง...”
[ลูเซียน่า รามิเรซ] : “ฉันและเจ้าชายคาร์ซิเลียนคือคู่หมั้นกันอย่างเป็นทางการ เพื่อมิให้เกิดข่าวลือเสียหาย บุตรีบารอนควรวางตัวให้เหมาะสมกว่านี้นะคะ”
[เซเลสเทียร์ วาเลนเซีย] : “นี่คือตั๋วแลกเงินจำนวนหนึ่ง มันจะเป็นของคุณในทันทีที่คุณให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่เข้ามาเกี่ยวข้องใด ๆ กับคู่หมั้นของฉันอีกต่อไป”
เปียโนนุ่มนวลไล่สูงขึ้น เครื่องสายบางเบาประสาน ฮาร์ประยิบระยับ จังหวะช้าลง...
“Date A Live : Dream Boyfriend ดาวน์โหลดฟรีได้แล้ววันนี้”
.......
“โฆษณาเกมจีบหนุ่มนั่นใช่ป่ะ... เข้าแพลตฟอร์มไหนก็เจอตลอด” ฉันพูดขึ้น เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังออกมาจากโทรศัพท์มือถือยี่ห้อหรูของเพื่อนสาวตรงหน้า ที่กำลังใช้ช้อนตักบิงซูเข้าปาก พร้อมกับจ้องมองหน้าจอมือถือไม่วางตา “จนตอนนี้กูจะพูดตามได้อยู่ละ”
“กูลองโหลดมาเล่นแล้ว เล่นไปได้นิดนึง แล้วยังไม่ได้เข้าไปอีกเลย มึงไม่ลองโหลดมาเล่นบ้างล่ะ ตรงปกอยู่นะ”
“จะให้กูจีบผู้ชายเนี่ยนะ ฟิลลิ่งมันไม่ได้ว่ะ แล้วดูคาแรคเตอร์ผู้ชายในเกมจีบหนุ่มแต่ละคน จะหลงตัวเองไปไหน”
“มึงใจเย็น ๆ จะของขึ้นทำไมเนี่ย อินมันฮวาเรื่องไหนมาอีกล่ะ..”
“ไม่ได้อิน ช่วงนี้ไม่ค่อยได้อ่านแล้ว ไม่มีตังค์เปย์”
“เพลา ๆ บ้างมึงน่ะ ตังค์ก็ไม่มีจะซื้อข้าวแล้ว ยังจะเก็บไปเปย์ไอดอล อ่านมันฮวาอีก”
“ของมันต้องมี มึงก็รู้”
“จ้า ๆ” พูดจบเพื่อนสาวตรงหน้าก็เริ่มตั้งหน้าตั้งตากดจิ้มที่หน้าจอมือถือเครื่องหรูต่อ และเพียงไม่นานเสียงเพลงคุ้นหูก็ดังแว่วขึ้น
“เล่นเกมนั้น...”
“อืม พอพูดถึงก็ชักอยากเล่นขึ้นมาเลย” เธอว่าพลางก้มหน้ากดเลื่อนหน้าจอมือถืออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ “ภาพสวยใช้ได้เลยนะ” ว่าแล้วก็ยื่นโทรศัพท์หน้าจอเรืองแสงมาตรงหน้าของฉัน
“อืม ก็ได้อยู่” ฉันก้มมองจอมือถือ ตัวละครชายเพียงผู้เดียวปรากฏอยู่ตรงหน้า ถ้อยคำของเขาเด่นชัด ท่ามกลางทิวทัศน์เบลอพร่าที่อยู่เบื้องหลัง
“ได้อยู่แปลว่า...”
“ไม่ได้” แล้วสุดท้ายเราทั้งสองต่างก็ยิ้มขำกันอยู่สองคน เพียงเพราะคำไทยดิ้นได้ไม่กี่คำ
‘ความเดียวดายนี้... ฉันไม่อยากสัมผัสมันอีกแล้ว’
‘ทำไมถึงไม่มีใครต้องการฉันเลย..’
‘ฉันทำอะไรผิดนักเหรอ...’
‘ได้โปรด.. ใครก็ได้.. ช่วยอยู่เคียงข้างฉันที’
‘ขอเพียง... ใครสักคนที่... จะไม่ทอดทิ้งฉันไป’
ราวกับเสียงกระซิบจากความเงียบ... ฉันชะงัก หันซ้ายขวา ทว่ากลับไม่พบใครที่เป็นเจ้าของถ้อยคำแสนเหงาที่ก้องกังวานอยู่ข้างหู
“แล้วถ้าเป็นแบบนี้ล่ะภาพสวยพอได้ไหม” เพื่อนสาวเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามยื่นโทรศัพท์เครื่องหรูมาตรงหน้าอีกครั้ง คราวนี้บนจอสีขาวสว่างนั้นปรากฏร่างของหญิงสาวผมสีเขียวลูกแพร์ แทนที่ชายหนุ่มผมเงินมัดหางม้าต่ำคนเดิม ซึ่งฉันจำได้ทันทีว่าเธอคือนางร้ายหลัก เจ้าของวลีติดหู ‘เอาเงินฟาดหัว’ ที่คุ้นตาจากโฆษณาอยู่บ่อยครั้ง
“อืม ภาพค่อยสวยขึ้นหน่อย”
“อคติเห็น ๆ”
“ก็แค่กับผู้ชายในเกมกับมันฮวาเท่านั้นแหละ ชีวิตจริงกูก็ไม่ได้อะไรขนาดนั้น”
“ผู้ชายในมันฮวามันทำไมวะ... กูไม่เคยอ่านสักเรื่องเลยไม่รู้”
“สำหรับกูคือหลงตัวเองและไม่น่าไว้วางใจอย่างที่สุด ตอนที่อ่าน กูได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้นางเอกต้องเข้าไปข้องเกี่ยวกับคนพวกนี้เลย”
“แต่นี่มันนิยายรักนะเพื่อน จะไม่ให้นางเอกได้พบกับพระเอกหรือตัวรองได้ยังไง... ประสาทแล้วเพื่อนกู”
“ผู้หญิงคนอื่นแถวนั้น ยังดูจะมีเคมีเข้ากันได้ดีกว่าผู้ชายพวกนั้นเสียอีก”
“ก็มึงไม่ได้อ่านแนวหญิงรักหญิงนี่นา หวังอะไรเอ่ย ตื่นค่ะ”
“รู้ค่ะ แค่อยากบ่นงุ้งงิ้งเรื่อยเปื่อย” ไม่ใช่ว่าฉันไม่รู้ว่าสุดท้ายนางเอกในนิยายจะต้องลงเอยกับใคร แต่มันก็อดรู้สึกอึดอัดไม่ได้ทุกทีที่เจอตัวละครชายที่มีนิสัยแบบนั้นออกมา สงสัยฉันจะอินเกินไปหน่อยมั้งนะ
“แล้วช่วงเทศกาลแบบนี้มึงไม่คิดจะกลับบ้านบ้างเหรอ... พ่อแม่มึงลืมหน้าลูกสาวไปแล้วมั้ง”
“เมื่อวานก็เพิ่งโทรมาถามอยู่ แต่ก็บอกไปแล้วแหละว่าไม่กลับ แล้วมึงล่ะ...”
“กูกลับพรุ่งนี้ วันนี้กว่าอาจารย์จะปล่อย รถก็หมดแล้ว เพราะงั้นเลยชวนมึงมาหาอะไรกินก่อนกลับไปนอนที่ห้องไง” เพื่อนสาวตรงหน้าเงียบไปชั่วครู่หนึ่ง ก่อนจะถามคำถามหนึ่งออกมา “กูถามได้ป่ะ... ว่าทำไมมึงถึงไม่ชอบกลับบ้าน กูว่าพ่อแม่มึงก็ดีอยู่นะ”
“ก็แค่รู้สึกว่าไม่มีอิสระ” แม้ครอบครัวจะไม่ได้บงการชีวิตถึงขั้นกำหนดทุกการกระทำ แต่พวกเขาก็มักยกเหตุผลร้อยแปดมาโน้มน้าวให้ฉันละทิ้งความต้องการและตัวตนของตัวเองไป จนบ่อยครั้งเข้า ฉันก็รู้สึกว่าชีวิตนี้ มันไม่ใช่ของฉันแล้ว...
หลังจากร่ำลากับเพื่อนสนิทที่ร้านขนมหวานชื่อดัง ฉันก็ตัดสินใจแวะร้านสะดวกซื้อตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงก่อนจะกลับไปยังหอพัก และเพื่อนในกลุ่มต่างรู้กันดีว่าฉันเป็นประเภทที่ต้องดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เล็กน้อยก่อนนอนเพื่อให้นอนหลับ และคืนนี้ก็เช่นกัน
“ฝนตกเหรอ...” ทันทีที่ฉันก้าวพ้นประตูอัตโนมัติของร้านสะดวกซื้อยี่สิบสี่ชั่วโมง ละอองฝนก็โปรยปรายลงบนพื้นคอนกรีต แว่วเสียงเปาะแปะแผ่วเบา หากได้ฟังยามเอนกายบนเตียงคงเป็นท่วงทำนองกล่อมฝันแสนสบาย
ทว่า... ความสงบสุขพลันถูกฉีกกระชาก เมื่อแสงไฟจากรถยนต์ที่ควรทาบทอผืนถนน กลับพุ่งวาบเข้าใส่ร่างของฉันโดยตรง! เสียงล้อบดขยี้พื้นดังสนั่น ตามด้วยเสียงปะทะรุนแรง ราวกับโลหะบิดเบี้ยวและครูดไปกับทางเท้า “อึก แค่ก แค่ก...” นี่ฉันถูกรถชนเหรอ...
‘ฉันไม่อยากอยู่คนเดียวอีกแล้ว’
‘...เพียงแค่ใครสักคน...’
เสียงผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว... ทั้งที่ฉันกำลังจะตายอยู่รอมร่อ ฉันยังจะได้ยินเสียงแว่วของเธออีกหรือนี่...
...ข้าขอทำสัญญาด้วยนามที่แท้จริงของข้า พันธสัญญาอัญเชิญของข้าเอ๋ย จงขานรับต่อเสียงเรียกของข้า...