แฝดสองกำลังดีแต่แฝดสี่แม่ค่อนข้างจะปวดหัว
จีน,รัก,ชาย-หญิง,ครอบครัว,เกิดใหม่,นิยายรักจีนโบราณ,เกิดใหม่,ครอบครัว,แม่ลูกแฝด,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ปวดหัวแทบบ้าเมื่อเกิดใหม่มาเป็นมารดาของลูกแฝดแฝดสองกำลังดีแต่แฝดสี่แม่ค่อนข้างจะปวดหัว
ใครมันจะไปคาดคิดว่าชีวิตของผู้หญิงที่ได้เกิดมาสมบูรณ์พร้อมทุกอย่างจะมีจุดจบที่น่าอนาถเพียงเพราะเดินไปตามควายกลางทุ่งหญ้าในวันฝันตกจึงถูกฟ้าผ่าแต่แล้วเรื่องราวชีวิตของวาสนาที่ดูจะสิ้นวาสนากลับไม่ได้มีจุดจบอยู่เพียงแค่นั้นแต่มันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเมื่อดวงวิญญาณของเธอถูกส่งไปอีกภพหนึ่งเพื่อใช้ชีวิตใหม่ในนามของไป๋ฮวาซูหญิงสาวผู้มีลูกชายและลูกสาวฝาแฝดที่คลอดออกมาครั้งเดียวถึงสี่คนแม้จะโชคดีที่ได้สามีเป็นคนเอาถ่านแต่ก็ใช่ว่าไป๋ฮวาซูคนใหม่จะไม่ต้องใช้ความพยายามสร้างฐานะให้ครอบครัวและดูแลลูกเสียเมื่อไหร่
หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้ไม่อิงประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะ สถานที่ เหตุการณ์ หรือตัวบุคคลในเรื่องล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้นค่ะ
กติกาการลงนิยาย
ลงเนื้อหาให้อ่านฟรีทั้งหมด 10 ตอนหลังจากนั้นจะติดเหรียญล่วงหน้า รายละเอียดดังนี้
1. ติดเหรียญล่วงหน้า 1 สัปดาห์ (4 เหรียญ)
2. ปลดเหรียญอ่านฟรี 1 สัปดาห์
3. หลังจากนั้นจะติดเหรียญถาวรราคาเต็มไปจนถึงตอนจบค่ะ (8 เหรียญ)
แน่นอนว่าในหมู่บ้านนั้นชาวบ้านแต่ละครอบครัวต่างก็มีฐานะแตกต่างกันสิ่งนี้ไป๋ฮวาซูเห็นมันได้ชัดเจนขึ้นมากจากข้าวของที่เพื่อนบ้านนำมาให้นางพร้อมกับการมาส่งบุตรหลานฝากให้ดูแลคนที่มีก็นำข้าวและเงินเล็กน้อยมามอบให้ส่วนคนที่ไม่มีก็หิ้วหัวผักกาดขาวหัวผักกาดแดงไม่ก็ผักกาดมาให้ตามที่ตนเองมีอยู่
“บ้านข้าพอมีอยู่เพียงเท่านี้เจ้าจะยินดีรับหรือไม่” ผู้พูดคือมารดาของเด็กน้อยอายุพอๆ กับลูกฝาแฝดของไป๋ฮวาซูซึ่งนางดูมอมแมมและมีร่างกายแคระแกร็นมากกว่าที่เด็กๆ วัยนี้ควรจะเป็นมากนักบ่งบอกได้ว่าที่ผ่านมานางไม่ได้รับการดูแลอย่างดีเท่าที่ควร
“ข้าไม่มีอะไรจะแก้ตัวแต่บิดาของลูกสาวข้าเพิ่งทิ้งพวกเราไปเมื่อไม่นานมานี้เราสองแม่ลูกจึงมีชีวิตที่ค่อนข้างจะลำบากข้าจึงจำเป็นต้องหางานทำให้มากๆ เพื่อที่จะเอาเงินมาเลี้ยงดูนางให้ได้กินดีอยู่ดีขึ้นมาบ้างแม้เพียงแค่เล็กน้อยก็ยังดีกว่าอดมื้อกินมื้ออยู่แบบนี้” ไป๋ฮวาซูยืนฟังมารดาของเด็กหญิงพูดด้วยความรู้สึกที่หลากหลายมันทั้งสงสารและเห็นใจอีกทั้งโกรธเคืองสามีของพี่สาวผู้นี่ที่เขากล้าทิ้งลูกเล็กๆ ไปได้ลงคอ
“ท่านไปทำงานตามสบายเลยนะเจ้าคะข้าจะดูแลนางให้เองและครั้งหน้าหากไม่มีอะไรติดมือมาก็ไม่เป็นไรเลยข้าเข้าใจเอาไว้วันไหนมีค่อยนำมาให้ก็ได้เจ้าค่ะ” ชีวิตของสตรีที่ไม่ถูกสามีทิ้งขว้างนับว่าลำบากมากนักหากยิ่งมีบุตรด้วยแล้วชีวิตของพวกนางยิ่งลำบากมากขึ้นเป็นเท่าตัวแต่เท่าที่ดีแล้วพี่สาวผู้นี้ก็ขยันขันแข็งอยู่ไม่น้อยนางรับจ้างทำงานในหมู่บ้านทุกๆ อย่างเท่าที่จะทำได้และในบางครั้งก็ขึ้นเขาเก็บผักป่าไปขายจนถึงตอนนี้ที่ไปรับจ้างเกี่ยวข้าวก็นับว่านางมีความอุตสาหพยายามอย่างยิ่งยวดดูแล้วนางก็เป็นคนที่ไม่ย่อท้อต่อโชคชะตา
“ขอบใจน้องสะใภ้ไป๋มากข้าจะไม่ลืมเลยว่าวันนี้เจ้าช่วยเหลือข้าไว้อย่างไรวันหน้าข้าจะตอบแทนความดีของเจ้าอย่างแน่นอน” พี่สาวแซ่เหรินใช้มือหยาบๆ ของนางเกาะกุมมือเล็กๆ ของไป๋ฮวาซูเอาไว้ด้วยความขอบคุณหลังจากที่สั่งความกับลูกสาวเล็กน้อยแล้วนางจึงจากไปทำงานอย่างสบายใจไร้ซึ่งความกังวลแตกต่างจากวันที่ผ่านๆ มาอย่างสิ้นเชิง
ในวันแรกมีเด็กๆ ถูกนำมาฝากไว้ทั้งหมดหกคนโดยไม่มีใครเลยที่อายุเกินห้าขวบจึงดูแลกันได้ง่ายหน่อยโดยตอนแรกเด็กๆ อาจจะยังไม่คุ้นกันจึงต่างคนต่างนั่งเล่นอยู่ในลานบ้านแต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่นานพวกเขาก็เริ่มจับกลุ่มเล่นกันโดยในตอนเช้าที่อากาศกำลังดีไป๋ฮวาซูปล่อยให้เด็กๆ เล่นกันที่ลานบ้านรวมถึงที่สวนดอกไม้เล็กๆ ส่วนตัวนางเองก็นั่งหั่นผักเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการปรุงอาหารกลางวันไปพลางๆ
เรื่องครอบครัวของเด็กๆ ทุกคนไป๋จิ่งลู่ไปสืบมาให้แล้วว่าผู้ปกครองของพวกเขาต่างก็ออกไปรับจ้างทำงานกันทั้งสิ้นไม่มีใครที่เอาลูกมาทิ้งแล้วอยู่ที่บ้านกันเฉยๆ ซึ่งทำให้ไป๋ฮวาซูพึงพอใจเป็นอย่างมากเพราะมีคนเข้าใจถึงสิ่งที่นางทำมิได้มีใครจ้องจะมาหาผลประโยชน์ให้ตนเองโดยผลักภาระเรื่องการดูแลบุตรหลานมาให้คนอื่น
เสียงเด็กๆ หัวเราะและวิ่งเล่นกันเจี๊ยวจ๊าวอยู่ที่ลานบ้านทำให้บ้านไป๋นั้นมีชีวิตชีวามากกว่าเดิมหลายเท่าตัวจากที่ตอนปกติเด็กแฝดก็เป็นความสดใสของครอบครัวนี้มากพออยู่แล้วแต่พอมีเด็กๆ บ้านอื่นมาเพิ่มขึ้นพวกเขาก็ยิ่งสนุกสนานร่าเริงมากกว่าที่เคยเป็น
“เด็กๆ ฟังทางนี้ก่อนตอนเช้าและตอนกลางวันพวกเราจะเล่นกันอยู่ในเรือนพอช่วงบ่ายหลังจากตื่นนอนกลางวันเราจะไปเล่นกันที่ลานของหมู่บ้านพร้อมกับไปกินของว่างที่นั่นด้วยดีหรือไม่” หลังจากเตรียมวัตถุดิบในการทำอาหารกลางวันแบบง่ายๆ เสร็จเรียบร้อยแล้วไป๋ฮวาซูก็เดินมาพูดคุยกับเด็กๆ ที่ตอนนี้กำลังจับกลุ่มเล่นกันตามประสาซึ่งตอนนี้บุตรสาวของนางกำลังรับบทบาทเป็นแม่ค้าขายผักและขายดอกไม้ในตลาดส่วนเด็กคนอื่นๆ กำลังทำหน้าที่เป็นคนซื้อซึ่งการเล่นขายของนั้นเป็นสิ่งที่นางได้สอนบุตรสาวด้วยตนเองส่วนเด็กผู้ชายก็พากันไปวิ่งจับแมลงในแปลงผักเล็กๆ ข้างเรือน
“นอนกางวัน”
“การนอนการวันเป็นหนึ่งในงานสำคัญที่เด็กเล็กต้องทำเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงและโตไวๆ หลังจากที่พวกเจ้ากินอาหารกลางวันเสร็จเรียบร้อยแล้วหลังจากนั้นราวๆ ครึ่งชั่วยามอาสะใภ้จะพาพวกเจ้าไปนอนกลางวัน เมื่อตื่นมาอีกครั้งเราก็จะออกไปวิ่งเล่นและได้พักกินของว่าง” เด็กส่วนหนึ่งสงสัยเรื่องการนอนกลางวันเพราะพวกเขาบางคนยังไม่เคยทำกันมาก่อนจึงเป็นหน้าที่ของไป๋ฮวาซูที่ต้องอธิบายให้เข้าใจได้ง่ายที่สุด
วันแรกของการรับฝากเด็กๆ นั้นไป๋ฮวาซูให้พวกเขากินข้าวผัดใส่ผักและเนื้อไก่ป่ามีน้ำแกงโครงไก่ใส่หัวผักกาดที่ตัดแต่งเป็นรูปดอกไม้เล็กๆ ให้พวกเขากินคู่กันเป็นอาหารกลางวันส่วนของว่างนั้นเป็นขนมเค้กฟักทองนึ่งที่ทำได้ง่ายๆ และใช้เวลาทำไม่นานใช้ช่วงเวลาที่เด็กๆ นอนกลางวันกันก็สามารถทำได้สบายๆ
ส่วนมื้อเย็นลูกๆ ของนางนั้นหิวโซแม้จะได้กินของว่างกันมาแล้วแต่เพราะวิ่งเล่นกันอย่างหนักหน่วงไป๋ฮวาซูจึงตั้งใจทำบะหมี่ร้อนๆ ให้พวกเขากินโดยบะหมี่เนื้อนุ่มเหนียวนั้นได้สามีออกแรงนวดให้ส่วนตัวนางเองก็ทำน้ำแกงที่ปรุงเพิ่มจากเมื่อตอนกลางวันและนำเนื้อไก่สับผสมเนื้อหมูเค็มผัดใส่กระเทียมราดที่ด้านบนบะหมี่โดยไม่ลืมที่จะใส่ผักซอยฝอยๆ ลงไปด้วยเพื่อเพิ่มคุณค่าทางอาหาร
“แค่วันแรกข้าก็มารับลูกช้าแล้วต้องขออภัยเจ้าทั้งสองด้วย” พี่สาวเหรินอ้ายมารับบุตรสาวเมื่อตอนเวลาที่พระอาทิตย์เกือบจะตกดินเนื่องจากนางต้องเดินทางออกไปทำงานไกลพอสมควรด้วยงานในหมู่บ้านใกล้ๆ นั้นมีคนทำประจำอยู่แล้วนางจึงต้องหางานเกี่ยวข้าวในหมู่บ้านที่ห่างออกไปอีกเล็กน้อย
แต่การไปไกลนั้นก็นับว่าคุ้มค่าเพราะเจ้าของที่นาให้ค่าจ้างค่อนข้างสูงเพียงแต่ต้องเตรียมอาหารกลางวันไปรับประทานเองแต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้ยากเพียงแค่มีแผ่นแป้งย่างโรยเกลือกินเป็นอาหารกลางวันนางก็มีแรงทำงานต่อไปทั้งวันแล้ว
“ไม่เป็นไรเลยเจ้าค่ะ นี่เป็นบะหมี่อาหารเย็นของเด็กๆ วันนี้ข้าเก็บเอาไว้ให้พี่สาวด้วยเพราะมั่นใจว่าท่านจะต้องเหนื่อยจนไม่มีแรงหุงหาอาหาร” แค่เห็นปิ่นโตที่เพื่อนบ้านยื่นให้เหรินอ้ายก็น้ำตาคลอไม่คิดว่าจะมีคนที่ดีกับนางถึงขนาดนี้เพราะเมื่อครั้งที่ถูกสามีทิ้งนางบากหน้ากลับไปพึ่งบ้านเดิมแต่ถูกบิดามารดาส่งมาอยู่ที่บ้านเกิดของท่านยายซึ่งก็คือหมู่บ้านแห่งนี้นี่เอง
“เสี่ยวหงขอบคุณท่านน้าเสียสิเจ้าต้องเป็นเด็กดีเชื่อฟังน้าสะใภ้ไป๋เหมือนที่เชื่อฟังแม่เข้าใจหรือไม่อย่าได้ทำให้นางเหน็ดเหนื่อยหรือลำบากใจเป็นอันขาด นี่ นี่เจ้าอาบน้ำสระผมให้ลูกสาวของข้าด้วยหรือ” เมื่อได้มองบุตรสาวตัวน้อยเต็มตาก็พบว่าบัดนี้เนื้อตัวและเส้นผมเหรินหงกุ้ยนั้นสะอาดสะอ้านอีกทั้งชุดที่เด็กน้อยสวมใส่อยู่ก็สวยงามแม้จะดูเก่าไปบ้างก็ตาม
“ข้าอาบน้ำให้นางก่อนจะนอนกลางวันเจ้าค่ะพี่สาวคงไม่ว่าอะไร ชุดที่ใส่ก็เป็นของบุตรสาวของข้าหวังว่าท่านคงไม่รังเกียจ” ไป๋ฮวาซูยิ้มไปพูดไปส่วนเด็กหญิงตัวน้อยก็ยิ้มให้นางอย่างขวยเขินแม้จะอยู่ร่วมกันมาทั้งวันแล้วก็ตามที
“ไม่ ไม่ จะรังเกียจได้อย่างไรข้าต้องขอบคุณน้องสะใภ้ไป๋มากๆ เลยต่างหากตัวข้าเอาแต่ทำงานหาเงินจึงละเลยนางไปจริงๆ แม้จะเห็นอยู่ตำตาว่าเส้นผมของบุตรสาวสกปรกเพียงใดแต่ร่างกายที่ทำงานหนักมาทั้งวันก็เหนื่อยล้าเกินไปที่จะทำความสะอาดให้นาง ข้าช่างเป็นมารดาที่เอาไหนเสียเหลือเกิน”
เหรินอ้ายรู้ดีว่านางเป็นมารดาที่บกพร่องในตอนที่เห็นสิ่งที่สะใภ้บ้านไป๋ทำให้บุตรสาวตัวน้อยแล้วก็ยิ่งละอายใจและเสียใจที่ละเลยนางไปเสียนาน
“ไม่เป็นไรเลยเจ้าค่ะหากช่วยได้ข้าก็ยินดีพี่สาวอย่าได้คิดมาก หากวันพรุ่งนี้ท่านต้องไปทำงานไกลๆ อีกนำของใช้ส่วนตัวของนางติดมาด้วยเลยก็ได้เจ้าคะข้าจะช่วยอาบน้ำตอนเย็นให้นางด้วยเลยเมื่อท่านกลับมาจะได้สามารถพานางเข้านอนได้ทันที” ในคืนนั้นคนบ้านไป๋และบ้านเหรินบอกลากันด้วยรอยยิ้มและเหรินอ้ายก็ประทับความดีมีน้ำใจของไป๋ฮวาซูเอาไว้ในใจวันหนึ่งหากนางมีกำลังมากพอก็สัญญากับตัวเองว่าจะหาทางตอบแทนนางอย่างแน่นอน
“พี่สาวเหรินกลับไปแล้วหรือวันนี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้างเหนื่อยมากหรือไม่” เมื่อเห็นภรรยาเดินกลับเข้ามาในตัวบ้านฝั่งสามีที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จก็เอ่ยถามนางด้วยความรู้สึกเป็นห่วงเพราะวันนี้จากที่แอบกลับมาดูภรรยาที่บ้านหลายครั้งก็เห็นว่านางแทบไม่ได้หยุดพักเลยเด็กๆ หลายคนต้องการการดูแลและใส่ใจอย่างใกล้ชิดอีกทั้งพวกเขายังมีความสงสัยในสิ่งต่างๆ อยู่ตลอดเวลาหรือครั้งนี้ไป๋จิ่งลู่จะพลาดไปเรื่องที่ปล่อยให้นางรับดูแลเด็กๆ ที่บิดามารดาออกไปทำงานนอกบ้านกัน
“เหนื่อยเล็กน้อยเจ้าค่ะแต่ก็มีความสุขดีเพราะว่าได้พูดคุยกับเด็กๆ หลายคนจึงทำให้รู้ว่าพวกเขานั้นต้องการอะไรบ้างถึงแม้ข้าจะมีลูกถึงสี่คนแล้วก็ตามแต่ต้องยอมรับเลยว่าบางครั้งข้าเองก็ใช่ว่าจะเข้าใจความต้องการ อารมณ์และความรู้สึกนึกคิดของเด็กๆ อย่างถ่องแท้
แต่เมื่อได้เห็นลูกๆ อยู่ร่วมกับเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน ได้ฟังพวกเขาพูดคุยจึงได้เห็นหลายสิ่งที่ต่างออกไปจากเดิมอย่างน้อยๆ ข้าก็ได้รู้แล้วว่าจิวเอ๋อร์ที่ไม่ค่อยชอบพูดนั้นสามารถพูดได้เยอะมากขึ้นเมื่อเขาได้ทำในสิ่งที่ตนเองชอบใจและสนใจที่ผ่านมาเป็นข้าที่ละเลยพวกเขาไปอย่างไม่น่าให้อภัยแต่นับจากนี้ไปมันจะไม่เป็นเช่นนั้นอีกแล้ว”
ไป๋ฮวาซูคล้ายต้องการจะบอกเป็นกลายๆ ว่าในตอนนี้นางได้เปลี่ยนแปลงตัวเองไปแล้วซึ่งนั่นมันเป็นวิธีการกลบเกลื่อนและปิดบังตัวตนของไป๋ฮวาซูคนใหม่แต่ในขณะเดียวกันมันก็เป็นความต้องการของนางจริงๆ ที่อยากจะดูแลลูกๆ ฝาแฝดทั้งสี่คนให้ดีมากขึ้นกว่าที่ผ่านๆ มา
แม้ก่อนหน้านี้ความสัมพันธ์ในครอบครัวจะไม่แย่แต่ก็ไม่ได้ดีมากแต่หลังจากนี้ไปไป๋ฮวาซูตั้งใจเอาไว้แล้วว่าต้องการจะดูแลครอบครัวโดยเฉพาะลูกๆ อย่างสุดความสามารถอะไรที่ทำให้พวกเขามีความสุขและมีพัฒนาการที่ดีขึ้นนางก็จะทำจะไม่ให้เสียชื่อลูกสาวอดีตคุณครูอนุบาลอย่างแน่นอน
“หากเจ้าเหนื่อยก็บอกข้าได้หรือว่าอยากให้ช่วยก็บอกมาได้เลยไม่ต้องเกรงใจข้าสามารถย้ายมาทำงานที่ลานบ้านได้ชั่วคราว” แม้จะอยากออกตัวว่าสามารถช่วยงานภรรยาได้ตลอดเวลาก็ปากหนักเกินไปดังนั้นภาพที่ไป๋ฮวาซูเห็นคือสามียืนหน้านิ่งในระหว่างที่พูดคุยกันอย่างจริงจัง
“ขอบคุณท่านพี่เจ้าค่ะแล้วข้าจะรีบบอกท่านหากต้องการความช่วยเหลือ” ไป๋ฮวาซูไม่ปฏิเสธสามีแต่เพราะนางยังไม่มีเรื่องอะไรไปรบกวนเขาจึงต้องออกตัวเช่นนั้นไปก่อนแต่ก็มั่นใจว่าต่อไปคงจะมีเรื่องราวที่ต้องพึ่งพาสามีอีกมาก