ธนิดาถูกจับไปเป็นตัวประกันระหว่างรอชดใช้หนี้ให้มาเฟียอย่างนาวิน ความใกล้ชิดค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความรัก ทว่าท่ามกลางอันตรายและความลับที่ปิดซ่อนไว้ ทั้งสองจะเอาชนะโชคชะตาและความเสี่ยงของโลกมาเฟียได้หรือไม่

สัญญาใจใต้รัตติกาล - บทที่ 6 โดย กชญาณ์พัฒน์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,แอคชั่น,ยุคปัจจุบัน,เลือดสาด,ดราม่า,มาเฟีย,นางเอกเก่ง,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

สัญญาใจใต้รัตติกาล

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,แอคชั่น,ยุคปัจจุบัน,เลือดสาด

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ดราม่า,มาเฟีย,นางเอกเก่ง

รายละเอียด

สัญญาใจใต้รัตติกาล โดย กชญาณ์พัฒน์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ธนิดาถูกจับไปเป็นตัวประกันระหว่างรอชดใช้หนี้ให้มาเฟียอย่างนาวิน ความใกล้ชิดค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความรัก ทว่าท่ามกลางอันตรายและความลับที่ปิดซ่อนไว้ ทั้งสองจะเอาชนะโชคชะตาและความเสี่ยงของโลกมาเฟียได้หรือไม่

ผู้แต่ง

กชญาณ์พัฒน์

เรื่องย่อ

 

นาวิน หัวหน้าแก๊งมาเฟียเงาจันทรา ดึง ธนิดา หญิงสาวธรรมดา เข้ามาในโลกอันตรายของเขาด้วยข้ออ้างหนี้ 50 ล้านของพ่อเธอ แต่เมื่อการทรยศของ ภูมิ ลูกน้องคนสนิท และการโจมตีจากแก๊งเสือดาวรุนแรงขึ้น ความสัมพันธ์ของทั้งคู่กลับลึกซึ้งเกินคาด ธนิดาค้นพบความลับของพ่อเธอ ขณะที่นาวินเผยความเปราะบางและความปรารถนาที่จะปกป้องเธอ

ทั้งสองต้องเผชิญสงครามเลือดกับเสือดาว ฝ่าฟันการต่อสู้สุดดุเดือด และการสูญเสียที่เจ็บปวด ธนิดากลายเป็นนักสู้เคียงข้างนาวิน 

เรื่องราวของนาวินและธนิดาคือการเดินทางของความรักที่เกิดท่ามกลางความโหดร้าย การต่อสู้เพื่ออิสรภาพ และคำสัญญาที่แข็งแกร่งกว่าความตาย 

สารบัญ

สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 1,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 2,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 3,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 4,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 5,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 6,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 7,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 8,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 9,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 10,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 11,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 12,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 13,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 14,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 15,สัญญาใจใต้รัตติกาล-บทที่ 16

เนื้อหา

บทที่ 6

แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาผ่านรอยแตกของม่านกำมะหยี่ในห้องพักของธนิดา แต่มันไม่สามารถขจัดความหนาวเย็นที่ยังคงเกาะอยู่ในใจของเธอได้ หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืน ไม่ว่าจะเป็นเสียงปืน ภาพลูกน้องของนาวินที่ถูกฆ่าตาย และการหายตัวไปของมณี เธอแทบไม่ได้นอนเลย เธอนั่งอยู่บนเตียงพร้อมปืนพกที่นาวินให้มาวางอยู่ข้างตัว เธอจับมันแน่นเป็นระยะๆ ราวกับมันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เธอรู้สึกถึงความปลอดภัยในคฤหาสน์แห่งนี้

ก๊อกๆๆ

ความเงียบในเช้าวันนั้นถูกทำลายด้วยเสียงเคาะประตูที่หนักแน่น เธอสะดุ้งเล็กน้อยและลุกขึ้นยืนทันที ประตูถูกปลดล็อกและเปิดออก เผยให้เห็นร่างของนาวินที่ยืนอยู่ตรงนั้น เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีดำที่ม้วนแขนขึ้นถึงข้อศอก เผยให้เห็นรอยสักรูปพระจันทร์เสี้ยวที่แขนซ้ายของเขา ใบหน้าของเขาดูเหนื่อยล้า ดวงตาคู่คมเต็มไปด้วยความตึงเครียด แต่ก็แฝงด้วยบางอย่างที่เธออ่านไม่ออก

“ตามฉันมา” เขาสั่งสั้นๆ โดยไม่รอให้เธอตอบ เขาหันหลังและเดินออกไปทันที

ธนิดาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอมองปืนที่วางอยู่บนเตียงและตัดสินใจหยิบมันขึ้นมาเหน็บไว้ที่เอวใต้เสื้อเชิ้ต เธอรู้สึกว่าในสถานการณ์แบบนี้ เธอต้องพร้อมสำหรับทุกอย่าง เธอรีบเดินตามเขาไป โดยพยายามก้าวให้ทันฝีเท้าที่หนักแน่นของเขา

นาวินพาเธอเดินผ่านโถงทางเดินยาวของคฤหาสน์ ลงบันไดวนที่นำไปสู่ชั้นล่าง และมุ่งหน้าไปยังประตูเหล็กหนาหนักที่ซ่อนอยู่หลังตู้หนังสือในห้องนั่งเล่น เธอเคยเห็นประตูนี้มาก่อนแต่ไม่เคยคิดว่ามันจะนำไปยังที่ไหน เขาดึงตู้หนังสือออกและใช้กุญแจที่ห้อยอยู่กับเอวของเขาไขประตูนั้น ประตูส่งเสียงดังกริ๊กก่อนจะเปิดออก เผยให้เห็นบันไดหินแคบๆ ที่ทอดลงไปสู่ความมืดด้านล่าง

“เราจะไปไหนกัน” ธนิดาถามด้วยน้ำเสียงที่ระแวง เธอหยุดชะงักที่ขอบบันได มองลงไปในความมืดที่ดูเหมือนจะกลืนทุกอย่าง

“ฉันต้องการให้เธอเห็นบางอย่าง” นาวินตอบโดยไม่หันกลับมามอง เขาก้าวลงบันไดไปก่อน และหายเข้าไปในเงามืด “ถ้าเธออยากเข้าใจโลกนี้จริงๆ ตามฉันมา”

ธนิดากัดริมฝีปากแน่น ความกลัวและความอยากรู้ต่อสู้กันอยู่ในใจของเธอ แต่ในที่สุด เธอก็ตัดสินใจก้าวตามเขาไป เธอเดินลงบันไดหินทีละขั้น อากาศเย็นชื้นและกลิ่นคาวเลือดจางๆ เริ่มลอยเข้ามาในจมูกของเธอ ยิ่งเธอเดินลงไปลึกเท่าไหร่ กลิ่นนั้นก็ยิ่งชัดเจนขึ้น เธอรู้สึกถึงความหนาวที่ซึมเข้าไปในกระดูก และหัวใจของเธอเริ่มเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อเธอถึงชั้นล่าง เธอพบว่าตัวเองอยู่ในห้องลับใต้ดินขนาดใหญ่ ผนังทำจากคอนกรีตหนาที่ย้อมสีด้วยคราบน้ำเก่าๆ และพื้นปูด้วยหินที่เย็นเฉียบ เพดานต่ำเต็มไปด้วยท่อเหล็กที่ส่งเสียงน้ำหยดเป็นระยะๆ แสงจากหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์สีขาวสว่างจ้าส่องลงมาจากด้านบน เผยให้เห็นกล่องไม้และถุงพลาสติกจำนวนมากที่วางเรียงกันเป็นกองสูง กลิ่นคาวเลือดผสมกับกลิ่นเคมีบางอย่างที่เธอเดาว่าน่าจะเป็นยาเสพติดลอยอยู่ในอากาศ

“นี่มันอะไร?” เธอถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา เธอมองไปที่กล่องไม้ที่เปิดอยู่กล่องหนึ่ง และเห็นถุงผงสีขาวถูกบรรจุอยู่อย่างเป็นระเบียบ

“คลังยาเสพติด” นาวินตอบสั้นๆ เขาเดินไปยืนข้างกองกล่องและมองมาที่เธอ “นี่คือสิ่งที่ทำให้เงาจันทรายังอยู่ได้ เงินจากยาพวกนี้ไหลเข้ามาทุกวัน และมันคือเหตุผลที่เสือดาวอยากกำจัดฉัน”

ธนิดารู้สึกถึงความคลื่นไส้ที่พุ่งขึ้นมาในท้องของเธอ เธอเคยได้ยินว่านาวินควบคุมการค้ายาในเมืองนี้ แต่การเห็นมันด้วยตาตัวเองทำให้เธอรู้สึกถึงน้ำหนักของความโหดร้ายนี้อย่างแท้จริง เธอมองไปที่นาวินและพยายามหาคำพูด “คุณ... คุณภูมิใจกับสิ่งนี้เหรอ”

นาวินหัวเราะเบาๆ เสียงหัวเราะฟังดูแห้งผากและปราศจากความสุข “ภูมิใจเหรอ ไม่มีใครภูมิใจกับมันหรอก แต่มันคือสิ่งที่ฉันต้องทำ”

“ต้องทำงั้นเหรอ” เธอถามต่อ “ถ้ามันไม่ได้ทำให้คุณภูมิใจขนาดนั้น ทำไมคุณถึงไม่เลิกทำ คุณก็มีเงินเยอะแล้วไม่ใช่หรือไง”

เขาหยุดชะงัก สายตาของเขาที่มองเธอเปลี่ยนไปเป็นความมืดมิดที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เขาเดินเข้ามาใกล้เธอช้าๆ จนเธอรู้สึกถึงไอร้อนจากลมหายใจของเขา 

“เพราะฉันไม่มีทางเลือก” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ต่ำลง “แม่ของฉันถูกฆ่าโดยพ่อของฉันเอง เพราะเขาเป็นมาเฟียที่โหดร้ายเกินกว่าจะรักใครได้ หลังจากนั้น เขาก็ตายในสงครามแก๊ง และฉันต้องรับช่วงต่อเพื่อปกป้องน้องชายของฉัน”

ธนิดารู้สึกถึงความหนักอึ้งในคำพูดของเขา เธอมองเข้าไปในดวงตาของเขาและเห็นความเจ็บปวดที่ซ่อนอยู่ลึกๆ “ปกป้องน้องชายของคุณ? หมายความว่ายังไง”

“เขาป่วย” นาวินตอบ “โรคหัวใจตั้งแต่กำเนิด ฉันต้องหาเงินให้มากที่สุดเพื่อรักษาเขา และเงาจันทราคือหนทางเดียวที่ฉันมี”

คำพูดของเขาทำให้ธนิดาเงียบไป เธอเริ่มเข้าใจว่าเบื้องหลังความเย็นชาและความโหดร้ายของเขา มีบางอย่างที่เปราะบางซ่อนอยู่ เธออยากจะถามอะไรต่อ แต่ก่อนที่เธอจะได้พูด เสียงฝีเท้าที่หนักแน่นก็ดังขึ้นจากบันไดหิน ลูกน้องของนาวินสองคนเดินลงมา โดยลากร่างของมณีที่ถูกมัดมือมัดเท้ามาด้วย

มณีอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ ผมสีเทาของเธอยุ่งเหยิง เสื้อผ้าขาดวิ่น และมีรอยช้ำที่ใบหน้าและแขน เธอถูกผลักลงไปนั่งคุกเข่าบนพื้นหินเย็นต่อหน้าพวกเขา ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความกลัว แต่ก็แฝงด้วยความท้าทาย

“เจอตัวแล้วครับ นายท่าน” ลูกน้องคนหนึ่งรายงาน “จับได้ที่โกดังร้างห่างจากที่นี่สิบกิโลเมตร เธอพยายามหนี แต่ไม่รอด”

นาวินมองมณีด้วยสายตาที่เย็นชา เขาค่อยๆ เดินไปยืนตรงหน้าเธอและก้มลงเพื่อมองตาเธอ “พูดมา ใครสั่งให้เธอทรยศฉัน”

มณีเงียบไปครู่หนึ่ง เธอกัดฟันแน่นและมองไปที่ธนิดาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ ก่อนจะหันกลับมามองนาวิน 

“แก๊งเสือดาวค่ะนายท่าน...” เธอพูดในที่สุด “พวกมันจ่ายเงินให้ฉันเพื่อส่งข่าว และเมื่อคืนฉันเป็นคนเปิดประตูให้พวกมันเข้ามา”

ธนิดารู้สึกถึงความตกใจที่พุ่งขึ้นมาในอกของเธอ เธอเคยสงสัยมณี แต่การได้ยินคำสารภาพจากปากของเธอเองทำให้ทุกอย่างชัดเจนขึ้น เธอมองไปที่นาวิน และเห็นใบหน้าของเขาที่แข็งกร้าวขึ้นทันที

“ทำไม” เขาถามต่อ น้ำเสียงของเขาเย็นเยือกจนน่ากลัว “ฉันให้ทุกอย่างกับเธอ ที่อยู่อาศัย เงินทอง ทำไมเธอถึงหักหลังฉัน”

มณีหัวเราะเบาๆ เสียงหัวเราะนั้นแหบแห้งและเต็มไปด้วยความขมขื่น “ทุกอย่างที่คุณให้ มันไม่เคยพอ! ฉันทำงานให้คุณมานาน แต่ฉันไม่เคยได้อิสรภาพ ฉันเบื่อที่จะเป็นแค่หมากตัวหนึ่งในเกมของคุณ พวกเสือดาวสัญญาว่าจะให้ฉันมากกว่านั้น มากกว่าที่คุณให้ทั้งหมด”

“แล้วเธอก็เชื่องั้นเหรอ” นาวินยืนนิ่ง สายตาของเขาจ้องมณีราวกับจะเผาเธอให้มอดไหม้ เขาหันไปสั่งลูกน้องด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “พาเธอไปที่มุมห้อง”

ลูกน้องสองคนลากมณีไปที่มุมหนึ่งของห้องใต้ดิน เธอดิ้นรนและตะโกนออกมา “คุณฆ่าฉันไม่ได้! ฉันรู้ความลับของคุณมากเกินไป!” แต่คำพูดของเธอไม่มีผลอะไร นาวินหยิบปืนพกจากเอวของเขาและเดินไปหาเธอช้าๆ

“นาวิน!” ธนิดาตะโกนออกไปโดยไม่รู้ตัว เธอก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว “คุณจะทำอะไร?”

เขาหันมามองเธอชั่วครู่ สายตาของเขาเย็นชาแต่แฝงด้วยบางอย่างที่เธออ่านไม่ออก “เธออยากอยู่ในโลกนี้ เธอต้องเรียนรู้ว่ามันทำงานยังไง” เขาพูด “จำไว้... คนที่ทรยศต้องไม่มีที่ยืน”

ก่อนที่ธนิดาจะได้พูดอะไรต่อ เขาก็ยกปืนขึ้นเล็งไปที่มณี เธอกรีดร้องออกมาและพยายามคลานหนี แต่ลูกน้องจับเธอไว้แน่น

“อย่า!!!” ธนิดาร้องห้าม

ปัง!

กระสุนเจาะเข้าที่หน้าผากของมณี ร่างของเธอล้มลงกับพื้นทันที เลือดไหลนองออกมาจากบาดแผล กลิ่นคาวเลือดเข้มข้นขึ้นในอากาศ 
ธนิดารู้สึกถึงความตกใจที่พุ่งขึ้นมาจนแทบหยุดหายใจ เธอยกมือขึ้นปิดปากและถอยหลังไปสองสามก้าว ขาของเธอสั่นจนแทบยืนไม่อยู่

นาวินหันกลับมามองเธอ ปืนในมือของเขายังมีควันลอยออกจากปลายกระบอก “นี่คือโลกที่ฉันอยู่” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ “และถ้าเธออยากรอด เธอต้องยอมรับมัน”

ธนิดารู้สึกถึงน้ำตาที่เอ่อขึ้นมาในดวงตา เธออยากจะวิ่งหนี อยากจะตะโกนใส่เขาว่าเธอเกลียดโลกแห่งนี้ แต่ลึกๆ แล้ว เธอก็รู้ว่าเขาไม่ได้โกหก เธอเคยยิงปืนช่วยเขา เธอเคยเห็นความตายมาแล้ว และตอนนี้เธอกำลังยืนอยู่ในจุดที่ไม่มีทางหันหลังกลับ เธอเริ่มเข้าใจความโหดร้ายของที่นี่ และเข้าใจว่าเบื้องหลังความเย็นชาของนาวิน มีความเจ็บปวดที่เขาไม่เคยพูดออกมา

“คุณ... คุณเคยเสียใจบ้างไหม” เธอถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา

นาวินมองเธอนานกว่าปกติ ก่อนจะตอบ “ทุกวัน” เขาหันหลังและเดินออกจากห้องใต้ดินไป โดยทิ้งเธอไว้กับร่างของมณีและกลิ่นคาวเลือดที่ยังคงลอยอยู่ในอากาศ

ธนิดายืนนิ่งอยู่นาน เธอมองไปที่ร่างของมณีและรู้สึกถึงความหนักอึ้งในใจ ความลับที่แตกสลายในห้องนี้ไม่ใช่แค่ของมณี แต่เป็นของนาวินด้วย และตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเธอได้ก้าวเข้ามาในเงามืดที่ลึกเกินกว่าที่เธอเคยจินตนาการ