เพราะติดรถคนแปลกหน้าในคืนวันฝนตก ชีวิตที่ยุ่งเหยิงของเธอจึงได้เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล

ความรักมาทักทายยามเมื่อฝนโปรยปรายลงมา - ตอนที่ 2 ลบเลือนความทรงจำที่เลวร้าย โดย อติญา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-หญิง,ยุคปัจจุบัน,นิยายโรมานซ์,นิยายโรแมนติก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ความรักมาทักทายยามเมื่อฝนโปรยปรายลงมา

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-หญิง,ยุคปัจจุบัน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

นิยายโรมานซ์,นิยายโรแมนติก

รายละเอียด

ความรักมาทักทายยามเมื่อฝนโปรยปรายลงมา โดย อติญา @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เพราะติดรถคนแปลกหน้าในคืนวันฝนตก ชีวิตที่ยุ่งเหยิงของเธอจึงได้เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล

ผู้แต่ง

อติญา

เรื่องย่อ

สำหรับผู้หญิงคนหนึ่งการถูกคนรักทรยศหักหลังเป็นเรื่องเลวร้ายเกินกว่าที่หัวใจจะแบกรับความเสียใจเอาไว้ได้แต่ใครมันจะไปรู้ว่าในค่ำคืนที่ปวดร้าวกลับมีหยาดฝนโปรยปรายลงมาชำระล้างบาดแผลบนดวงใจที่บอบช้ำและเป็นการเปิดทางให้เห็นว่าหลังจากฝนตกนั้นยังคงมีสายรุ้งที่แสนงดงามและท้องฟ้าที่สดใสกับรักครั้งใหม่รอคอยเธออยู่เสมอ

 

กติกาการลงนิยาย

ลงเนื้อหาให้อ่านฟรีทั้งหมด 10 ตอนหลังจากนั้นจะติดเหรียญล่วงหน้า รายละเอียดดังนี้

1. ติดเหรียญล่วงหน้า 1 สัปดาห์ (4 เหรียญ)

2. ปลดเหรียญอ่านฟรี 1 สัปดาห์

3. หลังจากนั้นจะติดเหรียญถาวรราคาเต็มตั้งแต่ตอนที่ 6 ไปจนถึงตอนจบค่ะ (8 เหรียญ)

สารบัญ

ความรักมาทักทายยามเมื่อฝนโปรยปรายลงมา-ตอนที่ 1 ความจริงที่มาพร้อมกับสายฝน,ความรักมาทักทายยามเมื่อฝนโปรยปรายลงมา-ตอนที่ 2 ลบเลือนความทรงจำที่เลวร้าย,ความรักมาทักทายยามเมื่อฝนโปรยปรายลงมา-ตอนที่ 3 ชีวิตยังต้องไปต่อ,ความรักมาทักทายยามเมื่อฝนโปรยปรายลงมา-ตอนที่ 4 นอกใจก็คือนอกใจขอไม่รับความเห็นต่าง,ความรักมาทักทายยามเมื่อฝนโปรยปรายลงมา-ตอนที่ 5 อยู่ดีไม่ว่าดีดันไปเตะเจอตอ,ความรักมาทักทายยามเมื่อฝนโปรยปรายลงมา-ตอนที่ 6 หนทางการก้าวหน้าโดยการเอาเต้าไต่,ความรักมาทักทายยามเมื่อฝนโปรยปรายลงมา-ตอนที่ 7 ลำบากนิดหน่อยแต่ก็สบายใจมากๆ,ความรักมาทักทายยามเมื่อฝนโปรยปรายลงมา-ตอนที่ 8 ชีวิตที่เป็นสุข,ความรักมาทักทายยามเมื่อฝนโปรยปรายลงมา-ตอนที่ 9 ความพยายามอยู่ที่ไหนก็พยายามต่อไปเถอะนะ,ความรักมาทักทายยามเมื่อฝนโปรยปรายลงมา-ตอนที่ 10 คนสันดานเสีย,ความรักมาทักทายยามเมื่อฝนโปรยปรายลงมา-ตอนที่ 11 มันร้อนจนถึงขึ้นนั่งไม่ติด ปลดเหรียญอ่านฟรี 20 ตุลาคม 68 ติดเหรียญถาวร 27 ตุลาคม 68,ความรักมาทักทายยามเมื่อฝนโปรยปรายลงมา-ตอนที่ 12 เป็นคนที่ชั่วซ้ำชั่วซ้อน ปลดเหรียญอ่านฟรี 21 ตุลาคม 68 ติดเหรียญถาวร 28 ตุลาคม 68,ความรักมาทักทายยามเมื่อฝนโปรยปรายลงมา-ตอนที่ 13 จะต้องเข้มแข็งและอดทนอีกมากมายแค่ไหน ปลดเหรียญอ่านฟรี 22 ตุลาคม 68 ติดเหรียญถาวร 29 ตุลาคม 68,ความรักมาทักทายยามเมื่อฝนโปรยปรายลงมา-ตอนที่ 14 แล้วมันต่างกันที่ตรงไหน ปลดเหรียญอ่านฟรี 23 ตุลาคม 68 ติดเหรียญถาวร 30 ตุลาคม 68,ความรักมาทักทายยามเมื่อฝนโปรยปรายลงมา-ตอนที่ 15 ลองไปพักสักหน่อยก็คงดี ปลดเหรียญอ่านฟรี 27 ตุลาคม 68 ติดเหรียญถาวร 3 พฤศจิกายน 68

เนื้อหา

ตอนที่ 2 ลบเลือนความทรงจำที่เลวร้าย

หลังจากที่ส่งชาวีไปพักผ่อนที่ห้องชั้นถัดลงไปแล้วคีรีภัทรก็กลับมานั่งเงียบๆ เพื่อมองผู้หญิงแปลกหน้าตั้งหน้าต้องตาร้องไห้อยู่ราวๆ ครึ่งชั่วโมงเธอถึงได้รับรู้การมีตัวตนของเขาเสียที

“ขะ ขอโทษที่รบกวนฉันจะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ ขอบคุณคุณจริงๆ” รินญาดาฝืนเปลือกตาที่บวมจนแทบจะปิดของตัวเองมองชายหนุ่มที่นั่งเงียบๆ อยู่ฝั่งตรงกันข้ามจากนั้นก็กระชับกระเป๋าสะพายใบเล็กของตัวเองเพื่อที่จะเดินออกไปจากตรงนี้แต่ทันทีที่ลุกขึ้นเธอถึงรู้ว่าตัวเองไร้สิ้นเรี่ยวแรงจนล้มแผละไม่เป็นท่าเสียอย่างนั้น

“คุณจะพักที่นี่ก่อนก็ได้นะมีหลายห้องนอนข้างนอกฝนตกหนักอีกแล้วถ้าออกไปคุณจะเดินทางกลับบ้านยังไงล่ะครับ” เขาเอ่ยด้วยความเป็นห่วงเพราะแค่ฝนตกพรำๆ เธอคนนี้ยังเกือบจะโดนรถชนแล้วในยามที่ฝนฟ้าคะนองแบบนี้เธอจะออกไปเจออะไรอีกบ้างเขาไม่อยากจะจินตนาการต่อ

“คุณใจดีจัง แต่ไม่ดีหรอกค่ะเดี๋ยวคนรักคุณจะเข้าใจผิดเอาคุณรู้ไหมถ้าคุณมีแฟนแล้วไม่ควรไปทำดีกับผู้หญิงคนอื่นนะ” พูดมาถึงตรงนี้รินญาดาก็ตั้งหน้าตั้งตาร้องไห้อีกครั้งเพราะสิ่งที่พูดมันมาจี้ใจดำของตนเองเข้าเสียได้

ก่อนหน้าที่เธอจะมาเห็นเหตุการณ์วันนี้เข้าทั้งปวีย์และอภิชดาก็ดูจะสนิทกันมากกว่าเพื่อนร่วมงานทั่วไปทั้งๆ ที่ทำงานคนละแผนกอีกทั้งคนรักก็เคยบอกว่าช่วยเหลือน้องใหม่เพราะอย่างน้อยๆ ก็ทำงานที่เดียวกันไม่ได้คิดอะไรเกินเลยแล้วท้ายที่สุดทั้งคู่ไปอยู่ด้วยกันบนเตียงของเธอ

“ฉันน่ะนะเพิ่งรู้ว่าถูกแฟนนอกใจวันนี้เอง ผู้ชายคนนั้นบอกมาตลอดว่าเห็นเธอเป็นรุ่นน้องในที่ทำงานและมันเป็นไงรู้ไหมวันนี้ฉันเห็นกับตาตัวเองทั้งสองข้างว่าเขากำลังมีอะไรกันบนเตียงของฉันทั้งๆ ที่เปิดไฟสว่างจ้า

แต่พอเป็นฉันทุกครั้งเขาจะปิดไฟแล้วเอาแต่พูดว่าไปลดน้ำหนักได้แล้วเพราะพุงฉันใหญ่กว่าหน้าอกอีกแต่กับเธอคนนั้นเอวเอสอย่างกับคนไม่มีไส้แถมหน้าอกหน้าใจก็ใหญ่บิ๊กเบิ้ม ฮึ”

ความรู้สึกที่อดกลั้นมานานปีถูกระบายออกมาเป็นคำพูดเพราะปวีย์นั้นคอยแต่พูดอยู่ตลอดให้เธอลดน้ำหนักทั้งๆ ที่รินญาดาคิดว่าตัวเองก็ไม่ได้อ้วนเกินมาตรฐาน

เธอเป็นผู้หญิงที่ตัวเตี้ยมีความสูงเพียงหนึ่งร้อยห้าสิบห้าเซนติเมตรส่วนน้ำหนักกก็วิ่งขึ้นวิ่งลงอยู่ที่ห้าสิบหกถึงห้าสิบแปดหนักสุดก็หกสิบกิโลไม่เคยมากเกินไปกว่านี้และถึงแม้เธอจะไม่ได้มีน้ำหนักสี่สิบห้ากิโลกรัมตามมาตรฐานดัชนีมวลกายแต่ก็มั่นใจว่าตัวเองไม่ได้อ้วนเผละอีกทั้งยังมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ดีที่สำคัญที่สุดคือเธอไม่มีโรคประจำตัว

“ถ้าชอบผู้หญิงหุ่นนางแบบก็เลิกกันแล้วไปคบกับเขาสิจะมีทำแบบนี้ทำไมไอ้คนเฮงซวย”

“ผมก็ไม่รู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุให้เขานอกใจคุณเพราะไม่ได้รู้เรื่องราวทั้งหมดแต่สิ่งที่คุณพูดออกมาเหมือนเขาจะมีปัญหาที่เรื่องกายภาพแต่นั่นก็เป็นเรื่องของเขาอีกนั่นแหละ แต่ตอนนี้คุณรู้ว่าเขานอกใจแล้วจะทำยังไงต่อไปดีครับ” คีรีภัทรต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากที่จะรับฟังแต่ไม่ตัดสินทั้งๆ ที่ในใจเขากำลังก่นด่าแฟนเก่าของผู้หญิงตรงหน้าอย่างเอาเป็นเอาตายไม่ว่าอย่างไรการนอกใจมันก็ผิดไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุอะไรก็ตามแต่

“จะมีหน้ากลับไปอีกเหรอยังไงก็ต้องเลิกกันฉันไม่มีทางกลับไปอยู่กับผู้ชายที่นอกใจตัวเองเด็ดขาด ฉันจะกลับไปอยู่บ้านคุณย่าถึงจะไม่มีคุณย่าอยู่แล้วก็ตามเถอะ” จากนั้นรินญาดาก็พูดไปเรื่อยถึงเรื่องคุณย่าที่เลี้ยงเธอมาตั้งแต่อายุได้ขวบกว่าๆ ให้คนแปลกหน้าได้ฟังอย่างไม่รู้สึกขัดเขินอะไรเลยแม้แต่น้อย

“คุณง่วงแล้วแน่ๆ ไปพักผ่อนก่อนดีกว่าครับข้างล่างมีห้องพักแขกของใช้ในห้องน้ำมีพร้อมคุณสามารถใช้ได้ตามสบายเลย” เมื่อเห็นคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามปิดปากหาวคีรีภัทรจึงคิดว่าถึงเวลาที่จะต้องส่งเธอเข้านอนได้แล้ว

“ฉันไม่อยากนอนเลย... จริงๆ แล้วฉันแค่กลัวว่าตอนที่หลับตาจะเห็นภาพที่แฟนเก่าอยู่กับผู้หญิงคนนั้น

ฉันรู้ว่าคนเราแตกต่างกันแต่ก็อดเปรียบเทียบไม่ได้จริงๆ ว่าตัวเองบกพร่องที่ตรงไหนตอนนี้สภาพฉันมันไม่ดีเท่าไหร่แต่คุณพอจะบอกได้ไหมว่าฉันมีอะไรไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นเผื่อฉันจะได้เอาไปปรับปรุงตัวเอง แต่ไม่ได้ปรับปรุงเพื่อเขานะฉันแค่อยากเป็นตัวเองในเวอร์ชันที่ดีมากกว่านี้” แม้จะสบายใจขึ้นมาบ้างเมื่อได้พูดถึงคุณย่าแต่ในความเป็นจริงแล้วสิ่งที่ปวีย์ทำมันลงไปนั้นเป็นดั่งมีดที่กรีดหัวใจของรินญาดาให้เป็นแผลฉกรรจ์

และรินญาดาก็เป็นฝ่ายที่ลุกเดินอ้อมโต๊ะตัวเล็กมาหาชายหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเพื่อให้เขาพิจารณาเธอด้วยตาทั้งสองข้างของตัวเอง

“คุณสวยในแบบของผู้หญิงปกติทั่วไปเลยครับไม่ได้ขี้เหร่” ถามมาคีรีภัทรก็ตอบตรงแม้ว่าสภาพของหญิงสาวออกจะมอมแมมอีกทั้งยังร้องไห้หนักจนตาบวมตุ่ยแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเครื่องหน้าปาก คอ คิ้ว คางและริมฝีปากนั้นจิ้มลิ้มดูเหมาะเจาะพอเหมาะพอดีกันไปหมดแม้ว่าเธอจะไม่ได้สวยสะดุดตาจนต้องเหลียวหลังกลับมามองแต่เขาพูดได้เต็มปากเลยว่าคนตรงหน้าไม่ได้ขี้เหร่แต่อย่างใด

“แล้วอย่างอื่นล่ะที่ไม่ใช่หน้าตาฉันมันไม่น่ามองเลยใช่ไหมตัวก็เตี้ยแถมหน้าอกก็แบนแถมยังมีพุงด้วย” รินญาดากลับมาพูดทั้งน้ำตาอีกครั้งเพราะการกระทำที่ผ่านมาของคนรักและคำพูดบางคำของเขามันยังวนเวียนหลอกหลอนอยู่ในหัวของเธอไม่ยอมหายไปไหน

“ผมไม่มีปัญหาเรื่องร่างกายของคนอื่นครับยิ่งถ้าเป็นคนรักแล้วด้วยอะไรที่เป็นเธอผมไม่มีทางที่จะมีปัญหา” เรื่องนี้คีรีภัทรไม่ได้โกหกเพราะจากที่ผ่านมาเขาสามารถพูดได้เต็มปากว่าตัวเองเป็นคนรักที่ดีมากๆ คนหนึ่งแม้ตอนนี้จะไม่ได้คบหาใครเป็นตัวเป็นตนแต่ที่ผ่านมาเขาพูดได้เต็มปากว่าตัวเองนั้นเป็นคนรักที่ดีมากคนหนึ่งเลยก็ว่าได้

“คุณเป็นคนดีจริงๆ ด้วยขอบคุณนะที่ช่วยฉันเอาไว้ถ้าไม่ได้คุณป่านนี้ฉันคงแบนเป็นปลาหมึกบดอยู่บนถนนไปแล้ว” แล้วรินญาดาก็ทำสิ่งที่ชายหนุ่มไม่คาดคิดว่าจะทำนั่งก็คือเธอลงไปนั่งคร่อมตักของเขาและกอดร่างกายใหญ่โตของชายหนุ่มเอาไว้เพื่อแสดงความขอบคุณโดยคีรีภัทรจะไม่ว่าอะไรเลยถ้าเธอไม่เอาหัวยุ่งๆ ของตัวเองมาไถอยู่ตรงซอกคอทำเอาคนที่มีความไวต่อสัมผัสพอสมควรถึงกับเกร็งไปทั้งร่างโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ

แม้สภาพของคนบนตักอาจจะไม่ดีเท่าไหร่แต่เนื้อนุ่มๆ ผิวกายเนียนๆ รวมไปถึงกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ได้กลิ่นยามที่ระยะห่างของร่างกายเป็นศูนย์บวกกับเมื่อหัวค่ำก่อนจะเจอเธอเขาก็ดื่มไปมากพอสมควรก็ทำให้อะไรๆ มันตื่นเพริดได้อย่างไม่ยากเย็น

“ดะ เดี๋ยวก่อนครับหยุดเอาหัวไถผมก่อน” เมื่อสถานการณ์ยากจะควบคุมคีรีภัทรจึงต้องเอ่ยขอคนที่อยู่บนตักให้เลิกทำตัวเป็นลูกแมวก่อนชั่วครู่ซึ่งมันได้ผลเพราะหญิงสาวแปลกหน้านั้นหยุดการเคลื่อนไหวจริงๆ แต่เธอกับช้อนดวงตาที่กลมโตแม้จะมีเปลือกตาบวมตุ่ยของตัวเองขึ้นมามองเขาด้วยความสงสัยว่าเหตุใดจึงต้องหยุดด้วย

“ขอโทษค่ะแต่อยู่ใกล้คุณแล้วมันรู้สึกปลอดภัย” แม้ไม่ได้อยากจะร้องไห้แต่น้ำตาเจ้ากรรมมันกลับไหลออกมาอีกจนได้รินญาดารู้ว่าการใกล้ชิดกับชายแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกันเป็นครั้งแรกนั้นไม่ใช่เรื่องดีแต่ไม่รู้ทำไมเธอถึงยังรู้สึกว่าอยากจะอยู่ใกล้ๆ เขา

“หยุดร้องไห้ก่อนเถอะไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้นอกจากคุณจะลืมตาไม่ขึ้นแล้วก็จะยังปวดหัวมากๆ ด้วย” ระยะห่างที่แทบไม่มีเหลือทำให้หญิงสาวได้กลิ่นแอลกอฮอล์ออกมาจากลมหายใจอุ่นๆ ของคนตรงหน้าและถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เธอกับเขาจะเปียกกันแทบทั้งตัวแต่ทั้งคู่กลับไม่ได้มีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ออกมาแม้แต่นิดเดียว

คนแปลกหน้าสองคนสบตากันโดยไม่รู้ตัวเลยว่าระยะห่างที่ไม่มีเหลือนั้นมันเป็นสิ่งที่อันตรายมากเป็นอย่างมากมารู้สึกตัวอีกทีริมฝีปากอวบอิ่มก็ถูกครอบครองด้วยความเต็มใจไร้ซึ่งการปัดป้องหรือว่าป้องกัน

จูบแรกแต่ทว่าลึกซึ้งจนน่าตกใจลิ้นอุ่นๆ ของคนแปลกหน้าหยอกเย้าลิ้นนุ่มนิ่มอย่างอารมณ์ดีมีจังหวะทั้งไล่ต้อนและถอยร่นในบางครั้งก็ผ่อนปรนให้เธอเป็นคนได้ควบคุมโดยที่เขาคอยแต่ส่งเสียงในลำคอเป็นการแสดงออกว่าพึงพอใจ

ระหว่างที่ริมฝีปากหยอกล้อป้อนความหวานฉ่ำมือไม้ของคีรีภัทรก็ไม่ได้อยู่เฉยเช่นกับท่าทีในตอนแรกๆ บัดนี้ทั้งกระดุมเสื้อเชิ้ตของเขาและกระดุมเสื้อของหญิงสาวถูกปลดเปลื้องออกไปอย่างแผ่วเบาและว่องไวจนแทบจะไม่รู้ตัว

“....”

“ขอโทษครับ ผมหยุดให้ได้นะถ้าหากคุณไม่โอเค” เมื่อรู้สึกถึงแรงผลักเบาๆ ที่แผ่นอกชายหนุ่มจึงยอมปล่อยริมฝีปากที่อวบอิ่มให้เป็นอิสระชั่วคราวเพื่อมาเอ่ยถามความยินยอมพร้อมใจของเธอก่อนที่อะไรๆ จะเลยเถิดไปมากกว่านี้

“ไม่ใช่ค่ะ... คุณอยากปิดไฟก่อนหรือเปล่า แล้ว แล้วคุณมี เอ่อ ถุงยางอนามัย”

“ไม่จำเป็นต้องปิดไฟเลยแล้วผมก็มีถุงยาง... ขอให้ผมสำรวจร่างกายเล็กๆ ของคุณนะครับ” นอกจากจะไม่ปิดไฟแล้วเขายังเอ่ยขออนุญาตด้วยความสุภาพแน่นอนว่ารินญาดาที่ไม่รู้ไปเอาความกล้ามาจากไหนจึงยอมพยักหน้าแทนคำอนุญาตแทบจะทันที

แม้จะบอกว่าอนุญาตแต่ร่างกายเล็กๆ ของรินญาดาก็ยังคงเกร็งอยู่ไม่น้อยในตอนแรกแต่กระนั้นคีรีภัทรก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาเป็นการทำลายขวัญและกำลังใจของหญิงสาวเขาใช้เพียงร่างกายของตัวเองเป็นใบเบิกทางให้อีกคนตอบรับโดยที่ไม่ต้องเอื้อนเอ่ยอะไร

แต่ไหนแต่ไรมารินญาดาถูกคนรักที่เคยเป็นอดีตค่อนขอดอยู่เสมอว่าตัวเธอไม่มีความเร้าใจโดยที่เธอเองไม่รู้มาก่อนเลยว่าความไร้เดียงสาแต่อยากรู้อยากเห็นของตัวเองมันสามารถทำให้ผู้ชายตัวโตเกิดอาการคลุ้มคลั่งกันได้ง่ายๆ แล้วที่คีรีภัทรพูดว่าจะสำรวจร่างกายของเธอเขาก็ทำมันอย่างจริงจังจนเธอมั่นใจว่าไม่มีตารางนิ้วไหนบนตัวที่จะสามารถรอดพ้นจากริมฝีปากและลิ้นที่พลิกพลิ้วของเขาไปได้

“ถ้าไม่ชอบก็แค่ผลักผมออกแต่ถ้าคุณชอบก็ครางออกมาดังๆ ไม่ต้องไปกลั้นไว้” ชายหนุ่มหยัดกายขึ้นมากระซิบบอกเสียงพร่าหลังจากที่ตัวเองมัวเมาอยู่กับดอกไม้หอมกรุ่นกลางกายสาวอยู่นานสองนานปฏิกิริยาของร่างกายเธอนั้นค่อนข้างจะตรงไปตรงมาจนเขาต้องเอ่ยปากหวังให้เธอผ่อนคลายความกังวลแต่ถึงแม้ว่าลิ้นจะผละจากความชื้นแฉะที่หอมหวานมาแต่ก้านนี้ยาวก็ยังคงบดขยี้อยู่ที่เกสรเล็กจ้อยอย่างแผ่วเบาไม่ยอมหยุดมือ

“มะ มันเหมือนฉี่จะแตก” แม้จะอายแต่ก็จำเป็นต้องพูดเพราะเมื่อเขาพาเธอล่องลอยมาถึงจุดนี้ทีไรรินญาดาก็จะคอยพลิกกายหนีอยู่เรื่อยเพราะความรู้สึกที่ท่วมท้นจนเหมือนจะไม่สามารถกลั้นมันเอาไว้ได้อีกต่อไป

“ฉี่ออกมาได้เลยครับไม่ต้องกลัวเลอะ อย่าอั้นมันอีก” เขาพูดแค่นั้นก่อนจะทิ้งจุมพิตอ้อยอิ่งชวนเคลิบเคลิ้มเอาไว้ที่ริมฝีปากอิ่มที่ถูกบดขยี้จนขึ้นสีแดงช้ำจากนั้นก็เคลื่อนกายลงไปยังจุดอ่อนไหวที่ถูกอกถูกใจเป็นพิเศษและเมื่อเห็นว่าอีกคนปล่อยร่างกายตามคำแนะนำของเขาก็ยิ่งอยากจะให้รางวัลเธอซ้ำๆ จนร่างเล็กๆ แต่อวบอัดทั้งสั่นทั้งกระตุกไม่หยุด

ความรู้สึกกระตุกจนตาลอยเป็นความแปลกใหม่ที่เพิ่งได้สัมผัสเป็นครั้งแรกทำเอารินญาดาอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งขึ้นไม่ว่าอีกคนจะบอกให้ทำอะไรเธอก็สวมบทบาทเป็นนักเรียนที่ดีทำตามอย่างว่าง่ายไปทีละขั้นทีละตอน

แต่แล้วก็มีสิ่งที่ทำให้ใจดวงน้อยๆ ของหญิงสาวต้องกระตุกวูบเมื่อเธอเห็นเต็มตาของขีปนาวุธที่เขาซุกซ่อนเอาไว้ในกางเกงแม้มันจะเป็นท่อนเนื้อสีอ่อนส่วนปลายมีสีชมพูดูมีสุขภาพดีแต่ขนาดของมันกลับไม่ใช่เล่นๆ เลยและยิ่งเห็นอุปกรณ์ที่อีกคนควักออกมาจากลิ้นชักโต๊ะรับแขกก็ยิ่งตื่นตะลึงว่าเขาจะเตรียมพร้อมอะไรเสียขนาดนั้น