เมื่อทุกการหลับฝันแทบทุกคืนของศศพินท์เธอต้องได้ไปพบเจอเหตุการณ์บุคคลและสถานที่ ที่ไม่รู้จักและไม่รู้ทำไมต้องฝันว่าได้มาทีนี่ แล้วที่นี่คือที่ไหนกันนะ แล้วเหตุเธอถึงต้องฝันซ้ำๆถึงที่แห่งนี้

เล่ห์รัก บุพนิมิต - ตอนที่ 2 คนแปลกหน้าที่รู้สึกคุ้นเคย โดย ละออจันทร์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,เกิดใหม่,ข้ามเวลา,ย้อนยุค,ไทย,พล็อตสร้างกระแส,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เล่ห์รัก บุพนิมิต

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,เกิดใหม่,ข้ามเวลา,ย้อนยุค,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พล็อตสร้างกระแส,ดราม่า

รายละเอียด

เล่ห์รัก บุพนิมิต โดย ละออจันทร์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เมื่อทุกการหลับฝันแทบทุกคืนของศศพินท์เธอต้องได้ไปพบเจอเหตุการณ์บุคคลและสถานที่ ที่ไม่รู้จักและไม่รู้ทำไมต้องฝันว่าได้มาทีนี่ แล้วที่นี่คือที่ไหนกันนะ แล้วเหตุเธอถึงต้องฝันซ้ำๆถึงที่แห่งนี้

ผู้แต่ง

ละออจันทร์

เรื่องย่อ

  


       อันความรักสิ่งนี้  ยากนัก จริงฤา    จากจบพบคือรัก  ว่าไว้

 ยังจะยากภัคดี  นานอยู่ ฤๅพี่              สุดแต่ใจพี่ไซ้  บ่ได้ รักเดียว


โคลงสี่สุภาพ บรรยายถึงเรื่องความรัก ที่ถูกบันทึกด้วยลายมือสะสลวยอยู่หน้ากระดาษในสมุดบันทึกเล่มเก่าแก่ในหีบโบราณภายในบ้านเรือนไทยแห่งหนึ่งทีดูจาก รูปแบบและปกภายนอกของสมุดเล่มนี้ ก็บอกถึงความเก่าแก่ ที่มีอายุไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยปีแน่นอน บทโคลงนี้ ที่ผู้ที่หยิบขึ้นมาอ่านที่ไรต้องรู้สึกเจ็บปวดจนน้ำตารินไหลโดยไม่ทราบสาเหตุ เหมือนกับว่าต้องตกอยู่ใน ความรู้สึกแสนเศร้านั้น ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องราวของตนเองเลย ทำไมกันนะ…



@ หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายอิงประวัติศาสตร์ ที่หยิบยกอ้างถึงบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ แลบางเหตุการณ์สำคัญทาประวัติศาสตร์มาบาง ตัวครเอกและหลายตัวในเรื่องไม่มีจริงในประวัติศาสตร์ ถูกแต่ขึ้นมาใหม่ รวมถึงบทสนทนาทุกบทเป็นการแต่งขึ้นมาใหม่ทั้งสิ้น หากผิดพลาดประการใด ผู้แต่งขออภัยมาในที่นี้ด้วยนะค่ะ



สารบัญ

เล่ห์รัก บุพนิมิต-ตอนที่1 คนใจร้ายในความฝัน,เล่ห์รัก บุพนิมิต-ตอนที่ 2 คนแปลกหน้าที่รู้สึกคุ้นเคย,เล่ห์รัก บุพนิมิต-ตอนที่ 3 เมื่อนานมาแล้ว(การได้พบเจ้าฟ้ากุ้ง),เล่ห์รัก บุพนิมิต-ตอนที่ 4 กรรมหรือบุญที่หนุนนำ

เนื้อหา

ตอนที่ 2 คนแปลกหน้าที่รู้สึกคุ้นเคย

มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ


บรรยากาศยามเช้าบริเวณด้านหน้ามหาวิยาลัย แสงอาทิตย์ยามรุ่งอรุณสาดส่องผ่านใบไม้ของต้นไม้ใหญ่ที่เรียงรายอยู่สองข้างทางเดิน ราวกับสายไหมทองคำที่ทอประกายระยิบระยับอยู่ทั่วบริเวณ

นักศึกษาทยอยกันเดินเข้ามาในมหาวิทยาลัย เพื่อเข้ามาเรียนมาทำกิจกรรมต่างตามเป้าหมายของแต่ละ บางคนเดินอย่างอิดโรยดูเหมือนยังตื่น บางคนเดินคุยกันอย่างสนุกสนาน บางคนกำลังรีบเร่งไปเข้าเรียน บางคนนั่งอ่านหนังสือทบทวนบทเรียนอยู่ที่ม้านั่งใต้ร่มไม้ เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วเป็นเหมือนเสียงเพลงประสานที่ขับกล่อมบรรยากาศให้ชื่นบาน เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะของนักศึกษาสร้างความคึกคักให้กับเช้าวันใหม่

กลิ่นหอมของกาแฟจากร้านกาแฟที่อยู่บริเวณทางเข้ามหาวิทยาลัยโชยมาแตะจมูก ช่วยปลุกให้ร่างกายตื่นตัวและพร้อมที่จะเริ่มต้นวันใหม่ บรรยากาศยามเช้าบริเวณมหาวิทยาลัยนั้นช่างเต็มไปด้วยความสดใส มีชีวิตชีวา และความหวัง เป็นภาพที่งดงามที่ช่วยเติมเต็มพลังให้กับทุกคนที่ได้พบเห็น รถเก๋งอีโก้คาคันเล็กห้าประตูสีเขียวมิ้นต์ค่อยขับช้าๆเข้ามาจากทางด้านหน้ามหาวิยาลัย

ศศพินทุ์ที่นั่งอยู่ในตำแหน่งของคนขับรถคันนี้ค่อยขับเคลื่อนรถไปด้านหน้าอย่างไม่เร่งรีบ วันนี้เธอใส่ชุดสูทกระโปรงสีดำเข้ม เกล้าผมม้า แต่งใบหน้าด้วยโทนสีอ่อน ลิปสติกสีโอรสอ่อน รถเก๋งขนาดเล็กคันนี้ ก็เหมาะสมกับเธอดีแล้วตามกำลังทรัพย์ที่พอจะเป็นไปได้ ทำไงได้ละเธอเกิดมาในบ้านชนชั้นกลางพ่อแม่หาเช้ากินค่ำหนิ ไม่ได้มีเงินจากครอบครัวมา ซัพพอร์ตเหมือนหลายคนที่เขาบ้านมีฐานนะดีร่ำรวยพอที่จะส่งเสียลูกได้ 

แต่ก็ยังโชคดีที่เธอเรียนเก่งก็เลยได้ใช้ความสามารถ และความพยายามทั้งหมดที่มีของเธอ ทำงานไปด้วยส่งตัวเองเรียนไปด้วย จนสามารถเรียนจบได้ถึงระดับปริญญาโทจนได้เป็นอาจารย์สอนให้มหาวิทยาลัยได้แบบทุกวันนี้ ก็ถือว่ามาไกลมากแล้ว ได้มีรถญี่ปุ่นคันเล็กๆสักคัน เพื่อใช้งานขับอำนวยความสะดวกในการมาทำงาน ก็พอจะหาส่งมันได้โดยไม่ลำบากนัก เพราะนอกจากรายจ่ายส่วนตัวแล้วเธอยังมี ภาระในครอบครัวที่ต้องรับผิดชอบ พ่อ แม่ และ ยายอีก รายจ่ายแต่ละเดือนก็เหนื่อยหนักมากพอดูเลยที่เดียว​​​ ศศพินทุ์ครุ่นคิดถึงเรื่องราวของตนเองขณะขับรถ

                            

“โอ้ย ลืมจนได้ เอกสารการเข้าสัมมนาวันนี้ ตั้งใจว่าจะหยิบมาไว้ในรถก่อนแล้วเชียวทำโน้นนี่ลืมเสียจนได้สิเรา เฮ้อ แล้วจะเอาที่ไหนเข้าร่วมสัมมนาละนี่”    

ศศพินทุ์บ่นกับตัวเองเบาขณะที่กำลังข้นหาเอกสารในรถเก๋งอีโก้คาคันเล็กห้าประตูสีเขียวมิ้นต์ของเธอ อย่างหัวเสีย    

“โอเค ยังพอมีเวลา เดี๋ยวเดินไปเอาที่ตึกอำนวยการก็ได้ น่าจะมีเอกสารพอเหลืออยู่นะ รีบเดินไปเอาละกัน ”

เธอพูดเบาๆกับตัวเองในขณะที่ก้มมองนาฬิกาเธอเงยหน้าขึ้น เพื่อจะถอยตัวออกจากรถ แต่กลับรู้สึกวิ่งเวียนคล้ายจะเป็นลม เธอสลัดศีรษะเบาๆ แล้วค่อย ถอยตัวออกจากรถรีบกดกุญแจเพื่อล็อครถ แล้วก้าวเท้ามุ่งหน้าไปอย่างเร่งรีบไปทำธุระของเธอต่อ…..



                                      …………………………..

    

   รถเก๋งสไตล์โบราณมองดูหรูหรา สีดำที่ถูกขัดสีเงาวับแวววับเงางามสะท้อนแสงแดดราวกับกระจกเงา สีโครเมียมที่แวววาวตรงแต่งเป็นบริเวณกระจังหน้า กันชน และเส้นขอบหน้าต่าง มองทะลุบานกระจกใสเผยให้เห็นเบาะหนังแท้สีน้ำตาลเข้มที่นุ่มสบาย ภายในห้องโดยสารตกแต่งอย่างหรูหราด้วยไม้ลายสวยและเบาะหนังแท้ที่เย็บอย่างประณีต พวงมาลัยแบบสามก้านพร้อมปุ่มแตรโครเมียมขนาดใหญ่ ให้ความรู้สึกถึงความคลาสสิกและความหรูหรา บอกถึงฐานนะที่มีอันจะกินถึงขั้นร่ำรวยระดับเศรษฐีเลยก็ว่าได้

เจ้าของรถหรูค่อยๆขับเคลื่อนช้ามาตามถนนจากหน้าประตูมหาวิทยาลัย เพื่อมุ่งหน้าไปสู่หน้าคณะโบราณคดี รถโบราณคันนี้ถูกขับเคลื่อนโดยชายหนุ่มวัย 30 ปีปลายๆ รูปร่างสูงโปร่งกำยำ แม้ผิวของเขาจะมีสีแทนแต่ก็ดูเนียนสะอาดตา ใบหน้าคมคลายรูปแบบชายไทยแท้ ตาคมที่มีแววดตาอบอุ่นใจดี จนดูน่ามีเสน่ห์พาให้สาวใดได้สบสายตาก็คงจะไม่สามารถละสายตาไปได้ง่ายๆ 

ชายหนุ่มกำลังจับพวงมาลัยบังขับรถไปข้างหน้าอย่างไม่เร่งรีบ เขาคือ นายศนิ ภัทรกาลกุล เจ้าของบริษัทส่งออกเกี่ยวกับภาบนะดินเผาเครื่องลายคราม เครื่องเบญจรงค์โรงงานเครื่องปั้นดินเผา เครื่องเบญจรงค์และภาชนะเครื่องลายครามรายใหญ่แห่งหนึ่งใน พระนครศรีอยุธยา และเป็นบุตรชายคนเล็กของคุณ ศิระ และคุณประกามาส ภัทรกาลกุล ซึ่งตระกูลภัทรกาลกุล เป็นตระกูลเก่าแก่ในอยุธยาโดยต้นตระกูลเป็นขุนน้ำขุนนางในสมัยยุคกรุงศรีอยุธยา 


“ตั้งใจเรียนนะคุณหลานสาว อย่ามัวแต่เที่ยวเล่นอยู่ละ อีกปีก็ใกล้จบแล้วจะได้กลับไปช่วยงานน้า อย่าเอาแต่เที่ยวเล่นสนุก ”

ชายหนุ่มหันไปพูดกับผู้ร่วมทาง ที่นั่งมาด้วยอยู่เบาะรถด้านข้างด้วยน้ำเสียงเชิงหยอกล้อ


“โธ่น้านิ ฝันจะไปช่วยอะไรได้ปล่อยเรียนจบโบราณคดีนะ ไม่ใช่จบงานออกแบบผลิตภัณฑ์ แล้วฝันก็ไม่ชอบด้วยฝันอยากเป็นอาจารย์สอนหนังสือมากกว่า เป็นนักโบราณคดี และเป็นอาจารย์สอนพวกประวัติศาสตร์และปรัชญาอะไรพวกนี้” 

ปลายฝันสาวน้อยใบหน้ารูปไข่ ผิวขาวเนียน ผมยาวสีน้ำตาลเข้มจากการทำสีผม ดวงตากลมโตดูสดใส รูปร่างเล็กสมส่วน หลานสาววัย 20 ปีของศนิ กล่าวตอบผู้เป็นน้าด้วยน้ำเสียงงอแง ไม่อยากให้เป็นไปตามคำที่หน้าชายกล่าวเมื่อสักครู่              


“สอนตัวเองให้รู้เรื่องก่อนเถอะพี่ฝัน ทุกวันนี้พูดยังไม่ค่อยจะรู้เรื่องเลย ฮา ฮา ฮา ”          

เสียงเด็กชายดังขึ้นสวนมาจากเบาะด้านหลังรถ เสียงนั้นเป็นเสียงจากปกเกล้า เด็กชายวัน 12 ปีน้องชายตัวแสบของปลายฝันนั้นเอง กล่าวเจื่อยแจ่วตามด้วยเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานที่ได้พูดขัดจังหวะพี่สาว พาให้ศนิหัวเราะตามหลานชายตัวน้อยอย่างถูกใจ      


“หยุดหัวเราะกันเลยนะทั้งน้านิทั้งปกเลย โธ่แก่เก่งมากละเจ้าปกเกล้า สอบตกตลอด จะเข้า เรียนม. 1 โรงเรียนพี่ได้รึเปล่า สอบเข้านะจ๊ะ ”       

 “ อย่ามาสบประมาทเค้านะพี่ปลาย ตัวนั้นและ เรียนให้จบก่อนเถอะ อีกปีอะ เห็นคุณพ่อบ่นว่าตัวเกรดไม่ดีเลยเทมอนี้ แว๊ ”       

   “ แอบฟังพี่คุยกับคุณพ่อหรานิสัยไม่ดีเลยนะเดี๋ยวเถอะ ”       


 “ ไม่ได้แอบสักหน่อย เค้าแค่เดินผ่านมาแล้วหยุดฟัง ฮา ฮา ”      


  “ นั้นละเขาเรียกว่าแอบฟัง เดี๋ยวจะฟ้องคุณพ่อคุณแม่เจ้าเด็กนิสัยไม่ดี ”       


“ ไม่กลัวหรอกเค้าก็จะฟ้อง เหมือนกันว่าตัวมีผู้ชายมาจีบ ว๊ายมีแฟน มีแฟน ฟ้องแน่ ฟ้องแน่ ”      

สองคนพี่น้องเถียงกันไปมาไม่มีใครยอมใครดังเอ็ดตะโรในรถ จนน้าชายตั้งหันมาห้ามศึก ก่อนจะตีกันมากไปกว่านี้      

  “ พอๆทั้งสองคนนั้นแหละ ทะเลาะกันทุกวัน”

 ศนิมั่วแต่ดุหลานจนไม่ทันได้มองระวังทางข้างหน้า       


 “ น้านิระวังค่ะ มีคนข้ามถนน”

เสียงหลานสาวร้องเตือนด้วยความตกใจเมื่อเหลือบมาเห็นร่างหนึ่งกำลังยืนเซอยู่บนถนนอยู่ตรงหน้ารถ    

ศนิเหยียบเบรกกะทันหัน ร่างเล็กบางร่วงลงบนพื้นถนนหน้ารถชายหนุ่มรีบเปิดปรตูรถลงมาดู ตามด้วยหลานทั้งสองที่รีบตามลงมาดูเหตุการณ์     


 “คุณเป็นยังไงบ้างครับๆคุณๆ”     

ศนิพูดพร้อมประครองร่างบางนั้นและเขย่าเบาๆ


ร่างที่นอนอยู่ตรงหน้ารถของศนิ นั้นคือศศพินทุ์นั้นเอง ร่างบางค่อยลืมตาขึ้นและเงยหน้าขึ้นมองไปยังใบหน้าคมของชายหนุ่มเบื้องหน้า ตาคมสองคู่ประสานกันราวกับเวลาหยุดหมุนไปชั่วขณะ ศศพินทุ์จองมองใบหน้าคมนั้น เธอรู้สึกคุ้นหน้าเขาอย่างบอกไม่ถูกเหมือนเธอกับเขารู้จักกันมาแสนนาน หัวใจเธอเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ เหมือนตกอยู่ในภวังค์ฝัน และสลับกับอาการเจ็บจี๊ดเหมือนถูกมีดทิ่มแท่งหัวใจ จนเหมือนคนใจจะขาดกำลังจะขาดใจตาย ภาพของผู้ชายที่เธอฝันถึงเมื่อคืนซ้อยเข้ามาในมโนจิตเธอแว๊บหนึ่ง    


  “ไม่เป็นอะไรค่ะ ”      

 หญิงสาวตอบเบาๆ เสียงนั้นทำให้ชายหนุ่มหลุดออกจากภวังค์ แต่สีหน้าชายหนุ่มกับไม่ยิ้มแย้มหรือดูห่วงใยใจดีแบบที่ความเป็น เข้าชักสีหน้าราวกับโกรธหญิงสาวมาแต่ชาติปางไหน      


 “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ที่หลังเดินระวังหน่อยสิคุณ ถนนนะไม่ใช่ทุ่งลาเวนเดอร์ จะได้มาเดินเพลินใจ เกิดอะไรขึ้นมาคนอื่นเขาจะเดือดร้อน”      

ชายหนุ่มพูดพลางประครองหญิงสาวยืนขึ้นและรีบขยับมือออกจากร่างบาง                

  “ ขออภัยค่ะ ดิฉันนะจะนอนน้อยจนวูบ”         


“ มั่วแต่คุยกับผู้ชายหรือไง ถึงไม่หลับไม่นอน”    

ชายหนุ่มกล่าวเสียดสีด้วยน้ำเสียงดุดัน เหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุใหญ่โต หรือว่าคู่สนทนาทำอะไรผิดมากมายขนาดนั้น เป็นสร้างความมึนงงให้กับหญิงสาวและเด็กทั้งสองอย่างมาก     


“ นี่คุณเราไม่เคยรู้จักกันทำไมถึงพูดจาดูถูกฉันแบบนี้ค่ะ ไม่มารยาทเลย ฉันก็ขอโทษคุณแล้ว คุณต้องการอะไรอีกละ”      

หญิงสาวตอบโต้ด้วยอารมณ์ฉุดเฉียดกับการเสียมารยาทของคู่สนทนา      


“ อาจารย์ อาจารย์ลูกจันทร์ ”  

 เสียงปลายฝันขึ้นแทรกการขัดแย้งของทั้งสองคน หญิงสาวหั่นไปมองตามเสียงที่เรียกชื่อเธอดังมาจากด้านหลัง     


  “ อ่าว ปลายฝัน หนูมากับรถคันนี้หรอจ๊ะ”     

หญิงสาวด้วยน้ำเสียงและใบหน้าที่ดูแปลกใจ เพราะปกติลูกศิษย์คนนี้ของเธอ ไม่เคยมีผู้ปกครองหน้าตาแบบนี้มาส่งที่มหาวิทยาลัยสักครั้ง                                                                         


 “ค่ะอาจารย์ คุณน้าฝันเองค่ะ อาจารย์เป็นอะไรมากไหมคะ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า ขึ้นรถไปกับฝันไหม ฝันกำลังจะให้น้าไปส่งที่หน้าคณะเลยพอดี อาจารย์จะได้ไม่ต้องเดินไปค่ะ”      

 ยังไม่ทันที่ศศพินท์จะตอบ เสียงเข้มเกรี้ยวกราดก็กล่าวน้ำเสียงเชิงตวาดก็ดังขึ้นมา เป็นเสียงของศนินั้นเอง      


 “ จะไปได้รึยังฝันน้าไม่ได้ว่างทั้งวันนะ คุณเขาไม่เป็นอะไรมาก เราก็รีบขึ้นรถเถอะ จะได้รีบไปเรียน มั่วแต่คุยอยู่นั้นเสียเวลาจริงๆเลย ”                                                                                      

 ชายหนุ่มพูดเสร็จรีบหั่นหลังไปเปิดประตูรถเข้าไปนั่งรอทันที่ ไม่มีท่าที่ห่วงใยหญิงสาวคู่กรณีสักนิด หลานสาวมองตามด้วยความงุนงงกับการกระทำของน้าชายของเธอในตอนนี้ ปกติน้าชายของหลานๆเป็นใจดีมากแต่ทำไมวันนี้เป็นแบบนี้ ปลายฝันหันไปสบสายตากับ ศศพินทุ์อย่างเกรงใจและรู้สึกละอายในการกระทำของหน้าชายที่มีต่ออาจารย์สาวในคณะของตน        


    “ ครูไม่เป็นไรจ๊ะ ไปเถอะจ๊ะ ดูแล้วคุณน้าเธอจะพอใจใหญ่แล้ว นั่งรอหน้าตรึงเชียว”                  

  ศศพินทุ์พูดพลางหันหน้านำสายตาปลายฝันไปทางผู้ชายที่นั่งหน้านิ่งอยู่ที่เบาะด้านคนขับรถโบราณ       


 “ นั้นหนูขอตัวก่อนนะคะ พบกันที่คณะนะคะ ”

 หญิงสาวพูดและวิ่งไปขึ้นนั่งบนรถตามด้วยเด็กชายที่เร่งฝีเท้าตามขึ้นรถไป                 

ศศพินทุ์ ขับตัวเข้ายืนบนฟุตบาท รถโบราณขับผ่านเธอไปอย่างรวดเร็ว ศศพินทุ์มองตามรถคันนั้นด้วยสีหน้าและแววตาเคืองขุ่นเพราะยังปรับอารมณ์ไม่ได้ จากการปะทะฝีปากกับชายหนุ่มเมื่อครู่        


“บ้าจริงคนอะไร ไม่รู้จักกันสักหน่อยมาปากร้ายใส่ พูดจาดูถูกผู้หญิง ไม่แมนเลย”           

หญิงสาวพึมพรำเบาก้มลงปัดเสื้อผ้า ตรวจสอบความเรียบร้อย จากการล้มลงนอนบนถนนเมื่อกี้…




                                  ……………………………




       “ น้านิ ทำไมไปว่าอาจารย์ลูกจันทร์แบบนั้นละค่ะ ”                                     


       ปลายฝันถามหน้าชายด้วยน้ำเสียงแสดงออกถึงความไม่พอในน้าชายเอาเสียมากๆ 




      “ ผู้หญิงคนนั้นอาจารย์ที่คณะเราหรอฝัน เค้าชื่ออะไรนะ ”                                     


        ศนิไม่ตอบคำถามหลานสาวแต่กับตั้งคำถามกลับแทนด้วยใบหน้าเรียบเฉย 




      “ เห้อน้านิ ตอบฝันสิไม่ใช่ถามปลาย ” 


     ปลายฝันพูดพลางถอนหายใจในลำคอ รู้ในใจด้วยความสนิทสมว่าจะไม่ได้คำตอบอะไรจากน้าชายแน่นอน




     “ คุณคนนั้นเขาสอนอยู่คณะเราหรอ ”


     ชายหนุ่มไม่ใส่ใจท่าทางของหลานสาวแต่ยังย้ำถาม




     “ ค่ะ ชื่อ อาจารย์ศศพินทุ์ หรืออาจารย์ลูกจันทร์ค่ะ อาจารย์คนนี้ฝันสนิทและก็รักมากด้วย น้านิไม่น่าไปว่าเขาเลย งงจริงๆปกติน้านิไม่ใช้คนแบบนี้สักหน่อย แล้วฝันจะเข้าหน้าอาจารย์เขาติดไหมละ ฮึ” 


     ปลายฝันตอบน้าชายแกล้มบ่นพึมพรำอย่างไม่ค่อยพอใจ ศนิได้ฟังคำตอบหลานสาวเขานิ่งเงียบและโฟกัสการขับรถไปข้างหน้า ทำหน้าตาเคร่งเครียดราวกับมีเรื่องอะไรให้หนักใจเสียมากมาย จนหลานทั้งสองต่างพากันเงียบตามเพราะบรรยากาศในรถดูมาคุจนไม่มีใครกล้าสนทนาใดๆต่อ…..




                                ………………………………….




ห้องพักอาจารย์ในมหาวิทยาลัย










     ห้องพักอาจารย์ในมหาวิทยาลัยที่ถูกจัดตกแต่งอย่างหรูหรา ผนังทาสีครีมอ่อนๆ ให้บรรยากาศที่เงียบสงบและผ่อนคลาย พื้นปูด้วยพรมสีเทาเข้มที่นุ่มสบายเท้า หน้าต่างบานใหญ่จากพื้นจรดเพดานปล่อยให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาสว่างไสว เผยให้เห็นวิวทิวทัศน์อันงดงามของมหาวิทยาลัย




      โต๊ะทำงานขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลางห้อง พร้อมเก้าอี้หนังสีดำที่นั่งสบาย มีชั้นวางหนังสือขนาดใหญ่ตั้งอยู่ข้างโต๊ะทำงาน ซึ่งเต็มไปด้วยหนังสือตำราและเอกสารต่างๆ โซฟาหนังสีน้ำตาลตั้งอยู่มุมหนึ่งของห้อง พร้อมโต๊ะกาแฟและโคมไฟอ่านหนังสือ สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและเชื้อเชิญให้ผ่อนคลาย




   “แกเป็นอะไรรึเปล่าจันทร์ เห็นหน้าตาไม่ค่อยโอเค ตั้งตอนเดินเข้าห้องสัมนนาแล้วนะ เรื่องที่บ้านหรอ ” 


    หญิงสาวรูปร่างสูงโปรงผิวสองสี ใบหน้าสวยคม บนใบหย้าถูกตบแจ่งไปด้วยเครื่องสำอางสีดจัดจาน ปากสีแดงอมส้มดูโฉบเฉียว อยู่ในชุดสูทกระโปรงสีดำเข้ม กล่าวแล้วค่อยๆทิ้งตัวลงบนโซฟาในห้อง เธอคือ อาจารย์คัทลียา หรือ แครท เพื่อนสาวคนสนิทของศศพินทุ์นั้นเอง 


    “ จะเอาเรื่องไหนก่อนดีละแครท ถ้าเรื่องที่บ้านนั้นก็เรื่องนึงแต่ก็เดิมๆละ ทำไงละ ก็ต้องต่อสู้ดิ้นรนกันไป ” 


    ศศพินทุ์ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หมุนหั่นหน้าที่โต๊ะทำงาน กล่าวตอบเพื่อนและยกกาแฟขึ้นจิบช้าๆ ใบหน้าเคร่งเครียด 


    “ เอาเรื่องที่ทำให้แกหน้าบูุดเข้าห้องสัมนาก่อนละกัน”


    “ เมื่อเช้าก่อนเข้าสัมนาอะสิ ฉันอะลืมเอกสารเลยจะไปเอาที่ตึกอำนวยการ ตอนเดิข้ามถนนเหมือนจะหน้ามืด ไปหยุดอยู่กลางถนน พอดีมีรถของผู้ปกครองยายปลายฝันวิ่งมาพอดีก็เกือบชน ”


    “ ตายแล้ว แกเจ็บไหนหรือเปล่า แล้วทำไม่โทรบอกฉัน จะได้รายงานในที่สัมนาว่าแกเกิดอุบัติเหตุเข้าประชุมไม่ได้ ” 


      คัทลียากล่าวด้วยน้ำเสียงตกใจด้วยความเป็นห่วงเพื่อน แกล้มตำหนิเพื่อนไปในๆ


    “ ใจเย็นแก ก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่ละถึงเข้าสัมมนา แต่ที่โมโหเนี๊ย คืออีตาน้าชายของปลายฝัน อยู่ดีๆก็มาว่าฉันว่าที่นอนน้อย เพราะมัวคุยกับผู้ชาย คนอะไรนิสัยแย่ไม่มารยาทเลย ไม่รู้จักกันสักหน่อย ชิ ” 


      ศศพินทุ์กล่าวตอบเพื่อนอย่างมีอารมณ์


     “อ่าวแล้วทำไมพูดแบบนั้นละ หรือเป็นกิ๊กเก่าแกเปล่าจันทร์ ”


     “ บ้าหราถ้าเคยคุเคยรู้จักก็ต้องจำได้ แต่ที่แปลกอีกอย่างนะ ตอนฉันเห็นหน้าเขา เหมือนฉันเคยรู้จักเข้ามานานมาก นานจริงๆ แต่ไม่รู้เมาื่อไหร่ แตไม่ใช่ชาตินี้แน่แล้วที่มันแปลกอีกอย่างนะ ขณะที่ฉันมองหน้าเขานะ ฉันกลับเห็นภาพผู้ชายที่ฉันฝันเห็นบ่อยๆ มันแปลกมาเลบแครท ไมาเข้าใจเลยคืออะไร” 


       ศศพินทุ์เล่าเหตุการณืให้เพื่อนฟังด้วยน้ำเสียงดูหงุนงงและเคร่งเครียด สีหน้าและแววตาดูกังวลและคิดทบทวนหาคำตอบ


      “เนื้อคู่แกเปล่าจันทร์ ฮาฮา ” 


       คัทลียาพูดแย่เพื่อนหวังคลายอาการตรึงเครียดของเพื่อนสาว


      “ แกก็พูดไปเรื่อยแครท ฉันซีเรียสอยู่นะแก เห้อว่าแต่เมื่อไหร่ฉันจะหยุดฝันบ้าๆแบบนี้สักที่ แล้วที่ฉันฝันเห็นในทุกคืนทุกคืนมันคืออะไร…..