ถึงเกิดมาจนก็ไม่เป็นไรเพราะเราจะรวยได้ด้วยสมองและสองมือ
ครอบครัว,ปลูกผัก,เกิดใหม่,จีน,นิยายรักจีนโบราณ,#จูจูคนเก่ง,ครอบครัว,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ท่านแม่เจ้าขา ข้าจะพาให้ท่านร่ำรวยถึงเกิดมาจนก็ไม่เป็นไรเพราะเราจะรวยได้ด้วยสมองและสองมือ
การเกิดมาพร้อมพรสวรรค์ที่ไม่สามารถอธิบายให้ใครฟังได้นั้นเป็นเรื่องที่ยากลำบากนักในการใช้ชีวิตเมื่อครั้งยังเยาว์วัยแต่เมื่อเติบโตจนรู้ความเจียงเฟยจูกลับใช้ความสามารถที่มีติดตัวมาช่วยชีวิตคนทั้งครอบครัวไว้ในช่วงเวลาที่ยากลำบากเสาหลักอย่างบิดาเกิดมาหายตัวไปท่ามกลางสงครามไม่รู้เป็นไม่รู้ตายแต่เด็กสาวก็สามารถเป็นผู้นำครอบครัวฝ่าฟันอุปสรรคนานาประการจนได้มีความมั่งคั่งและมั่นคงได้ในที่สุด
แต่มันคงไม่มีอะไรที่เด็กสาวคนหนึ่งจะต้องการมากกว่าการที่มีโอกาสได้กลับมาอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวอีกครั้งเจียงเฟยจูจึงผลักดันและสนับสนุนสมาชิกในครอบครัวทุกวิถีทางให้ฐานะทางบ้านยิ่งมั่งคงและมั่งคงมากขึ้นไปโดยมีความหวังลึกๆ ในใจว่าเมื่อพบตัวบิดาท่านจะได้ไม่ต้องไปใช้ชีวิตนอนกลางดินกินกลางทรายและสุ่มเสี่ยงเช่นที่ผ่านๆ มาในเมื่อครอบครัวมีเส้นทางทำมาหากินเป็นของตนเองแล้ว
หมายเหตุ
1. นิยายเรื่องนี้ไม่อิงประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะ สถานที่ เหตุการณ์ หรือตัวบุคคลในเรื่องล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้นค่ะ
2. มีการใช้ชื่อศัพท์ภาษาจีนเพื่ออรรถรสและมีการใส่วงเล็บชื่อภาษาไทยไว้ท้ายคำนะคะ
กติกาการลงนิยาย
ลงเนื้อหาให้อ่านฟรีทั้งหมด 10 ตอนหลังจากนั้นจะติดเหรียญล่วงหน้า รายละเอียดดังนี้
1. ติดเหรียญล่วงหน้า 1 สัปดาห์
2. ปลดเหรียญอ่านฟรี สัปดาห์
3. หลังจากนั้นจะติดเหรียญถาวรราคาเต็มไปจนถึงตอนจบค่ะ
หลังจากวันที่คล้ายจะมีปัญหากับบ้านของท่านอาได้เพียงไม่นานเจียงเฟยจูก็ได้รถเข็นคันเล็กคันแรกมาไว้ในครอบครองโดยก่อนหน้านั้นท่านอาสะใภ้ได้เดินมาหาถึงเรือนแต่เช้าตรู่พร้อมกับขอโทษที่พูดจาไร้สาระทำให้เด็กสาวเสียความรู้สึกซึ่งนอกจากคนอ่อนวัยกว่าจะยอมรับคำขอโทษจากผู้อาวุโสแล้วก็ยังยืนยันว่าครอบครัวของนางไม่มีทางเห็นแก่ตัวไปเบียดเบียนบ้านรองอย่างเด็ดขาดแต่สิ่งที่นางจะทำคือพึ่งพาอาศัยช่วยเหลือกันและกันเช่นนี้ต่อไป
นอกจากนั้นเจียงเฟยจูยังได้ขอโทษที่นางอาจจะพูดจาไม่ดีไปบ้างในบางครั้งและไม่ลืมที่จะขอบคุณที่อาสะใภ้คอยช่วยเหลือ แนะนำ สั่งสอนสิ่งดีๆ ให้นางและน้องๆ อยู่ตลอดเวลา
รถเข็นที่ได้มาทำจากไม้เนื้อแข็งแต่มีน้ำหนักเบาตีขึ้นรูปเป็นทรงสี่เหลี่ยมมีฝาปิดคล้ายหีบแนวตั้งติดล้อสองข้างทำให้สามารถเข็นไปข้างหน้าได้อย่างสมดุลแม้มันจะเป็นเพียงรถเข็นคันเล็กๆ แต่ก็สามารถทุ่นแรงได้มากนอกจากจะใส่ของไว้ด้านในแล้วเมื่อปิดฝารถเข็นด้านบนลงแล้วก็ยังสามารถวางของเทินเอาไว้ได้อีกเล็กน้อยเพียงแต่ต้องใช้เชือกรัดเอาไว้ให้แน่นหนาสักหน่อยข้าวของจะได้ไม่ตกลงมาซึ่งตัวเจียงเฟยจูก็มัดตะกร้าสะพายหลังของตัวน้องสาวติดกับรถเข็นคันใหม่เสียเลยในระหว่างที่รอรถเข็นคันที่สองที่ท่านกำลังเร่งมือทำให้
รถคันที่สองตามมาในอีกสามวันให้หลังซึ่งสองพี่น้องต่างก็ดีใจเป็นอย่างมากเมื่อสามารถบรรทุกของใส่รถเข็นไปขายได้มากขึ้นก็หมายความว่าพวกนางย่อมได้เงินเพิ่มมากขึ้นด้วยแต่ก็ต้องยอมกลับบ้านช้ากว่าเวลาปกติไปราวๆ หนึ่งชั่วยามซึ่งมันไม่ได้เป็นเรื่องที่หนักหนาอะไรโดยปกติแล้วทั้งสองคนจะกลับมาบ้านก่อนเวลาอาหารกลางวันแต่เมื่อมีของขายมากขึ้นก็แค่เตรียมอาหารเล็กๆ น้อยๆ ติดไปรองท้องเพียงเท่านี้ก็สามารถแก้ปัญหาไปได้แล้ว
“นี่น่ะหรือร้านขายยำผลไม้ทีว่าไม่น่าเชื่อว่ามาตั้งอยู่ในมุมเช่นนี้ก็ยังมีคนมาอุดหนุนไม่ขาด” ผู้พูดถ้อยคำที่ไม่ค่อยรื่นหูคือคุณหนูฉินบุตรสาวเถ้าแก่ฉินที่ครั้งหนึ่งบิดาของนางเคยให้ลูกน้องที่ร้านตั้งแผงขายยำผลไม้เลียนแบบแต่ทำได้เพียงไม่นานก็ต้องเลิกไปเพราะไม่มีลูกค้าแวะเวียนไปอุดหนุนในครั้งนั้นเจียงเฟยจูก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะทางฝั่งเถ้าแก่ฉินก็เลิกขายยำผลไม้ไปแล้วแต่การปรากฏตัวของคุณหนูฉินเหิงเย่วในวันนี้นางรู้สึกวันมันมีความไม่ชอบมาพากล
ชาวบ้านทั่วตำบลต่างก็รู้ดีว่าเถ้าแก่ฉินเลี้ยงบุตรสาวมาไม่ต่างจากองค์หญิงที่อยู่ในรั้วในวังชีวิตนี้นางไม่เคยต้องหยิบจับอะไรเลยสักอย่างแม้แต่กิจการที่บ้านก็ไม่เคยมาเรียนรู้นอกจากนี้ไม่ว่านางจะอยากกินหรืออยากซื้อหาสิ่งใดถ้าไม่เชิญที่ร้านให้นำสินค้าไปให้เลือกที่เรือนก็จะมีสาวใช้ออกมาซื้อให้จึงหาได้ยากนักที่นางจะออกมาเดินอยู่กลางตลาดเช่นนี้
“คุณหนูจะรับอะไรดีเจ้าคะ” เจียงเฟยจูเอ่ยถามเช่นเดียวกับที่ถามลูกค้าทุกคนตามปกติอีกทั้งยังคงส่งยิ้มบางๆ ให้อย่างเป็นมิตรอีกด้วยมองเห็นว่าคุณหนูฉินผู้นี้น่าจะมีอายุพอๆ กันกับตนเอง
“ข้าไม่ได้มาซื้ออาหารข้าต้องการซื้อร้านรวมถึงสูตรอาหารของเจ้าด้วยขายให้ข้าให้หมดอยากได้เท่าไหร่ก็ว่ามา” น้ำเสียงของคุณหนูฉินนั้นช่างต่างจากน้ำเสียงที่นางพูดกับเจียงเฟยจูเมื่อครั้งที่มาถึงที่ร้านเป็นครั้งแรกแม้ไม่ได้ตั้งใจฟังให้ดีก็ยังสัมผัสได้ถึงการกดข่ม ดูถูกอย่างชัดเจน
“ขออภัยคุณหนูด้วยข้าขายเพียงอาหารที่ปรุงมาจากผลไม้ไม่มีความตั้งใจที่จะขายสูตรอาหารหรือว่าขายร้านเลยท่านคงเข้าใจผิด” เมื่ออีกคนแสดงเจตนาชัดเจนเช่นนี้เจียงเฟยจูจึงไม่จำเป็นจะต้องสงวนท่าทีของนางอีกต่อไปถ้ามาดีนางก็จะทำดีด้วยแต่ที่คุณหนูฉินผู้นี้ทำคือการเปิดตัวเป็นนางร้ายในละครคุณธรรมเช่นนี้คนที่เกิดมาหลายภพหลายชาติอย่างนางย่อมอ่านคุณหนูผู้นี้ได้ทะลุปรุโปร่งอีกฝ่ายมีไส้กี่ขดนางก็สามารถรู้ได้ชัดแจ่มแจ้ง
“แต่ข้าจะให้เจ้าขายเจ้าก็ต้องขายให้ข้าแล้วไสหัวของเจ้าออกไปจากตลาดแห่งนี้เสียอย่ามาให้ข้าเห็นหน้าอีกไม่เช่นนั้นจะหาว่าข้าไม่เตือน ยังยืนเฉยอยู่อีกเหตุใดจึงไม่รีบเก็บข้าวของนี่ข้ากำลังซื้อร้านของเจ้าอยู่นะ” คุณหนูฉินตวาดแหวใส่เจียงเฟยจูที่ยังคงยืนนิ่งทำท่าไม่รู้ร้อนรู้หนาวในขณะที่เจียงเฟยเจินเดินไปหลบหลังของพี่สาวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“คุณหนูฉินไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นเหตุใดจึงมาเสียงดังอยู่ตรงนี้” คุณหนูผู้แสนเอาแต่ใจยืนอาละวาดอยู่ได้ไม่นานเถ้าแก่หูก็รีบออกมาดูเพราะลูกจ้างวิ่งเข้าไปบอกว่าแม่หนูเจียงทั้งสองกำลังแย่
“ไม่ใช่ธุระของท่านเจ้าค่ะเถ้าแก่หูข้ากำลังซื้อร้านและสูตรอาหารจากสตรีผู้นี้อยู่” ฉินเหิงเย่วตอบอย่างไม่ใส่ใจเพราะที่ผ่านมานางไม่เคยเห็นใครในตำบลนี้อยู่ในสายตาอยู่แล้วนอกจากท่านผู้นั้นซึ่งอันที่จริงร้านขายอาหารข้างทางเช่นนี้คุณหนูฉินก็ไม่ได้อยากใส่ใจถ้าไม่ได้ยินข่าวมาว่าแม่ค้าเจ้าของร้านนั้นมีความสนิทสนมกับคุณชายผู้เป็นดั่งยอดดวงใจของนาง
“ถ้าไม่เกรงใจข้าอย่างน้อยคุณหนูก็ควรเกรงใจผู้อาวุโสบ้างเถิดเถ้าแก่หูนั้นมีอายุมากกว่าบิดาของท่านอีกนะแล้วนี่ท่านก็ยืนขวางทางร้านค้าของข้าอยู่กรุณาช่วยขยับไปให้พ้นหน้าร้านด้วย” เป็นเจียงเฟยจูที่จะไม่ทนกับความไร้มารยาทของคุณหนูผู้นี้นางจัดการพูดสั่งสอนและไล่คุณหนูฉินด้วยถ้อยคำที่คิดว่าสุภาพที่สุดเท่าที่จะทำได้
“เจ้ากล้าดีอย่างไรมาใช้วาจาเช่นนั้นกับข้า”
“ไม่เห็นต้องใช้ความกล้าอะไรในเมื่อคุณหนูยืนวางทางร้านค้าของข้าอยู่ทำให้ไม่สามารถขายของได้ข้าก็ต้องบอกให้ท่านหลีกทางมันไม่ถูกต้องหรอกหรือ ท่านปู่เจ้าคะท่านเข้าไปพักผ่อนด้านในร้านเถิดที่ด้านนอกข้าจะรีบจัดการให้เรียบร้อยโดยเร็ว ขออภัยที่วุ่นวายนะเจ้าคะ” เจียงเฟยจูที่สนิทสนมกับเถ้าแก่หูมากขึ้นจนถ้าแก่หูอนุญาตให้นางเรียกเขาว่าท่านปู่ได้หันไปบอกให้ผู้อาวุโสได้คลายความกังวลใจ
“นี่เจ้า จัดการรื้อร้านของพวกมันเดี๋ยวนี้” ยังไม่ทันที่เจียงเฟยจูจะได้ระวังตัวคุณหนูฉินก็สั่งให้สาวใช้ที่ติดตามนางมาอาละวาดพังร้านขายอาหารของนางในทันทีแต่โชคยังเข้าข้างที่ประสาทสัมผัสและปฏิกิริยาตอบสนองอัตโนมัติของเด็กหญิงยังดีอยู่มากทางฝั่งสาวใช้ของคุณหนูฉินทำได้เพียงปาขวดโหลใส่กุ้งแห้งลงพื้นนางก็จัดการพุ่งไปคว้าตัวสาวใช้ผู้นั้นแล้วทุ่มลงกับพื้นในทันทีแต่โชคไม่เข้าข้างเลยที่บริเวณที่ถูกทุ่มลงไปคือบนกองเศษแก้วจึงทำให้สาวใช้ผู้โชคร้ายได้รับบาดเจ็บไปพอสมควร
“จูเอ๋อร์เจ้าเป็นอะไรหรือไม่ คุณหนูฉินเหตุใดจึงทำตัวเป็นอันธพาลเช่นนี้เล่า” ผู้เข้ามาระงับเหตุการณ์ก่อนที่มันจะบานปลายคือคุณชายใหญ่เหลยที่มาพร้อมกับคุณหนูเหลยเช่นทุกๆ วันโดยทันทีที่คุณหนูฉินเห็นชายหนุ่มที่นางมีใจให้มานานวันมีท่าทางเป็นห่วงเป็นใยสตรีผู้อื่นนางก็ยิ่งทวีความกราดเกรี้ยวสั่งให้สาวใช้เข้ามาทำลายร้านค้าอีกแต่ครั้งนี้กลับโดนคนงานหญิงของร้านเถ้าแก่หูและผู้ติดตามของคุณหนูเหลยขวางเอาไว้เสียก่อนจึงไม่สามารถทำอะไรได้ตามใจ
“ไปตามคนของทางการมาบอกว่าที่ตลาดเกิดเรื่องทะเลาะวิวาทขึ้น” เมื่อพูดดีๆ แล้วอีกฝ่ายไม่ฟังเหลยจื่อซวานที่พอจะมองเหตุการณ์ออกก็รีบให้คนของตัวเองไปตามเจ้าหน้าที่ทางการมาโดยด่วนเพราะหากปล่อยไว้นานกว่านี้ฝั่งคุณหนูฉินคงจะทำร้ายร้านของจูเอ๋อร์จนย่อยยับเป็นแน่
“เหตุใดคุณชายใหญ่เหลยไม่เอ่ยถามข้าสักคำเล่าเจ้าคะว่าเรื่องมันเป็นมาอย่างไรเหตุใดท่านจึงสนใจแต่สตรีผู้นั้น” ฉินเหิงเย่วตัดพ้อเพราะขนาดนางยืนอยู่ตรงนี้เหลยจื่อซวานยังไม่ชายตามาแลนางเลยแม้แต่น้องมัวแต่ไปให้ความสนใจกับนังแม่ค้าชั้นต่ำผู้นั้น
“เพราะข้าเห็นกับตาว่าคุณหนูฉินเป็นคนที่มีปัญหาขอรับ จูเอ๋อร์นางขายของอยู่ดีๆ เป็นท่านที่เข้ามาหาเรื่อง” เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้มิใช่ครั้งแรกที่คุณหนูฉินไปเที่ยวหาเรื่องแม่ค้าในตลาดต่อให้นางไม่ค่อยจะออกมาจากเรือนสกุลฉินแต่ทว่านางกลับขยันออกมาวิวาทกับผู้คนจนชาวบ้านเริ่มที่จะเอือมระอาในพฤติกรรมของหญิงสาวผู้นี้แต่ก็ไม่มีใครทำอะไรได้เพราะเถ้าแก่ฉินเป็นคนที่มีเส้นสายค่อนข้างกว้างขวางขืนใครยังยืนยันว่าจะไปต่อกรกับบุตรสาวคนเดียวของฉินอี้ก็เท่ากับว่าชีวิตนี้คงไม่ต้องการความสงบสุขอีกต่อไป
“ข้ามิได้มีปัญหาเพียงแต่จะมาซื้อร้านและสูตรอาหารของสตรีผู้นี้เจ้าค่ะ”
“ให้ข้าเดาดูจูเอ๋อร์คงมิได้ขายให้เมื่อนางปฏิเสธคุณหนูจึงคิดทำลายข้าวของของนางถูกต้องหรือไม่ขอรับ เอาเป็นว่าท่านยังไม่ต้องตอบข้าเพียงแต่รอตอบคำถามของเจ้าหน้าที่ทางการเลยก็แล้วกัน” คุณชายใหญ่เหลยจื่อซวานพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งจากนั้นก็หันไปช่วยดูแลทั้งเจียงเฟยจูและเจียงเฟยเจินโดยไม่สนในคุณหนูอีกคนเลยแม้แต่น้อย
รอไม่นานเจ้าหน้าที่ทางการก็มาถึงแต่ก็ยังช้ากว่าเถ้าแก่ฉินที่มาถึงแล้วก็ควักเงินออกมาจ่ายค่าเสียหายแล้วบอกว่าให้เลิกแล้วต่อกันถึงแม้ว่าเจียงเฟยจูจะชอบเงินแต่นางก็ไม่อยากเปิดช่องว่างให้สองพ่อลูกคู่นี้มาเอาเปรียบนางได้ในภาคภาคหน้านางจึงยืนยันต่อหน้าเจ้าหน้าที่ทางการว่าจะไม่ขอรับเงินหรือของมีค่าใดๆ สิ่งที่นางต้องการจากคุณหนูฉินคือคำขอโทษและหนังสือสัญญาว่าจะไม่มายุ่งวุ่นวายกับร้านขายอาหารของนางอีกต่อไป
“แค่ร้านอาหารแผงลอยเล็กๆ จะมีค่าอะไรมากสักเท่าไหร่กันถึงต้องการหนังสือสัญญาจากข้า ก็บอกว่าให้เลิกแล้วต่อกันยังไม่เข้าใจหรืออย่างไรรับเงินนี่ไปก็จบเรื่องแล้ว” ฉินเหิงเย่วโมโหมากที่แม่ค้าร้านแผงลอยเล็กๆ กล้าที่จะมาอวดรู้และคิดจะใช้หนังสือสัญญามาบังคับข่มขู่กันเช่นนี้
“มีค่าหรือไม่มีก็เป็นคุณหนูฉินที่อยากจะซื้อร้านและสูตรอาหารของข้ามิใช่หรือถ้าหากคุณหนูไม่จัดการประทับลายนิ้วมือลงบนหนังสือสัญญาข้าก็จะร้องเรียนต่อทางการว่าท่านมาทำลายร้านของข้าทำให้สูญเสียทั้งทรัพย์สินและบอบช้ำที่จิตใจหากเป็นเช่นนั้นคุณหนูต้องจ่ายค่าปรับให้ทางการ จ่ายค่าเสียหายและค่าทำขวัญให้ข้ารวมไปถึงต้องรับโทษด้วยการถูกขังเนื่องจากทำผิดกฎหมายบ้านเมือง”
เจียงเฟยจูเป็นฝ่ายที่ลอยหน้าลอยตาพูดออกมาบ้างแม้การลงโทษในยุคนี้จะไม่ได้รุนแรงมากนักแต่สำหรับการทะเลาะวิวาทต่อหน้าธารกำนัลอย่างไรแล้วก็จะต้องเข้าห้องขังอย่างน้อยสองคืนแล้วแต่ความรุนแรงของเหตุการณ์ที่ก่อขึ้นอีกทั้งครั้งนี้เจียงเฟยจูมีทั้งพยานที่เป็นหลักฐานและพยานบุคคลคุณหนูฉินไม่มีทางรอดพ้นไปได้ต่อให้บิดาของนางจะมีอำนาจและมีเงินมากเท่าไหร่ก็ตามที
และหนังสือสัญญาที่รวดเร็วและรัดกุมฉบับนี้ก็ได้คุณชายใหญ่เหลยเป็นผู้จัดการให้ยิ่งทำให้คุณหนูฉินไม่พอใจมากขึ้นไม่รู้กี่เท่าตัว
“เย่วเอ๋อร์ลูกรักเจ้ายอมประทับรอยนิ้วมือลงไปเถิดจะได้จบเรื่องกันไปเสียทีพ่อสัญญาว่าหลังจากนี้จะหาซื้อร้านอาหารดีๆ ให้เจ้าไม่ต้องมาสนใจร้านอาหารแผงลอยข้างทางอีกต่อไปแล้ว” เถ้าแก่ฉินที่ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดปลอบบุตรสาวคนเดียวด้วยเหตุผลที่แม้จะฟังไม่เข้าท่าแต่ก็พอจะทำให้นางยินยอมได้แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าบุตรสาวคนเดียวมิได้ต้องการซื้อร้านอาหารมาดูแลแต่ต้องการซื้อมาทำลายเพื่อความสะใจส่วนตัวก็ตาม