เพราะข้าวหอมถูกเลี้ยงมาอย่างคุณหนู ศจีผู้เป็นแม่เลยเป็นห่วงว่าลูกจะดูแลตัวเองไม่ได้ เลยไปขอพรจากเทวดา เรื่องวุ่น ๆ เลยตามมาไม่หยุด

คุณแม่ขา ...ขอพรเทวดาทำไม - บทที่ 5 ดับไฟ โดย Just W. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-หญิง,รัก,เกิดใหม่,ครอบครัว,ไทย,slice of life,sliceoflife,เกิดใหม่,พล็อตสร้างกระแส,คอมเมดี้,โรแมนติก,ชายหญิง,รัก,ครอบครัว,ย้อนเวลา,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

คุณแม่ขา ...ขอพรเทวดาทำไม

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-หญิง,รัก,เกิดใหม่,ครอบครัว,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

slice of life,sliceoflife,เกิดใหม่,พล็อตสร้างกระแส,คอมเมดี้,โรแมนติก,ชายหญิง,รัก,ครอบครัว,ย้อนเวลา

รายละเอียด

คุณแม่ขา ...ขอพรเทวดาทำไม โดย Just W. @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เพราะข้าวหอมถูกเลี้ยงมาอย่างคุณหนู ศจีผู้เป็นแม่เลยเป็นห่วงว่าลูกจะดูแลตัวเองไม่ได้ เลยไปขอพรจากเทวดา เรื่องวุ่น ๆ เลยตามมาไม่หยุด

ผู้แต่ง

Just W.

เรื่องย่อ

คุณแม่ขาขอพรเทวดาทำไม


คำขอของแม่…กับพรของเทวดา


“ท่านเทพเจ้าขา! ลูกช้างมีลูกสาวอยู่คนเดียว ช่วยเสกเป่าให้ยัยตัวดีกลับใจ หันมาสนใจการทำงาน หาเงินหาทองบ้างเถอะนะเจ้าคะ”


ศจีพูดกับรูปเทวดา น้ำเสียงปนเหนื่อยใจและกังวลลึก ๆ ในใจเธอคิดถึงลูกสาวเพียงคนเดียว—ข้าวหอม


และพรที่ศจีขอก็…ถูก “จัดให้” โดยไม่ทันตั้งตัว


รุ่งเช้าของวันถัดมา ข้าวหอมตื่นขึ้นมาในบ้านไม้โทรม ๆ 


ไม่มีแอร์ ไม่มีเครื่องสำอาง ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีเงิน ไม่มีบัตรเครดิต


ข้าวหอมกำลังจะได้เรียนรู้ว่า


การใช้ชีวิต…ไม่ใช่แค่การอยู่ไปวัน ๆ แต่คือการ “เอาตัวรอด” ด้วยสองมือของตัวเอง




และนี่คือเรื่องราวของคุณหนูที่ถูกส่งย้อนเวลามาใช้ชีวิตแบบบ้าน ๆ


เพื่อเรียนรู้ว่าความลำบาก โดยมีเทวดาตัวดี และพ่อแม่ที่ไม่ได้มีความทรงจำในชาติก่อนติดมาคอยช่วยเหลือให้ข้าวหอมได้เติบโตขึ้น


❤️❤️❤️❤️


*เรื่องนี้เป็นแนวฟีลกู้ดนะคะ ไม่มีดราม่าหนัก


** ฝากกดติดตาม กดหัวใจ กดเพิ่มเข้าชั้นให้ไรท์ด้วยนะคะ


❤️❤️❤️❤️




 



สารบัญ

คุณแม่ขา ...ขอพรเทวดาทำไม-บทที่ 1 ข้าวหอม,คุณแม่ขา ...ขอพรเทวดาทำไม-บทที่ 2 เทวดาเจ้าขา,คุณแม่ขา ...ขอพรเทวดาทำไม-บทที่ 3 เตียงที่แข็งกระด้าง,คุณแม่ขา ...ขอพรเทวดาทำไม-บทที่ 4 เป็นอิสระ,คุณแม่ขา ...ขอพรเทวดาทำไม-บทที่ 5 ดับไฟ,คุณแม่ขา ...ขอพรเทวดาทำไม-บทที่ 6 สายเมฆ,คุณแม่ขา ...ขอพรเทวดาทำไม-บทที่ 7 ข้อตกลง,คุณแม่ขา ...ขอพรเทวดาทำไม-บทที่ 8 ที่ตากเนื้อแห้ง (1),คุณแม่ขา ...ขอพรเทวดาทำไม-บทที่ 9 ที่ตากเนื้อแห้ง (2),คุณแม่ขา ...ขอพรเทวดาทำไม-บทที่ 10 หาอุปกรณ์,คุณแม่ขา ...ขอพรเทวดาทำไม-บทที่ 11 ร่วมมือร่วมใจ,คุณแม่ขา ...ขอพรเทวดาทำไม-บทที่ 12 ตลาดในเมือง,คุณแม่ขา ...ขอพรเทวดาทำไม-บทที่ 13 ลำดวน,คุณแม่ขา ...ขอพรเทวดาทำไม-บทที่ 14 เรียนหนังสือ,คุณแม่ขา ...ขอพรเทวดาทำไม-บทที่ 15 หาคน,คุณแม่ขา ...ขอพรเทวดาทำไม-บทที่ 16 เพื่อนร่วมงาน,คุณแม่ขา ...ขอพรเทวดาทำไม-บทที่ 17 กินเลี้ยงเล็ก ๆ,คุณแม่ขา ...ขอพรเทวดาทำไม-บทที่ 18 บ้านร้าง,คุณแม่ขา ...ขอพรเทวดาทำไม-บทที่ 19 ที่พักพิง,คุณแม่ขา ...ขอพรเทวดาทำไม-บทที่ 20 ของไร้คุณภาพ,คุณแม่ขา ...ขอพรเทวดาทำไม-บทที่ 21 วางแผนอนาคต,คุณแม่ขา ...ขอพรเทวดาทำไม-บทที่ 22 ย้ายเข้าบ้านใหม่,คุณแม่ขา ...ขอพรเทวดาทำไม-บทที่ 23 ชุดใหม่,คุณแม่ขา ...ขอพรเทวดาทำไม-บทที่ 24 ลูกค้ารายแรก,คุณแม่ขา ...ขอพรเทวดาทำไม-บทที่ 25 คำชม,คุณแม่ขา ...ขอพรเทวดาทำไม-บทที่ 26 บ้านเริ่มคึกครื้น,คุณแม่ขา ...ขอพรเทวดาทำไม-บทที่ 27 ค้นหาความชอบ,คุณแม่ขา ...ขอพรเทวดาทำไม-บทที่ 28 ก้าวย่างสู่ความสำเร็จ,คุณแม่ขา ...ขอพรเทวดาทำไม-บทที่ 29 ของเลียนแบบ,คุณแม่ขา ...ขอพรเทวดาทำไม-บทที่ 30 โยกย้ายเพื่ออนาคต,คุณแม่ขา ...ขอพรเทวดาทำไม-บทที่ 31 การตัดสินใจสุดท้าย

เนื้อหา

บทที่ 5 ดับไฟ

ข้าวหอมพยายามทำความเข้าใจและยอมรับสภาพชีวิตใหม่ที่รายล้อมตัวเธอ แม้ในใจจะยังคงรู้สึกขัดแย้งและไม่คุ้นเคยกับความไม่สะดวก แต่เธอก็รู้ดีว่าไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากจะต้องปรับตัวให้เข้ากับโลกใบนี้ให้ได้ 


‘อย่างน้อยเราก็ยังมีพ่อกับแม่คอยอยู่เคียงข้าง ไม่ต้องกังวลไปนะข้าวหอม!’ เธอพยายามปลอบใจตัวเองด้วยความคิดบวก แม้ความกังวลจะยังคงเกาะกุมอยู่ในจิตใจอย่างเงียบงัน


ท้องฟ้าเริ่มมืดมิด แสงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปนานแล้ว แต่พ่อกับแม่ก็ยังไม่กลับบ้าน ความเงียบที่โรยตัวลงมาทำให้ข้าวหอมรู้สึกไม่สบายใจสักเท่าไหร่ ปกติแล้วท่านทั้งสองไม่เคยกลับดึกเช่นนี้ 


เพราะเป็นห่วงที่จะทิ้งให้ข้าวหอมอยู่บ้านคนเดียว เธอเดินวนไปมาในบ้านด้วยใจที่ร้อนรุ่ม พลางคิดไปต่างๆ นานา ‘มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับท่านหรือเปล่า’ ความรู้สึกว้าวุ่นใจถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน


แต่จะกังวลไปก็ทำอะไรไม่ได้ ข้าวหอมตัดสินใจที่จะใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เธอเดินตรงไปยังห้องครัวที่มืดสลัว สายตาสำรวจไปรอบ ๆ ห้องเพื่อมองหาสิ่งที่พอจะนำมาทำอาหารรอพ่อกับแม่ได้ 


ในมุมหนึ่งของห้อง เธอเห็นข้าวสารเหลืออยู่ประมาณครึ่งถัง ถัดไปไม่ไกล มีไข่ไก่เหลืออยู่หกฟองวางเรียงกัน และเหนือเตาไฟเก่า ๆ มีปลาตากแห้งแขวนอยู่หลายตัว


ข้าวหอมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะตัดสินใจ ‘เอาล่ะ! ต้มไข่แล้วกัน อย่างน้อยก็คงไม่ยากเกินความสามารถของเรา’ ความทรงจำเลือนรางจากโลกเก่าผุดขึ้นมา “แค่ต้มน้ำแล้วหย่อนไข่ลงไปก็คงพอแล้วมั้ง?”


เธอหยิบหม้ออะลูมิเนียมก้นดำที่บอกเล่าเรื่องราวการใช้งานมายาวนานออกมาจากชั้นวาง ตักน้ำจากตุ่มดินใบใหญ่ที่ตั้งอยู่ข้างครัวจนเต็ม


“เดี๋ยวนะ! แล้วฉันจะเอาไฟที่ไหนมาต้มน้ำล่ะเนี่ย” ข้าวหอมกวาดสายตามองไปทั่วห้องครัวอย่างงุนงง เธอเดินหาไฟแช็กเท่าไรก็ไม่เจอ เจอแต่กลักไม้ขีดไฟเก่า ๆ ที่วางทิ้งไว้มุมห้อง เธอจำได้ว่าสมัยเรียนวิชาเนตรนารีเคยมีการสอนวิธีการจุดไฟด้วยไม้ขีด แต่ก็เป็นเพียงการสาธิตเท่านั้น ไม่เคยได้ลองทำจริงสักครั้ง


‘ไม่น่าจะยากหรอกมั้ง? ทุกคนก็ต้องมีครั้งแรกกันทั้งนั้นแหละน่า!’ ข้าวหอมฮึดสู้ เธอจับไม้ขีดขึ้นมาหนึ่งก้าน แล้วเริ่มลงมือจุด แชะ! แชะ! เสียงเสียดสีของไม้ขีดกับข้างกลักดังขึ้น แต่เปลวไฟก็ยังคงไม่ปรากฏ 


เธอพยายามอยู่หลายครั้งจนเริ่มท้อใจ ความผิดหวังทำให้เธอเผลอโยนไม้ขีดทิ้งลงไปข้างตัว โดยไม่ทันได้สังเกตว่าปลายก้านไม้ขีดนั้นยังคงมีประกายไฟเล็ก ๆ ติดอยู่


ประกายไฟเล็ก ๆ ค่อย ๆ ลุกลามไปยังเศษไม้แห้งที่กองอยู่ใกล้ ๆ และเริ่มแผ่ขยายวงกว้างออกไปอย่างช้า ๆ มันคืบคลานเข้าใกล้ตัวข้าวหอมเรื่อย ๆ


“เอ๊ะ ทำไมรู้สึกร้อน ๆ อย่างนี้นะ การทำครัวนี่เหนื่อยเหมือนกันนะเนี่ย เล่นเอาซะร้อนไปหมดเลย” ข้าวหอมบ่นกับตัวเองพลางหันไปจะหาพัดมาพัดแก้ร้อน แต่เมื่อเธอหันไป สายตาของเธอก็เบิกกว้างด้วยความตกใจสุดขีด เปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอยู่ใกล้ตัวเธอจนรู้สึกได้ถึงความร้อนระอุ


“ว้ายยย! ไฟไหม้! ช่วยด้วย! ทำยังไงดี!” ข้าวหอมกรีดร้องลั่นด้วยความตื่นตระหนก เธอวิ่งไปยังตุ่มน้ำเพื่อตักน้ำมาดับไฟ แต่เปลวไฟกลับลุกลามเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ทั่วทั้งห้องครัว 


ข้าวหอมวิ่งวนไปมาอย่างทำอะไรไม่ถูก น้ำตาคลอเบ้าด้วยความหวาดกลัว ‘ไม่นะข้าวหอม! เธอเพิ่งจะข้ามภพมาวันเดียวเองนะ จะมาเผาบ้านแบบนี้ไม่ได้นะ! เป็นแบบนี้ต่อให้พ่อแม่รักแค่ไหน ก็มีหวังโดนเอาไปปล่อยวัดแน่ ๆ!’


“ข้าวหอม! ลูก!” เสียงของรุจน์ผู้เป็นพ่อดังขึ้นอย่างลนลาน เมื่อเขาก้าวขึ้นมาบนบ้านและเห็นเปลวไฟกำลังโหมกระหน่ำอยู่ในห้องครัว


“พ่อคะ! ทำยังไงดีคะไฟมันลามไม่หยุดเลย!” ข้าวหอมบอกพ่อด้วยเสียงสั่นเครือ ตัวสั่นเทาด้วยความกลัว


“เอาน้ำมาดับสิลูก!” รุจน์กับศจี ผู้เป็นแม่ รีบวิ่งเข้าไปช่วยกันตักน้ำจากตุ่มมาสาดใส่กองไฟอย่างไม่คิดชีวิต แต่เปลวไฟก็ยังคงลุกโชนอย่างดุดัน ไม่มีทีท่าว่าจะดับลงได้ง่าย ๆ เลย…


ในขณะที่ทั้งสามคนกำลังวุ่นวายกับการตักน้ำสาดเปลวเพลิงที่กำลังโหมกระหน่ำอย่างสิ้นหวัง เสียงไม้และควันที่ลอยคละคลุ้งสร้างความอลหม่านไปทั่วห้องครัว ตรงมุมของบ้าน ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง คนหนึ่งก็ปรากฏกายขึ้น 


เขาดูโดดเด่นและดูสงบท่ามกลางความวุ่นวาย ด้วยรูปร่างที่ได้สัดส่วนสมบูรณ์แบบ แผ่นอกกว้างดูแข็งแรงรับกับช่วงไหล่กว้างที่ผายออก เผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่ซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อผ้าที่ดูเรียบง่าย ใบหน้าคมสันรับกับจมูกโด่ง ดวงตาเรียวยาวทอประกายคมกริบแต่แฝงไว้ด้วยความเยือกเย็น ผมสีดำสนิทถูกเสยขึ้นเผยให้เห็นหน้าผากกว้าง ขับเน้นให้ใบหน้าของเขาดูหล่อเหลาราวกับเทพบุตรที่หลุดมาจากภาพวาด


ชายหนุ่มยืนมองทั้งสามด้วยสายตาคมกริบ เขาประเมินสถานการณ์ตรงหน้าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆ พลางพึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ยัยข้าวหอมนี่ชาติที่แล้วเรียนที่ไหนมาเนี่ย ไม่มีใครสอนรึไงว่าไฟที่เกิดจากน้ำมันน่ะ ห้ามใช้น้ำดับเด็ดขาด”


สายเมฆไม่รอช้า เขาเดินตรงไปยังกองผ้าเก่า ๆ ที่อยู่ใกล้ ๆ แต่แล้วก็ชะงักไปชั่วครู่พลางนึกขึ้นได้ บ้านหลังเล็ก ๆ ที่ดูทรุดโทรมหลังนี้คงไม่ได้มีข้าวของมากมายนัก หากเขาเอาผ้าเหล่านั้นมาดับไฟ อาจทำให้เสื้อผ้าของหญิงสาวเสียหาย และเธอคงลำบากในการหาเงินมาซื้อใหม่เป็นแน่


เขาตัดสินใจอย่างเด็ดขาดโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย มือหนาเอื้อมไปปลดแจ็คเก็ตสีเข้มที่สวมทับออก ตามด้วยเสื้อยืดสีขาวตัวใน เผยให้เห็นแผงอกกว้างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อแข็งแกร่ง ท่ามกลางแสงไฟที่ลุกโชน ร่างกายของเขาสะท้อนแสงไฟเป็นประกายวิบวับ ชวนให้หลงใหลในความสมบูรณ์แบบนั้น เขาก้าวเดินอย่างมั่นคงไปยังตุ่มน้ำ ตักน้ำขึ้นมาจนชุ่มโชกเสื้อผ้าในมือ ก่อนจะกลับมายังจุดที่ไฟกำลังลุกลามแล้วทาบผ้าเปียกนั้นลงไปบนกองไฟอย่างรวดเร็วและแม่นยำ


ฟู่!!!


เสียงเปลวไฟที่คำรามเกรี้ยวกราดเมื่อครู่พลันเงียบสงบลง ควันสีขาวขุ่นพวยพุ่งขึ้นมาแทนที่ ก่อนที่เปลวไฟจะค่อย ๆ มอดดับลง ท่ามกลางความตะลึงงันของรุจน์ ศจี และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข้าวหอม!


เมื่อไฟดับลงจนสนิท รุจน์และศจีต่างรีบเข้ามากล่าวขอบอกขอบใจสายเมฆเป็นการใหญ่ ด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างสุดซึ้งที่เขาเข้ามาช่วยได้อย่างทันท่วงที


ส่วนข้าวหอมนั้น หลังจากที่ดวงตาคู่สวยจ้องมองแผ่นอกกว้างและกล้ามเนื้อที่น่าทึ่งของสายเมฆอยู่นานราวกับต้องมนต์สะกด ความร้อนรุ่มที่หน้าผากค่อย ๆ จางหายไป เหลือไว้เพียงความประหลาดใจและคำถามที่ผุดขึ้นในใจช้า ๆ


“พ่อคะ แม่คะ คนนี้คือใครคะ?” ข้าวหอมถามด้วยความสงสัยระคนประหลาดใจ เสียงของเธอแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน ‘หรือว่า... ชาตินี้พ่อกับแม่ของเธอได้เตรียมหาสามีไว้ให้แล้วอย่างนั้นเหรอ’ ข้าวหอมเริ่มคิดเพ้อไปไกล ใบหน้าแดงก่ำขึ้นมาเล็กน้อย แต่ความฝันลม ๆ แล้ง ๆ ของเธอก็ต้องดับลงเมื่อเสียงทุ้มนุ่มของพ่อเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน


“อ้อ พ่อกับแม่ลืมแนะนำไปเลย นี่ สายเมฆ น่ะ”