ธนิดาถูกจับไปเป็นตัวประกันระหว่างรอชดใช้หนี้ให้มาเฟียอย่างนาวิน ความใกล้ชิดค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความรัก ทว่าท่ามกลางอันตรายและความลับที่ปิดซ่อนไว้ ทั้งสองจะเอาชนะโชคชะตาและความเสี่ยงของโลกมาเฟียได้หรือไม่
รัก,ดราม่า,แอคชั่น,ยุคปัจจุบัน,เลือดสาด,ดราม่า,มาเฟีย,นางเอกเก่ง,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
สัญญาใจใต้รัตติกาลธนิดาถูกจับไปเป็นตัวประกันระหว่างรอชดใช้หนี้ให้มาเฟียอย่างนาวิน ความใกล้ชิดค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความรัก ทว่าท่ามกลางอันตรายและความลับที่ปิดซ่อนไว้ ทั้งสองจะเอาชนะโชคชะตาและความเสี่ยงของโลกมาเฟียได้หรือไม่
นาวิน หัวหน้าแก๊งมาเฟียเงาจันทรา ดึง ธนิดา หญิงสาวธรรมดา เข้ามาในโลกอันตรายของเขาด้วยข้ออ้างหนี้ 50 ล้านของพ่อเธอ แต่เมื่อการทรยศของ ภูมิ ลูกน้องคนสนิท และการโจมตีจากแก๊งเสือดาวรุนแรงขึ้น ความสัมพันธ์ของทั้งคู่กลับลึกซึ้งเกินคาด ธนิดาค้นพบความลับของพ่อเธอ ขณะที่นาวินเผยความเปราะบางและความปรารถนาที่จะปกป้องเธอ
ทั้งสองต้องเผชิญสงครามเลือดกับเสือดาว ฝ่าฟันการต่อสู้สุดดุเดือด และการสูญเสียที่เจ็บปวด ธนิดากลายเป็นนักสู้เคียงข้างนาวิน
เรื่องราวของนาวินและธนิดาคือการเดินทางของความรักที่เกิดท่ามกลางความโหดร้าย การต่อสู้เพื่ออิสรภาพ และคำสัญญาที่แข็งแกร่งกว่าความตาย
หมอกหนาที่ยามค่ำคืนลอยตัวต่ำปกคลุมป่าที่เงียบสงัด ราวกับผ้าคลุมสีขาวที่ซ่อนอันตรายไว้เบื้องล่าง ต้นไม้สูงใหญ่ยื่นกิ่งก้านออกมาทับซ้อนกันจนแทบมองไม่เห็นท้องฟ้า มีเพียงแสงจันทร์ที่เล็ดลอดผ่านช่องว่างของใบไม้เท่านั้นที่ส่องสว่างลงมาเป็นลำแสงสลัวๆ เสียงลมพัดผ่านใบไม้ดังเป็นเสียงกระซิบที่เย็นเยือก ผสมกับกลิ่นดินเปียกและความชื้นที่ลอยอยู่ในอากาศ ค่ำคืนนี้ควรจะเงียบสงบ แต่สำหรับนาวินและธนิดา มันคือค่ำคืนแห่งการหนีตาย
ทั้งคู่ยืนอยู่ที่ลานจอดรถหน้าคฤหาสน์ รถยนต์สีดำที่ภูมิขับมาจอดรออยู่ไม่ไกล นาวินมองไปที่ภูมิด้วยสายตาที่เย็นชาและเต็มไปด้วยความสงสัย ขณะที่ธนิดายืนอยู่ข้างเขา มือของเธอกำปืนพกแน่น เธอเพิ่งบอกเขาว่าเธอได้ยินภูมิคุยโทรศัพท์ และโกดังยาที่ถูกระเบิดเมื่อครู่ยิ่งทำให้ความสงสัยของนาวินถึงจุดแตกหัก
“ขึ้นรถ” นาวินสั่งภูมิสั้นๆ “นายขับ”
ภูมิพยักหน้ารับและเดินไปที่รถ แต่ก่อนที่เขาจะได้เปิดประตู เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นเบาๆ เขารีบหยิบมันออกจากกระเป๋าและกดปิดทันที แต่สายตาของนาวินจับจ้องไปที่การเคลื่อนไหวของเขา
“ใครโทรมา?” นาวินถาม น้ำเสียงของเขาเย็นเยือกจนน่ากลัว
“ไม่มีอะไรครับ แค่ลูกน้องถามเรื่องโกดัง”
นาวินก้าวเข้าไปใกล้เขา และก่อนที่ภูมิจะได้ขยับตัว เขาก็คว้าคอเสื้อของภูมิและผลักเขาไปติดกับรถ “อย่ามาโกหกฉัน!” เขาตะโกน “ฉันรู้ว่านายทรยศ ภูมิ! คนทรยศไม่ได้มีแค่มณีคนเดียวใช่ไหม!!?”
ธนิดารู้สึกถึงหัวใจที่เต้นรัว เธอยกปืนขึ้นเล็งไปที่ภูมิโดยสัญชาตญาณ ขณะที่เขาดิ้นรนอยู่ในเงื้อมมือของนาวิน “พูดมา!” เธอตะโกน “ถ้าคุณไม่พูด ฉันจะยิง!”
ภูมิหายใจถี่ สายตาของเขาสั่นไหวด้วยความกลัว “นายท่าน... ผม...” เขาพูดตะกุกตะกัก “ผมแค่...”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มจากด้านหลังคฤหาสน์ก็ดังขึ้น รถมอเตอร์ไซค์สามคันพุ่งออกมาจากเงามืด ลูกน้องของเสือดาวสวมหน้ากากสีแดงและถือปืนกลสั้นในมือ พวกมันยิงปืนใส่ทันที
ปัง! ปัง! ปัง!
“หลบเร็ว!” นาวินตะโกน เขาดึงธนิดาลงไปหลบหลังรถ ขณะที่กระสุนเจาะเข้ามาที่ตัวรถและพื้นหินอ่อน ภูมิฉวยโอกาสนั้นผลักนาวินออกและวิ่งหนีไปในความมืด
“ไอ้ทรยศ!” นาวินคำราม เขาคว้าปืนกลจากเอวของเขาและยิงสวนกลับไปที่รถมอเตอร์ไซค์ กระสุนของเขาเจาะเข้าที่หน้าอกของคนขับคันหนึ่ง รถล้มคว่ำทันที แต่สองคันที่เหลือยังคงพุ่งเข้ามา
“เราต้องหนี!” ธนิดาตะโกน เธอยิงปืนพกของเธอไปที่รถคันหนึ่ง กระสุนเจาะยางหน้าจนรถเสียหลักและพุ่งชนกำแพง
นาวินพยักหน้ารับ เขาคว้าแขนของเธอและวิ่งไปที่รถยนต์อีกคันที่จอดอยู่ใกล้ๆ เขาเปิดประตูฝั่งคนขับและกระโดดเข้าไป ขณะที่ธนิดาวิ่งไปที่ฝั่งผู้โดยสาร เธอแทบไม่ทันปิดประตูก่อนที่นาวินจะเหยียบคันเร่ง รถพุ่งออกจากลานจอดรถด้วยความเร็วสูง มุ่งหน้าสู่ถนนที่ตัดผ่านป่าทันที
“ภูมิทรยศจริงๆ!” ธนิดาพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา “เขาร่วมมือกับเสือดาว!”
“ฉันก็เพิ่งรู้” นาวินตอบ เขากำพวงมาลัยแน่นจนข้อนิ้วขาว “เขาแอบวางแผนกับเสือดาวมานาน ฉันโง่เองที่ไว้ใจเขา”
“เขาต้องการอะไร?” เธอถาม
“อำนาจไง” นาวินตอบ “เขาคงคิดว่าถ้าฆ่าฉันได้ เขาจะขึ้นมาแทนที่ฉันและควบคุมเงาจันทราให้เสือดาว”
ก่อนที่ธนิดาจะได้พูดอะไรต่อ เสียงเครื่องยนต์ของมอเตอร์ไซค์ก็ดังขึ้นจากด้านหลัง เธอหันไปมองและเห็นรถมอเตอร์ไซค์สี่คันพุ่งตามมาด้วยความเร็วสูง ไฟหน้าของมันตัดผ่านหมอกหนา และกระสุนเริ่มยิงมาที่รถของพวกเธออีกครั้ง
ปัง! ปัง!
“ยิงกลับไป!” นาวินตะโกน เขาเหยียบคันเร่งจนสุด ขณะที่รถพุ่งไปตามถนนคดเคี้ยว
ธนิดาลดกระจกลงและยื่นตัวออกไป เธอกำปืนแน่นและเล็งไปที่รถมอเตอร์ไซค์คันที่ใกล้ที่สุด ฝนที่ตกลงมาเบาๆ เปียกหน้าเธอ แต่เธอไม่สนใจ เธอเหนี่ยวไกสองครั้ง
ปัง! ปัง!
กระสุนเจาะเข้าที่ล้อและหน้าอกของคนขับ รถล้มคว่ำและกลิ้งลงข้างทางทันที
“เก่งมาก!” นาวินพูด เขาหักพวงมาลัยเลี้ยวรถเข้าสู่ทางแยกแคบๆ ที่ตัดผ่านป่า “เราต้องทิ้งพวกมันให้ได้!”
แต่รถมอเตอร์ไซค์ที่เหลือยังคงตามมาไม่ลดละ กระสุนเจาะเข้ามาที่ท้ายรถจนเกิดเสียงโลหะกระทบกันดังสนั่น ธนิดายิงสวนกลับไปอีกครั้ง และจัดการศัตรูได้อีกหนึ่งคน แต่ทันใดนั้น เสียงเครื่องยนต์ของรถยนต์ก็เริ่มดังผิดปกติ และรถเริ่มช้าลง
“รถเป็นอะไร?!” เธอตะโกนถาม
“น้ำมันรั่ว!” นาวินตอบ เขากัดฟันแน่นและพยายามควบคุมรถ แต่เครื่องยนต์ดับลงในที่สุด รถไถลไปหยุดที่โค้งหนึ่งของถนน และหมอกหนาก็กลืนมันเข้าไป
“ลงรถเดี๋ยวนี้!” เขาตะโกนพร้อมเตะประตูรถออก เขาวิ่งไปอีกด้านของรถก่อนจะออกแรงดึงแขนของธนิดาออกจากรถ ทั้งคู่รีบวิ่งเข้าไปในป่าทันที ในขณะที่เสียงมอเตอร์ไซค์ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ทั้งสองคนวิ่งฝ่าหมอกและพุ่มไม้ที่เปียกชื้น ขาของธนิดาเริ่มล้าจากความเหนื่อย แต่เธอกัดฟันวิ่งต่อ นาวินนำทางด้วยความชำนาญ เขาพาเธอวิ่งลึกเข้าไปในป่าจนกระทั่งมาถึงกระท่อมร้างหลังเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ท่ามกลางต้นไม้ กระท่อมนั้นทรุดโทรม หลังคาไม้มีรอยผุ และกำแพงบางส่วนพังทลาย แต่ก็ยังพอเป็นที่หลบภัยได้
“เข้าไปเร็ว!” เขาสั่งก่อนจะออกแรงดันประตูไม้เก่าที่ส่งเสียงดังเอี๊ยดและพาเธอเข้าไปข้างใน ทั้งคู่ทรุดตัวลงนั่งหลังกำแพง กลั้นหายใจเพื่อไม่ให้ศัตรูได้ยิน
ไม่กี่วินาทีต่อมา เสียงมอเตอร์ไซค์ดังผ่านไปใกล้ๆ ไฟหน้าของมันสาดส่องผ่านช่องว่างของกระท่อม แต่ดูเหมือนพวกมันจะไม่เห็นที่ซ่อนนี้ เสียงเครื่องยนต์ค่อยๆ จางหายไปในม่านหมอก และความเงียบก็กลับมาครอบงำอีกครั้ง
ธนิดาหายใจออกด้วยความโล่งใจ เธอมองไปที่นาวินและเห็นว่าเขากำลังกุมแขนที่บาดเจ็บของเขา เลือดซึมออกมาจากผ้าพันแผลอีกครั้ง
“คุณไหวไหม” เธอพูดด้วยความเป็นห่วง
“ฉันยังไหว” เขาตอบ แต่สีหน้าของเขาซีดลงจากความเจ็บปวด
เธอฉีกผ้าจากชายเสื้อของเธอและพันรอบแผลของเขาให้แน่นขึ้น “คุณต้องพักนะ” เธอพูด “ถ้าคุณตายขึ้นมา ฉันหนีไปคนเดียวไม่ได้แน่ๆ”
นาวินมองเธอด้วยสายตาที่อ่อนลง เขายิ้มบางๆ และพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “เธอเก่งกว่าที่ฉันคิดเยอะ...”
“สถานการณ์บังคับให้ฉันต้องเก่งไง เพราะถ้าฉันไม่สู้ ฉันคงตายไปนานแล้ว”
ทั้งคู่เงียบไปชั่วขณะ เหลือเพียงเสียงสายลมที่กำลังหอนและน้ำหยดจากหลังคาเท่านั้นที่ดังขึ้น นาวินมองไปที่เธอและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “ขอบคุณที่อยู่ข้างฉัน”
ธนิดาชะงัก เธอมองเข้าไปในดวงตาของเขาและเห็นความจริงใจที่ซ่อนอยู่ “ฉันไม่มีทางเลือกอื่น” เธอพูด “แต่ถ้ามี ฉันก็คงเลือกแบบนี้อยู่ดี”
นาวินยื่นมือที่ไม่บาดเจ็บออกไปแตะที่มือของเธอเบาๆ “เราจะรอดไปด้วยกัน ฉันสัญญา”
ธนิดาพยักหน้ารับ เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นจากสัมผัสของเขา และในใจของเธอ เธอรู้ว่าตอนนี้เธอกับเขาเป็นมากกว่าแค่พันธมิตร พวกเขาคือคนที่ต้องพึ่งพากันเพื่อเอาชีวิตรอด
แต่ท่ามกลางความเงียบนั้น เสียงฝีเท้าเบาๆ ก็ดังขึ้นจากด้านนอกกระท่อม ธนิดากับนาวินหันไปมองหน้ากันทันที และยกปืนขึ้นพร้อมกัน พวกเขารู้ว่าการหลบหนีที่สิ้นหวังนี้ยังไม่จบ และศัตรูอาจอยู่ใกล้กว่าที่พวกเขาคิด