ความมืดไม่เคยกลัวใคร — แต่ใครหลายคน…กลัวความลับที่ซ่อนในนั้น

เสียงที่หายไป - ตอนที่ 4 ความจริงที่ซ่อนอยู่ โดย Just W. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ลึกลับ,ระทึกขวัญ,ดาร์ค,ไทย,น่ากลัว,สยองขวัญ,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เสียงที่หายไป

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ลึกลับ,ระทึกขวัญ,ดาร์ค,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

น่ากลัว,สยองขวัญ,พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

เสียงที่หายไป โดย Just W. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ความมืดไม่เคยกลัวใคร — แต่ใครหลายคน…กลัวความลับที่ซ่อนในนั้น

ผู้แต่ง

Just W.

เรื่องย่อ

โรงแรมเก่าโทรมที่มีข่าวลือเกี่ยวกับคนหายตัวไปอย่างลึกลับ ตั้งตระหง่านท่ามกลางสายฝน


ในความมืด…มีความลับรอการเปิดเผย


โรงแรมที่ไม่มีทางเข้า ไม่มีทางออก


มีเพียงเสียงกระซิบจากแขกเก่าที่ถูกลืมเลือน



 





 



สารบัญ

เสียงที่หายไป-ตอนที่ 1 เช็คอินสู่ความลับ,เสียงที่หายไป-ตอนที่ 2 ม่านต้องห้าม,เสียงที่หายไป-ตอนที่ 3 เสียงในเงามืด,เสียงที่หายไป-ตอนที่ 4 ความจริงที่ซ่อนอยู่,เสียงที่หายไป-ตอนที่ 5 เบื้องหลังม่าน,เสียงที่หายไป-ตอนที่ 6 เพลงต้องห้าม,เสียงที่หายไป-ตอนที่ 7 ฟังฉันหน่อย,เสียงที่หายไป-ตอนที่ 8 เช็คเอาต์สู่ความเงียบ

เนื้อหา

ตอนที่ 4 ความจริงที่ซ่อนอยู่

“อยู่กับเราที่นี่เถอะ…”


เสียงกระซิบสุดท้ายยังวนเวียนอยู่ในหู แม้เมธาจะพยายามปิดหูแน่นเท่าไร เสียงนั้นก็ไม่เคยเงียบไปจริง ๆ มันฝังแน่นลงไปในเส้นประสาท 


เขานั่งอยู่กลางห้อง 203 — หน้าซีดเหงื่อซึม ขอบตาดำคล้ำ ร่างกายเหมือนผ่านศึกมาทั้งคืน ทั้งที่เพิ่งผ่านมาแค่สองวันหลังเช็กอิน


ดวงตาเขาเหม่อลอย ก่อนจะกวาดสายตาไปรอบห้อง — ซอกมุมเดิม พื้นไม้เดิม กลิ่นอับเดิม แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนเดิม


บางอย่างเปลี่ยนไป




เขารู้สึก…เหมือนห้องนี้ “กำลังเฝ้ามองเขา”


เมธาพยุงตัวขึ้นมาอย่างอ่อนแรง เดินไปยังโต๊ะเขียนหนังสือตรงมุมห้อง เค้าลังเลใจอยู่พักนึงก่อนตัดสินใจที่จะไม่ใช้โน้ตบุ๊คบันทึกเหตุการณ์ และเปิดกระเป๋าเพื่อหยิบสมุดโน้ตออกมา และเริ่มเขียนเรื่องแปลกประหลาดที่เขาเจอมาเมื่อคืน— แต่สิ่งที่เขาเห็นในสมุดดังกล่าวไม่ใช่ลายมือของเขา


มีตัวอักษรเล็ก ๆ สีจาง เขียนอยู่บนหน้ากระดาษแผ่นท้ายสุด 


“ถ้าเธอเจอบันทึกนี้ แปลว่าเธอก็โดนเหมือนกัน…”


เขาเบิกตากว้าง “ตัวหนังสือใครวะ?” เขาพึมพำก่อนจะรีบเปิดดูหน้าก่อนหน้า ไล่ไปทีละแผ่นจนถึงแผ่นที่มีคราบน้ำตาเป็นวงมัว ๆ ตรงกลาง




“ชื่อของมันคือ 203 มันไม่ใช่แค่ห้อง แต่มันมีตัวตน มันเปลี่ยนรูปร่างได้ มันรู้ว่าเรา ‘กลัว’ อะไร แล้วมันจะทำให้เราติดอยู่กับมัน”


“ฉัน…ไม่รู้ว่าตอนนี้วันอะไรแล้ว ทุกครั้งที่พยายามออกไป ฉันกลับมาที่เดิม”




ลายมือค่อย ๆ เบี้ยวลง จนเกือบอ่านไม่ออก แต่เมธาก็ยังไล่อ่านไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งบรรทัดสุดท้ายเขียนไว้ด้วยหมึกสีแดงซีด




“อย่าไว้ใจ กระจก”




เมธาหันควับไปทางผนังฝั่งซ้าย — มีกระจกติดอยู่จริง ๆ


เขาไม่ทันสังเกตเลยว่ามันอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไร หรือว่า…มันเพิ่งโผล่มา?


เขาเดินเข้าไปใกล้ ๆ ด้วยจิตใจเต้นแรง กระจกใสสะท้อนใบหน้าโทรมของเขาอย่างชัดเจน แต่ในนั้น…ไม่มีอะไรผิดปกติ




…ยกเว้นว่าเงาของเขาในกระจก “กำลังยิ้ม”


ทั้งที่ตัวจริงไม่ได้ยิ้มเลยแม้แต่น้อย


________

 


เมธาผงะถอยกรูด ใจเต้นแรงจนเหมือนจะหลุดออกจากอก


เงาในกระจกยังคงยิ้ม ทั้งที่ใบหน้าของเขานิ่งสนิท


ยิ่งมองนาน เขายิ่งรู้สึกว่า ‘อีกคน’ ในกระจกไม่ได้ทำแค่สะท้อน แต่กำลัง…จ้องเขากลับ




แล้วมันก็ ขยับคิ้ว




ไม่ใช่การเคลื่อนไหวที่เขาทำตาม


แต่เป็นการเคลื่อนไหวของมันเอง


เงาในกระจกยักคิ้วให้เขา




“ไม่จริง…”


เขาเบือนหน้าหนี ปิดเปลือกตาแน่นพยายามเรียกสติ




แต่ทันใดนั้น…เสียงแกร๊กเบา ๆ ดังขึ้นที่พื้น


เมธาหันไปมอง ก็เห็นไม้กระดานตรงมุมห้องแง้มขึ้นเล็กน้อย


มันเป็นจุดเดียวกับที่เขาเคยได้ยินเสียงคลาน เสียงกระซิบ เสียงขูดผนัง


เหมือนมีใครบางคน…พยายาม “เปิดมันจากด้านล่าง”




เขาค่อย ๆ เดินไปใกล้ มือหนึ่งถือไฟฉาย อีกมือเอื้อมไปแตะไม้กระดาน


มันเย็น…เหมือนน้ำแข็ง


เมื่อแง้มแผ่นไม้ขึ้น เขาก็พบว่า ใต้พื้นห้องนี้มี “โพรง” ขนาดพอให้เด็กตัวเล็ก ๆ มุดเข้าไปได้




ในนั้นมืดสนิท แต่พอเขาส่องไฟลงไป


สิ่งแรกที่เห็นคือ — สมุดบันทึกปกเก่า ๆ ถูกวางอยู่บนนวมสีซีด


ข้าง ๆ มีตุ๊กตาไหมพรมตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่งที่มีคราบสีน้ำตาลเปื้อนครึ่งหน้า




เขาเอื้อมมือหยิบสมุดขึ้นมาอย่างระวัง ฝุ่นหนาเตอะกระจายเป็นสาย


ปกเขียนด้วยลายมือหวัดแบบเด็กว่า:


“ของหนูอรณี ห้ามเปิดนะ!”


เขานิ่งไป




…อรณี?




ชื่อนี้…เขาเคยเจอในเว็บบอร์ดเก่า ๆ ที่พูดถึงเรื่องลึกลับของโรงแรมแห่งนี้


เด็กหญิงที่หายตัวไปจากบ้านเด็กกำพร้า และชื่อเดียวกันนี้เคยโผล่มาในข้อความหลอนหลายครั้ง


เมธาหยิบสมุดบันทึกขึ้นมาอย่างระแวดระวัง แล้วเปิดอ่านหน้าต้น ๆ


เสียงเด็กผู้หญิงในหัวเงียบไป เหมือนกำลังเฝ้าดูเขาอยู่




หน้ากระดาษแรกเขียนไว้ว่า:


“วันนี้หนูอยู่คนเดียวอีกแล้ว พวกนั้นไม่ยอมเล่นด้วย


คุณแม่บอกว่าถ้าหนูไม่ดี หนูจะโดนขัง


แต่หนูแค่ร้องเพลงแค่นั้นเองนะ…”




เสียงในหัวของเมธาดังขึ้นทันที — เพลงเด็ก ๆ ท่อนสั้น ๆ ดังขึ้นคลอในความคิด


เขาไม่รู้ว่ารู้จักมันจากไหน


แต่กลับสามารถฮัมตามได้โดยอัตโนมัติ




“แสงเทียนไหวไหวในห้องมืด ใครซ่อนอยู่ ใครซ่อนอยู่…”




เขาปิดสมุดแทบไม่ทัน ใจเต้นแรง รู้สึกเหมือนตัวเองเพิ่งทำบางอย่างผิดมหันต์


แต่ทันใดนั้น…เงาจากกระจกด้านหลังกลับขยับอีกครั้ง




คราวนี้…ไม่ใช่เงาของเขาแล้ว


แต่เป็นเด็กผู้หญิงผมยาวในชุดกระโปรงสีขาวที่ยืนอยู่ “ข้างหลังเขา” ในภาพสะท้อน


______________


“อรณี…” เมธากระซิบ


เขามองภาพสะท้อนในกระจกตรงหน้า


เด็กผู้หญิงในชุดขาวยืนอยู่ข้างหลังเขาจริง ๆ


…แต่เมื่อเขาหันกลับไป เธอ “หายไป”




กลับไปดูที่กระจกอีกครั้ง…ก็ไม่มีเธอแล้ว


ราวกับกระจกบานนั้นเป็นโลกอีกใบ โลกที่เก็บความทรงจำไว้ไม่ยอมปล่อย




เขากัดฟันแน่น หันกลับไปที่สมุดบันทึก เปิดอ่านหน้าถัดไป


ลายมือหวัดยิ่งกว่าเดิม ราวกับเขียนตอนน้ำตาไหลพราก




“วันนี้คุณแม่ตบหนู เพราะหนูร้องเพลงอีกแล้ว


เขาบอกว่าเสียงของหนูน่ารำคาญ หนูไม่ควรร้อง


แต่เสียงมันอยู่ในหัวหนู หนูไม่ได้ตั้งใจ…”




เมธาสัมผัสได้ถึงบางอย่าง


บรรยากศที่เต็มไปด้วยความโกรธ ความเศร้า ความโดดเดี่ยว…กระจายอยู่ในห้อง




“หนูไม่อยากอยู่คนเดียว หนูอยากมีเพื่อน


หนูอยากมีใครสักคนที่ฟังหนูบ้าง…”




บรรยากาศในห้องเปลี่ยนไปในทันที


อุณหภูมิลดลงจนเมธาต้องกอดตัวเอง


เสียงขูดเบา ๆ ดังขึ้นจากพื้น…แล้วเลื้อยไปตามผนัง




เสียงกระซิบวนกลับมาอีกครั้ง


“พี่…ฟังหนูไหม…”




เมธาวางสมุดลงอย่างระวัง หันมองไปรอบห้อง


แต่ในวินาทีนั้นเอง ไฟทุกดวงในห้องก็ดับลง!


เสียงขูดกลายเป็นเสียงวื่ง


อะไรบางอย่างกำลังวิ่งวนรอบห้อง — แต่เขา “มองไม่เห็นมัน”




ประตูห้อง 203 กระแทกปัง!


แล้วเปิดออกเองช้า ๆ เผยให้เห็น “เงาเด็กหญิง” ยืนอยู่ในทางเดินมืด ๆ


ร่างเธอเบี้ยวเหมือนภาพที่กำลังจะถูกฉีก




“หนูอยู่ที่นี่มาตลอด…”


“แต่ไม่มีใครเห็นหนูเลย…”




เมธาถอยกรูดจนหลังชนผนัง


เขาอยากวิ่ง อยากกรีดร้อง แต่ขากลับขยับไม่ออก ราวกับถูกบังคับให้ยืนอยู่ตรงนี้


เพื่อรับฟัง




“หนูแค่…อยากให้ใครสักคน…เชื่อหนูบ้าง”


เสียงนั้นแผ่วลง…ก่อนร่างเงาในประตูจะจางหายไปกับความมืด


เหลือเพียงประตูที่ยังเปิดอยู่ และลมเย็นจัดที่พัดเข้ามา


เมธาทรุดตัวลง หอบหายใจ หน้าซีดเผือด




เขารู้แล้ว…


เด็กคนนั้น — ยังไม่ไปไหนเลย


และที่แห่งนี้…อาจเป็นที่ที่เธอ ยังถูกขัง อยู่จนถึงวันนี้