เมื่อทุกการหลับฝันแทบทุกคืนของศศพินท์เธอต้องได้ไปพบเจอเหตุการณ์บุคคลและสถานที่ ที่ไม่รู้จักและไม่รู้ทำไมต้องฝันว่าได้มาทีนี่ แล้วที่นี่คือที่ไหนกันนะ แล้วเหตุเธอถึงต้องฝันซ้ำๆถึงที่แห่งนี้

เล่ห์รัก บุพนิมิต - ตอนที่ 3 เมื่อนานมาแล้ว(การได้พบเจ้าฟ้ากุ้ง) โดย ละออจันทร์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,เกิดใหม่,ข้ามเวลา,ย้อนยุค,ไทย,พล็อตสร้างกระแส,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เล่ห์รัก บุพนิมิต

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,เกิดใหม่,ข้ามเวลา,ย้อนยุค,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พล็อตสร้างกระแส,ดราม่า

รายละเอียด

เล่ห์รัก บุพนิมิต โดย ละออจันทร์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เมื่อทุกการหลับฝันแทบทุกคืนของศศพินท์เธอต้องได้ไปพบเจอเหตุการณ์บุคคลและสถานที่ ที่ไม่รู้จักและไม่รู้ทำไมต้องฝันว่าได้มาทีนี่ แล้วที่นี่คือที่ไหนกันนะ แล้วเหตุเธอถึงต้องฝันซ้ำๆถึงที่แห่งนี้

ผู้แต่ง

ละออจันทร์

เรื่องย่อ

  


       อันความรักสิ่งนี้  ยากนัก จริงฤา    จากจบพบคือรัก  ว่าไว้

 ยังจะยากภัคดี  นานอยู่ ฤๅพี่              สุดแต่ใจพี่ไซ้  บ่ได้ รักเดียว


โคลงสี่สุภาพ บรรยายถึงเรื่องความรัก ที่ถูกบันทึกด้วยลายมือสะสลวยอยู่หน้ากระดาษในสมุดบันทึกเล่มเก่าแก่ในหีบโบราณภายในบ้านเรือนไทยแห่งหนึ่งทีดูจาก รูปแบบและปกภายนอกของสมุดเล่มนี้ ก็บอกถึงความเก่าแก่ ที่มีอายุไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยปีแน่นอน บทโคลงนี้ ที่ผู้ที่หยิบขึ้นมาอ่านที่ไรต้องรู้สึกเจ็บปวดจนน้ำตารินไหลโดยไม่ทราบสาเหตุ เหมือนกับว่าต้องตกอยู่ใน ความรู้สึกแสนเศร้านั้น ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องราวของตนเองเลย ทำไมกันนะ…



@ หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายอิงประวัติศาสตร์ ที่หยิบยกอ้างถึงบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ แลบางเหตุการณ์สำคัญทาประวัติศาสตร์มาบาง ตัวครเอกและหลายตัวในเรื่องไม่มีจริงในประวัติศาสตร์ ถูกแต่ขึ้นมาใหม่ รวมถึงบทสนทนาทุกบทเป็นการแต่งขึ้นมาใหม่ทั้งสิ้น หากผิดพลาดประการใด ผู้แต่งขออภัยมาในที่นี้ด้วยนะค่ะ



สารบัญ

เล่ห์รัก บุพนิมิต-ตอนที่1 คนใจร้ายในความฝัน,เล่ห์รัก บุพนิมิต-ตอนที่ 2 คนแปลกหน้าที่รู้สึกคุ้นเคย,เล่ห์รัก บุพนิมิต-ตอนที่ 3 เมื่อนานมาแล้ว(การได้พบเจ้าฟ้ากุ้ง),เล่ห์รัก บุพนิมิต-ตอนที่ 4 กรรมหรือบุญที่หนุนนำ

เนื้อหา

ตอนที่ 3 เมื่อนานมาแล้ว(การได้พบเจ้าฟ้ากุ้ง)

พระราชวังสมัยอยุธยาตอนปลาย มีลักษณะเป็นพระราชวังแบบผสมผสานระหว่างแบบไทยและแบบจีน มีการแบ่งพื้นที่ออกเป็นเขตต่าง ๆ เขตพระราชฐานชั้นนอก เขตพระราชฐานชั้นกลาง และเขตพระราชฐานชั้นใน บริเวณพระราชอุทยานในพระราชวัง ที่มีการจัดวางสวนไม้ดอกต่าง ๆอย่างเป็นระเบียบ มีการขุดสระน้ำขนาดใหญ่ มีศาลาสำหรับประทับพักผ่อน มีการปลูกต้นไม้และดอกไม้ที่สวยงามหลากหลายชนิด ต้นจำปีแย่งกันชูช่อออกขาว ต้นลีลาวดี ต้นพุด ออกดอกไสวเต็ม ต้นกุหลาบหลากสีประชันกันออกดอกงาม ต้นอินทนิลออกดอกสีม่วงเต็มต้น ต้นบานไม่รู้โรย กำลังออกดอกบาน สะพรั่งเต็มต้น ดอกบัวชูช่อเต็มบึงกว้าง สายลมพัดโชยอ่อนพา ใบไม้ กลีบดอกไม้ ร่วงร่นไปตามสายลม ส่งกลิ่นหอมอบอวลทั่วบริเวณ

“ หายหน้าหายตาไปเสียหลายวันเลยนะไอ้อิน ได้ข่าวเองไปติดสาวงามแถวๆตลาดบ้านจีน เห็นว่าเป็นลูกสาวพ่อค้าชาวจีน น่าตาหล่อนงามจิ้มลิ้มเลยที่เดียว ”

บุรุษที่นั่งสง่างามอยู่บนแท่นพระที่นั่งในศาลาที่ตบแต่งบ่างสวยงามวิจิต บุรุษผู้มีรูปโฉมงดงามราวกับแกะสลักจากหินอ่อนชั้นดี ใบหน้ารูปไข่ได้สัดส่วน โหนกแก้มสูงชันรับกับดวงตาคมกริบราวกับเหยี่ยว ดวงตานั้นฉายแววฉลาดหลักแหลม ริมฝีปากอิ่มระเรื่อได้รูปราวกลีบกุหลาบ

เรือนกายกำยำสง่างามราวกับทหารกล้า ผิวพรรณผุดผ่องดุจหยกขาวขัดเงา กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ซ่อนเร้นอยู่ใต้ผ้านุ่งโจงกระเบนไหมสีทองอร่าม ประดับด้วยลวดลายไทยอันวิจิตรบรรจง ประดับด้วยเครื่องทรงแบบไทยประยุกต์ แหวน กำไล ฯลฯ ตามรูปแบบการแต่งกายของชนชั้นราชวงษ์ในสมัยนั้นที่มีความวิจิตรงดงาม บุรุษผู้ดูมียศฐานนันดรสูงศักดิ์ผู้นี้ คือสมเด็จวังหน้า เจ้าฟ้าธรรมธิเบศไชยเชษฐ์สุริยวงศ์ กรมพระราชวังบวรสถานมงคล หรือที่ใครๆต่างรู้จักท่านในนาม เจ้าฟ้ากุ้ง เอยตรัสกับ ข้าราชบริพาร ที่นั่งมอบกราบอยู่เบื้องหน้า ตามด้วยเสียง ข้าราชบริพาร อยู่รายรอบต่างพากันหัวเราะกันสนุกสนาน

“ นางนั้นก็งามมากโขลอยู่พระพุทธเจ้าข้า ผิวขาวราวไข่ปลอก หุ่นทรงเข้ารูปดูอรชรน่าชมน่ามอง นางชื่อว่าแม่พุดจีบ เป็นลูกพ่อค้าขายผ้าแพรจีนในตลาดจีนพระพุทธเจ้าข้า ว่าแต่ผู้ใดกัน เสนอหน้าคราบข่าวมาแจ้งพระองค์ มันน่าเสียจับโขลกกระบานจริงเชียว”

ขุนอินทุ ราชธรรม กล่าวตอบผู้เป็นนายเหนือหัว ด้วยน้ำเสียงแอบเคืองใจที่ถูกคนมาเพ็ดทูลกับท่านในเรื่องส่วนตัวของตน ที่ยังไม่ได้อยากเปิดเผยอะไร

“ ฮา ฮา ฮา ไอ้อินเองอย่าไปโกรธเกรี้ยวผู้ใดเลย ใครจะมาบอกไม่ใช่เรื่องสำคัญอันใดดอก เองก็รู้ดีว่ามีเรื่องอันที่คนของข้ากระทำแล้วจะรอดพ้นสายตาข้าได้ จริงหรือไมว่ะ ไอ้บุญนาค ไอ้ทองด้วง”

บุรุษผู้สูงศักดิ์ตรัสถามหาความเห็นสนับสนุนกับมหาเล็กคนสนิททั้งสองอย่างด้วยน้ำเสียงหยอกเย้าสนุกสนาน บอกถึงความสนิทสนมกันอย่างมากระหว่างเข้านายและผู้เป็นข้ารองบาท


   “ เกล้ากระหม่อมเห็นด้วยพระพุทธเจ้าข้า "

สองบุรุษรูปร่างสันทัดกำยำ ดูท่าทางสง่างามดั่งทหารกล้า ใบหน้าหล่อเหล่าคมคลายผิวสองสีออกโทนดำแดงเยี่ยงชายไทยท่านหนึ่ง และรูปร่างหน้าตาขาวเหลืองดวงเรียวตาคมโตในรูปแบบคนแขกขาวเชื้อเปอร์เซีย ทั้งสองแต่งกายในชุดมหาเล็กประจำพระองค์ ทำให้ทั้งสองดูองอาจ กล่าวตอบผู้เป็นนายด้วยน้ำเสียงแกล้มขำขันในบทสนทนาที่ผู้ร่วมวงสนทนากำลังถูกผู้เป็นนายรูปทั้งทุกสิ่งที่แอบกระทำไว้


    “ ว่าไงเล่าพ่ออิน บรรดาเมียที่มีอยู่ยังไม่พออีกฤๅ ออเจ้าจึงเที่ยวตระเวรหามาเพิ่มอีก เห็นที่ข้าจักไล่ตามไม่ทันเสียแล้ว จะหาเมียให้มากเท่าคงจะสู้ไม่ไหวเป็นแน่ "

คุณบุญนาคกล่าวเชิงหยอกเหยาขุนอินทุผู้เป็นสหาย (นายบุนนาคผู้เป็นต้นตระกุลบุญนาคมาจนถึงปัจจุบัน สมัยนั้นได้ถูกถวายตัวเป็นมหาเล็กในกรมพระราชวังบวรฯ )

“ ตามประสาผู้ชายละขอรับคุณบุนนาค สตรีงามก็ย่อมเป็นที่ต้องตาต้องใจบุรุษเยี่ยงเราๆที่จะต้องไปเกรี้ยวพามาไว้ในครอบครอง”

“ แล้วแม่ดวงดารา เมียของออเจ้าเล่าได้ข่าวว่านางกำลังท้อง นางไม่โกรธเคือง ออเจ้าหรืออย่างไรที่ผัวออกไปตระเวรเกรี้ยวหญิงอื่น ในขณะที่เมียท้องแก้เยี่ยงนี้ ”

คุณทองด้วงกล่าวกับขุนอินทุอย่างเป็นมิตรด้วยความห่วงใย

(นายทองด้วงหรือพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ซึ่งสมัยนั้นได้ถูกถวายตัวเป็นมหาดเล็กในเจ้าฟ้าอุทุมพรราชกุมาร กรมขุนพรพินิต กรมพระราชวังบวรสถานมงคล )

“ โอ๊ย คนเป็นเมียก็ยอมต้องอยู่ในโอวาทสิขอรับคุณทองด้วง จะไปมีปัญหาเยี่ยงไรได้เล่า ข้าเลี้ยงดูอย่างสุขสบายจะ ถึงจะมีเมียสักกี่คน ข้าก็รักนางเพียงผู้เดียว ยกให้นางเป็นใหญ่ที่สุดในเรือน ”

“ อุบะ เออ ไม่ต้องเถียงกันแล้วละพวกเอง วันนี้ข้าอารมณ์ดี เรามาเล่นต่อโคลงต่อกลอนกันดีกว่า อยากประลองฝีมือกับพวกเองสักหน่อย เอาเรื่องอันใดดีเป็นหัวข้อให้วันนี้ดีละ”

 “ กำลังคุยเรื่องใดกันฤๅสมเด็จพี่ ดูท่าทางสนุกกันจริงเชียว ไงคุยเรื่องอะไรว่ะ ไอ้อิน ไอ้ทองด้วงไอ้บุญนาค”

 บุรุษสูงศักดิ์ท่านหนึ่งแต่งกายชุดไยประยุค ประดับประดาด้วยเครื่องเพชรทองจินดา บงบอกถึงฐานนันดรที่สูงศักดิ์ในแบบชนชั้นราชวงศ์ ใบหน้ารูปไข่ หน้าผากกว้างกว้าง ดวงดำโต มีหนวดดำสนิท ผมเกล้าเป็นมวยสูง รูปกายสูงโปร่ง เดินเข้าแล้วเอ่ยถามก่อนนั่งลงบนแท่นด้านข้าง ของสมเด็จพระราชวังบวรฯ ท่านผู้สูงศักดิ์นี้ในพระวังต่างทราบกันดีกว่าที่คือ เจ้าฟ้าเอกทัศ เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ประสูติแต่กรมหลวงพิพิธมนตรี (พระพันวัสสาน้อย) พระอนุชาต่างมารดาของเจ้าฟ้ากุ้งนั้นเอง

“ พี่กำลังชวนไอ้พวกนี้เล่นต่อโคลงต่อกลอนกันอยู่ ว่าแต่เจ้านั้นมาหาพี่ที่นี่มีเรื่องอันใดฤๅ เอกทัศ ”


“ น้องได้ข่าวมาว่าสมเด็จพ่อทรงโปรดเกล้าให้สมเด็จพี่ไปบูรณะวัดมงคลบพิตรหรือพุทธเจ้าค่ะ”


“ ใช่แล้วละเอกทัศ สมเด็จพ่อทรงเรียกพี่ไปหารือเรื่องการบูรณวัดนี้แล้วทรงดำรัสโปรดให้พี่ไปเป็นผู้คุมการบูรณะให้เสร็จสิ้นวิจิตรสวยงาม พี่เองนั้นก็จะทำตามพระประสงค์อย่างสุดความสามารถ ว่าแต่เจ้าจะไปด้วยพี่ด้วยหรือไม่ พี่จะได้กราบทูลสมเด็จพ่อให้พระราชทานอนุญาติให้”

“ เห็นทีจะไม่ละสมเด็จพี่ เรื่องสร้างวัดวาอารามนั้น น้องเห็นทีจะไม่ถนัดดอก น้องคงจะไปช่วยงานอันใดได้มากนักจะไปเป็นภาระเสียมากกว่าด้วยไม่รู้ความอันได้เรื่องนั้นเลย สมเด็จพี่ทรงมีพระปรีชาสามารถที่หลากเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องศีลปะวรรณกรรม หากสมเด็จที่ทรงคุมการบูรณ์ด้วยพระเองเองแล้ววัดมงคลบพิตรคงจะงดงามหาที่เปรียบมิได้แน่พุทธเจ้าค่ะ”

“ เอาละ เอาละ ไม่ต้องมาตรัสยกยอปอปันพี่เสียให้มากความไปดอกหนาเอกทัศ เจ้ามิปรารถนาทำพี่ก็จะมิบังขับขืนใจเจ้า ว่าแต่อุทุมเล่าไปไหนเสียไม่เห็นมาด้วยเจ้า”


“ ก็ไปทรงอักษรอยู่ในหอสมุดในพระราชวังเช่นเคยละพระพุทธเจ้าข้า เห็นว่าอยากอ่านตำราเกี่ยวกับพิชัยสงคราม เยี่ยงนั้นน้องขอตัวทูลลาสมเด็จพี่ไปก่อนนะพุทธเจ้าค่ะ”


“ จะรีบไปที่ได้เล่าน้องพี่ มิทรงเล่นต่อกาพกลอนกับพี่ก่อนหรือเจ้า ”


   “ เห็นที่น้องจะไม่เล่นด้วยดอกสมเด็จพี่ น้องมิค่อยถนัดเรื่องกาพเรื่องกลอนเกรงจะไม่สนุก งั้นน้องขอกราบทูลลานะพุทธเจ้าข้า”

    เจ้าฟ้าเอกทัศยกมีพนมกรมกราบแล้วสมเด็จดำเนินลาไป เหล่าข้าราชบรพานหมอบก้มกราบตามรอยบาทที่กำเดินจากไปพ้นศาลา


    “ เอาละพวกเองมาๆ เรามาเล่นต่อกลอนกันต่อดีกว่า ว่าแต่เราเรื่องอันใดดี พวกเองช่วยคิดหน่อยสิ ”


   “ เอาเป็นต่อกลอนเรื่องเกี่ยวกับชมสตรีดีไหม พระพุทธเจ้าข้า ไหนๆเราก็กล่าวถึงเรื่องสตรีกันแล้ว”

 

 “ เออก็ดีไอ้อิน ความงามของสตรีมีมากมาที่แต่พรรณนา นั้นข้าเริ่มก่อน เอ้าพวกเองค่อยจดนะไอ้พวกนี้ ”

  “ รับด้วยเกล้าพระพุทธเจ้าข้า”

  นายทหหารชั้นผู้น้อยกล่าวรับคำสั่งเจ้านายเหนือหัว


     “ อันความงามอิสตรีอำไพรวิไลลักษ์” (สมเด็จวังหน้า)


     “ งามวงพักตร์ผ่องนวลขาวราวดวงแข” (คุณบุญนาค)


    “ อรชรเอวองค์ชวนหลงตะลึงแล ” (คุณทองด้วง)


    “ พิศผิวแม่ ผิวนางผ่องดั่งทองทา ” (ขุนอิน )


   “ เรียวขโนงเจ้าโก่งงอนคันศรศิลป์” (สมเด็จวังหน้า )


   “ เนตรยุพินราวเพรชนิลกลางเวหา” (คุณบุญนาค )


   “ โอษฐ์นางเอยแย้มสลวยสำรวยตา” (คุณทองด้วง)


   “ ขวัญชีวาพาพี่หลงพะวงจอง ” (ขุนอิน )


       “ อุว่ะ เยี่ยมมากพวกเองไม่เสียแรงเป็นลูกน้องข้า ที่จะจดมาให้ข้าอ่านสิ

       ผู้เป็นนายกล่าวอย่างพึ่งพอใจเป็นอย่างมากก่อนที่จะหันไปหยิบกระดาษจากมือผู้น้อยศักดิ์ส่งให้มาอ่านทวนบทความที่จดบันทึกไว้


         “อันความงามอิสตรีอำไพรวิไลลักษ์ งามวงพักตร์ผ่องนวลขาวราวดวงแข

   อรชรเอวองค์ชวนให้หลงตะลึงแล พิศผิวแม่ผิวนางผ่องดั่งทองทา

          เรียวขโนงเจ้าโก่งงอนคันศรศิลป์ เนตรยุพินราวเพรชนิลกลางเวหา

   โอษฐ์นางเอยแย้มสลวยสำรวยตา ขวัญชีวาพาพี่หลงพะวงจอง


                    ……………………………………


  ภายในโบสถ์ของวัดไทยอันศักดิ์สิทธิ์ในจังวัดพระนครศรีอยุทยา อากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของธูปและดอกไม้บูชา ผนังและเพดานประดับประดาด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วิจิตรบรรจง เล่าขานเรื่องราวจากพระไตรปิฎก

 แสงแดดสาดส่องผ่านหน้าต่างกระจกสีสันสดใส สร้างลวดลายระยิบระยับบนพื้นหินอ่อนที่ขัดมันวาว พระประธานทองคำอร่ามประดิษฐานอยู่บนแท่นสูงสุด มองลงมาด้วยพระพักตร์สงบและเมตตา

แท่นบูชาที่อยู่เบื้องหน้าประดับด้วยเครื่องสังเค็ดทองเหลืองและดอกบัวสีขาวบริสุทธิ์ บริเวณโดยรอบมีแท่นวางเทียนและเครื่องสักการะอื่น ๆ ที่ผู้ศรัทธานำมาถวาย ชายหนุ่มสวมชุดสีขาวกำลังนั่งในท่าขัดสมาธิปิดเปลือกตา มือทั้งสองซ้อนทับกันอยู่บนหน้าตัก หันหน้าไปทางด้านหน้าพระพักต์ของพระพุทธรูปองค์ประธาน


 “ วันนี้ว่างหรือโยมศนิ จึงมาเจริญกรรมฐานที่วัดนี้ได้ หายหน้าหายตาไปเสียหลายวันเลยนะรอบนี้"

เสียงพระคุณเจ้ารูปหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังของศนิ ขณะที่เข้ากำลังนั่งสมาธิเจริญกรรมฐานหน้าองค์พระประธานในโบสถ์ ชายหนุ่มค่อยลืมตา แล้วค่อยๆขยับหันหน้ามา และจัดท่าทางในท่าเทพบุตรพร้อมพนมมือ ทำความเคารพพระคุณเจ้าเบื้องหน้า

“ นมัสการครับหลวงพ่อ พอดีช่วงนี้มีงานให้เคลียร์หลายอย่าง เลยไม่มีเวลาได้มากราบหลวงพ่อเลย พอมีเวลาก็รีบกราบในวันนี้ เมื่อเช้ามาถึงทราบว่าหลวงพ่อติดกิจนิมนต์ ผมก็เลยมานั่งรอที่นี่ครับ ช่วงนี้มีเรื่องให้ต้องมาตั้งสติหลายเรื่องครับโดยเฉพาะเรื่อง… ผมรู้สึกมันสับสนจนไม่รู้จะทำเยี่ยงไรกับสิ่งที่พบเจอ”

“ ได้เจอเขาแล้วใช่ไหมโยม คนที่โยมตามหา ตั้งสติไว้ทุกอย่างเมื่อถึงเวลาก็ย้อมต้องได้พบ คงถึงเวลาแล้วที่บุญกรรมนำพามาเพื่อชดใช้กัน”


“ ครับหลวงพ่อ ผมคงต้องเผชิญหน้าหลังจากนี้ จริงๆแล้วหลายปีที่ผ่านมาผมฝึกปฏิบัติกรรมฐานก็เพื่อเจริญสติไม่ให้ฝันร้าย แต่พอนั่งได้สักระยะความฝันกลับเป็นนิมิตในสมาธิ ให้ผมรับรู้จนอยากตามหา แต่พอพบผมกลับ…


 “ บางอย่างนั้นอาจต้องใช้เวลาเพื่อเข้าใจและแก้ไขมัน อย่าเพิ่งไปคิดอะไรมากเกินไป มีแต่ทุกข์เปล่าๆนะ”


  “ เอ่อหลวงพ่อครับเมื่อสักครู่ผมนั่งสมาธิ และก็ได้ย้อยกลับไปเห็นเจ้าฟ้าธรรมมาธิเบศ และบุคคลสำคัญอีกหลายท่าน ร่วมถึงการเห็นอดีตชาติที่เกี่ยวข้องกับผม บางครั้งก็ทำให้ผมรู้สึกดีที่ได้พบท่าน แต่บางครั้งก็ทำให้ผมรู้สึกไม่อยากรับรู้เลย บางครั้งผมก็อยากตามหา แต่พอผมได้พบเจอเขาแล้ว ผมก็ตอบตัวเองไม่ได้เลยว่าความรู้สึกมันเป็นเช่นไร ”


 “ อย่าไปคิดอะไรให้เกินการณ์เลยนะโยม ปล่อยให้โชคชะตาทำงามตามวัฏจักรของมัน เรามีหน้าที่ตั้งสติในทุกเหตุการณ์ที่เราจะพบเจอเพียงเท่านั้น จำไว้เสมอว่า อดีตนั้นผ่านไปแล้ว อนาคตยังมาไม่ถึง ปัจจุบันนั้นเป็นโอกาสเดียวที่เราจะเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้นได้ ท่านทั้งหลาย ชีวิตเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปเป็นธรรมดา จงใช้ชีวิตในทุกลมหายใจอย่ามีสติ แล้วสติจะนำพาปัญญามาให้แก้ไข้ปัญหานั้นเอง ”


“ ครับหลวงพ่อผมจะจดจำคำสอนของหลวงพ่อไว้ให้ขึ้นใจครับ จะพยายามตั้งสติให้ดีที่สุดกับทุกเรื่องครับ”

“ ดั่งพระพุทธองค์ท่านทรงตรัสคำสอนไว้ในพระธรรมนั้นไว้ละนะโยมว่า กมฺมุนา วตฺตตี โลโก สัตว์โลก ย่อมเป็นไปตามกรรม มนุษย์เรานี้มีการกระทำเกิดขึ้น อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าเรากระทำทำดี กระทำชั่ว หรือ กระทำพอปานกลาง การกระทำของเรานั้นจะกระทำด้วยด้วยกาย วาจา ใจ นั้นเรื่องตามภาษาพระท่านว่า กายกรรม ทำกรรมด้วยวาจา ท่านว่า วจีกรรม ทำกรรมด้วยใจ ท่านว่า มโนกรรม”                         

“ กรรมที่สัตว์โลกทั้งหลายทำไว้แล้วย่อมส่งผลต่อชีวิตประจำวัน อาจจะส่งผลช้าหรือเร็ว ย่อมไม่มีสัตว์โลกใดๆหลีกเลี่ยง ผลของกรรมหรือการกระทำของตนเองไปได้ ไม่ว่ากรรมดี หรือกรรมชั่ว ย่อมจะได้รับผลนั้นอย่างแน่นอน ไม่มีใครหนี้พ้นกฎแห่งกรรมนั้นได้

ผู้ทำกรรมดี ย่อมไปสวรรค์ ผู้ทำกรรมชั่วย่อมไปนรก ท่านผู้ละกิเลสเครื่องเศร้าหมองทั้งปวง ย่อมไปนิพพาน”