เพราะติดรถคนแปลกหน้าในคืนวันฝนตก ชีวิตที่ยุ่งเหยิงของเธอจึงได้เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล
รัก,ชาย-หญิง,ยุคปัจจุบัน,นิยายโรมานซ์,นิยายโรแมนติก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ความรักมาทักทายยามเมื่อฝนโปรยปรายลงมาเพราะติดรถคนแปลกหน้าในคืนวันฝนตก ชีวิตที่ยุ่งเหยิงของเธอจึงได้เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล
สำหรับผู้หญิงคนหนึ่งการถูกคนรักทรยศหักหลังเป็นเรื่องเลวร้ายเกินกว่าที่หัวใจจะแบกรับความเสียใจเอาไว้ได้แต่ใครมันจะไปรู้ว่าในค่ำคืนที่ปวดร้าวกลับมีหยาดฝนโปรยปรายลงมาชำระล้างบาดแผลบนดวงใจที่บอบช้ำและเป็นการเปิดทางให้เห็นว่าหลังจากฝนตกนั้นยังคงมีสายรุ้งที่แสนงดงามและท้องฟ้าที่สดใสกับรักครั้งใหม่รอคอยเธออยู่เสมอ
กติกาการลงนิยาย
ลงเนื้อหาให้อ่านฟรีทั้งหมด 10 ตอนหลังจากนั้นจะติดเหรียญล่วงหน้า รายละเอียดดังนี้
1. ติดเหรียญล่วงหน้า 1 สัปดาห์ (4 เหรียญ)
2. ปลดเหรียญอ่านฟรี 1 สัปดาห์
3. หลังจากนั้นจะติดเหรียญถาวรราคาเต็มตั้งแต่ตอนที่ 6 ไปจนถึงตอนจบค่ะ (8 เหรียญ)
รินญาดาหายตัวไปโดยไม่ติดต่ออดีตคนรักตลอดสองวันและเมื่อหลังจากหยุดครบกำหนดที่ขอลาไว้เธอจึงกลับไปทำงานปกติโดยไม่สนใจเรื่องของปวีย์และอภิชดาที่พวกเขาทำเรื่องน่าอับอายลับหลังเธอเพราะงานนี้หญิงสาวไม่ใช่คนผิดเลยแม้แต่นิดเดียวซึ่งเมื่อกลับมาทำงานเธอเพียงแค่ไปรายงานตัวกับหัวหน้าจากนั้นก็กลับมาทำหน้าที่ของตนเองตามปกติ
หญิงสาวเป็นพนักงานทั่วไปในแผนกการตลาดแม้ตนเองจะเข้ามาในตำแหน่งฐานะพนักงานใช้ทุนพิเศษของบริษัทในเครือธนากรุปแต่ก็ไม่ได้มีสิทธิพิเศษหรือมีตำแหน่งใหญ่โตอะไรแต่ถึงกระนั้นรินญาดาก็พอใจแล้วเพราะค่าตอบแทนของที่นี่สูงกว่าบริษัททั่วไปพอสมควรถึงจะเป็นพนักงานในตำแหน่งปฏิบัติการธรรมดาแต่เงินเดือนรวมค่าล่วงเวลาและเงินพิเศษในบางเดือนก็มากกว่าพนักงานตำแหน่งผู้จัดการของบางบริษัทด้วยซ้ำไป
พนักงานใช้ทุนพิเศษคือตำแหน่งที่มีเอาไว้เพื่อรองรับพนักงานเคยได้ทุนจากบริษัทในเครือธนากรุปเมื่อครั้งที่ศึกษาอยู่ในระดับอุดมศึกษาโดยทุนนี้จะเป็นทุนให้เปล่าไม่ต้องใช้คืนเป็นเงินเพียงแต่ต้องมาทำงานที่บริษัทตามสัญญาส่วนของรินญาดานั้นต้องทำงานทั้งหมดหกปีเพราะนอกจากค่าใช้จ่ายเรื่องของการศึกษาแล้วเธอยังมีการขอทุนในส่วนของค่าเช่าหอพักและค่าใช้จ่ายส่วนตัวที่ทางบริษัทพิจารณาให้อีกด้วย
และถึงแม้พนักงานใช้ทุนจะทำงานครบกำหนดแล้วอยากจะทำงานต่อไปก็ไม่มีปัญหาทางบริษัทยังคงนับอายุงานให้ต่อเนื่องไปเพื่อรักษาสิทธิ์ที่ควรจะได้รับหลังจากปลดเกษียณเอาไว้ให้ซึ่งนับว่าเป็นบริษัทที่ให้ใจกับลูกจ้างเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
“ทุเรศชะมัด” รินญาดาอดด่าออกมาไม่ได้จริงๆ ยามที่เห็นอีเมลจากอดีตคนรักที่ยังใจกล้าหน้าด้านส่งมาให้โดยเนื้อความในอีเมลนั้นก็ไม่มีอะไรนอกจากฝากให้ทำไฟล์เสนองานลูกค้าให้เช่นที่เคยทำอยู่ทุกครั้งและสิ่งนี้มันก็เป็นสิ่งที่หญิงสาวทำให้เขาอยู่เป็นประจำจนบางครั้งเธอก็เผลอคิดไปว่ามันเป็นหน้าที่ของตัวเองไปแล้ว
และการที่อีกฝ่ายทำเช่นนี้ก็หมายความว่าเขาไม่ได้คิดว่าตัวเองมีความผิดยังคงคิดว่าตัวเธอจะเหมือนเดิมทั้งๆ ที่รินญาดาไม่ได้กลับไปที่คอนโดนั้นอีกเลยตลอดสองคืนที่ผ่านมา
หญิงสาวไม่สนใจอีเมลฉบับนั้นแต่เธอกับเลือกย้อนอ่านอีเมลฉบับที่อยู่ล่างสุดในกล่องข้อความที่ถูกส่งมาในระหว่างที่เธอหยุดงาน จัดการอ่านและส่งงานให้ตามความต้องการของสมาชิกในแผนกเนื่องจากตัวเองเป็นฝ่ายสนับสนุนที่จะคอยช่วยส่งเสริมงานทุกประเภทของแผนกให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีแม้บางครั้งจะมีเรื่องที่นอกเหนือจากภาระงานไปบ้างแต่หญิงสาวก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร
“ญาดาไปกินข้าวกันกลางวันกันเถอะ” เพื่อนร่วมงานที่นั่งอยู่พาทิชั่นติดๆ กันชะโงกหน้ามาเรียกทำให้หญิงสาวเจ้าของชื่อต้องถอดหูฟังที่ใส่อยู่ก่อนจะเริ่มบทสนทนา
“พลอยไปกินเลยวันนี้เราตื่นเช้าเลยทำกับข้าวมาเองน่ะ” เป็นเรื่องปกติที่พนักงานจะนำอาหารกลางวันมากินที่บริษัทเพราะว่าทุกแผนกจะมีห้องครัวเล็กๆ เป็นของตัวเองที่สามารถชงกาแฟหรือแม้แต่อุ่นอาหารรับประทานได้แล้วก็เป็นเรื่องปกติอีกเหมือนกันที่รินญาดาจะทำอาหารมารับประทานเองเนื่องจากเธอไม่ชอบออกไปนอกอาคารเวลาที่แดดมันร้อนๆ เช่นตอนเที่ยงวันไหนจะต้องไปต่อคิวรอร้านอาหารที่มีคนอัดแน่นอยู่ในนั้นมาทำให้เธอกินข้าวไม่ค่อยอร่อย
“จริงดิไว้วันหลังเราทำกับข้าวมากินบ้างดีกว่าญาดาจะทำมาอีกหรือเปล่าที่ร้านข้าวป้าทุกวันนี้กินแทบไม่ได้เขาสาดผงชูรสเยอะจนเราขนลุกน่าจะเปลี่ยนแม่ครัวใหม่ป้าแกอายุมากแล้วเลยให้ลูกสาวมาดูแลแทน” ว่าแล้วเพื่อนสาวก็แวะบ่นร้านอาหารตามสั่งเจ้าประจำที่มีขายทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นข้าวแกง อาหารตามสั่ง ส้มตำและสารพัดอาหารอีสานหรือแม้แต่ก๋วยเตี๋ยวก็มีขายแต่พักหลังพิมพ์พลอยคิดว่าอาหารที่ร้านรสชาติเปลี่ยนไปแต่ก็ไม่อะไรจนกระทั่งเห็นกับตาตอนที่แม่ครัวสาดผงชูรสหนึ่งทัพพีเต็มลงไปในผัดกะเพรา
ตัวเธอเองไม่ใช่พวกต่อต้านผงฟรุ้งฟริ้งเพราะใส่มากแซ่บมากใส่น้อยแซ่บน้อยแต่มันดูจะไม่สมเหตุสมผลถ้ากับข้าวแค่หนึ่งจานสำหรับตักราดข้าวจะต้องใส่ผงชูรสเข้าไปหนึ่งทัพพีตักแกงเพราะแทนที่มันจะอร่อยกลับทำให้อาหารจานนั้นมีรสชาติเลี่ยนๆ ประหลาดๆ
“อือ ตั้งใจว่าจะทำมากินทุกวันเลยไว้พลอยทำกับข้าวมากินด้วยกันนะรีบไปได้แล้วเดี๋ยวร้านข้าวคนเต็มหมดจะอดกิน” หลังจากที่เพื่อนสาวออกไปกินข้าวกับคนอื่นๆ แล้วรินญาดาก็เดินเข้าครัวนำกล่องอาหารกลางวันออกมาอุ่นไมโครเวฟจากนั้นก็นั่งกินข้าวไปเงียบๆ โดยระหว่างที่กินไปก็แวะอ่านข้าวสารบ้านเมืองจนเกือบจะอิ่มก็มีเสียงของคนที่ไม่อยากเจอหน้าดังขึ้นมาเสียก่อน
“อยู่นี่เองเห็นไม่ออกไปกินข้าวพี่เลยมาหา ญาดาไม่เห็นอีเมลหรือไงพี่ต้องใช้งานบ่ายวันนี้นะ” พอเจอหน้ากันปวีย์ก็มาพูดจาเลอะเทอะอย่างคนที่เอาแต่ใจไม่มีสักคำที่จะขอโทษและไม่มีแม้แต่ความรู้สึกผิดในน้ำเสียงหรือท่าทางที่สำคัญเขาไม่คิดจะเอ่ยถามเลยว่าที่ผ่านมาเมื่อเธอไม่กลับคอนโดนั้นหญิงสาวหายไปอยู่ที่ไหน
“ธุระไม่ใช่ค่ะ งานใครคนนั้นก็ต้องทำ” รินญาดาตอบสั้นๆ ก่อนที่จะลุกไปล้างกล่องข้าวถึงอาหารจะเหลืออยู่อีกสองสามคำแต่เธอคงกินมันไม่ลงอีกแล้ว
“งอนอยู่เหรอคะอย่าไร้สาระเลยญาดาเรื่องแค่นี้เอง” อดีตคนรักก้าวเข้าหาอีกทั้งยังทำท่าเหมือนจะคว้าเธอไปกอดแต่ตัวรินญาดาก็เอี้ยวตัวหลบอีกทั้งยังชี้หน้าเขาอย่างเอาเรื่อง
“สำหรับพี่วีมันเรื่องแค่นี้แต่สำหรับญาดามันคือการนอกใจพี่กับผู้หญิงคนอื่นมาเอากันบนเตียงที่เรานอนด้วยกันทุกคืน ในคอนโดที่เราซื้อด้วยกัน ใจพี่มันยังเป็นคนอยู่หรือเปล่าอย่ามาพูดจาไร้สาระแล้วก็ไม่ต้องมาพูดเรื่องนี้กับญาดาอีกต่อไปนี้เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน” สองวันที่ผ่านมารินญาดายอมรับเลยว่าตัวเองยังคงเสียน้ำตาให้ผู้ชายคนนี้อยู่เพราะหลังจากคุณย่าเสียคนเดียวที่เป็นที่พึ่งและเป็นครอบครัวให้เธอคือปวีย์หลังจากที่พบว่าเขาหักหลังด้วยการนอกใจเธอจึงยังมีความรู้สึกคล้ายกับว่ากำลังหลงทาง
แต่เมื่อมาย้อนคิดรวมถึงชั่งน้ำหนักความดีความชั่วรวมไปถึงทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ด้วยใจและสายตาที่เป็นกลางมากขึ้นเธอจึงได้รู้ว่าที่ผ่านมานั้นชายคนรักเป็นคนที่เห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจและตัวเองควรจะดีใจที่เดินออกมาจากชีวิตของเขาได้
“ญาดาน่าจะยังโกรธอยู่เอาไว้เราค่อยคุยกันตอนที่หนูอารมณ์ดีกว่านี้ก็ได้แล้วกินข้าวให้มันน้อยๆ ลงหน่อยพี่บอกกี่ครั้งแล้วว่ากินแต่อาหารรสจัดอย่างต้มยำมันจะทำให้บวมโซเดียม โอ๊ย ญาดาทำไมทำแบบนี้” รินญาดาไม่ได้รอให้ปวีย์พูดจบเธอยกแก้วน้ำเย็นทั้งแก้วสาดใส่หน้าเขาเพื่อให้ปากพล่อยๆ นั้นหยุดพล่ามอะไรที่ไร้สาระออกมาเสียที
“ปากพูดอยู่ตลอดเวลาว่าญาดาของตัวเองอ้วนถ้าชอบหุ่นนางแบบนมโตๆ ก็ไปหาเอาที่อื่นเชิญตามสบายเลยไม่ต้องมาพูดจาหมาๆ ใส่คนอื่นแบบนี้มันดูเป็นคนไม่มีมารยาท แล้วถ้าอยากให้คนอื่นเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้แต่ช่วยดูตัวเองบ้างเถอะว่าดีมากมายแค่ไหน” รินญาดาหยุดการต่อว่าอดีตคนรักแต่เพียงเท่านี้เนื่องจากเธอไม่ได้อยากจะเป็นคนในแบบที่ตัวเองไม่ชอบคือการด่าทอกันเรื่องจุดด้อยของฝ่ายตรงข้ามในเมื่อเธอไม่ชอบให้เขามาว่าเรื่องอ้วนดังนั้นเธอจะไม่พูดถึงเรื่องข้อเสียอดีตคนรักที่มีไม่ต่ำกว่าร้อยข้อจนทำให้เขาต้องอับอาย
“มาสาดน้ำใส่กันแบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยหรือไงญาดานี่พี่ยังต้องออกไปพบลูกค้าอีกนะตัวก็เลอะเทอะแล้วไฟล์งานก็ยังไม่เสร็จอีกนี่ตั้งใจจะแกล้งกันหรือยังไง” แม้จะอารมณ์เสียอยู่มากแต่ปวีย์ก็ยังคงพยายามใจเย็นเพื่อที่จะยื้อให้คนตรงหน้ากลับไปอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมเพราะรินญาดายังมีประโยชน์กับเขาในหลายๆ เรื่องและการสูญเสียเธอไปหากจะพูดกันตรงๆ ว่ามันเท่ากับการตัดแขนขาของตัวเองก็ไม่ผิดนัก
“ใครมันอยากจะไปแกล้งกันคะที่ญาดาสาดน้ำใส่หน้าพี่เพื่อจะทำให้พี่ตื่นแล้วเลิกพูดเพ้อเจ้อสักทีถ้างานไม่เสร็จก็กลับไปทำค่ะจะมายืนเกะกะอะไรที่แผนกของคนอื่น น่ารำคาญ” เมื่อพูดจบรินญาดาก็ตัดสินใจผลักร่างที่สูงเก้งก้างของอดีตคนรักออกไปจากห้องครัวจากนั้นก็ปิดประตูลงกลอนหันกลับไปล้างกล่องข้าวรวมทั้งทำความสะอาดพื้นที่ตัวเองสาดน้ำออกไปใส่เขาเมื่อสักครู่นี้
เมื่อสักครู่ตอนที่ขยับตัวเข้าไปผลักปวีย์จมูกของหญิงสาวได้กลิ่นบุหรี่ที่เขาสูบได้อย่างชัดเจนแม้จะไม่เคยชอบมันแต่ครั้งนี้กลับเป็นครั้งแรกที่เกิดความรู้สึกขยะแขยงขึ้นในใจและอดไม่ได้ที่จะคิดไปถึงอีกคนที่มีกลิ่นหอมสะอาดติดตัวและเขาก็อยู่ในสภาพเหมือนกับคนอาบน้ำใหม่ๆ อยู่ตลอดแม้จะเป็นในเวลาที่เปียกฝนม่อล่อกม่อแล่กก็ตาม
เที่ยงนี้มีเรื่องมากมายรบกวนจิตใจของรินญาดาหลายอย่างจนเธอต้องใช้เวลาสงบจิตสงบใจอยู่ในครัวเล็กๆ ของแผนกการตลาดนานสองนานกว่าจะเรียกสติให้เข้าร่างแล้วกลับไปทำงานในช่วงบ่ายได้แล้วใครจะคาดคิดว่าช่วงเวลาที่เธอถกเถียงกับปวีย์ในครัวจะมีคนได้ยินเข้าหลังจากนั้นข่าวที่เธอกับชายหนุ่มรุ่นพี่ต่างแผนกเลิกรากันก็ถูกพูดถึงไปทั่ว
แม้เรื่องราวความสัมพันธ์ชู้สาวระหว่างพนักงานด้วยกันจะไม่ใช่ข้อห้ามของบริษัทแต่ตัวรินญาดาก็ไม่ใช่คนที่ชอบพูดถึงเรื่องส่วนตัวของตนเองเท่าไหร่นัก เรียกว่าเธอไม่ได้ปิดบังแต่ก็ไม่ใช่คนที่จะเที่ยวไปพูดเรื่องส่วนตัวของตัวเองไปเรื่อยเปื่อยเพราะใช่ว่าเพื่อนร่วมงานทุกคนจะฟังแล้วเข้าใจหรือว่ามีความรู้สึกชื่นชมยินดีแต่มีบางคนรอจังหวะที่เราจะล้มแล้วเหยียบซ้ำด้วยเช่นเดียวกัน
“มีอะไรอยากพูดก็พูดมาเถอะอย่าทำท่าอึกอักแบบนั้นเลย” สามวันต่อมารินญาดาตัดสินใจเอ่ยถามกับพิมพ์พลอยที่ทำท่าอึกอักระหว่างที่ทั้งคู่นั่งรับประทานอาหารด้วยกันในครัวเล็กๆ ของแผนก
“ไม่อยากถามเพราะรู้ว่ามันเสียมารยาทแต่ก็อยากรู้เพราะคนเขาลือไปทั่วแผนกแล้วน่ะ” พิมพ์พลอยสนิทกับรินญาดาค่อนข้างมากเพราะเข้ามาทำงานในเวลาไล่เลี่ยกันทำและเคยได้รินญาดาช่วยเหลือในเรื่องงานอยู่บ่อยครั้งทำให้เธอค่อนข้างจะเกรงใจเพื่อนคนนี้อยู่มากพอสมควร
“เรื่องพี่วีใช่ไหม ก็เลิกกันแล้วไม่ใช่เหตุผลเท่ๆ อย่างทัศนคติไม่ตรงกันหรือว่าเข้ากันไม่ได้แต่เป็นเพราะเขานอกใจแล้วทำไมญาดาจะต้องไปทน” รินญาดาตอบไปแบบไม่มีปิดบังด้วยเธอเองก็มั่นใจว่าเรื่องนี้พิมพ์พลอยจะไม่เอาไปพูดต่อให้ใครฟังอย่างเด็ดขาด
“อ้าว ทำไมมันเป็นอย่างนั้นวะไอ้คนเฮงซวยนี่แต่ข่าวลือที่เขาพูดๆ กันน่ะบอกว่าญาดาเลิกกับแฟนเพราะว่าไม่ยอมแต่งงานด้วยฝั่งผู้ชายอยากมีลูกอยากมีครอบครัวเลยทำให้ไปต่อกันไม่ได้ ใครมันมาใส่ร้ายเพื่อนเราแบบนี้นะอย่าให้รู้ตัวเชียวแม่จะตามไปฉีกปากมันให้ขาดไปถึงรูหู”
“คนอย่างพี่วีน่ะนะที่อยากแต่งงานถ้าเป็นเมื่อสามสี่ปีก่อนมันก็ใช่แต่ตอนนี้เขาจะเอาเงินที่ไหนเลี้ยงลูกค่าใช้จ่ายทุกวันนี้ใช้ได้แบบเดือนชนเดือนก็โชคดีแล้ว แล้วเรื่องที่เราไม่ได้อยากมีครอบครัวเขาก็รู้ตั้งแต่ตอนแรกๆ ที่คบกันแล้วจะเอามันมาเป็นเหตุผลไม่ได้หรอกแต่อย่างว่าพูดอะไรมากกว่านี้ไม่ได้เพราะมันมีแต่จะเข้าตัวก็ต้องพูดให้มันออกมาดีเอาไว้ก่อนใครจะยอมให้ตัวเองเสียชื่อเสียหน้า”
ข้อนี้รินญาดาไม่เถียงที่ว่าตัวเธอไม่ได้อยากมีครอบครัวเพราะตัวเองไม่เคยศรัทธาในเรื่องของความรักเด็กบ้านแตกที่มีพ่อแม่ก็เหมือนไม่มีอย่างเธอคงไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวแล้วหากต้องกลับไปประสบชะตากรรมเช่นที่ตัวเองพบเจอมาตลอดชีวิตเพียงแต่เปลี่ยนบทบาทที่เธอกลายเป็นเมียที่ต้องหย่าร้างแทนบทบาทของลูกที่ถูกทอดทิ้งแค่คิดถึงก็พอจะรู้แล้วว่าจิตใจของเธอคงรับความรู้สึกนั้นเอาไว้ไม่ไหว
“พลอยไม่คิดว่ามันดีเหรอที่เราเอาตัวออกมาจากผู้ชายแบบนั้นได้เลิกกันตอนที่ยังไม่แต่งงานนี่แหละไม่มีผลอะไรทางกฎหมายแต่ถ้าเลิกหลังจากแต่งไปต้องมาวุ่นวายทั้งเรื่องทรัพย์สินแล้วถ้ายิ่งมีลูกก็เรื่องใหญ่เลยใช่ไหมล่ะ” เมื่อเห็นเพื่อนสาวเงียบไปคล้ายกำลังประมวลผลรินญาดาก็พูดขยายความเพื่อให้อีกคนเข้าใจได้ง่ายขึ้น
“อือ แบบนี้ก็ดีแล้วไม่เป็นไรนะไม่มีแฟนก็ไม่เป็นไรถ้ามีแล้วมันไม่ดีก็สู้ไม่มีไปเลยจะดีกว่า”