จากหญิงสาวชนชั้นรากหญ้าผู้เบื่อหน่ายโลก สู่การเป็นสัตว์เลี้ยงตัวโปรดของคุณหนูตัวร้ายในเกมโอโตเมะ

The Villain's Guardian — อสูรรับใช้ตัวโปรดของคุณหนูนางร้าย - CHAPTER 1 พันธสัญญาผิดคาด โดย Black Panda @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

หญิง-หญิง,แฟนตาซี,รัก,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

The Villain's Guardian — อสูรรับใช้ตัวโปรดของคุณหนูนางร้าย

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

หญิง-หญิง,แฟนตาซี,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

The Villain's Guardian — อสูรรับใช้ตัวโปรดของคุณหนูนางร้าย โดย Black Panda @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

จากหญิงสาวชนชั้นรากหญ้าผู้เบื่อหน่ายโลก สู่การเป็นสัตว์เลี้ยงตัวโปรดของคุณหนูตัวร้ายในเกมโอโตเมะ

ผู้แต่ง

Black Panda

เรื่องย่อ

ทาคาฮาชิ ไม หญิงสาวลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น ต้องจบชีวิตลงในวัยเพียง 21 ปีจากอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน ทว่าในช่วงเวลาที่สติของเธอใกล้ดับสิ้น วงเวทสีเขียวขนาดใหญ่กลับปรากฏขึ้นใต้ร่างที่เปียกชุ่มไปด้วยเลือด พาเธอหายลับไปยังสถานที่ที่ไม่อาจระบุได้

เธอลืมตาขึ้นในโลกที่ไม่คุ้นเคย รายล้อมด้วยผู้คนแปลกหน้า และเต็มไปด้วยพลังเหนือธรรมชาติที่เรียกว่า 'เวทมนตร์' แต่ของขวัญจากโชคชะตาย่อมมาพร้อมกับราคาที่ต้องจ่าย เพราะตั้งแต่นี้ไป เธอจะไม่ถูกจดจำในฐานะมนุษย์อีกต่อไป หากแต่เป็น 'อสูรรับใช้'

และหากความโชคดีนั้นแฝงไว้ด้วยโชคร้าย ก็ราวกับโชคร้ายยังซ้อนทับมาอีกชั้น เมื่อเจ้านายที่กุมพันธะสัญญาของเธอไว้ ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็น 'นางร้าย' จากเกมจีบหนุ่ม ที่เส้นทางชีวิตไม่ได้มุ่งไปสู่จุดจบแบบ Happy Ending!

 

 

นิยายเรื่องนี้เป็นงานเขียนที่ถูกแต่งขึ้น ชื่อ ตัวละคร และเหตุการณ์เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้น

 

สารบัญ

The Villain's Guardian — อสูรรับใช้ตัวโปรดของคุณหนูนางร้าย-CHAPTER 0 เกมเริ่มต้น,The Villain's Guardian — อสูรรับใช้ตัวโปรดของคุณหนูนางร้าย-CHAPTER 1 พันธสัญญาผิดคาด,The Villain's Guardian — อสูรรับใช้ตัวโปรดของคุณหนูนางร้าย-CHAPTER 2 สัญญาที่ไม่อยากผูกพัน,The Villain's Guardian — อสูรรับใช้ตัวโปรดของคุณหนูนางร้าย-CHAPTER 3 ในโลกที่ไม่ใช่ความฝัน,The Villain's Guardian — อสูรรับใช้ตัวโปรดของคุณหนูนางร้าย-CHAPTER 4 บทเรียนแรกของอสูรรับใช้

เนื้อหา

CHAPTER 1 พันธสัญญาผิดคาด

Part : เซเลสเทียร์ วาเลนเซีย

อิมเพียเรียลอะคาเดมี โรงเรียนที่มีอายุมาอย่างยาวนานเกือบสี่ร้อยปี ถูกสร้างขึ้นโดยปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์วินเทอร์บัตทอม ด้วยเป้าหมายที่ว่า ‘อาณาจักรจะพัฒนาได้ บุคลากรต้องมีคุณภาพเสียก่อน’ 

แม้อิมพีเรียลอะคาเดมี จะมีหลากหลายสาขาวิชาให้เลือกสรรตามความถนัด แต่ “วิชาควบคุมอสูรรับใช้” กลับเป็นวิชาบังคับที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ และด้วยวิชานี้เองที่ทำให้อิมพีเรียลอะคาเดมีก้าวขึ้นเป็นสถาบันที่มีการแข่งขันสูงที่สุดในอาณาจักร ทั้งการแย่งชิงที่นั่งเข้าศึกษาและการแข่งขันภายในเพื่อรักษาตำแหน่ง มิให้ถูกคัดออกก่อนถึงชั้นปีที่ห้า อันเป็นปีแห่งการอัญเชิญอสูรรับใช้ของตน

 

แสงอรุณแรกของวันใหม่สาดส่องลงมายังลานพิธีศักดิ์สิทธิ์ของอิมพีเรียลอะคาเดมี วันนี้... เป็นวันที่นักเรียนชั้นปีที่ห้าทุกคนต่างเฝ้ารอคอยด้วยใจเต้นระทึก เพราะวันนี้เป็นวันที่พวกเขาจะได้ทำพันธสัญญากับอสูรรับใช้ของตนเอง สิ่งมีชีวิตที่จะเป็นทั้งสหายคู่ใจ พลังสนับสนุน และสัญลักษณ์แห่งสถานะในอนาคต

บรรยากาศในลานพิธีจึงคึกคักและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา เสียงพูดคุยเจื้อยแจ้วดังระงมไปทั่วบริเวณ นักเรียนหนุ่มสาวในชุดเครื่องแบบอันสง่างามจับกลุ่มสนทนากันด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มและแววตาที่ฉายประกายความตื่นเต้น บางคนกระซิบกระซาบถึงอสูรรับใช้ในฝันที่ตนเองปรารถนา บางคนหัวเราะคิกคักกับความกังวลเล็กน้อยที่ซ่อนอยู่ภายใต้ท่าทีมั่นใจ

“ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง... ฉันจะได้มีอสูรรับใช้เป็นของตัวเองเสียที ตื่นเต้นจนแทบรอไม่ไหว ไม่รู้ว่าจะได้อสูรแบบไหนกันนะ ของท่านแม่ฉันเป็นวีเซิล น่ารักมาก ๆ เลยล่ะค่ะ” เสียงหนึ่งเอ่ยเจือความฝัน

อีกเสียงตอบกลับมาด้วยความใคร่ครวญ “ฉันเองก็อยากได้อสูรรับใช้น่ารัก ๆ เหมือนกัน แต่ก็ไม่อยากได้แค่ระดับหนึ่งดาว อย่างน้อย ๆ ก็ต้องสองดาวถึงจะได้รับการยอมรับ”

เสียงหัวเราะแผ่วเบาดังขึ้น “สำหรับฉันคงหวังมากกว่าสองดาวไม่ได้ใช่ไหมคะ...”

ทุกคนต่างพรั่งพรูความคาดหวังถึงสัตว์อสูรที่จะมาเป็นคู่หู บ้างก็วาดฝันถึงพลังอำนาจ บ้างก็เพ้อถึงรูปลักษณ์น่ารักน่าชัง ราวกับพวกมันเป็นเพียงตุ๊กตาที่จะมาประดับบารมี

ฉันยืนอยู่ตรงนี้ ปล่อยให้เสียงจอแจเหล่านั้นลอดผ่านหูไปอย่างไม่ใส่ใจนัก ความตื่นเต้นของพวกเขามันช่างดูไร้เดียงสา... แต่ในใจลึกๆ ของฉันกลับไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น พิธีอัญเชิญนี้ไม่ใช่แค่ขั้นตอนที่ต้องก้าวผ่าน หากแต่เป็นโอกาสสำคัญ โอกาสที่ฉันหวังว่าจะได้รับความสนใจจากท่านพ่อ ท่านพี่ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง... กับคู่หมั้นคนนั้น หากฉันสามารถอัญเชิญอสูรรับใช้ในระดับสูงได้ บางที... พวกเขาอาจจะหันมามองฉันด้วยสายตาที่แตกต่างออกไปบ้าง

แต่แล้ว... เสียงพูดคุยเยิ่นยอก็แทรกเข้ามาในความคิดของฉัน ราวกับน้ำที่ไหลเอื่อย ๆ แต่กลับสร้างความรำคาญอย่างประหลาด

“ท่านลูเซียน่าคะ คืนนี้เรามาจัดปาร์ตี้ชุดนอนต้อนรับอสูรรับใช้กันดีไหมคะ” วีช่าเอ่ยชวนด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น

“ฉันเองก็ยินดีเข้าร่วมด้วยค่ะ” เรเซลเสริมอย่างเห็นด้วย

ลูเซียน่าตอบกลับด้วยรอยยิ้มบาง “เราคงต้องรอดูขนาดของอสูรรับใช้ของพวกเราก่อนนะ เลดี้วีช่า”

“นั่นสินะคะ! บางทีท่านลูเซียน่าอาจจะได้มังกรมาเป็นคู่หูก็ได้นะคะ!” วีช่าพูดเสริมด้วยความตื่นเต้น

“สำหรับฉัน แค่อสูรระดับสามดาวก็เพียงพอแล้วค่ะ” ลูเซียน่ากล่าวอย่างถ่อมตน

ฉันขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้ ลูเซียน่า รามิเรซ... คุณหนูจากตระกูลดยุกผู้สูงศักดิ์ เธอสวยสง่าและได้รับการยกย่องจากทุกคนเสมอ ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มีแต่คนห้อมล้อมประจบประแจง ราวกับเธอเป็นดวงอาทิตย์ที่ทุกคนต้องโคจรตาม

“ด้วยศักดิ์ศรีของท่านลูเซียน่า ต้องได้อสูรระดับสูงอย่างแน่นอนค่ะ!” เสียงประจบประแจงดังขึ้นอีกครั้ง

“ฉันเองก็หวังให้พวกเราทุกคนได้อสูรรับใช้ระดับสูงเช่นกันค่ะ” ลูเซียน่ากล่าวด้วยความปรารถนาดี

ทันใดนั้นเอง น้ำเสียงที่แฝงด้วยความไม่พอใจก็ดังขึ้น “ดูยายผู้หญิงที่ได้รับโควตาพิเศษนั่นสิคะ ท่านจะไม่ทำอะไรจริง ๆ เหรอคะ ท่านลูเซียน่า…”

“ถ้าท่านลูเซียน่าไม่อยากลงมือเอง ฉันยินดีจัดการให้แทนนะคะ” อีกเสียงเสนอด้วยความกระตือรือร้นที่จะรับใช้

ลูเซียน่ายกมือขึ้นเบาๆ เป็นเชิงห้าม “อย่าเพิ่งเลย รอดูท่าทีของเธอก่อนดีกว่าค่ะ” แม้ถ้อยคำนั้นจะเอื้อนเอ่ยอย่างนุ่มนวล แต่กลับแฝงพลังบางอย่างที่ทำให้บรรยากาศโดยรอบพลันเงียบงันลงในทันที

ความรู้สึกหมั่นไส้เริ่มก่อตัวขึ้นในอกอย่างห้ามไม่อยู่ ทำไมทุกคนถึงมั่นใจในตัวของลูเซียน่า รามิเรซนักนะ 

ฉันกำมือแน่น พยายามควบคุมความรู้สึกขุ่นเคืองที่กำลังปะทุขึ้นมาในใจ ไม่ว่าคนอื่นจะพูดอย่างไร วันนี้ฉันจะพิสูจน์ให้พวกเขาเห็น ฉันเองก็มีความสามารถ ฉันเองก็คู่ควรที่จะได้รับการยอมรับ และอสูรรับใช้ของฉัน... มันจะต้องเป็นอสูรที่แข็งแกร่งจนทำให้ทุกคนต้องหันกลับมามอง! 

ความคิดนี้จุดประกายความมุ่งมั่นในดวงตาของฉันอีกครั้ง แม้จะยังคงมีความกังวลซ่อนอยู่ลึกๆ แต่ความปรารถนาที่จะได้รับการยอมรับนั้นแข็งแกร่งกว่าสิ่งอื่นใด

 

 “เจ้าชายกับคุณชายธีออนอยากได้อสูรรับใช้แบบไหนเหรอคะ” นักเรียนโควตาพิเศษ นามว่าอลิซ เฮสตัน เอ่ยถามด้วยความสงสัย

“อลิซ ฉันบอกแล้วไง ว่าเราเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน ไม่จำเป็นต้องใช้คำยกย่องกับฉันเช่นนั้นหรอกนะ” ธีออนกล่าวด้วยน้ำเสียงสบายๆ

“แต่ว่า..คุณชาย..” อลิซยังคงลังเล

“ไม่มี ‘แต่’ อลิซ เรียกฉันแค่ธีออนเถอะนะ” ธีออนย้ำ

“ก็ได้ค่ะ... ธีออน” อลิซตอบรับอย่างว่าง่าย

“แล้วเธอล่ะ... ปรารถนาอสูรรับใช้แบบไหน… สำหรับฉัน เพียงแค่มีประโยชน์เมื่อฉันขึ้นครองราชย์แทนท่านพ่อก็เพียงพอแล้ว” เจ้าชายคาร์ซิเลียนเผยความในใจ

“หม่อมฉันเพียงหวังจะได้อสูรระดับสามดาวเพคะ เพราะหม่อมฉันปรารถนาจะมีเพื่อนคลายเหงา” อลิซตอบอย่างตรงไปตรงมา

“แต่ฉันว่าเธออาจจะได้ฟีนิกซ์ ระดับห้าดาวก็ได้นะ เพราะเมื่อกล่าวถึงการรักษาเยียวยา ก็ต้องนึกถึงฟีนิกซ์เป็นอันดับแรก” ธีออนแสดงความคิดเห็น

“ฉันไม่กล้าหวังเกินตัวขนาดนั้นหรอกค่ะ ธีออน” อลิซกล่าว

“ไม่แน่หรอก ใครจะรู้ได้” ธีออนทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย 

            

ดวงตาของฉันจับจ้องอยู่ที่ร่างสูงสง่าของเขาอย่างเงียบงัน รอยยิ้มบางเบาประดับบนใบหน้าคมคายยามที่เขาโน้มตัวลงกระซิบกระซาบบางอย่างกับหญิงสาวข้างกาย เสียงหัวเราะคิกคักแสนหวานของเธอดังแว่วมาถึงหู ราวกับมีดกรีดลึกลงในใจ

เขาไม่เคยแสดงอารมณ์รื่นรมย์เช่นนี้ต่อหน้าฉันเลยสักครั้ง... ความคิดนั้นแล่นเข้ามาตอกย้ำความรู้สึกโดดเดี่ยวที่กัดกินหัวใจอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ยามอยู่กับฉัน แววตาของเขามักจะเย็นชาและห่างเหิน ราวกับฉันเป็นเพียงอากาศธาตุที่ไร้ตัวตน

ฉันทำได้เพียงนั่งมองภาพบาดตาบาดใจนั้นอย่างอดทน ปล่อยให้เสียงสนทนาที่เต็มไปด้วยความเสน่หาและความขบขันของพวกเขาดังคลอเคลียอยู่รอบข้าง ราวกับบทเพลงที่ขับกล่อมความปวดร้าวในใจฉันให้ทวีความรุนแรงขึ้น

คำพูดเย็นชาจากวันนั้นยังคงดังก้องอยู่ในใจ ราวกับโซ่ตรวนที่พันธนาการทุกความรู้สึกให้แน่นิ่ง ฉันทำได้เพียงเก็บกลืนความเจ็บไว้เงียบ ๆ และเฝ้ารออย่างอดทนว่าสักวัน... ความสำคัญของฉันจะไม่ถูกลดทอน จนแทบไร้ตัวตนเหมือนในวันนี้อีกต่อไป

“เซเลสเทียร์ เธอและฉันเป็นเพียงคู่หมั้น ยังไม่ได้แต่งงานกันเสียหน่อย เพราะฉะนั้น เลิกก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของฉันสักที มันน่ารำคาญ” ธีออนกล่าวพลางจ้องมองมาที่ฉันด้วยใบหน้าปราศจากความอดทน

“แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็เป็นคู่หมั้นของนายนะธีออน เพราะงั้นให้เกียรติฉัน และปฏิบัติต่อฉันให้ดีกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไง” ฉันเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ 

“เฮอะ ขนาดคนในตระกูลของเธอยังปฏิบัติต่อเธอราวกับเป็นหมาหัวเน่า แล้วจะให้คนนอกอย่างฉันใส่ใจเธอเหรอ ทั้งที่เธอก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรต่อฉันอีกแล้วน่ะนะ!” ธีออนเหยียดหยาม          

“ทำไมนายถึงพูดแบบนี้ล่ะ...” ความเจ็บปวดจุกอยู่ที่ลำคอ

“ถ้างั้น ฉันจะเล่าอะไรให้ฟังนะ เซเลสเทียร์ การที่ฉันขอหมั้นกับเธอนั้น ก็เพียงหวังจะใช้เธอเป็นบันไดก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งเจ้าตระกูลเท่านั้น แต่ดูเธอในตอนนี้สิ... หมาหัวเน่าที่ไม่มีใครเหลียวแล บอกตามตรง ฉันผิดหวังในตัวเธอจริง ๆ เซเลสเทียร์” ธีออนตอกย้ำด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“นายคิดกับฉันแบบที่พูดจริง ๆ เหรอ ธีออน..” น้ำตาคลอหน่วย แต่ฉันพยายามกลั้นมันไว้สุดความสามารถ

 

หากฉันได้อสูรรับใช้ระดับสูง... นายก็ต้องหันกลับมามองฉัน

ใช่ไหม… ธีออน... 

อย่างน้อยที่สุด ฉันต้องได้อสูรระดับไม่ต่ำกว่าสองดาว เพื่อไม่ให้ท่านพ่อ ท่านพี่ และธีออน รวมถึงทุกคน... มองข้ามฉันได้อีก…

 

“เอาละ เงียบ ๆ กันหน่อย... ตอนนี้ทุกคนมากันครบแล้วนะ” เสียงของอาจารย์หนุ่มผู้รับหน้าที่สอนวิชาควบคุมอสูรรับใช้ดังขึ้น แทรกผ่านเสียงจ้อกแจ้กจอแจของเหล่านักเรียนที่จับกลุ่มกันทั่วบริเวณสนามพิธี จนบรรยากาศโดยรอบพลันเงียบสงัดลงในทันที

“ครับ/ค่ะ”

“ต่อไป… ให้นักเรียนออกมายืนด้านหน้าแท่นวงแหวนอัญเชิญทีละคน แล้วกล่าวคำขอสัญญาตามที่ได้เรียนมา เข้าใจนะ”

“ครับ/ค่ะ”

เหล่านักเรียนปีห้าที่ยังไม่ทันคุ้นชินกับสถานะใหม่ของตัวเอง ต่างก็พากันรู้สึกทั้งตื่นเต้นและประหม่า โดยเฉพาะเมื่อแท่นวงแหวนเวทโบราณที่เคยได้ยินเพียงในเรื่องเล่าของพ่อแม่ ค่อย ๆ ผุดขึ้นมาจากพื้นดินกลางลานสนามต่อหน้าต่อตา

และเมื่อม่านพลังสีขาวที่เคยห่อหุ้มวงแหวนอัญเชิญเอาไว้คลายตัวลง เผยให้เห็นออร่าพลิ้วไหวที่แผ่ออกมาจากอักขระเวทโบราณบนแท่นเวท ก็ยิ่งทำให้เสียงฮือฮาจากเหล่านักเรียนที่แทบอดกลั้นไม่ไหวกลับมาอีกครั้ง

“เพื่อไม่ให้เสียเวลา เมื่ออาจารย์เรียกชื่อใคร ขอให้ผู้นั้นก้าวขึ้นไปยืนบนแท่นวงแหวนได้เลยนะ”

“ครับ/ค่ะ”

 

และแล้ว การอัญเชิญอสูรรับใช้ของเหล่าเจ้านายมือใหม่ก็ได้เริ่มต้นขึ้น วงเวทเรืองรอง พลังเวทไหลเวียน แสงสีเจิดจ้า กลิ่นอายเหนือธรรมชาติอบอวลไปทั่วบริเวณ

 

แต่ผ่านไปแค่เพียงไม่กี่คน อสูรรับใช้ที่ทำให้ทั้งลานต้องส่งเสียงฮือฮาก็ปรากฏตัวขึ้น 

กริฟฟิน สัตว์อสูรในตำนาน ที่มีร่างเป็นครึ่งนกอินทรี ครึ่งสิงโต และที่น่าตกใจกว่านั้น... คือผู้เป็นเจ้าของของเจ้ากริฟฟินระดับห้าดาวตัวนี้คือ ธีออน แมคฟาแลนด์ ชายผู้เป็นคู่หมั้นของฉัน

ฉันบอกไม่ถูกเลยว่าควรจะรู้สึกอย่างไร…

เมื่อเวลาผ่านไป อสูรรับใช้ระดับสูงก็ค่อย ๆ ปรากฏตัวขึ้นทีละตน ราวกับไม่มีทีท่าว่าจะหยุด จนฉันเริ่มรู้สึกกังวล เพราะผู้ที่ได้อสูรรับใช้เหล่านี้ล้วนแต่เป็นเจ้าชาย คุณชาย หรือเลดี้จากตระกูลชั้นสูงของอาณาจักร แม้จะไม่ถึงระดับกริฟฟินของธีออน แต่อสูรรับใช้ของพวกเขาก็ล้วนแต่มีพลังไม่น้อยหน้าใครเลย…

“คนต่อไป บลูเนล กรีนมัวร์

 

...ข้าขอทำสัญญาด้วยนามที่แท้จริงของข้า พันธสัญญาอัญเชิญของข้าเอ๋ย จงขานรับต่อเสียงเรียกของข้า จงออกมา!...

แสงสีน้ำตาลสว่างวาบขึ้นบนแท่นอัญเชิญ รูปร่างของบางสิ่งค่อย ๆ ปรากฏขึ้นกลางวงเวท

เจ้าผู้ซึ่งตอบรับการอัญเชิญจากข้า นามข้าบลูเนล กรีนมัวร์ จะขอสร้างพันธสัญญากับเจ้า จงยอมรับและทำพันธสัญญากับข้า” เมื่อหยดเลือดของผู้เป็นเจ้านายหล่นลงบนวงเวท แสงสีน้ำตาลก็เปล่งประกายขึ้นอีกครั้ง เป็นสัญญาณว่าการทำสัญญาเสร็จสิ้นสมบูรณ์

“ดีมาก คนต่อไป เซเลสเทียร์ วาเลนเซีย”

เมื่อชื่อของฉันถูกขาน ฉันก็ลุกขึ้นอย่างสงบ และก้าวเดินอย่างมั่นคงไปยังแท่นวงเวทที่สลักอักขระโบราณ

 

ข้าขอทำสัญญาด้วยนามที่แท้จริงของข้า พันธสัญญาอัญเชิญของข้าเอ๋ย จงขานรับต่อเสียงเรียกของข้า จงออกมา!

ทันทีที่คำร่ายจบลง วงเวทก็ส่องแสงสีเขียวเรืองรอง พร้อมกับสายลมที่กรรโชกขึ้นจากที่ใดไม่รู้ ก่อให้เกิดเสียงฮือฮาในหมู่นักเรียน

“ดูนั่นสิ! มีเงาอะไรในลมนั่น!”

“เงานั่น... มันเหมือนคนเลยนะ”

“นี่เธออัญเชิญตัวอะไรออกมาน่ะ!”

“นั่นมัน... มนุษย์ไม่ใช่เหรอ”

ทั่วทั้งลานสนามเกิดเสียงเอะอะอย่างควบคุมไม่ได้ ลมแรงกับแสงเจิดจ้าที่ปกคลุมวงเวทค่อย ๆ จางหาย เผยให้เห็นร่างของใครบางคนที่ยืนอยู่บนแท่นอัญเชิญ

“…นี่คืออสูรรับใช้ของฉันงั้นเหรอ” ฉันรู้สึกเหมือนหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะ เพราะสิ่งที่เห็นอยู่เบื้องหน้าคือมนุษย์... ไม่ใช่อสูรสี่ขาตามที่ควรจะเป็น

“เอ๊ะ! นี่เรายังไม่ตายเหรอ...” เสียงพูดของร่างตรงหน้าทำเอาฉันสะดุ้ง เป็นไปได้อย่างไรที่อสูรรับใช้กำลังพูดภาษา มนุษย์ ได้อย่างชัดเจนขนาดนี้ “ไม่เจ็บ ไม่มีแผล ไม่มีเลือด เป็นไปได้ไงเนี่ย!”

“พูดได้ด้วย... แถมไม่ใช่เทเลพาธี...” ระดับสามดาวเหรอ... หรือว่าห้าดาวกันแน่…

เขาเงียบไป แต่จ้องหน้าฉันด้วยสายตางุนงง 

ถ้าเขาตอบรับเสียงเรียกของฉัน และออกมาจากวงเวทนี้ละก็...นั่นก็แปลว่าเขาคืออสูรรับใช้ของฉัน…

เมื่อคิดได้เช่นนั้น ฉันจึงไม่รีรอที่จะทำตามขั้นตอนที่อาจารย์สั่งสอน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการคลุ้มคลั่งจากอสูรรับใช้

 

เจ้าผู้ซึ่งตอบรับการอัญเชิญจากข้า นามของข้าเซเลสเทียร์ วาเลนเซีย...”

“หยุดเดี๋ยวนี้ นักเรียนวาเลนเซีย! อย่าเพิ่งสร้างพันธะสัญญากับอสูรตนนั้น!” เสียงตะโกนของอาจารย์หนุ่มดังลั่นลาน ...แต่ฉันไม่หยุด

“...จะขอสร้างพันธสัญญากับเจ้า จงยอมรับและทำพันธสัญญากับข้า” 

ฉันหยดเลือดของตนเองลงบนวงเวททันที และในวินาทีนั้น แสงสีเขียวก็พุ่งวาบขึ้น พร้อมกับสายลมอ่อนที่หอบเบา ๆ ล้อมรอบร่างตรงหน้า

“อ้ากกก นี่มันอะไรเนี่ย!” อสูรรับใช้ตรงหน้าร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด ร่างที่นั่งอยู่กลางวงเวทเริ่มบิดขยับอย่างทรมาน ฝ่ามือรีบคว้ากระชากกระดุมเสื้อออก ราวกับภายในนั้นมีบางสิ่งร้อนระอุเกินจะทนไหว และในเสี้ยววินาทีนั้นเอง ฉันก็ได้เห็น... สัญลักษณ์ของพันธสัญญาที่ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นชัดเจนบนหน้าอกด้านซ้ายของอสูรรับใช้ แสงเรืองรองสลักลึกลงบนผิวเนื้อราวกับจะประกาศการถือครองอย่างสมบูรณ์

“อสูรรับใช้ของฉัน..”

“นักเรียนวาเลนเซีย!” อาจารย์รีบพุ่งเข้ามาหาฉันทันทีหลังจากตราสัญญาปรากฏอย่างสมบูรณ์ “ทำไมเธอถึงได้วู่วามแบบนั้นนักเรียนวาเลนเซีย! เธอก็เห็นไม่ใช่หรือว่าอสูรตัวนี้มัน... แปลกประหลาดกว่าปกติ!”

“แต่ว่าเขาก็ออกมาจากวงเวทอัญเชิญนี่คะ ถึงรูปร่างจะเป็นแบบนั้น แต่จะเป็นอย่างอื่นไปได้ยังไง นอกจากอสูรรับใช้ของฉัน”

“ต่อให้เป็นอย่างนั้น เธอก็ไม่ควรรีบตัดสินใจแบบนี้! ไปกับฉันเดี๋ยวนี้ เราต้องไปพบท่านผู้อำนวยการโดยด่วน”