ความมืดไม่เคยกลัวใคร — แต่ใครหลายคน…กลัวความลับที่ซ่อนในนั้น
ลึกลับ,ระทึกขวัญ,ดาร์ค,ไทย,น่ากลัว,สยองขวัญ,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เสียงที่หายไปความมืดไม่เคยกลัวใคร — แต่ใครหลายคน…กลัวความลับที่ซ่อนในนั้น
โรงแรมเก่าโทรมที่มีข่าวลือเกี่ยวกับคนหายตัวไปอย่างลึกลับ ตั้งตระหง่านท่ามกลางสายฝน
ในความมืด…มีความลับรอการเปิดเผย
โรงแรมที่ไม่มีทางเข้า ไม่มีทางออก
มีเพียงเสียงกระซิบจากแขกเก่าที่ถูกลืมเลือน
เสียงฝนกระหน่ำซัดลงบนหลังคารถแท็กซี่เก่า ๆ ราวกับต้องการกลั่นแกล้งคนอยู่นอกบ้านเช่นเขา หยดน้ำแตกกระจายลงมาตามกระจกหน้าต่าง จนมองแทบไม่เห็นทางข้างหน้า
เมธาเอนหลังพิงเบาะอย่างเหนื่อยล้า มือกดเช็กโทรศัพท์ที่จวนแบตหมด — มุมหน้าจอเรืองแสงสีแดงอ่อน ๆ แจ้งเตือนตัวเลข 5% ชัดถนัดตา
เขาสูดหายใจเฮือกใหญ่ ขณะปล่อยสายตาเหม่อมองแผนที่ จุดหมายปลายทางของเค้าตั้งอยู่กลางพื้นที่ว่างเปล่า — “โรงแรมคีตะธารา”
สถานที่ที่มีข่าวลือมากมายปกคลุมอยู่ ทั้งเสียงร่ำลือถึงการหายตัวไปอย่างลึกลับ และเงาแปลกประหลาดที่ไม่มีใครอธิบายได้
“คุณแน่ใจนะว่าจะพักที่นี่?”
เสียงคนขับแท็กซี่ถามขึ้น หลังมองกระจกหลังมาที่เขา สีหน้าคล้ายอยากห้ามปราม
เมธาเงยหน้ายิ้มจาง ๆ แล้วพยักหน้า
“ใช่ครับ ขอบคุณครับ”
ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้เรื่องข่าวลือเหล่านั้น แต่ในฐานะ blogger ของช่องสำรวจสถานที่ร้างและบันทึกเรื่องราวเหนือธรรมชาติ — ความกลัวเป็นสิ่งที่เขาต้องทิ้งไว้ข้างหลังตั้งนานแล้ว
รถแท็กซี่เก่าโคลงเคลงเข้าใกล้ตึกอิฐสูงเก่าโทรม ตัวอาคารท่ามกลางสายฝนดูเหมือนสัตว์ร้ายตัวโตที่แอบซ่อนความลับอันน่าสะพรึงอยู่ภายใน ไฟนีออนหน้าโรงแรมกะพริบแสงสลัว เผยอักษรซีดจางสีทองที่อ่านได้อย่างยากลำบาก:
“โรงแรมคีตะธารา”
เมธาหยิบกระเป๋าเดินทางลงจากรถ น้ำฝนสาดกระเซ็นทันทีที่ประตูปิดลง เสียงเครื่องยนต์แท็กซี่ค่อย ๆ จางหายไปพร้อมกับไฟท้ายสีแดงที่ละลายในม่านฝน
เขาก้าวเท้าเข้าไปใกล้ตัวอาคาร พลางรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกที่ไม่ใช่แค่เพราะฝน มันเหมือนบางสิ่งกำลังจ้องมองมาจากภายในเงามืด
มือที่กำคันจับประตูไม้เก่ารู้สึกถึงพื้นผิวหยาบกระด้างของเนื้อไม้ และคราบสนิมตรงบานพับที่กัดกินจนเสียงประตูดังเอี๊ยดอ๊าดขึ้นมาในความเงียบ
บรรยากาศด้านในอบอวลด้วยกลิ่นอับชื้นปนกลิ่นไม้เก่า แสงไฟเหลืองนวลจากโคมระย้าเก่าแก่พอให้มองเห็นเค้าโครงห้องโถงโล่งกว้าง และเคาน์เตอร์ต้อนรับเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ตรงกลาง
หลังเคาน์เตอร์ หญิงชราหน้าตาไม่รับแขกนั่งอยู่ ดวงตาของเธอขุ่นมัว แต่ยังคงจับจ้องเมธาอย่างไม่ละสายตา
เขาก้าวเข้าไปใกล้ ยื่นบัตรประชาชนให้
หญิงชรารับบัตรไปช้า ๆ ก่อนหยิบกุญแจห้องมาหนึ่งดอก — ลูกกุญแจเหล็กเก่า ๆ พร้อมป้ายไม้สลักตัวเลข “203”
“ห้องสองศูนย์สาม…” หญิงชราพึมพำเสียงแผ่ว แล้วเงยหน้ามองเขานิ่ง ๆ น้ำเสียงแหบพร่าขึ้นมาแทบเป็นเสียงกระซิบ:
“อย่าเปิดม่านห้องเด็ดขาด…ไม่ว่าคุณจะได้ยินอะไร”
เมธาขมวดคิ้ว แต่เขาเพียงพยักหน้ารับกุญแจโดยไม่ซักถาม
ความเคยชินจากประสบการณ์พาให้เขาคิดว่า นี่คงเป็นแค่การเพิ่มบรรยากาศน่ากลัวแบบกิมมิกที่สถานที่เก่า ๆ ชอบทำกัน
เขาลากกระเป๋าเดินข้ามโถงใหญ่ ตรงไปยังบันไดไม้เก่า ๆ ที่ทอดยาวขึ้นไปยังชั้นสอง เสียงบันไดลั่นเอี๊ยดอ๊าดใต้ฝ่าเท้าทุกย่างก้าว
โถงทางเดินชั้นสองยาวเหยียด มีไฟหัวเสาเรียงรายประปราย แสงสลัวรางจนเห็นได้เพียงขอบเงาสิ่งของ
เมธากวาดตามองหมายเลขห้องที่ติดอยู่เหนือกรอบประตูทีละบาน
201… 202… 203…
ห้องของเขาอยู่สุดปลายทางเดิน
เขาสอดกุญแจเข้าไปในรูกุญแจที่ขึ้นสนิมหม่น และบิดหมุนเบา ๆ
เสียง “แกร๊ก” ดังเบา ๆ
ประตูเปิดออกช้า ๆ เผยให้เห็นห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่ถูกครอบด้วยความเงียบ