ธนิดาถูกจับไปเป็นตัวประกันระหว่างรอชดใช้หนี้ให้มาเฟียอย่างนาวิน ความใกล้ชิดค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความรัก ทว่าท่ามกลางอันตรายและความลับที่ปิดซ่อนไว้ ทั้งสองจะเอาชนะโชคชะตาและความเสี่ยงของโลกมาเฟียได้หรือไม่

สัญญาใจใต้รัตติกาล - บทที่ 7 โดย กชญาณ์พัฒน์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,แอคชั่น,ยุคปัจจุบัน,เลือดสาด,ดราม่า,มาเฟีย,นางเอกเก่ง,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

สัญญาใจใต้รัตติกาล

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,แอคชั่น,ยุคปัจจุบัน,เลือดสาด

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ดราม่า,มาเฟีย,นางเอกเก่ง

รายละเอียด

สัญญาใจใต้รัตติกาล โดย กชญาณ์พัฒน์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ธนิดาถูกจับไปเป็นตัวประกันระหว่างรอชดใช้หนี้ให้มาเฟียอย่างนาวิน ความใกล้ชิดค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความรัก ทว่าท่ามกลางอันตรายและความลับที่ปิดซ่อนไว้ ทั้งสองจะเอาชนะโชคชะตาและความเสี่ยงของโลกมาเฟียได้หรือไม่

ผู้แต่ง

กชญาณ์พัฒน์

เรื่องย่อ

 

นาวิน หัวหน้าแก๊งมาเฟียเงาจันทรา ดึง ธนิดา หญิงสาวธรรมดา เข้ามาในโลกอันตรายของเขาด้วยข้ออ้างหนี้ 50 ล้านของพ่อเธอ แต่เมื่อการทรยศของ ภูมิ ลูกน้องคนสนิท และการโจมตีจากแก๊งเสือดาวรุนแรงขึ้น ความสัมพันธ์ของทั้งคู่กลับลึกซึ้งเกินคาด ธนิดาค้นพบความลับของพ่อเธอ ขณะที่นาวินเผยความเปราะบางและความปรารถนาที่จะปกป้องเธอ

ทั้งสองต้องเผชิญสงครามเลือดกับเสือดาว ฝ่าฟันการต่อสู้สุดดุเดือด และการสูญเสียที่เจ็บปวด ธนิดากลายเป็นนักสู้เคียงข้างนาวิน 

เรื่องราวของนาวินและธนิดาคือการเดินทางของความรักที่เกิดท่ามกลางความโหดร้าย การต่อสู้เพื่ออิสรภาพ และคำสัญญาที่แข็งแกร่งกว่าความตาย 

สารบัญ

สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 1,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 2,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 3,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 4,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 5,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 6,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 7,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 8,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 9,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 10,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 11,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 12,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 13,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 14,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 15,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 16

เนื้อหา

บทที่ 7

ฝนตกหนักราวกับฟ้าจะถล่มลงมาในค่ำคืนนั้น เสียงหยดน้ำกระทบหลังคารถยนต์สีดำคันใหญ่ดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ขณะที่มันเคลื่อนตัวผ่านถนนเปลี่ยวยามค่ำที่ทอดยาวไปท่ามกลางความมืดมิด ถนนสายนี้ตัดผ่านป่าที่ยังคงเขียวขจีแม้ในฤดูฝน ต้นไม้สูงใหญ่ยื่นกิ่งก้านออกมาบดบังแสงจากดวงจันทร์จนแทบมองไม่เห็นอะไรนอกจากเส้นทางที่ถูกสาดส่องด้วยไฟหน้ารถ ละอองฝนที่พัดมากระทบกระจกหน้าทำให้ทัศนวิสัยเลวร้ายลงทุกขณะ แต่คนขับรถลูกน้องของนาวินที่ชื่อว่า เอก ยังคงเหยียบคันเร่งต่อไปด้วยความนิ่งเงียบ

ธนิดานั่งอยู่ที่เบาะหลังข้างนาวิน เธอสวมเสื้อแจ็กเก็ตสีเทาที่เขาให้ยืมมาเพื่อกันฝน ผมสีน้ำตาลเข้มของเธอเปียกชื้นเล็กน้อยจากตอนที่เธอขึ้นรถ ปืนพกที่เขาให้เธอเมื่อวานถูกเหน็บไว้ที่เอวใต้เสื้อของเธอ มือของเธอวางนิ่งบนตัก แต่หัวใจของเธอเต้นรัวตั้งแต่เขาบอกเธอว่าเขาจะพาเธอไปตรวจโกดังแห่งหนึ่งที่อยู่นอกเมือง เธอไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรจากเธอในภารกิจนี้ แต่หลังจากเหตุการณ์การฆ่ามณีต่อหน้าต่อตาในห้องใต้ดินเมื่อวาน เธอรู้สึกว่าเขากำลังทดสอบเธอในแบบที่เธอไม่อาจคาดเดาได้

นาวินนั่งนิ่งอยู่ข้างเธอ เขาสวมเสื้อโค้ตสีดำที่เปียกละอองฝนเล็กน้อยในระหว่างที่เดินมาขึ้นรถ ดวงตาคู่คมของเขาจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ปืนกลสั้นวางอยู่บนตักของเขา เขาไม่พูดอะไรตั้งแต่รถออกจากคฤหาสน์มาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว และความเงียบของเขายิ่งทำให้ธนิดารู้สึกอึดอัดมากขึ้น

“เราจะไปไหนกันแน่” เธอถามออกไปในที่สุด น้ำเสียงของเธอแฝงด้วยความระแวง “คุณบอกแค่ว่าไปตรวจโกดัง แต่คุณไม่บอกอะไรฉันมากกว่านั้น”

นาวินหันมามองเธอช้าๆ สายตาของเขาดูเหมือนจะพิจารณาเธออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ “โกดังร้างนอกเมือง เป็นที่ที่ฉันซ่อนยาเสพติดบางส่วนไว้ หลังจากที่มณีทรยศ ฉันต้องแน่ใจว่ามันยังปลอดภัย”

“แล้วทำไมต้องพาฉันไปด้วย” เธอถามต่อ “คุณมีลูกน้องตั้งเยอะ ทำไมต้องให้ฉันเสี่ยงด้วย”

“เพราะฉันอยากเห็นว่าเธอจะทำยังไง” เขาตอบสั้นๆ “เธอบอกว่าเธอยิงปืนได้ เธอพิสูจน์มาแล้วครั้งหนึ่ง ฉันแค่อยากรู้ว่าเธอจะรอดในสถานการณ์จริงได้แค่ไหน”

ธนิดากัดริมฝีปากแน่น เธอรู้สึกถึงความโกรธที่พุ่งขึ้นมาในอก แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็รู้ว่าเธอไม่มีทางเลือกอื่น ถ้าเธออยากมีชีวิตอยู่ต่อและหาทางออกจากหนี้ของพ่อ เธอต้องพิสูจน์ตัวเองให้เขาเห็น เธอพยักหน้าเบาๆ และหันไปมองออกนอกหน้าต่าง โดยพยายามสงบสติให้ได้

รถเคลื่อนตัวต่อไปในความเงียบ จนกระทั่งแสงไฟจากรถคันอื่นตัดผ่านความมืดด้านหลัง ธนิดาสะดุ้งเล็กน้อยและหันไปมอง เธอเห็นรถกระบะสีดำสองคันที่ตามหลังมาห่างๆ ไฟหน้าของมันสว่างจ้าจนแทบบดบังสายฝนที่ตกลงมา

“นาวิน...” เธอเรียกเขาเบาๆ “มีรถตามเรามา”

เขาหันไปมองทันที และใบหน้าของเขาก็ตึงเครียดขึ้นในทันใด “เอก! เหยียบให้เร็วขึ้น!” เขาตะโกนสั่งลูกน้องที่ขับรถ

เอกเหยียบคันเร่งจนสุด รถพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง เสียงเครื่องยนต์คำรามดังกลบเสียงฝน แต่รถกระบะสองคันนั้นยังคงตามมาไม่ห่าง ธนิดารู้สึกถึงอะดรีนาลีนที่พุ่งพล่านในร่างกายของเธอ เธอกำมือแน่นและมองไปที่นาวิน “นี่มันอะไรกัน”

“พวกเสือดาว” เขาตอบสั้นๆ ขณะหยิบปืนกลขึ้นมาและปลดเซฟตี้ “พวกมันรู้ว่าเราจะไปโกดัง”

ปัง! ปัง! ปัง!

ก่อนที่ธนิดาจะได้ถามอะไรต่อ เสียงปืนจากด้านหลังก็ดังขึ้น กระสุนเจาะกระจกหลังของรถจนแตกกระจาย เศษแก้วปลิวว่อนไปทั่วเบาะหลัง ธนิดากรีดร้องและก้มตัวลงทันที ขณะที่นาวินหันไปยิงสวนกลับผ่านช่องกระจกที่แตก

“ยิงกลับสิ!” เขาตะโกนใส่เธอ “ถ้าเธออยากรอด!”

ธนิดารู้สึกถึงความกลัวที่พุ่งขึ้นถึงขีดสุด แต่เธอกัดฟันแน่นและหยิบปืนพกจากเอวของเธอขึ้นมา เธอปลดเซฟตี้ด้วยมือที่สั่นเล็กน้อย และยื่นตัวออกไปที่หน้าต่างด้านข้างที่เธอลดลง ฝนซัดเข้ามาเปียกหน้าเธอทันที แต่เธอไม่สนใจ เธอเล็งไปที่รถกระบะคันหนึ่งและเหนี่ยวไก

ปัง! ปัง!

กระสุนของเธอเจาะยางหน้าของรถกระบะคันหนึ่ง ทำให้มันเสียหลักและหมุนคว้างกลางถนน แต่รถคันที่สองยังคงตามมาไม่หยุด และยิงปืนกลใส่รถของพวกเธออย่างต่อเนื่อง กระสุนเจาะเข้ามาที่ท้ายรถจนเกิดเสียงโลหะกระทบกันดังสนั่น

“ระวัง!” นาวินตะโกน ก่อนจะดึงเธอลงจากหน้าต่างรถ ขณะที่กระสุนพุ่งผ่านจุดที่เธอยื่นตัวออกไปเมื่อครู่ เขายิงปืนกลสวนกลับด้วยความแม่นยำ กระสุนของเขาเจาะเข้าที่หน้าอกของคนขับรถคันที่สอง รถเสียหลักและพุ่งชนต้นไม้ข้างทางทันที

แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้โล่งใจ เสียงระเบิดเล็กๆ ดังขึ้นจากใต้ท้องรถที่พวกนั่งอยู่ 

ตูม!

รถของพวกเขาสะเทือนอย่างแรงและเสียหลักหมุนคว้าง เอกพยายามควบคุมพวงมาลัย แต่ฝนที่ทำให้ถนนลื่นและความเร็วสูงทำให้รถพุ่งตกข้างทาง มันกลิ้งลงไปในคูน้ำตื้นข้างถนนและหยุดนิ่งในท่าคว่ำ

ธนิดารู้สึกถึงแรงกระแทกที่พุ่งเข้ามาทั่วร่าง เธอถูกเหวี่ยงไปชนกับประตูรถจนเจ็บที่ไหล่ แต่โชคดีที่เข็มขัดนิรภัยช่วยรั้งเธอไว้ เธอหายใจถี่และมองไปรอบๆ หัวของเธอมึนงงจากแรงกระแทก กระจกหน้ารถแตกเป็นเสี่ยงๆ และร่างของเอกนอนนิ่งอยู่ที่เบาะหน้า เลือดไหลออกจากศีรษะของเขาจนเปื้อนพวงมาลัย

“นาวิน!” เธอตะโกนเรียก ขณะพยายามคลายเข็มขัดนิรภัยด้วยมือที่สั่น

เขาไอออกมาสองสามครั้งและคลายเข็มขัดของตัวเองออก “ฉันไม่เป็นไร” เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง เขาคลานออกจากรถผ่านหน้าต่างที่แตก และยื่นมือเข้ามาช่วยเธอ “เร็วเข้า! พวกมันอาจตามมาได้!”

ธนิดาคลานตามเขาออกไปจากรถ ฝนซัดเข้ามาเปียกตัวเธอจนชุ่ม เธอรู้สึกถึงความเย็นที่ซึมเข้าไปในร่าง แต่ความกลัวและอะดรีนาลีนทำให้เธอไม่สนใจ เธอหยิบปืนที่ตกอยู่ข้างตัวขึ้นมาและวิ่งตามนาวินไปในความมืด เขาพาเธอวิ่งผ่านพุ่มไม้เปียกชื้นและโคลนตม จนกระทั่งมาถึงโกดังร้างที่ตั้งอยู่ห่างจากถนนประมาณสองร้อยเมตร

โกดังนั้นทรุดโทรมและเต็มไปด้วยสนิม หลังคาเหล็กมีรอยรั่วที่น้ำฝนไหลลงมาเป็นสาย ประตูไม้เก่าถูกเปิดทิ้งไว้ นาวินพาเธอเข้าไปหลบด้านในและปิดประตูลง เขาหันไปตรวจสอบรอบๆ ด้วยปืนกลในมือ ขณะที่ธนิดายืนหอบอยู่ข้างกองกล่องไม้ที่เต็มไปด้วยฝุ่น

“เรารอดมาได้ยังไงเนี่ย...” เธอพูดพึมพำด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา เธอรู้สึกถึงความเจ็บที่ไหล่และขาที่เริ่มชาจากการวิ่ง

นาวินหันมามองเธอ เขาเดินเข้ามาใกล้และตรวจดูร่างของเธอด้วยสายตาที่เฉียบคม “เธอบาดเจ็บเหรอ”

“แค่ถลอกนิดหน่อย แล้วคุณล่ะ”

“ฉันไม่เป็นไร” เขาพูดสั้นๆ ก่อนจะนั่งลงพิงกำแพงโกดัง เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าเสื้อและเช็ดเลือดที่ไหลจากรอยขีดข่วนที่หน้าผากของเขา

ธนิดานั่งลงข้างเขา เธอมองไปที่ปืนในมือของเธอและรู้สึกถึงน้ำหนักของมันที่หนักขึ้นในใจของเธอ “เมื่อกี้... ฉันยิงยางรถพวกนั้นได้ ฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองจะทำแบบนั้นได้จริงๆ”

นาวินมองเธอด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย จากความเย็นชาเป็นความสนใจ “เธอทำได้ดี ถ้าไม่มีเธอ เราคงไม่รอดมาถึงที่นี่”

คำพูดของเขาทำให้ธนิดาชะงัก เธอมองเข้าไปในดวงตาของเขาและเห็นบางอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน แววตาแห่งความเคารพเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ใต้ความเย็นชาของเขา เธอยิ้มบางๆ โดยไม่รู้ตัว 

“บางทีฉันอาจจะเหมาะกับโลกนี้มากกว่าที่ฉันคิด”

เขายิ้มมุมปาก รอยยิ้มบางจนแทบจะมองไม่เห็น “อย่าเพิ่งดีใจไป นี่แค่จุดเริ่มต้น”

ทั้งคู่นั่งนิ่งอยู่ในความเงียบ มีเฉพาะเสียงฝนที่ตกลงมาบนหลังคาโกดังและเสียงลมหอนที่พัดผ่านรอยรั่วเท่านั้นที่ดังขึ้น ธนิดารู้สึกถึงความเหนื่อยล้าที่ค่อยๆ ครอบงำร่างของเธอ แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็รู้สึกถึงความกล้าที่เริ่มเติบโตขึ้นในใจ เธอเพิ่งผ่านการโจมตีที่เกือบฆ่าเธอมาได้ และเธอรอดมาได้เพราะเธอสู้

“แล้วเราจะทำยังไงต่อ” เธอถาม

“รอก่อน” นาวินตอบ “ลูกน้องของฉันจะตามมาเมื่อรู้ว่าเราไม่ได้กลับไปที่คฤหาสน์ แต่ตอนนี้ เราต้องซ่อนตัวที่นี่ และระวังให้ดี พวกเสือดาวอาจยังไม่ยอมแพ้”

ธนิดาพยักหน้ารับ เธอมองออกไปที่ความมืดนอกโกดังและรู้สึกถึงเงามืดที่ยังคงวนเวียนอยู่รอบตัวเธอ การโจมตีครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ และเธอรู้ว่าเธอกับนาวินกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อกำจัดพวกเขา เธอกำปืนแน่นขึ้น ในใจของเธอก็สัญญากับตัวเองว่าเธอจะไม่ยอมตายง่ายๆ ไม่ว่าจะต้องเจอกับอะไรก็ตาม