เพราะข้าวหอมถูกเลี้ยงมาอย่างคุณหนู ศจีผู้เป็นแม่เลยเป็นห่วงว่าลูกจะดูแลตัวเองไม่ได้ เลยไปขอพรจากเทวดา เรื่องวุ่น ๆ เลยตามมาไม่หยุด
ชาย-หญิง,รัก,เกิดใหม่,ครอบครัว,ไทย,เกิดใหม่,พล็อตสร้างกระแส,คอมเมดี้,โรแมนติก,ชายหญิง,รัก,ครอบครัว,ย้อนเวลา,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
คุณแม่ขา ...ขอพรเทวดาทำไมเพราะข้าวหอมถูกเลี้ยงมาอย่างคุณหนู ศจีผู้เป็นแม่เลยเป็นห่วงว่าลูกจะดูแลตัวเองไม่ได้ เลยไปขอพรจากเทวดา เรื่องวุ่น ๆ เลยตามมาไม่หยุด
คุณแม่ขาขอพรเทวดาทำไม
คำขอของแม่…กับพรของเทวดา
“ท่านเทพเจ้าขา! ลูกช้างมีลูกสาวอยู่คนเดียว ช่วยเสกเป่าให้ยัยตัวดีกลับใจ หันมาสนใจการทำงาน หาเงินหาทองบ้างเถอะนะเจ้าคะ”
ศจีพูดกับรูปเทวดา น้ำเสียงปนเหนื่อยใจและกังวลลึก ๆ ในใจเธอคิดถึงลูกสาวเพียงคนเดียว—ข้าวหอม
และพรที่ศจีขอก็…ถูก “จัดให้” โดยไม่ทันตั้งตัว
รุ่งเช้าของวันถัดมา ข้าวหอมตื่นขึ้นมาในบ้านไม้โทรม ๆ
ไม่มีแอร์ ไม่มีเครื่องสำอาง ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีเงิน ไม่มีบัตรเครดิต
ข้าวหอมกำลังจะได้เรียนรู้ว่า
การใช้ชีวิต…ไม่ใช่แค่การอยู่ไปวัน ๆ แต่คือการ “เอาตัวรอด” ด้วยสองมือของตัวเอง
และนี่คือเรื่องราวของคุณหนูที่ถูกส่งย้อนเวลามาใช้ชีวิตแบบบ้าน ๆ
เพื่อเรียนรู้ว่าความลำบาก โดยมีเทวดาตัวดี และพ่อแม่ที่ไม่ได้มีความทรงจำในชาติก่อนติดมาคอยช่วยเหลือให้ข้าวหอมได้เติบโตขึ้น
❤️❤️❤️❤️
*เรื่องนี้เป็นแนวฟีลกู้ดนะคะ ไม่มีดราม่าหนัก
** ฝากกดติดตาม กดหัวใจ กดเพิ่มเข้าชั้นให้ไรท์ด้วยนะคะ
❤️❤️❤️❤️
หลังจากที่ ศจี แนะนำให้ข้าวหอมรู้จักกับชายหนุ่มผู้มาใหม่แล้ว เธอก็เล่าเรื่องราวต่อด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจว่า วันนี้ตอนที่เธอกับสามีกำลังจะเดินทางกลับจากทุ่งนา ก็พบกับชายหนุ่มคนนี้ นอนคว่ำหน้าหมดสติอยู่ที่คันนา ตอนแรกก็ตกใจคิดว่ามีคนฆ่าแล้วนำศพมาทิ้งไว้เสียอีก เพราะการแต่งตัวของเขาดูแปลกตา ไม่เหมือนคนแถวนี้เลยแม้แต่น้อย พอพลิกตัวมาดูก็ถึงได้รู้ว่ายังไม่ตาย จึงรีบช่วยกันปฐมพยาบาลเบื้องต้น เมื่อฟื้นขึ้นมาจึงได้ความว่าเขาเป็นลมไปเพราะไม่ได้กินข้าว รุจน์ผู้เป็นพ่อจึงชวนให้เขามารับประทานอาหารที่บ้านด้วยความเห็นอกเห็นใจ
‘เดี๋ยวนะ! นี่พ่อแม่ฉันในชาตินี้ไว้ใจคนง่ายไปรึเปล่าเนี่ย?!’ ข้าวหอมฟังที่แม่เล่าแล้วถึงกับคิดในใจอย่างหัวเสีย ‘มิจฉาชีพบางทีก็เอาหน้าตาดี ๆ แบบนี้แหละเข้ามาหลอกลวงนะ!’ เธอพลันรู้สึกว่าตัวเองจะต้องรีบ ปฏิวัติความคิดของคนในครอบครัวเสียใหม่ โดยด่วนที่สุด
ในขณะที่ข้าวหอมกำลังครุ่นคิดถึงแผนการปฏิวัติครอบครัวอยู่นั้น สายตาของเธอก็พลันเหลือบไปมองชายหนุ่มผู้มาใหม่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง
ร่างกายที่แข็งแกร่งกำยำภายใต้เสื้อผ้าที่เปียกชื้นเล็กน้อยจากการดับไฟ เผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่กระชับได้รูป ความคมคายบนใบหน้าของเขายิ่งเด่นชัดขึ้นภายใต้แสงไฟสลัว รอยยิ้มมุมปากเล็กน้อยที่ผุดขึ้นมาเมื่อเขาหันมาสบตา ทำเอาหัวใจของข้าวหอมเต้นระรัวอย่างประหลาด
ความหล่อเหลาของเขามันดึงดูดสายตาเธอเสียจนแทบจะกลืนกินเข้าไปทั้งตัว ไม่ว่าจะเป็นดวงตาคมกริบ จมูกโด่งเป็นสัน หรือแม้แต่ริมฝีปากหยักได้รูปที่กำลังคลี่รอยยิ้มบางเบา ถ้าอยู่ในชาติที่แล้วของฉันนี่เขาต้องเป็นดาราเบอร์หนึ่งแน่ ๆ ข้าวหอมรู้สึกเหมือนถูกสะกดอยู่ในภวังค์ เผลอจ้องมองเขาไม่วางตา ‘ให้ตายสิ…นี่มันหล่อเกินไปแล้ว!’
ส่วนสายเมฆนั้น ตอนนี้กำลังนึกขอบคุณความดีความชอบของพายุ เทวดาพี่เลี้ยงของเขา ที่คิดวิธีที่จะให้เขาเข้ามาอยู่ในบ้านของข้าวหอมได้สำเร็จ เขาเองก็ไม่คิดว่าเพียงแค่แกล้งเป็นลมจะทำให้เข้ามาอยู่ในบ้านของครอบครัวนี้ได้อย่างง่ายดาย นี่เขาคงดูถูกความใจดีมีเมตตาของครอบครัวมนุษย์คู่นี้ไปสินะ
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้แค่ได้เข้ามารับประทานอาหารชั่วคราว ส่วนจะได้อยู่ต่อยาว ๆ หรือไม่ ก็คงเป็นหน้าที่เขาที่จะต้องแสดงความสามารถแล้วล่ะ
“พ่อหนุ่ม... กินเสร็จแล้วคืนนี้ก็พักที่นี่เถอะนะ มันดึกมากแล้ว ไม่ต้องเกรงใจ” รุจน์เอ่ยปากชวนสายเมฆให้ค้างคืนด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ “ถ้าไม่ได้พ่อหนุ่มช่วยไว้ ป่านนี้บ้านเราคงไหม้เหลือแต่เสาแล้ว”
“ได้ครับ” สายเมฆตอบรับทันทีด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ที่ดูอบอุ่น
‘พ่อ!!!’ ข้าวหอมกรีดร้องในใจแทบจะทันที ‘ลูกพ่อเป็นผู้หญิงนะ แถมยังสาวและสวยขนาดนี้ จะมาชวนผู้ชายนอนสุ่มสี่สุ่มห้าแบบนี้ได้ยังไงกัน!’ เธอคิดอย่างร้อนรน และยิ่งมุ่งมั่นในใจว่ายังไงเธอก็จะต้องเปลี่ยนความคิดของครอบครัวนี้ ให้กลับมาอยู่กับร่องกับรอยให้ได้!
หลังจากที่สายเมฆตอบตกลง ทั้งสี่คนก็ร่วมวงสนทนากันไปเรื่อยเปื่อย เรื่องส่วนใหญ่ล้วนเป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวสายเมฆเองว่าเป็นใคร มาจากไหน และทำไมถึงมาโผล่ที่หมู่บ้านไกลปืนเที่ยงแบบนี้ได้
“ผมเป็นคนกรุงเทพฯ ครับ” สายเมฆเริ่มต้นเล่าด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเศร้าสร้อย แน่ละว่าเขาทำไปเพื่อเรียกคะแนนสงสาร ให้รุจน์กับศจีใจอ่อนให้เขาอยู่ต่อที่นี่ไปนาน ๆ
“ผมเคยทำงานกับบริษัทฝรั่งจนได้เลื่อนเป็นหัวหน้า แต่ก็โดนเพื่อนหักหลัง เลยตัดสินใจลาออก เพราะเบื่อชีวิตในเมืองกรุงแล้ว หวังว่าจะเอาเงินที่เก็บมาซื้อที่ต่างจังหวัด สร้างเนื้อสร้างตัวใหม่ แต่ระหว่างทางก็มาโดนขโมยกระเป๋าสตางค์ไปหมด เลยต้องเดินเท้ามาเรื่อยๆ จนเป็นลม ตอนนี้ก็เลยอยากหางานทำก่อนครับ”
รุจน์กับศจีได้ฟังเรื่องราวของสายเมฆก็รู้สึกสงสารและเห็นใจในโชคชะตาของชายหนุ่มตรงหน้าเป็นอย่างมาก
แต่กลับกันกับข้าวหอม ‘โอ้โห! แต่งเรื่องไม่เนียนเลยนะคะคุณพี่!’ ข้าวหอมคิดในใจอย่างอดไม่ได้
‘ถ้าคุณพี่อยู่สมัยฉันตอนนั้น ตำแหน่งคุณพี่คงเป็นหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์อันดับหนึ่งแน่ๆ! หลอกซะแม่กับพ่อฉันอินตามกันหมดเลยนะ’
เธอพยายามเตือนตัวเองว่า ไม่ได้! เราจะปล่อยให้พ่อแม่หลงกลชายคนนี้ไม่ได้เด็ดขาด
“เชื่อได้รึเปล่าก็ไม่รู้ คนเราน่ะรู้หน้าไม่รู้ใจหรอกค่ะ ใครจะรู้ว่าเป็นมิจฉาชีพรึเปล่า บอกไว้ก่อนเลยนะ ถ้าคิดจะตบตาฉันล่ะก็ ฉันมีภูมิต้านทานพวกคนเลวเยอะแยะไปหมดเลยค่ะ!” ข้าวหอมจ้องหน้าสายเมฆเขม็ง สายตาเต็มไปด้วยความไม่ไว้วางใจ
สายเมฆไม่รู้จะตอบโต้อย่างไรกับคำพูดตรงไปตรงมาของข้าวหอม เขาได้แต่ทำหน้าเศร้าสร้อยเพื่อขอความเห็นใจจากรุจน์และศจี แต่ภายในใจนั้นกลับโมโหเป็นอย่างยิ่ง ‘ยัยเด็กบ้าเอ้ย! ที่ฉันต้องหลอกก็เพื่อจะได้มาอยู่บ้านเธอ คอยช่วยเหลือเธอนะเนี่ย ยังจะมาจับผิดอีก ทำดีไม่ได้ดีจริง ๆ!’
“ข้าวหอม!! ลูกพูดอะไรน่ะ ทำไมถึงมองคนในแง่ร้ายแบบนี้ล่ะลูก เขาอุตส่าห์ช่วยเราไว้นะ!” ศจีรีบพูดห้ามทัพลูกสาวด้วยความตกใจ
ข้าวหอมทำหน้ายู่ด้วยความไม่พอใจที่ไม่ได้ดั่งใจ เธอหันหลังเดินกระทืบเท้าเข้าห้องไป ‘ฝากไว้ก่อนเถอะ!’
ส่วนศจีก็จัดการทำความสะอาดห้องเก็บของที่ไม่ได้ใช้งานมานาน และนำฟูกนอนเก่า ๆ ที่ยังพอใช้ได้มาปูให้สายเมฆได้นอนพัก
สายเมฆล้มตัวลงนอนบนฟูกแข็ง ก่อนนอนก็รำพึงรำพันกับตัวเองว่า นี่คงเป็นคืนแรกที่เขาได้สัมผัสชีวิตในโลกมนุษย์อย่างแท้จริงสินะ…