ธนิดาถูกจับไปเป็นตัวประกันระหว่างรอชดใช้หนี้ให้มาเฟียอย่างนาวิน ความใกล้ชิดค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความรัก ทว่าท่ามกลางอันตรายและความลับที่ปิดซ่อนไว้ ทั้งสองจะเอาชนะโชคชะตาและความเสี่ยงของโลกมาเฟียได้หรือไม่

สัญญาใจใต้รัตติกาล - บทที่ 2 โดย กชญาณ์พัฒน์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,แอคชั่น,ยุคปัจจุบัน,เลือดสาด,ดราม่า,มาเฟีย,นางเอกเก่ง,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

สัญญาใจใต้รัตติกาล

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,แอคชั่น,ยุคปัจจุบัน,เลือดสาด

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ดราม่า,มาเฟีย,นางเอกเก่ง

รายละเอียด

สัญญาใจใต้รัตติกาล โดย กชญาณ์พัฒน์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ธนิดาถูกจับไปเป็นตัวประกันระหว่างรอชดใช้หนี้ให้มาเฟียอย่างนาวิน ความใกล้ชิดค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความรัก ทว่าท่ามกลางอันตรายและความลับที่ปิดซ่อนไว้ ทั้งสองจะเอาชนะโชคชะตาและความเสี่ยงของโลกมาเฟียได้หรือไม่

ผู้แต่ง

กชญาณ์พัฒน์

เรื่องย่อ

 

นาวิน หัวหน้าแก๊งมาเฟียเงาจันทรา ดึง ธนิดา หญิงสาวธรรมดา เข้ามาในโลกอันตรายของเขาด้วยข้ออ้างหนี้ 50 ล้านของพ่อเธอ แต่เมื่อการทรยศของ ภูมิ ลูกน้องคนสนิท และการโจมตีจากแก๊งเสือดาวรุนแรงขึ้น ความสัมพันธ์ของทั้งคู่กลับลึกซึ้งเกินคาด ธนิดาค้นพบความลับของพ่อเธอ ขณะที่นาวินเผยความเปราะบางและความปรารถนาที่จะปกป้องเธอ

ทั้งสองต้องเผชิญสงครามเลือดกับเสือดาว ฝ่าฟันการต่อสู้สุดดุเดือด และการสูญเสียที่เจ็บปวด ธนิดากลายเป็นนักสู้เคียงข้างนาวิน 

เรื่องราวของนาวินและธนิดาคือการเดินทางของความรักที่เกิดท่ามกลางความโหดร้าย การต่อสู้เพื่ออิสรภาพ และคำสัญญาที่แข็งแกร่งกว่าความตาย 

สารบัญ

สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 1,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 2,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 3,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 4,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 5,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 6,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 7,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 8,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 9,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 10,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 11,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 12,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 13,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 14,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 15,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 16

เนื้อหา

บทที่ 2

ฝนยังคงตกลงมาอย่างหนัก ขณะที่รถยนต์สีดำคันใหญ่อย่างเบนท์ลีย์ รุ่นเบนเทก้า พาธนิดามุ่งหน้าสู่จุดหมายที่เธอไม่อาจคาดเดาได้ เสียงเครื่องยนต์ดังครืดคราดผสมกับเสียงหยดน้ำที่กระทบกระจกรถ ทำให้ภายในรถเต็มไปด้วยความเงียบที่น่าอึดอัด 

นาวินนั่งนิ่งอยู่ข้างเธอ สายตาของเขาจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างราวกับไม่ได้สนใจอะไรในโลกนี้ ใบหน้าคมเข้มของเขาถูกแสงจากไฟถนนที่สาดส่องเข้ามาเป็นระยะๆ เน้นให้เห็นรอยแผลเป็นเล็กๆ ที่มุมคิ้วซ้าย ซึ่งธนิดาเพิ่งสังเกตเห็นเป็นครั้งแรก

เธอขยับตัวเล็กน้อยบนเบาะหนังสีดำที่เย็นเฉียบ มือทั้งสองข้างของเธอถูกมัดไว้หลวมๆ ด้วยเชือกไนลอนสีดำ ซึ่งลูกน้องของนาวินผูกไว้ก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวออกจากบ้านไม้เก่าของเธอ ความรู้สึกเจ็บที่ข้อมือจากการถูกกระชากยังคงอยู่ แต่เธอพยายามไม่แสดงออกมาให้เขาเห็น เธอหันไปมองนาวินอีกครั้ง พยายามหาคำตอบจากใบหน้าที่เย็นชาของเขา แต่สิ่งที่เธอได้กลับมามีเพียงความเงียบงันที่สร้างความรู้สึกหนักอึ้งขึ้นในใจของเธอ

“นี่เราจะกำลังจะไปไหนกัน” เธอถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่พยายามให้หนักแน่น แต่ความสั่นเทาในน้ำเสียงของเธอก็ยังหลุดออกมาเล็กน้อย

นาวินหันหน้ามามองเธอช้าๆ ดวงตาคู่คมของเขาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอราวกับพยายามอ่านความคิดของเธอ “ที่ที่เธอจะได้พิสูจน์ว่าตัวเองมีค่าพอที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ” เขาตอบสั้นๆ น้ำเสียงของเขาเย็นเยือกเหมือนสายฝนที่กำลังตกลงมาด้านนอก

ธนิดากัดริมฝีปากแน่น เธออยากจะโต้กลับ อยากจะถามเขาว่าทำไมเขาถึงทำแบบนี้กับเธอ แต่คำพูดทั้งหมดกลับติดอยู่ที่ลำคอ เธอรู้ดีว่าการขัดขืนในตอนนี้ไม่มีประโยชน์อะไร เธอได้แต่ก้มหน้ามองมือของตัวเองที่ถูกมัด และพยายามสงบสติเพื่อหาทางเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้

รถยนต์เคลื่อนตัวผ่านถนนที่มืดมิดเป็นเวลานานกว่าหนึ่งชั่วโมง จนในที่สุดมันก็ชะลอความเร็วลงและเลี้ยวเข้าสู่ถนนส่วนตัวที่ล้อมรอบด้วยกำแพงหินสูงตระหง่าน ประตูเหล็กขนาดใหญ่เปิดออกอัตโนมัติ เผยให้เห็นคฤหาสน์ขนาดมหึมาที่ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าเขียวขจี แสงไฟจากตัวอาคารสาดส่องออกมาเป็นวงกว้าง ทำให้ธนิดาเห็นโครงสร้างของมันได้ชัดเจน คฤหาสน์นี้ไม่ใช่บ้านธรรมดา มันดูเหมือนป้อมปราการมากกว่า ด้วยกำแพงสูง หอคอยเล็กๆ ที่มุมอาคาร และกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่ทุกหนแห่ง

“ที่นี่คือที่ไหน?” เธอถามออกไปโดยไม่รู้ตัว

“บ้านของฉัน” นาวินตอบสั้นๆ “และจากนี้ไป มันจะเป็นคุกของเธอด้วย”

รถหยุดลงหน้าประตูทางเข้าหลัก ลูกน้องของนาวินสองคนรีบลงจากรถและเปิดประตูให้เขา เขาก้าวลงจากรถด้วยท่าทีสง่างามราวกับเจ้าของอาณาจักร ก่อนจะหันกลับมาสั่งลูกน้องด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “พาเธอไปที่ห้องพักชั้นบน ล็อกประตูให้แน่น”

ธนิดาถูกดึงตัวลงจากรถอย่างแรง เธอสะดุดเล็กน้อยเมื่อเท้าของเธอสัมผัสพื้นหินอ่อนที่เปียกชื้นจากฝน ลูกน้องคนหนึ่งจับแขนเธอแน่นและพาเธอเดินเข้าไปในคฤหาสน์ ขณะที่อีกคนเดินตามหลังพร้อมปืนกลสั้นที่เล็งมาที่เธอตลอดเวลา

ภายในคฤหาสน์นั้นกว้างขวางและหรูหราเกินกว่าที่เธอเคยจินตนาการไว้ พื้นปูด้วยหินอ่อนสีดำเงาวับ เพดานสูงตระหง่านประดับด้วยโคมระย้าคริสตัลขนาดใหญ่ที่ส่งแสงระยิบระยับไปทั่วทั้งห้องโถง บันไดวนขนาดใหญ่ที่ทอดตัวขึ้นไปยังชั้นบนดูเหมือนจะถูกแกะสลักจากไม้ชั้นดี แต่ถึงแม้ว่าทุกอย่างจะดูสวยงาม ความรู้สึกเย็นชาและตึงเครียดก็ยังคงลอยอยู่ในอากาศ ราวกับว่าคฤหาสน์แห่งนี้ซ่อนความลับบางอย่างที่มืดมิดเอาไว้

เธอถูกพาขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง และเดินผ่านโถงทางเดินยาวที่มีประตูไม้หนักทนปิดสนิทอยู่ทั้งสองฝั่ง เสียงฝีเท้าของลูกน้องนาวินดังก้องไปทั่วโถงทางเดินนั้น ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังถูกพาไปสู่ห้องขังมากกว่าห้องพัก ในที่สุดพวกเขาก็หยุดลงหน้าประตูบานหนึ่ง ลูกน้องคนที่จับแขนเธอผลักเธอเข้าไปในห้องก่อนจะปิดประตูและล็อกมันจากด้านนอกทันที

ธนิดามองไปรอบๆ ห้อง ห้องนี้มีขนาดไม่ใหญ่แต่ก็ไม่เล็กจนเกินไป เตียงนอนขนาดคิงไซส์ถูกจัดวางไว้กลางห้อง ผ้าปูที่นอนสีเทาเข้มดูสะอาดและเรียบร้อย หน้าต่างบานใหญ่ที่มองออกไปเห็นป่าด้านนอกถูกปิดด้วยม่านกำมะหยี่สีดำหนา และมีโต๊ะไม้เล็กๆ พร้อมเก้าอี้ตั้งอยู่มุมหนึ่งของห้อง แต่สิ่งที่ทำให้เธอสะดุดตามากที่สุดคือกล้องวงจรปิดตัวเล็กที่ติดตั้งอยู่มุมเพดาน มันกำลังหมุนช้าๆ และส่งแสงแดงกระพริบเป็นระยะๆ

“เขาคิดจะจับตาดูฉันตลอดเวลางั้นเหรอ” เธอพึมพำกับตัวเอง ความโกรธเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของเธออีกครั้ง เธอเดินไปที่ประตูและพยายามบิดลูกบิด แต่มันไม่ขยับเลยสักนิด เธอทุบประตูสองสามครั้งด้วยความโมโห แต่ไม่มีเสียงตอบกลับจากด้านนอก

ในขณะที่เธอกำลังหาทางออกอยู่นั้น เสียงฝีเท้าที่หนักแน่นก็ดังขึ้นจากด้านนอกประตู เธอถอยหลังไปสองสามก้าว และเตรียมตัวเผชิญหน้ากับสิ่งที่กำลังจะเข้ามา ประตูถูกปลดล็อกและเปิดออกช้าๆ เผยให้เห็นร่างของนาวินที่ยืนอยู่ตรงนั้น เขายังคงสวมเสื้อโค้ตสีดำเปียกฝน แต่ตอนนี้เขาได้ถอดหมวกออกแล้ว ทำให้เธอเห็นผมสีดำสนิทที่เปียกชุ่มและถูกปัดไปด้านหลังอย่างเรียบร้อย

“เธอจะต้องอยู่ที่นี่” เขาเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “จนกว่าหนี้ 50 ล้านบาทของพ่อเธอจะถูกชดใช้”

“แล้วถ้าฉันหาเงินไม่ได้ล่ะ” ธนิดาถามกลับทันควัน เธอพยายามมองเข้าไปในดวงตาของเขาเพื่อหาความเมตตาสักนิด แต่สิ่งที่เธอเห็นมีเพียงความว่างเปล่า

“ถ้าเธอหาไม่ได้...” เขาหยุดพูดชั่วครู่ ก่อนจะก้าวเข้ามาใกล้เธอจนเธอรู้สึกถึงกลิ่นน้ำฝนและบุหรี่ที่ติดมากับตัวเขา “เธอจะต้องทำงานให้ฉัน จนกว่าฉันจะพอใจ หรือจนกว่าฉันจะเบื่อเธอ”

“คุณหมายความว่ายังไง ทำงานอะไร?” เธอถามต่อ แม้ว่าในใจของเธอจะเริ่มเดาคำตอบได้แล้ว

นาวินยิ้มมุมปาก รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม “เงาจันทราไม่ใช่แค่แก๊งธรรมดา เราเป็นเจ้าของเมืองนี้ การค้ายาเสพติด การพนันใต้ดิน ทุกอย่างอยู่ในมือของฉัน และถ้าเธออยากมีชีวิตอยู่ต่อ เธอจะต้องพิสูจน์ว่าเธอมีประโยชน์กับฉัน”

ธนิดารู้สึกถึงความหนาวเย็นที่วิ่งผ่านกระดูกสันหลังของเธอ เธอเคยได้ยินเรื่องเล่าจากพ่อของเธอเกี่ยวกับแก๊งมาเฟียที่ควบคุมเมืองนี้ แต่เธอไม่เคยคิดว่ามันจะโหดร้ายและมืดมิดขนาดนี้ เธออยากจะปฏิเสธ อยากจะบอกเขาว่าเธอไม่ยอมเป็นส่วนหนึ่งของโลกนี้ แต่เมื่อเธอนึกถึงร่างของลุงสมชายที่นอนจมกองเลือด คำพูดทั้งหมดก็หายไปจากปากของเธอ

“ฉันจะต้องอยู่ที่นี่นานแค่ไหน” เธอถามออกไปแทน

“นานเท่าที่ฉันต้องการ” นาวินตอบ “หรือจนกว่าฉันจะได้เงินครบ”

เขาหันหลังและเดินออกจากห้องไปโดยไม่พูดอะไรเพิ่มเติม ประตูถูกปิดและล็อกอีกครั้ง ทิ้งเธอไว้ในความเงียบที่หนักอึ้ง เธอทรุดตัวลงนั่งบนเตียง มือของเธอกำผ้าปูที่นอนแน่นจนข้อนิ้วขาวซีด เธอรู้สึกเหมือนตัวเองถูกกลืนเข้าไปในเงามืดที่ไม่มีวันสิ้นสุด และนาวินคือเงาที่ใหญ่ที่สุดในนั้น

หลังจากที่เธอนั่งนิ่งอยู่นานหลายนาที เสียงเคาะประตูเบาๆ ก็ดังขึ้น ธนิดาสะดุ้งเล็กน้อยและลุกขึ้นยืนทันที ประตูถูกเปิดออกช้าๆ เผยให้เห็นหญิงวัยกลางคนที่สวมชุดแม่บ้านสีเทาเข้ม เธอมีใบหน้าที่ดูอ่อนโยนแต่แฝงด้วยความลึกลับ ดวงตาของเธอเล็กและคม มองมาที่ธนิดาด้วยสายตาที่พิจารณา

“ฉันชื่อมณีค่ะ” หญิงคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ “ฉันจะดูแลความสะดวกของคุณธนิดาที่นี่ค่ะ”

ธนิดามองมณีด้วยความระแวง เธอสังเกตเห็นว่าแขนของมณีมีรอยแผลเป็นยาวที่มองเห็นได้ลางๆ ใต้แขนเสื้อที่เลิกขึ้นเล็กน้อย “ดูแลฉันหรือจับตาดูฉันกันแน่” เธอถามออกไปโดยไม่สนใจว่าจะฟังดูหยาบคายหรือไม่

มณียิ้มบางๆ แต่ไม่ตอบคำถาม เธอวางถาดอาหารที่มีข้าวต้มร้อนๆ และน้ำเปล่าลงบนโต๊ะเล็กๆ ก่อนจะหันหลังเดินออกไป แต่ก่อนที่ประตูจะปิดลง ธนิดาสังเกตเห็นว่าเธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดอะไรบางอย่างอย่างรวดเร็ว ความสงสัยเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของเธอ มณีอาจไม่ใช่แค่แม่บ้านธรรมดาอย่างที่เธอพูด

ไม่นานหลังจากนั้น ชายอีกคนหนึ่งก็ปรากฏตัวที่หน้าประตู เขาสูงและผอม มีผมสั้นสีน้ำตาลเข้มที่ถูกหวีเรียบไปด้านหลัง เขาสวมเสื้อสูทสีดำเหมือนลูกน้องคนอื่นๆ แต่ท่าทางของเขาดูสงบและเย็นชากว่า เขายืนนิ่งและมองมาที่ธนิดาด้วยสายตาที่แทบจะไม่กะพริบ

“ผมชื่อภูมิครับ” เขาแนะนำตัวสั้นๆ “ผมเป็นคนสนิทของนายท่าน ถ้ามีอะไร คุณธนิดาแจ้งผมได้นะครับ”

“ค่ะ” ธนิดาพยักหน้ารับ แต่ในใจของเธอกลับรู้สึกถึงบางอย่างที่ผิดปกติ ภูมิพูดน้อยเกินไป และสายตาของเขาที่จับจ้องเธอตลอดเวลาทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกประเมิน เธอจำได้ว่านาวินเคยพูดถึงการทรยศในบทสนทนากับลูกน้องคนหนึ่งขณะที่เธอถูกพาขึ้นรถ และเธอเริ่มสงสัยว่าคนในคฤหาสน์แห่งนี้อาจไม่ได้ภักดีต่อเขาทุกคน

เมื่อประตูปิดลงอีกครั้ง ธนิดานั่งลงบนเตียงและมองไปที่ถาดอาหาร เธอไม่มีอารมณ์จะกินอะไร แต่เธอก็รู้ดีว่าเธอต้องรักษากำลังไว้ เธอหยิบช้อนขึ้นมาและตักข้าวต้มเข้าปากช้าๆ รสชาติของมันจืดชืดราวกับสะท้อนถึงชีวิตของเธอในตอนนี้

คฤหาสน์แห่งนี้ไม่ใช่แค่บ้าน มันคือป้อมปราการของเงาจันทรา ฐานบัญชาการที่เต็มไปด้วยความลับและอันตราย เธอสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของความตายที่ลอยอยู่ในอากาศ และรู้ดีว่าถ้าเธออยากมีชีวิตอยู่ต่อ เธอจะต้องเรียนรู้ที่จะเอาตัวรอดในโลกนี้ให้ได้

ในใจของเธอเริ่มเกิดคำถามมากมาย มณีและภูมิเป็นเพียงลูกน้องของนาวินจริงหรือไม่ ถูกส่งมาคอยช่วยเหลือเธอจริงหรือเปล่า แล้วนาวินแท้จริงต้องการอะไรจากเธอ ที่สำคัญที่สุดคือพ่อของเธอหายไปไหน และทำไมเขาถึงทิ้งเธอไว้กับหนี้ก้อนโตนี้

ฝนยังคงตกลงมาอย่างไม่หยุดยั้งนอกหน้าต่าง ขณะที่ธนิดานั่งนิ่งอยู่ในห้องที่ถูกล็อกแน่นหนา เธอรู้ว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของฝันร้ายที่เธอต้องเผชิญ และในความมืดมิดของคฤหาสน์แห่งนี้ ความลับที่ซ่อนอยู่กำลังรอให้เธอค้นพบ