ถึงเกิดมาจนก็ไม่เป็นไรเพราะเราจะรวยได้ด้วยสมองและสองมือ
ครอบครัว,ปลูกผัก,เกิดใหม่,จีน,นิยายรักจีนโบราณ,#จูจูคนเก่ง,ครอบครัว,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ท่านแม่เจ้าขา ข้าจะพาให้ท่านร่ำรวยถึงเกิดมาจนก็ไม่เป็นไรเพราะเราจะรวยได้ด้วยสมองและสองมือ
การเกิดมาพร้อมพรสวรรค์ที่ไม่สามารถอธิบายให้ใครฟังได้นั้นเป็นเรื่องที่ยากลำบากนักในการใช้ชีวิตเมื่อครั้งยังเยาว์วัยแต่เมื่อเติบโตจนรู้ความเจียงเฟยจูกลับใช้ความสามารถที่มีติดตัวมาช่วยชีวิตคนทั้งครอบครัวไว้ในช่วงเวลาที่ยากลำบากเสาหลักอย่างบิดาเกิดมาหายตัวไปท่ามกลางสงครามไม่รู้เป็นไม่รู้ตายแต่เด็กสาวก็สามารถเป็นผู้นำครอบครัวฝ่าฟันอุปสรรคนานาประการจนได้มีความมั่งคั่งและมั่นคงได้ในที่สุด
แต่มันคงไม่มีอะไรที่เด็กสาวคนหนึ่งจะต้องการมากกว่าการที่มีโอกาสได้กลับมาอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวอีกครั้งเจียงเฟยจูจึงผลักดันและสนับสนุนสมาชิกในครอบครัวทุกวิถีทางให้ฐานะทางบ้านยิ่งมั่งคงและมั่งคงมากขึ้นไปโดยมีความหวังลึกๆ ในใจว่าเมื่อพบตัวบิดาท่านจะได้ไม่ต้องไปใช้ชีวิตนอนกลางดินกินกลางทรายและสุ่มเสี่ยงเช่นที่ผ่านๆ มาในเมื่อครอบครัวมีเส้นทางทำมาหากินเป็นของตนเองแล้ว
หมายเหตุ
1. นิยายเรื่องนี้ไม่อิงประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะ สถานที่ เหตุการณ์ หรือตัวบุคคลในเรื่องล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้นค่ะ
2. มีการใช้ชื่อศัพท์ภาษาจีนเพื่ออรรถรสและมีการใส่วงเล็บชื่อภาษาไทยไว้ท้ายคำนะคะ
กติกาการลงนิยาย
ลงเนื้อหาให้อ่านฟรีทั้งหมด 10 ตอนหลังจากนั้นจะติดเหรียญล่วงหน้า รายละเอียดดังนี้
1. ติดเหรียญล่วงหน้า 1 สัปดาห์ ( 4 เหรียญ)
2. ปลดเหรียญอ่านฟรี 1 สัปดาห์
3. หลังจากนั้นจะติดเหรียญถาวรราคาเต็มไปจนถึงตอนจบค่ะ ( 8 เหรียญ)
การตัดสินใจเรื่องขายโสมคนนั้นครอบครัวบ้านใหญ่สกุลเจียงให้สิทธิ์ขาดแก่เจียงเฟยจูเป็นผู้จัดการเพราะนางคือผู้ที่พบโสมทั้งสี่ต้นด้วยตัวของนางเองดังนั้นเด็กสาวจึงตั้งใจเลือกโสมคนต้นใหญ่ที่สุดซึ่งขุดออกมาได้เป็นต้นสุดท้ายนำไปขายที่ร้านขายสมุนไพรสกุลเหลย อีกหนึ่งต้นจะเก็บรักษาเอาไว้ด้วยวิธีการที่สอบถามมาจากทางร้านขายสมุนไพรส่วนต้นโสมคนที่ยังเล็กอีกสองต้นนั้นนางตัดสินใจว่าจะปลูกเอาไว้ที่สวนด้านหลังเรือนของตนเองโดยเลือกเอาบริเวณที่ไปยืนอยู่แล้วรู้สึกเย็นสบายที่สุดเป็นจุดหมาย
เงินจากการขายโสมนั้นมากมายถึงขั้นที่สามารถซื้อร้านค้าขนาดใหญ่ได้ถึงสี่ห้าร้านแต่สิ่งที่เจียงเฟยจูทำคือการเลือกเช่าร้านค้าขนาดกลางๆ เพื่อเปิดร้านขายอาหารแบบที่ให้สั่งกลับบ้านด้วยนางยังไม่พร้อมที่จะมาทำงานอยู่ร้านทั้งวันเพื่อดูแลร้านและด้วยบริเวณของร้านค้ามีขนาดค่อนข้างกว้างมากนางจึงไปคุยกับท่านอาเล็กให้มาขายของที่ร้านค้าใหม่ไม่ต้องไปเช่าแผงขายของในตลาดอีกต่อไปแล้ว
“ทำเลที่ตั้งร้านค้าก็ค่อนข้างดีนะเจ้าคะท่านอาไปขายของอยู่ด้วยกันเถิดน้องสาวจะได้ไม่ต้องไปนั่งตากแดดอย่างไรแล้วพวกเราเข้าตำบลไปดูสถานที่จริงก่อนก็ได้เจ้าค่ะในตอนนี้ผู้ดูแลขอเวลาทำความสะอาดร้านสองวันหลังจากนั้นเราก็สามารถเข้าไปขายของได้แล้ว” เจียงเฟยจูที่ไปที่เรือนของท่านอากับมารดาเพื่อเจรจาเรื่องการไปขายของโดยอธิบายอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“อาเกรงใจทั้งเจ้าแล้วก็พี่สะใภ้คิดว่าไม่รบกวนจะดีกว่า” เรื่องที่หลานสาวขึ้นเขาไปขุดพบโสมคนมาว่าน่าตกใจแล้วแต่ก็ยังไม่เท่าเรื่องที่นางเช่าร้านค้าเป็นรายปีแล้วมาชวนเจียงหนิงเทียนและครอบครัวไปขายของด้วยกันทำเอาชายหนุ่มทั้งตกใจและดีใจแต่ก็ยังคงปฏิเสธออกไปก่อนเพราะไม่อยากไปรบกวนอะไรหลานสาว
“รบกวนอะไรกันเล่าเราล้วนเป็นครอบครัวเดียวกันไปขายของด้วยกันเถิดที่ทางมีกว้างขวางน่าดูจะได้ไม่ต้องไปเช่าแผงเล็กๆ กันอีกต่อไป นี่พี่สะใภ้ตั้งใจว่าจะซื้อเกวียนเทียมวัวด้วยเราจะได้บรรทุกของไปขายด้วยกันเกวียนใหญ่โตถึงเพียงนั้นจะให้ขนแต่ของพวกจูเอ๋อร์ไปก็น่าจะเสียเที่ยว
น้องชายอย่าได้ปฏิเสธเลยนะหรืออย่างน้อยๆ ก็เข้าตำบลไปดูร้านค้าที่หลานเช่าเอาไว้ก่อนแล้วค่อยตัดสินใจก็ย่อมได้” เจียงหว่านเถียนเห็นด้วยกับบุตรสาวคนโตทุกประการเมื่อนางเอ่ยปากว่าจะขอนำเงินที่ได้มาไปเช่าร้านค้ารวมถึงชวนท่านอามาขายของด้วยกันที่ร้านแม้ใจจะอยากให้นางซื้อร้านเป็นของตัวเองไปเลยแต่บุตรสาวคนโตบอกว่าอยากเก็บเงินเอาไว้มากกว่านางจึงยอมเชื่อฟังเพราะมั่นใจว่าในตัวบุตรสาวคนโตว่านางมีเหตุและผลมากพอ
“เช่นนั้นขอข้ากับท่านพี่เข้าไปดูร้านก่อนแล้วกันนะเจ้าคะพี่สะใภ้” เป็นภรรยาของน้องชายสามีที่ตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ด้วยนางกังวลว่าหากไปพึ่งพาครอบครัวพี่ชายสามีมากไปจะไม่ใช่เรื่องดีเดี๋ยวผู้คนไม่หวังดีก็จะมาพูดจาหาเรื่องกันได้อีก
ร้านค้าที่เจียงเฟยจูทำสัญญาเช่าล่วงหน้าเอาไว้หนึ่งปีนั้นเป็นร้านค้าขนาดกลางสองชั้นที่กว้างขวางละยังใหม่อยู่มากเจ้าของเดิมเคยเปิดเป็นร้านขายอาหารจึงยังมีเครื่องเรือนอยู่ด้านในพอสมควรโดยในตอนนี้โต๊ะและเก้าอี้ครึ่งหนึ่งถูกยกไปเก็บไว้บนชั้นสองของร้านมีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่ยังคงตั้งอยู่ชั้นล่างเพราะเจียงเฟยจูคิดว่าจะใช้พวกมันต่างโต๊ะวางสินค้าขายของได้ไม่ว่าจะเป็นอาหารของนางหรือว่าของป่าของท่านอา
“ไหนเจ้าบอกว่าเป็นร้านค้าขนาดกลางแต่นี่มันคือร้านค้าขนาดใหญ่มิใช่เหรอข้าจำได้ว่าร้านค้าแห่งนี้เพิ่งสร้างได้ไม่ถึงห้าปีแต่เพราะเถ้าแก่ต้องย้ายตามบุตรชายไปอยู่ที่เมืองอื่นจึงไม่สะดวกที่จะเปิดร้านต่อและได้ฝากเรื่องร้านนี้เอาไว้ให้เถ้าแก่ร้านข้างเคียงช่วยเป็นธุระดูแลให้” เจียงหนิงเทียนเองแม้อายุยังไม่มากแต่ก็ค้าขายของป่าในตำบลนี้มานานจึงพอจะรู้เรื่องราวความเป็นไปของผู้คนอยู่พอสมควรและเขาก็ไม่คิดฝันว่าร้านอาหารที่เคยเข้ามากินนับครั้งได้จะถูกเช่าโดยหลานสาวของตัวเอง
“เถ้าแก่ร้านข้างๆ บอกว่าเป็นร้านค้าขนาดกลางเจ้าค่ะถ้าขนาดใหญ่ต้องมีขนาดเท่าร้านของท่านปู่หู ท่านอา ท่านอาสะใภ้ยามนี้ท่านเห็นแล้วว่าร้านค้ากว้างขวางเกินกว่าร้านขายยำผลไม้ของข้าจะมาตั้งขายเพียงลำพังดังนั้นท่านทั้งสองมาขายของที่นี่เถิดนะเจ้าคะ
ข้าเองก็ยังไม่คิดจะขยับขยายมาเปิดร้านอาหารเต็มตัวเพราะว่ามันต้องใช้เงินทุนอีกมากในตอนนี้อาจจะเปิดร้านไม่เต็มวันขายแค่พอให้วัตถุดิบที่เตรียมมาจากบ้านหมดลงแต่ท่านอาทั้งสองสามารถขายได้ทั้งวันเลยนะเจ้าคะไม่ต้องมาทนแดดร้อนหรือว่าฝนตกด้วยที่สำคัญมีที่ทางให้น้องๆ ทั้งสองได้พักผ่อนและก็มีห้องครัวให้อุ่นอาหารรับประทานกันร้อนๆ ด้วย”
เจียงเฟยจูบอกกับท่านอาของตัวเองและอาสะใภ้ไปตามจริงที่ตอนนี้เด็กสาวไม่คิดจะเปิดร้านอาหารแบบเต็มตัวเพราะมันต้องใช้ทั้งเงินและแรงงานคนเป็นจำนวนมากลำพังแรงงานในครอบครัวแค่ไม่กี่คนไม่มีทางที่จะเพียงพอและถ้าหากนางจะเปิดร้านจริงๆ น่าจะไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่นดังนั้นจึงยังคงเปิดขายแบบสั่งกลับไปรับประทานที่บ้านอยู่เหมือนเดิมเพียงแต่ขยับที่ทางให้สะดวกสบายกับลูกค้ามากขึ้นเท่านั้น
“เช่นนั้นข้าก็ต้องจ่ายค่าเช่าที่ให้เจ้าด้วยการค้าขายอย่างไรแล้วก็ต้องมีต้นทุน จูเอ๋อร์เจ้าเช่าร้านมาทั้งปีน่าจะมีราคาสูงดังนั้นอาของเจ้าควรร่วมรับผิดชอบด้วยเจ้าเรียกค่าเช่ามาได้เลยจะให้ข้าจ่ายรายวันหรือรายเดือนก็ยินดี” เจียงหนิงเทียนยอมให้หลานสาวในที่สุดแต่กระนั้นเขาก็ไม่ได้ต้องการมาเบียดเบียนครอบครัวของพี่ชายหากจะมาขายของในพื้นที่ของนางก็ต้องจ่ายเงิน
“อันที่จริงข้าไม่คิดจะเก็บเงินค่าเช่าท่านอาเลยนะเจ้าคะแต่หากท่านอาอยากจะจ่ายจูเอ๋อร์ขอเก็บค่าเช่าเป็นแรงงานเปิดร้านในตอนเช้าและปิดร้านในตอนเย็นเท่านั้นเจ้าค่ะ” การขายของป่านั้นมีข้อจำกัดอยู่บ้างโดยเฉพาะในวันที่มีสัตว์ป่าตัวเล็กตัวน้อยที่เหลาอาหารหรือว่าร้านขายเนื้อไม่รับซื้อต้องนำมาขายแต่เช้าเพื่อมิให้มันเน่าเสียในเมื่อท่านอาต้องมาตลาดแต่เช้าเจียงเฟยจูจึงอยากของแรงให้เปิดร้านให้เท่านั้นเอง
“ไม่ได้หรอกจูจูที่เจ้าให้พวกเรามันมากไปเพียงแค่เปิดปิดร้านนั้นไม่พอหรอก” อาสะใภ้ยกมือขึ้นมาโบกไปมาด้วยอารามตกใจมีอย่างที่ไหนจะมาคิดค่าเช่ากันในเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้
“ทำไมจะไม่ได้เล่าเจ้าคะท่านอาและอาสะใภ้อย่าได้คิดมากเลยเจ้าค่ะข้าพอใจแล้วกับการเก็บค่าเช่าเท่านี้ วันมะรืนเถ้าแก่ร้านข้างๆ สัญญาว่าจะสามารถเข้ามาเปิดร้านได้ท่านอาทั้งสองอยากใช้โต๊ะเก้าอี้กี่ตัวก็บอกคนงานเอาไว้ได้เลยนะเจ้าคะในส่วนของร้านขายยำผลไม้ข้าเลือกโต๊ะและเก้าอี้สำหรับให้ลูกค้านั่งรอเอาไว้ตรงฝั่งนี้เพราะมันเป็นฝั่งที่ติดครัวส่วนร้านของพวกท่านใช้พื้นที่ฝั่งตรงข้ามกันนะเจ้าคะ”
เจียงเฟยจูตัดสินใจสรุปความด้วยไม่ต้องการให้ท่านอาต้องหาเหตุผลมาจ่ายค่าจ้างเพิ่มเมื่อจัดการเรื่องภายในร้านเรียบร้อยแล้วเจียงหว่านเถียนก็ขอให้น้องชายของสามีพานางไปเลือกซื้อเกวียนที่ตัวอำเภอทั้งหมดจึงต้องมานั่งรอเกวียนโดยสารเข้าเมืองด้วยกัน
วันทั้งวันหมดไปกับการดูร้านค้าและเลือกซื้อเกวียนเทียมวัวซึ่งแม้จะเหนื่อยแต่ทั้งเจียงเฟยจูและมารดาต่างก็มีความสุขมากที่ครอบครัวได้เติบโตอย่างมั่นคงไปอีกขึ้นหนึ่งด้วยน้ำพักน้ำแรงของพวกนางเอง
“นี่เจ้าทำคอกวัวเตรียมเอาไว้แล้วหรือเหตุใดจึงไม่บอกให้อามาทำให้เล่า” แน่นอนว่าเจียงหนิงเทียนย่อมเป็นคนที่ขับเกวียนกลับมาให้และต่อจากนี้เขาก็จะเป็นคนรับส่งบ้านเจียงทั้งบ้านใหญ่และบ้านรองไปขายของที่ตลาดทุกๆ วันโดยในระหว่างนี้ก็จะหัดให้หลานคนโตและคนรองรวมไปถึงพี่สะใภ้และภรรยาบังคับเกวียนกันให้เป็นเผื่อต้องช่วยกันในเวลาฉุกเฉิน
“เรื่องเล็กน้อยเราไม่ต้องไปเหนื่อยหรอกเจ้าค่ะท่านอาข้าจ้างชาวบ้านให้มาช่วยทำให้ได้ อีกอย่างก่อนจะเปิดร้านใหม่ข้าจะไม่ไปขายของที่ร้านเดิมนะเจ้าคะเพราะมีงานที่ต้องเตรียมอีกมากพอสมควรข้าไปบอกท่านปู่หูเอาไว้แล้วเรื่องเปิดร้านใหม่และหยุดขายของ”
เมื่อเปิดร้านใหม่แม้จะไม่ได้ให้นั่งรับประทานอาหารได้แต่อย่างไรแล้วก็ต้องเพิ่มวัตถุดิบให้มากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัวช่วงนี้เจียงเฟยจูจึงใช้เวลาทั้งหมดของตัวเองไปกับการเตรียมวัตถุดิบทั้งกุ้งแห้ง ถั่วลิสงคั่วไปจนถึงวัตถุดิบในการปรุงน้ำยำต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้ด้วยในยุคนี้ไม่ได้มีตู้เย็นที่ช่วยเก็บรักษาคุณภาพของอาหารให้สดใหม่จึงต้องขยันทำขึ้นมาทุกๆ สองถึงสามวันให้มันสดใหม่อยู่เสมอ
“หากเจ้าทำงานอยู่ที่บ้านอาจะส่งน้องๆ มาช่วยเจ้าเองแม้พวกนางจะยังเล็กนักแต่ก็รู้ความสามารถสอนสั่งให้นางช่วยงานเจ้าได้เลย” ช่วงนี้ผักป่าไม่ค่อยมีให้เก็บที่ร้านของเจียงหนิงเทียนจึงมีขายแต่สัตว์ป่าที่ล่ามาได้เท่านั้นงานจึงไม่ยุ่งเขาและภรรยาช่วยกันเพียงสองคนก็เพียงพอแล้วคือหนึ่งคนขายของที่ร้านหนึ่งคนเอาสัตว์ไปส่งที่เหลาอาหารในตำบลเดียวกันบ้างและมีต่างตำบลบ้างตามแต่ว่าจะล่าอะไรมาได้เพราะแต่ละร้านมีความต้องการเนื้อสัตว์ที่แตกต่างกัน
“ขอบคุณท่านอาเจ้าค่ะ”
ช่วงค่ำบ้านรองเจียงกลับไปยังเรือนของตัวเองโดยทั้งสองมือของทุกคนมีข้าวของพะรุงพะรังซึ่งนอกจากหลานสาวจะขอให้อยู่รับประทานอาหารเย็นด้วยแล้วนางยังมอบของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ให้ครอบครัวของท่านอาโดยเฉพาะกับบุตรสาวทั้งสองคนของเจียงหนิงเทียนที่เจียงเฟยจูรักพวกนางไม่ต่างจากนอกสาวแท้ๆ
เจียงลี่ถิงและเจียงลี่จินได้เสื้อผ้าใหม่กันคนละสองชุดที่สีสันสดใสสมวัยของเด็กผู้หญิงทางฝั่งเจียงหนิงเทียนและภรรยาก็ได้รับเสื้อผ้าเช่นเดียวกันแบ่งเป็นชุดผ้าฝ้ายเนื้อดีและชุดฝ้าฝ้ายเนื้อหยาบสำหรับสวมใส่ทำงานประจำวันนอกจากนั้นก็ยังมีสมุนไพรต้มเพื่อบำรุงสุขภาพและฟื้นฟูกำลังแต่สิ่งที่ลืมไม่ได้โดยเด็ดขาดก็คือขนมสำหรับเด็กๆ ทั้งสองคน
“เช่นนี้แล้วข้าไม่รู้จะตอบแทนครอบครัวของจูจูอย่างไรเลยเจ้าค่ะท่านพี่” ตกดึกวันนั้นเจียงซินหยานพูดกับสามีโดยนางไม่ได้ตั้งใจจะคิดมูลค่าของสิ่งของเพื่อตีราคาน้ำใจของหลานสาวแต่นางเพียงต้องการคิดตัวเลขคร่าวๆ ของสิ่งที่เจียงเฟยจูมอบให้กับครอบครัวในวันนี้ซึ่งก็พบว่าตัวเงินที่หลานสาวต้องจ่ายไปมันทำให้นางตกใจอยู่พอสมควร
แม้ก่อนหน้านี้จะทราบข่าวมาบ้างว่าเจียงเฟยจูเข้าป่าไปขุดเจอโสมชั้นดีมาขายแต่ใจนางไม่เคยคิดจะอยากได้หรือว่าจะไปเบียดเบียนครอบครัวพี่ชายของสามีแต่กลับเป็นเด็กสาวที่คิดถึงครอบครัวบ้านรองไม่ว่าจะเป็นก่อนหน้านี้หรือในช่วงเวลาที่มีเงินทอง
“ไม่ต้องตอบแทนอะไรหรอกซินเอ๋อร์แค่เจ้าดีกับจูเอ๋อร์บ้างก็พอแล้วหลานของพวกเรามิได้ต้องการอะไรตอบแทนเลยแม้แต่น้อย” เจียงหนิงเทียนทราบดีว่าหลานสาวมิได้ต้องการสิ่งตอบแทนเพราะนางเป็นคนใจกว้างยิ่งกว่าแม่น้ำเหมือนบิดาและมารดาของนางไม่มีผิดเพี้ยน
“ข้าสัญญาว่าจะดีกับนางให้มากขึ้นที่ผ่านมาเป็นเพราะว่าข้ากลัวว่าท่านพี่จะเหนื่อยเกินไปหากต้องทำอะไรต่อมิอะไรแทนบิดาของนาง เป็นข้าเองที่คิดเห็นแก่ตัว” เจียงซินหยานเพียงไม่ต้องการให้สามีต้องเหนื่อยจนเกินไปบางครั้งนางจึงมีท่าทีไม่ยินดียินร้ายในยามที่หลานสาวของเขามาขอความช่วยเหลือซึ่งตัวนางเองก็คิดว่าเจียงเฟยจูพอจะรู้ว่าอาสะใภ้คิดอะไรอยู่แต่เด็กคนนั้นกลับมองข้ามและไม่ใส่ใจเรื่องราวที่เคยผ่านมาเลยแม้แต่น้อย
“เจ้าคิดได้เช่นนั้นข้าก็ดีใจอย่างไรแล้วบ้านใหญ่หรือบ้านรองก็ล้วนแต่เป็นคนสกุลเจียงหาใช่คนอื่นไกลการช่วยเหลือกันเป็นเรื่องปกติของครอบครัวของพี่น้อง”
แจ้งให้ทราบนิยายตอนที่ 10 จะเป็นตอนสุดท้ายที่เปิดให้อ่านฟรี ตั้งแต่ตอน 11 เป็นต้นไปจะมีการติดเหรียญล่วงหน้า ปลดลู้อกอ่านฟรี และติดเหรีญถาวรราคาเต็มตามรายละเอียดด้านล่างค่ะ
กติกาการลงนิยาย
ลงเนื้อหาให้อ่านฟรีทั้งหมด 10 ตอนหลังจากนั้นจะติดเหรียญล่วงหน้า รายละเอียดดังนี้
1. ติดเหรียญล่วงหน้า 1 สัปดาห์ ( 4 เหรียญ)
2. ปลดเหรียญอ่านฟรี 1 สัปดาห์
3. หลังจากนั้นจะติดเหรียญถาวรราคาเต็มไปจนถึงตอนจบค่ะ ( 8 เหรียญ)