จากหญิงสาวชนชั้นรากหญ้าผู้เบื่อหน่ายโลก สู่การเป็นสัตว์เลี้ยงตัวโปรดของคุณหนูตัวร้ายในเกมโอโตเมะ

The Villain's Guardian — อสูรรับใช้ตัวโปรดของคุณหนูนางร้าย - CHAPTER 3 ในโลกที่ไม่ใช่ความฝัน โดย Black Panda @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

หญิง-หญิง,แฟนตาซี,รัก,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

The Villain's Guardian — อสูรรับใช้ตัวโปรดของคุณหนูนางร้าย

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

หญิง-หญิง,แฟนตาซี,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

The Villain's Guardian — อสูรรับใช้ตัวโปรดของคุณหนูนางร้าย โดย Black Panda @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

จากหญิงสาวชนชั้นรากหญ้าผู้เบื่อหน่ายโลก สู่การเป็นสัตว์เลี้ยงตัวโปรดของคุณหนูตัวร้ายในเกมโอโตเมะ

ผู้แต่ง

Black Panda

เรื่องย่อ

ทาคาฮาชิ ไม หญิงสาวลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น ต้องจบชีวิตลงในวัยเพียง 21 ปีจากอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน ทว่าในช่วงเวลาที่สติของเธอใกล้ดับสิ้น วงเวทสีเขียวขนาดใหญ่กลับปรากฏขึ้นใต้ร่างที่เปียกชุ่มไปด้วยเลือด พาเธอหายลับไปยังสถานที่ที่ไม่อาจระบุได้

เธอลืมตาขึ้นในโลกที่ไม่คุ้นเคย รายล้อมด้วยผู้คนแปลกหน้า และเต็มไปด้วยพลังเหนือธรรมชาติที่เรียกว่า 'เวทมนตร์' แต่ของขวัญจากโชคชะตาย่อมมาพร้อมกับราคาที่ต้องจ่าย เพราะตั้งแต่นี้ไป เธอจะไม่ถูกจดจำในฐานะมนุษย์อีกต่อไป หากแต่เป็น 'อสูรรับใช้'

และหากความโชคดีนั้นแฝงไว้ด้วยโชคร้าย ก็ราวกับโชคร้ายยังซ้อนทับมาอีกชั้น เมื่อเจ้านายที่กุมพันธะสัญญาของเธอไว้ ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็น 'นางร้าย' จากเกมจีบหนุ่ม ที่เส้นทางชีวิตไม่ได้มุ่งไปสู่จุดจบแบบ Happy Ending!

 

 

นิยายเรื่องนี้เป็นงานเขียนที่ถูกแต่งขึ้น ชื่อ ตัวละคร และเหตุการณ์เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้น

 

สารบัญ

The Villain's Guardian — อสูรรับใช้ตัวโปรดของคุณหนูนางร้าย-CHAPTER 0 เกมเริ่มต้น,The Villain's Guardian — อสูรรับใช้ตัวโปรดของคุณหนูนางร้าย-CHAPTER 1 พันธสัญญาผิดคาด,The Villain's Guardian — อสูรรับใช้ตัวโปรดของคุณหนูนางร้าย-CHAPTER 2 สัญญาที่ไม่อยากผูกพัน,The Villain's Guardian — อสูรรับใช้ตัวโปรดของคุณหนูนางร้าย-CHAPTER 3 ในโลกที่ไม่ใช่ความฝัน,The Villain's Guardian — อสูรรับใช้ตัวโปรดของคุณหนูนางร้าย-CHAPTER 4 บทเรียนแรกของอสูรรับใช้

เนื้อหา

CHAPTER 3 ในโลกที่ไม่ใช่ความฝัน

“ฉันขออัญเชิญใหม่ค่ะ อย่างน้อยฉันก็ควรจะได้อสูรรับใช้ระดับสองหรือสามดาว ไม่ใช่แค่สามัญชนคนธรรมดาแบบนั้น!”

“นักเรียนวาเลนเซีย เราไม่อาจอนุญาตให้เธอทำเช่นนั้นได้ เธอก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่า ผู้ใช้เวทหนึ่งคนสามารถมีอสูรรับใช้ได้เพียงตนเดียวเท่านั้น เว้นเสียแต่จะเป็นผู้ที่เกิดมาพร้อมพลังเวทอันล้นเหลือเท่านั้น จึงจะมีสิทธิ์ควบคุมอสูรรับใช้หลายตนได้” 

“แล้วทำไมฉันถึงได้อสูรรับใช้ที่เป็นแค่ ‘มนุษย์ธรรมดา’ ล่ะคะ…”  คำพูดนั้นหลุดออกมาด้วยน้ำเสียงปนหยัน เจือแววตัดพ้อ เหมือนพยายามหาคำอธิบายเพื่อกลบเกลื่อนความเสียหน้าและผิดหวังในตัวเอง “หรืออาจารย์กำลังจะบอกว่าพลังเวทของฉันต่ำต้อยจนกระทั่งอัญเชิญอะไรไม่ได้เลย นอกจากคนที่ไม่มีแม้แต่พลังเวทงั้นเหรอ…” เธอหัวเราะเบา ๆ แต่ไม่ใช่เพราะตลก หากเป็นการเย้ยหยันโชคชะตาของตนเอง  “อย่างน้อยถ้าได้อสูรระดับหนึ่งดาวที่ทำอะไรไม่เป็นยังจะดีเสียกว่าอีก...”

บรรยากาศรอบตัวพลันเงียบลง อากาศหนาวเย็นขึ้นอย่างแปลกประหลาด ไม่ใช่เพราะเวทมนตร์หรอก แต่เป็นเพราะคำพูดของเธอมันกัดกร่อนหัวใจคนฟังได้อย่างร้ายกาจ

ฉันได้ยินหมดเลยนะ... ทุกคำที่เธอพูด…

แหม ก็เข้าใจแหละ อุตส่าห์ตั้งใจอัญเชิญอสูรรับใช้เท่ ๆ ดุดัน หน้าตาโหด ๆ พลังเวทล้นฟ้า แต่ดันได้ฉัน... มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง ที่ยังหายใจฟืดฟาดตอนตื่นนอน เข้าใจเลยว่ามันน่าผิดหวังขนาดไหน

ขนาดฉันเองยังผิดหวังกับตัวเองเหมือนกันเลย

 

“เอาแต่จ้องฉันแบบนี้... เธอต้องการอะไรจากฉันรึเปล่า...” ทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องพักซึ่งดูจะเป็นห้องหลับนอนประจำของเด็กสาวผมสีเขียวลูกแพร์ ความรู้สึกอึดอัดบางอย่างก็พลันก่อตัวขึ้นทันที เหตุผลก็เพราะเจ้าของห้องนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงขนาดเล็กไม่ไหวติง ราวกับเป็นรูปปั้นมีชีวิต พร้อมกับสายตาคู่โตที่หันมาจ้องฉันเขม็งไม่กะพริบ ราวกับฉันเป็นสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดจากอีกโลกหนึ่ง ซึ่งในความเป็นจริง… ก็คงใช่

ห้องพักนี้มีขนาดไม่ใหญ่นัก แต่ถูกจัดสรรอย่างลงตัวและสะอาดสะอ้าน ด้านซ้ายมือของประตูทางเข้าเป็นห้องน้ำในตัว มีประตูบานเล็กที่ปิดสนิท กลิ่นสบู่อ่อน ๆ ลอยออกมาแตะปลายจมูก ถัดจากห้องน้ำเข้าไปคือเตียงนอนขนาดหนึ่ง ที่อยู่ชิดติดผนังและหลบสายตาจากทางเข้าพอสมควร โดยวางหันหัวเตียงไปทางหน้าต่างที่รับแสงธรรมชาติได้ดีในช่วงสาย ฝั่งซ้ายตรงข้ามเตียงมีโต๊ะเขียนหนังสือที่วางตำราเรียงเป็นระเบียบ และชั้นหนังสือเตี้ย ๆ ที่อัดแน่นไปด้วยหนังสือเวทมนตร์หลากเล่ม บางเล่มดูเก่าจนปกแทบหลุด แต่กลับถูกดูแลอย่างทะนุถนอม

ภายในห้องไม่มีของตกแต่งฟุ่มเฟือย มีเพียงสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตประจำวันและการเรียนของนักเรียนเวทมนตร์ แต่ถึงจะดูเรียบง่ายขนาดไหน ฉันก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าบรรยากาศรอบตัวมันดูห่างเหินและเย็นชาจนน่าขนลุก

และในความเงียบที่คล้ายจะกลืนกินทุกเสียงนั้น มีเพียงสายตาคู่หนึ่งที่มองมาอย่างไม่ลดละ ราวกับกำลังจับตาดูว่าฉันจะทำอะไรผิดพลาดอีกเมื่อไร…

“เธอเป็นมนุษย์จริง ๆ เหรอ หรือเป็นอสูรรับใช้ที่ปลอมตัวเป็นมนุษย์” เด็กสาวขมวดคิ้วอย่างไม่ไว้ใจ ขณะสายตายังจับจ้องมาที่ฉันไม่วาง “ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยนะว่าสามารถอัญเชิญมนุษย์ได้ หรือมีอสูรรับใช้ที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ขนาดนี้…”

“แต่ที่โลกฉันมีสิ่งที่เรียกว่าการอัญเชิญผู้กล้านะ โลกของเธอไม่มีเหรอ...” ฉันเอ่ยอย่างไม่คิดมาก พลางนึกถึงพระเอกในมังงะและนิยายที่เคยอ่านมา

“ผู้กล้าเนี่ยนะ...” เธอแค่นหัวเราะเบา ๆ แล้วเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “ผู้กล้าอะไรกัน แค่ตรวจสอบพลังเวทยังไม่ผ่านเลยด้วยซ้ำ อีกอย่าง... วงเวทนั่นมันก็วงเวทสำหรับเรียกอสูรอสูรรับใช้โดยเฉพาะ จะให้ได้ผู้กล้ามาได้ยังไงกัน...” เธอจ้องฉันนิ่งแล้วกล่าวต่อด้วยรอยยิ้มครึ่งปากที่ไม่บอกอารมณ์แน่ชัด “เพราะงั้น บอกความจริงมาเถอะ ว่าเธอน่ะเป็นสัตว์อสูรที่แปลงกายเป็นมนุษย์ได้ ใช่ไหม...”

“จะคิดยังไงก็แล้วแต่เธอเลย” ฉันตอบเรียบ ๆ พลางยักไหล่ “แต่สำหรับฉัน ฉันก็คือมนุษย์อยู่ดี”

“งั้นก็ได้... ถ้างั้นก็ปล่อยให้ฉันคิดในแบบของฉันก็แล้วกัน…”

 

นี่เป็นคืนที่สองแล้ว... นับตั้งแต่ฉันถูกดึงมายังโลกใบนี้

แม้คืนนี้จะสงบเงียบกว่าคืนแรก ที่หลับที่นอนก็ไม่ได้อึดอัดหรือเต็มไปด้วยเสียงแปลกปลอมเหมือนเดิม แต่ถึงอย่างนั้น ความรู้สึกอบอุ่นใจกลับไม่เคยแวะเวียนเข้ามาเลยสักครั้ง

โลกใบนี้…โลกที่ฉันเคยเฝ้าฝันอยากก้าวเข้าสู่ กลับกลายเป็นสิ่งที่แตกต่างไปจากฝันโดยสิ้นเชิง ทั้งสายตาเย็นชา การไม่ยอมรับ หรือแม้แต่การปฏิบัติที่ไม่ต่างอะไรจากสัตว์เลี้ยงหรือทาสคนหนึ่ง

มุมเล็ก ๆ ที่ปลายเตียงภายในห้อง เป็นที่ซุกตัวของฉัน บนพื้นเย็น ๆ ของกระเบื้องมีเพียงผ้าผืนหนึ่งปูรองไว้แทนฟูก หมอนใบเก่าทรุดตัวแบนราบ และผ้าห่มผืนบางที่แทบจะไม่ช่วยต้านทานความหนาวเหน็บได้เลย กลายเป็นที่นอนของ ‘อสูรรับใช้’ ที่ไม่ได้รับการยอมรับว่าเป็นอะไรมากไปกว่าสิ่งของชิ้นหนึ่ง

แบบนี้… ฉันจะทนอยู่ในโลกใหม่นี้ได้อีกนานแค่ไหนกันนะ…

ฉันไม่ได้วาดฝันว่าตัวเองจะถูกเชิดชูเหมือนผู้กล้าที่พระเจ้าส่งมาเพื่อช่วยเหลือผู้คน ไม่เคยต้องการสิ่งนั้นเลย

แค่หวังจะได้รับการปฏิบัติ... ในฐานะ ‘มนุษย์’ คนหนึ่ง ก็เท่านั้นเอง

 

“นี่! จะนอนสันหลังยาวไปถึงไหน ตื่นได้แล้วนะ” ดวงตาที่เพิ่งปิดลงได้ไม่ถึงชั่วโมงดีต้องฝืนเปิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อเสียงเรียกอันดังลั่นของใครบางคนลากฉันกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงอย่างไม่ปรานี “ฉันบอกให้ตื่นไง!”

“อื้อ... ตื่นแล้วน่า...” ช่างเป็นเช้าที่สดใสเสียจริง สดใสเสียจนอยากฝังตัวอยู่ในผ้าห่มตลอดทั้งวัน ความงัวเงียผสมความหงุดหงิดกัดกินหัวใจตั้งแต่วินาทีแรกที่ลืมตา และน้ำเสียงบาดหูของเด็กสาวผมเขียวผู้เป็นเจ้าของห้องก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย

“นี่คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน เป็นอสูรรับใช้ของฉันไม่ใช่รึไง แล้วกล้าดียังไงถึงปล่อยให้เจ้านายต้องมาตามปลุกถึงที่แบบนี้!” ยิ่งพูด สีหน้าของเด็กสาวก็ยิ่งแดงก่ำด้วยความโมโห “ที่จริงมันควรจะเป็นเธอที่ตื่นก่อน แล้วมาปลุกฉันด้วยซ้ำ ไหนจะเตรียมเสื้อผ้า เตรียมน้ำให้ ฉันไม่เห็นเธอจะทำอะไรเลย!”

“นี่ฉันเป็นคนรับใช้ของเธอรึไง...”

“อสูรรับใช้มันก็ไม่ต่างอะไรจากคนรับใช้นั่นแหละ!” เธอยักไหล่แล้วทำเสียงจิ๊ปากใส่ฉัน

ฉันถอนหายใจแรงแบบไม่คิดจะปิดบังอารมณ์

โลกบ้าอะไรเนี่ย…! แม่ง หงุดหงิดเป็นบ้าเลย!

“เธอควรทำตัวให้มีประโยชน์บ้างนะ ไม่ใช่นั่งกินนอนกินไปวัน ๆ อสูรรับใช้ตัวอื่น ถึงจะเป็นแค่ระดับหนึ่งดาว แต่ก็ยังพอจะสร้างสีสันให้เจ้านายอารมณ์ดีขึ้นได้บ้าง แล้วเธอล่ะ… สู้ก็ไม่ได้ พลังเวทก็ไม่มี ยังจะทำตัวเป็นภาระให้ฉันอีกเหรอ”

“แม่งเอ้ย!” เสียงสบถลอดออกจากปากฉัน ทันทีที่ฝ่ามือของฉันขยับขึ้น ความเจ็บปวดรุนแรงคล้ายถูกไฟฟ้าช็อตก็แล่นพล่านทั่วร่าง โดยเฉพาะบริเวณหน้าอกที่มีตราประทับนั่น… มันเหมือนกำลังแผดเผาหัวใจให้ไหม้เกรียมไปทั้งดวง

“นี่เธอคิดจะตบฉันเหรอ!” เธอลุกขึ้นยืนจ้องฉันอย่างเหลืออด

“ก็ปากเธอมันเหมือนว่าอยากจะโดนปะทะนี่!”

การปะทะฝีปากกำลังจะปะทุขึ้นอีกระลอก แต่แล้วเสียงสัญญาณอันคุ้นเคยที่บ่งบอกว่าใกล้ถึงเวลาเข้าเรียนก็ดังขึ้นราวกับระฆังศักดิ์สิทธิ์ หยุดศึกไว้ก่อนที่เลือดจะตกยางออก

 

“นั่นใช่ไหม… สามัญชนที่รับบทเป็น อสูรรับใช้... คิกคิก”

“นี่โรงเรียนของเราตกต่ำถึงขั้นมีการทำสัญญาทาสกันในรั้วโรงเรียนแล้วหรือยังไงนะ”

“สมกับเป็นคุณหนูหมาหัวเน่าจากตระกูลดยุกจริง ๆ เลยนะ”

“พอเทียบกับเลดี้อลิซ... ที่เป็นเพียงลูกสาวบารอนธรรมดาแต่กลับได้อสูรรับใช้ระดับสามดาวแล้ว ก็ยิ่งเห็นความต่างชัดเจน ราวฟ้ากับเหวเลยล่ะ ฮ่าฮ่า”

“แบบนี้คุณชายธีออนจะเปลี่ยนคู่หมั้นเป็นเลดี้อลิซไหมนะ...”

“คงไม่ง่ายหรอก เพราะเจ้าชายคาร์ซิเลียนเองก็ดูเหมือนจะมีใจให้เลดี้อลิซเหมือนกัน”

“แต่เจ้าชายก็มีเลดี้รามิเรซอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ...”

“ใครจะไปรู้ล่ะ... เรื่องหัวใจมันไม่มีอะไรแน่นอนหรอก”

แค่เพียงเราสองคนเดินผ่าน เสียงซุบซิบนินทาเหล่านั้นก็หลั่งไหลมาไม่ขาดสาย ราวกับคลื่นที่ถาโถมใส่ไม่หยุดหย่อน

“หวังว่าเลดี้วาเลนเซียคงไม่ได้คิดจะพาทาสขึ้นไปนั่งเรียนในห้องด้วยหรอกนะ…”

ทันทีที่ประโยคดูแคลนเหล่านั้นหลุดออกมาจากปากพวกคนปากหอยปากปู สีหน้าและท่าทีฉุนเฉียวของเด็กสาวที่เคยแผ่วลงไปแล้วก็พลันกลับมาอีกครั้ง พร้อมกับการเปลี่ยนทิศทางเดินอย่างกะทันหัน 

จากที่เราใกล้จะถึงอาคารเรียนอยู่แล้ว กลับกลายเป็นว่าก้าวเท้าของเราค่อย ๆ เบี่ยงออกห่าง และมุ่งหน้าไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง ...ที่ที่ฉันไม่มีวันลืม

“เผ่าพันธุ์อะไรคะ...” หญิงสาวที่ประจำอยู่เคาน์เตอร์ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงสุภาพและเป็นมิตร

“ไม่แน่ใจเหมือนกัน ด้วยตัวเองน่าจะชัดเจนกว่านะ” เด็กสาวตอบกลับเรียบ ๆ พลางปรายตามองมาทางฉันด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก

“แล้วไหนล่ะคะ อสูรรับใช้ตัวที่ว่า...”

“นี่ไงคะ” คราวนี้เธอไม่เพียงแค่มอง แต่ชี้นิ้วมาทางฉันอย่างชัดเจน

“คะ... นักเรียนกำลังล้อเล่นอะไรอยู่คะ...”

“ฉันไม่ได้ล้อเล่นค่ะ” น้ำเสียงของเธอเย็นเฉียบแต่หนักแน่น “ฉันจะฝากอสูรรับใช้ของฉันไว้ที่ศูนย์ดูแลนี้จริง ๆ”

โชคยังเข้าข้างอยู่บ้าง เมื่อไม่นานหลังจากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่อีกคนที่จำเรื่องของฉันได้เดินเข้ามาและช่วยไกล่เกลี่ยสถานการณ์ ก่อนที่ความเข้าใจผิดจะลุกลามมากไปกว่านี้

 

“เฮ้อ..” แบบนี้เรียกได้ว่าเด็กสาวคนนั้นยังมีเมตตาหลงเหลืออยู่บ้างหรือเปล่านะ... ด้วยเม็ดเงินมหาศาลที่เธอจ่ายไม่อั้น ทำให้ตอนนี้ฉันไม่ต้องกลับไปนอนในกรงแคบอับชื้นเหมือนคืนนั้นอีกแล้ว แต่กลับได้มาอยู่ในสถานที่วิเศษ ที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจี และสัตว์อสูรน้อยใหญ่ที่วิ่งเล่นกันอย่างอิสระราวกับสวรรค์ของพวกมัน

“ถ้าอย่างนั้น... จะให้จัดอสูรรับใช้ของคุณหนูไว้โซนไหนคะ… กินพืช... หรือกินเนื้อ…”

“กินพืชแล้วกันค่ะ”

พอนึกถึงบทสนทนาเมื่อครู่ ฉันก็อดหัวเราะในใจไม่ได้ อยู่ ๆ ตัวเองก็ถูกจัดอยู่ในประเภทเดียวกับพวกสัตว์กินพืชเสียอย่างนั้น แต่ที่น่าแปลกคือ... ฉันกลับไม่รู้สึกโกรธเคืองเด็กสาวคนนั้นเลยสักนิด ทั้ง ๆ ที่ไม่นานมานี้เรายังปะทะคารมกันจนเกือบลงไม้ลงมือ  

 

“ได้ยินว่าปีนี้มีเด็กปีห้าอัญเชิญอสูรรับใช้ระดับห้าดาวออกมาได้ด้วยใช่ไหม...”

“พูดเบา ๆ หน่อย เด็กปีห้าที่ว่า... คือคุณชายธีออน ตระกูลดยุกแมคฟาแลนด์นะ”

“นายนี่ก็ขี้กลัวจริง แล้วอสูรรับใช้ห้าดาวนั่นคืออะไร… คุณชายเอามาฝากที่นี่หรือเปล่า… ฉันอยากเห็นกับตาสักครั้ง”

“อืม... ฉันก็ไม่แน่ใจ แต่ได้ยินมาว่าเป็นกริฟฟินน่ะ น่าจะเอามาฝากไว้แถวนี้แหละ เพราะบางตึกของอะคาเดมีก็ห้ามพาอสูรรับใช้เข้าไปเหมือนกัน”

“ว่าแต่... คู่นั้นก็ดูเหมาะกันดีนะ”

“หมายถึงใครอีกล่ะ”

“ก็คุณชายธีออนกับเลดี้เซเลสเทียร์น่ะสิ คนหนึ่งได้อสูรระดับตำนาน อีกคนได้... ชาวบ้านตาดำ ๆ ไร้พลัง นี่มันคู่สร้างคูสมชัด ๆ สูงสุดกับต่ำสุด ฮ่า ๆ!”

“เห้ย! เบา ๆ หน่อย เดี๋ยวก็ซวยหรอก”

“ครับ ๆ นายนี่ขี้กลัวเสมอต้นเสมอปลายเลยนะ” 

“ส่วนนายก็ปากพาซวยไม่แพ้กันนั่นแหละ!”

ทันทีที่ชายหนุ่มสองคนนั้นเดินจากไป ฉันก็รีบก้าวออกมาจากที่หลบซ่อน

“เซเลสเทียร์ วาเลนเซีย” ทำไมฉันถึงไม่เอะใจเลยตอนที่ได้ยินใคร ๆ เรียกเด็กคนนั้นว่า ‘เลดี้วาเลนเซีย’ ยิ่งพอได้ยินชื่อ ‘ธีออน’ ที่มักถูกพูดถึงคู่กันอยู่บ่อยครั้ง ฉันก็เริ่มแน่ใจ... “ธีออน แมคฟาแลนด์” ชายหนุ่มผู้เป็นหนึ่งในตัวเลือกของเกมจีบหนุ่ม ผู้มีภาพลักษณ์เป็นเพลย์บอยเจ้าสำราญ

ส่วน ‘เซเลสเทียร์ วาเลนเซีย’ ก็คือคู่หมั้นของธีออน นางร้ายในเกม ที่ถูกออกแบบมาให้คอยขัดขวางความรักของผู้เล่น    

“เฮ้อ... นี่ฉันหลุดเข้ามาอยู่ในเกมนั้นจริง ๆ งั้นเหรอ” แถมยังไม่ได้เข้ามาเป็นชาวบ้านเอหรือบีที่ไม่มีบทอะไรเลย แต่กลับกลายเป็น ‘อสูรรับใช้ผู้ต่ำต้อยของนางร้าย’ ซะงั้น!

“แบบนี้มันซวยสุด ๆ ไปเลยไม่ใช่รึไง…” 

เพราะตามสัญญาของการอัญเชิญ หากเจ้านายตาย อสูรรับใช้ก็จะต้องตายตามไปด้วย 

และแม้ฉันจะรู้ว่านี่คือโลกของเกม แต่มันช่วยอะไรได้ตรงไหน ในเมื่อฉันไม่เคยเล่นเกมนี้มาก่อนสักนิด

“ฉันนี่มันดวงซวยของแท้เลย เฮ้อ...”