เมื่อทุกการหลับฝันแทบทุกคืนของศศพินท์เธอต้องได้ไปพบเจอเหตุการณ์บุคคลและสถานที่ ที่ไม่รู้จักและไม่รู้ทำไมต้องฝันว่าได้มาทีนี่ แล้วที่นี่คือที่ไหนกันนะ แล้วเหตุเธอถึงต้องฝันซ้ำๆถึงที่แห่งนี้
รัก,เกิดใหม่,ข้ามเวลา,ย้อนยุค,ไทย,พล็อตสร้างกระแส,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เล่ห์รัก บุพนิมิตเมื่อทุกการหลับฝันแทบทุกคืนของศศพินท์เธอต้องได้ไปพบเจอเหตุการณ์บุคคลและสถานที่ ที่ไม่รู้จักและไม่รู้ทำไมต้องฝันว่าได้มาทีนี่ แล้วที่นี่คือที่ไหนกันนะ แล้วเหตุเธอถึงต้องฝันซ้ำๆถึงที่แห่งนี้
อันความรักสิ่งนี้ ยากนัก จริงฤา จากจบพบคือรัก ว่าไว้
ยังจะยากภัคดี นานอยู่ ฤๅพี่ สุดแต่ใจพี่ไซ้ บ่ได้ รักเดียว
โคลงสี่สุภาพ บรรยายถึงเรื่องความรัก ที่ถูกบันทึกด้วยลายมือสะสลวยอยู่หน้ากระดาษในสมุดบันทึกเล่มเก่าแก่ในหีบโบราณภายในบ้านเรือนไทยแห่งหนึ่งทีดูจาก รูปแบบและปกภายนอกของสมุดเล่มนี้ ก็บอกถึงความเก่าแก่ ที่มีอายุไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยปีแน่นอน บทโคลงนี้ ที่ผู้ที่หยิบขึ้นมาอ่านที่ไรต้องรู้สึกเจ็บปวดจนน้ำตารินไหลโดยไม่ทราบสาเหตุ เหมือนกับว่าต้องตกอยู่ใน ความรู้สึกแสนเศร้านั้น ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องราวของตนเองเลย ทำไมกันนะ…
@ หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายอิงประวัติศาสตร์ ที่หยิบยกอ้างถึงบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ แลบางเหตุการณ์สำคัญทาประวัติศาสตร์มาบาง ตัวครเอกและหลายตัวในเรื่องไม่มีจริงในประวัติศาสตร์ ถูกแต่ขึ้นมาใหม่ รวมถึงบทสนทนาทุกบทเป็นการแต่งขึ้นมาใหม่ทั้งสิ้น หากผิดพลาดประการใด ผู้แต่งขออภัยมาในที่นี้ด้วยนะค่ะ
มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ
บรรยากาศยามเช้าบริเวณด้านหน้ามหาวิยาลัย แสงอาทิตย์ยามรุ่งอรุณสาดส่องผ่านใบไม้ของต้นไม้ใหญ่ที่เรียงรายอยู่สองข้างทางเดิน ราวกับสายไหมทองคำที่ทอประกายระยิบระยับอยู่ทั่วบริเวณ
นักศึกษาทยอยกันเดินเข้ามาในมหาวิทยาลัย เพื่อเข้ามาเรียนมาทำกิจกรรมต่างตามเป้าหมายของแต่ละ บางคนเดินอย่างอิดโรยดูเหมือนยังตื่น บางคนเดินคุยกันอย่างสนุกสนาน บางคนกำลังรีบเร่งไปเข้าเรียน บางคนนั่งอ่านหนังสือทบทวนบทเรียนอยู่ที่ม้านั่งใต้ร่มไม้ เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วเป็นเหมือนเสียงเพลงประสานที่ขับกล่อมบรรยากาศให้ชื่นบาน เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะของนักศึกษาสร้างความคึกคักให้กับเช้าวันใหม่
กลิ่นหอมของกาแฟจากร้านกาแฟที่อยู่บริเวณทางเข้ามหาวิทยาลัยโชยมาแตะจมูก ช่วยปลุกให้ร่างกายตื่นตัวและพร้อมที่จะเริ่มต้นวันใหม่ บรรยากาศยามเช้าบริเวณมหาวิทยาลัยนั้นช่างเต็มไปด้วยความสดใส มีชีวิตชีวา และความหวัง เป็นภาพที่งดงามที่ช่วยเติมเต็มพลังให้กับทุกคนที่ได้พบเห็น รถเก๋งอีโก้คาคันเล็กห้าประตูสีเขียวมิ้นต์ค่อยขับช้าๆเข้ามาจากทางด้านหน้ามหาวิยาลัย
ศศพินทุ์ที่นั่งอยู่ในตำแหน่งของคนขับรถคันนี้ค่อยขับเคลื่อนรถไปด้านหน้าอย่างไม่เร่งรีบ วันนี้เธอใส่ชุดสูทกระโปรงสีดำเข้ม เกล้าผมม้า แต่งใบหน้าด้วยโทนสีอ่อน ลิปสติกสีโอรสอ่อน รถเก๋งขนาดเล็กคันนี้ ก็เหมาะสมกับเธอดีแล้วตามกำลังทรัพย์ที่พอจะเป็นไปได้ ทำไงได้ละเธอเกิดมาในบ้านชนชั้นกลางพ่อแม่หาเช้ากินค่ำหนิ ไม่ได้มีเงินจากครอบครัวมา ซัพพอร์ตเหมือนหลายคนที่เขาบ้านมีฐานนะดีร่ำรวยพอที่จะส่งเสียลูกได้
แต่ก็ยังโชคดีที่เธอเรียนเก่งก็เลยได้ใช้ความสามารถ และความพยายามทั้งหมดที่มีของเธอ ทำงานไปด้วยส่งตัวเองเรียนไปด้วย จนสามารถเรียนจบได้ถึงระดับปริญญาโทจนได้เป็นอาจารย์สอนให้มหาวิทยาลัยได้แบบทุกวันนี้ ก็ถือว่ามาไกลมากแล้ว ได้มีรถญี่ปุ่นคันเล็กๆสักคัน เพื่อใช้งานขับอำนวยความสะดวกในการมาทำงาน ก็พอจะหาส่งมันได้โดยไม่ลำบากนัก เพราะนอกจากรายจ่ายส่วนตัวแล้วเธอยังมี ภาระในครอบครัวที่ต้องรับผิดชอบ พ่อ แม่ และ ยายอีก รายจ่ายแต่ละเดือนก็เหนื่อยหนักมากพอดูเลยที่เดียว ศศพินทุ์ครุ่นคิดถึงเรื่องราวของตนเองขณะขับรถ
“โอ้ย ลืมจนได้ เอกสารการเข้าสัมมนาวันนี้ ตั้งใจว่าจะหยิบมาไว้ในรถก่อนแล้วเชียวทำโน้นนี่ลืมเสียจนได้สิเรา เฮ้อ แล้วจะเอาที่ไหนเข้าร่วมสัมมนาละนี่”
ศศพินทุ์บ่นกับตัวเองเบาขณะที่กำลังข้นหาเอกสารในรถเก๋งอีโก้คาคันเล็กห้าประตูสีเขียวมิ้นต์ของเธอ อย่างหัวเสีย
“โอเค ยังพอมีเวลา เดี๋ยวเดินไปเอาที่ตึกอำนวยการก็ได้ น่าจะมีเอกสารพอเหลืออยู่นะ รีบเดินไปเอาละกัน ”
เธอพูดเบาๆกับตัวเองในขณะที่ก้มมองนาฬิกาเธอเงยหน้าขึ้น เพื่อจะถอยตัวออกจากรถ แต่กลับรู้สึกวิ่งเวียนคล้ายจะเป็นลม เธอสลัดศีรษะเบาๆ แล้วค่อย ถอยตัวออกจากรถรีบกดกุญแจเพื่อล็อครถ แล้วก้าวเท้ามุ่งหน้าไปอย่างเร่งรีบไปทำธุระของเธอต่อ…..
…………………………..
รถเก๋งสไตล์โบราณมองดูหรูหรา สีดำที่ถูกขัดสีเงาวับแวววับเงางามสะท้อนแสงแดดราวกับกระจกเงา สีโครเมียมที่แวววาวตรงแต่งเป็นบริเวณกระจังหน้า กันชน และเส้นขอบหน้าต่าง มองทะลุบานกระจกใสเผยให้เห็นเบาะหนังแท้สีน้ำตาลเข้มที่นุ่มสบาย ภายในห้องโดยสารตกแต่งอย่างหรูหราด้วยไม้ลายสวยและเบาะหนังแท้ที่เย็บอย่างประณีต พวงมาลัยแบบสามก้านพร้อมปุ่มแตรโครเมียมขนาดใหญ่ ให้ความรู้สึกถึงความคลาสสิกและความหรูหรา บอกถึงฐานนะที่มีอันจะกินถึงขั้นร่ำรวยระดับเศรษฐีเลยก็ว่าได้
เจ้าของรถหรูค่อยๆขับเคลื่อนช้ามาตามถนนจากหน้าประตูมหาวิทยาลัย เพื่อมุ่งหน้าไปสู่หน้าคณะโบราณคดี รถโบราณคันนี้ถูกขับเคลื่อนโดยชายหนุ่มวัย 30 ปีปลายๆ รูปร่างสูงโปร่งกำยำ แม้ผิวของเขาจะมีสีแทนแต่ก็ดูเนียนสะอาดตา ใบหน้าคมคลายรูปแบบชายไทยแท้ ตาคมที่มีแววดตาอบอุ่นใจดี จนดูน่ามีเสน่ห์พาให้สาวใดได้สบสายตาก็คงจะไม่สามารถละสายตาไปได้ง่ายๆ
ชายหนุ่มกำลังจับพวงมาลัยบังขับรถไปข้างหน้าอย่างไม่เร่งรีบ เขาคือ นายศนิ ภัทรกาลกุล เจ้าของบริษัทส่งออกเกี่ยวกับภาบนะดินเผาเครื่องลายคราม เครื่องเบญจรงค์โรงงานเครื่องปั้นดินเผา เครื่องเบญจรงค์และภาชนะเครื่องลายครามรายใหญ่แห่งหนึ่งใน พระนครศรีอยุธยา และเป็นบุตรชายคนเล็กของคุณ ศิระ และคุณประกามาส ภัทรกาลกุล ซึ่งตระกูลภัทรกาลกุล เป็นตระกูลเก่าแก่ในอยุธยาโดยต้นตระกูลเป็นขุนน้ำขุนนางในสมัยยุคกรุงศรีอยุธยา
“ตั้งใจเรียนนะคุณหลานสาว อย่ามัวแต่เที่ยวเล่นอยู่ละ อีกปีก็ใกล้จบแล้วจะได้กลับไปช่วยงานน้า อย่าเอาแต่เที่ยวเล่นสนุก ”
ชายหนุ่มหันไปพูดกับผู้ร่วมทาง ที่นั่งมาด้วยอยู่เบาะรถด้านข้างด้วยน้ำเสียงเชิงหยอกล้อ
“โธ่น้านิ ฝันจะไปช่วยอะไรได้ปล่อยเรียนจบโบราณคดีนะ ไม่ใช่จบงานออกแบบผลิตภัณฑ์ แล้วฝันก็ไม่ชอบด้วยฝันอยากเป็นอาจารย์สอนหนังสือมากกว่า เป็นนักโบราณคดี และเป็นอาจารย์สอนพวกประวัติศาสตร์และปรัชญาอะไรพวกนี้”
ปลายฝันสาวน้อยใบหน้ารูปไข่ ผิวขาวเนียน ผมยาวสีน้ำตาลเข้มจากการทำสีผม ดวงตากลมโตดูสดใส รูปร่างเล็กสมส่วน หลานสาววัย 20 ปีของศนิ กล่าวตอบผู้เป็นน้าด้วยน้ำเสียงงอแง ไม่อยากให้เป็นไปตามคำที่หน้าชายกล่าวเมื่อสักครู่
“สอนตัวเองให้รู้เรื่องก่อนเถอะพี่ฝัน ทุกวันนี้พูดยังไม่ค่อยจะรู้เรื่องเลย ฮา ฮา ฮา ”
เสียงเด็กชายดังขึ้นสวนมาจากเบาะด้านหลังรถ เสียงนั้นเป็นเสียงจากปกเกล้า เด็กชายวัน 12 ปีน้องชายตัวแสบของปลายฝันนั้นเอง กล่าวเจื่อยแจ่วตามด้วยเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานที่ได้พูดขัดจังหวะพี่สาว พาให้ศนิหัวเราะตามหลานชายตัวน้อยอย่างถูกใจ
“หยุดหัวเราะกันเลยนะทั้งน้านิทั้งปกเลย โธ่แก่เก่งมากละเจ้าปกเกล้า สอบตกตลอด จะเข้า เรียนม. 1 โรงเรียนพี่ได้รึเปล่า สอบเข้านะจ๊ะ ”
“ อย่ามาสบประมาทเค้านะพี่ปลาย ตัวนั้นและ เรียนให้จบก่อนเถอะ อีกปีอะ เห็นคุณพ่อบ่นว่าตัวเกรดไม่ดีเลยเทมอนี้ แว๊ ”
“ แอบฟังพี่คุยกับคุณพ่อหรานิสัยไม่ดีเลยนะเดี๋ยวเถอะ ”
“ ไม่ได้แอบสักหน่อย เค้าแค่เดินผ่านมาแล้วหยุดฟัง ฮา ฮา ”
“ นั้นละเขาเรียกว่าแอบฟัง เดี๋ยวจะฟ้องคุณพ่อคุณแม่เจ้าเด็กนิสัยไม่ดี ”
“ ไม่กลัวหรอกเค้าก็จะฟ้อง เหมือนกันว่าตัวมีผู้ชายมาจีบ ว๊ายมีแฟน มีแฟน ฟ้องแน่ ฟ้องแน่ ”
สองคนพี่น้องเถียงกันไปมาไม่มีใครยอมใครดังเอ็ดตะโรในรถ จนน้าชายตั้งหันมาห้ามศึก ก่อนจะตีกันมากไปกว่านี้
“ พอๆทั้งสองคนนั้นแหละ ทะเลาะกันทุกวัน”
ศนิมั่วแต่ดุหลานจนไม่ทันได้มองระวังทางข้างหน้า
“ น้านิระวังค่ะ มีคนข้ามถนน”
เสียงหลานสาวร้องเตือนด้วยความตกใจเมื่อเหลือบมาเห็นร่างหนึ่งกำลังยืนเซอยู่บนถนนอยู่ตรงหน้ารถ
ศนิเหยียบเบรกกะทันหัน ร่างเล็กบางร่วงลงบนพื้นถนนหน้ารถชายหนุ่มรีบเปิดปรตูรถลงมาดู ตามด้วยหลานทั้งสองที่รีบตามลงมาดูเหตุการณ์
“คุณเป็นยังไงบ้างครับๆคุณๆ”
ศนิพูดพร้อมประครองร่างบางนั้นและเขย่าเบาๆ
ร่างที่นอนอยู่ตรงหน้ารถของศนิ นั้นคือศศพินทุ์นั้นเอง ร่างบางค่อยลืมตาขึ้นและเงยหน้าขึ้นมองไปยังใบหน้าคมของชายหนุ่มเบื้องหน้า ตาคมสองคู่ประสานกันราวกับเวลาหยุดหมุนไปชั่วขณะ ศศพินทุ์จองมองใบหน้าคมนั้น เธอรู้สึกคุ้นหน้าเขาอย่างบอกไม่ถูกเหมือนเธอกับเขารู้จักกันมาแสนนาน หัวใจเธอเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ เหมือนตกอยู่ในภวังค์ฝัน และสลับกับอาการเจ็บจี๊ดเหมือนถูกมีดทิ่มแท่งหัวใจ จนเหมือนคนใจจะขาดกำลังจะขาดใจตาย ภาพของผู้ชายที่เธอฝันถึงเมื่อคืนซ้อยเข้ามาในมโนจิตเธอแว๊บหนึ่ง
“ไม่เป็นอะไรค่ะ ”
หญิงสาวตอบเบาๆ เสียงนั้นทำให้ชายหนุ่มหลุดออกจากภวังค์ แต่สีหน้าชายหนุ่มกับไม่ยิ้มแย้มหรือดูห่วงใยใจดีแบบที่ความเป็น เข้าชักสีหน้าราวกับโกรธหญิงสาวมาแต่ชาติปางไหน
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ที่หลังเดินระวังหน่อยสิคุณ ถนนนะไม่ใช่ทุ่งลาเวนเดอร์ จะได้มาเดินเพลินใจ เกิดอะไรขึ้นมาคนอื่นเขาจะเดือดร้อน”
ชายหนุ่มพูดพลางประครองหญิงสาวยืนขึ้นและรีบขยับมือออกจากร่างบาง
“ ขออภัยค่ะ ดิฉันนะจะนอนน้อยจนวูบ”
“ มั่วแต่คุยกับผู้ชายหรือไง ถึงไม่หลับไม่นอน”
ชายหนุ่มกล่าวเสียดสีด้วยน้ำเสียงดุดัน เหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุใหญ่โต หรือว่าคู่สนทนาทำอะไรผิดมากมายขนาดนั้น เป็นสร้างความมึนงงให้กับหญิงสาวและเด็กทั้งสองอย่างมาก
“ นี่คุณเราไม่เคยรู้จักกันทำไมถึงพูดจาดูถูกฉันแบบนี้ค่ะ ไม่มารยาทเลย ฉันก็ขอโทษคุณแล้ว คุณต้องการอะไรอีกละ”
หญิงสาวตอบโต้ด้วยอารมณ์ฉุดเฉียดกับการเสียมารยาทของคู่สนทนา
“ อาจารย์ อาจารย์ลูกจันทร์ ”
เสียงปลายฝันขึ้นแทรกการขัดแย้งของทั้งสองคน หญิงสาวหั่นไปมองตามเสียงที่เรียกชื่อเธอดังมาจากด้านหลัง
“ อ่าว ปลายฝัน หนูมากับรถคันนี้หรอจ๊ะ”
หญิงสาวด้วยน้ำเสียงและใบหน้าที่ดูแปลกใจ เพราะปกติลูกศิษย์คนนี้ของเธอ ไม่เคยมีผู้ปกครองหน้าตาแบบนี้มาส่งที่มหาวิทยาลัยสักครั้ง
“ค่ะอาจารย์ คุณน้าฝันเองค่ะ อาจารย์เป็นอะไรมากไหมคะ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า ขึ้นรถไปกับฝันไหม ฝันกำลังจะให้น้าไปส่งที่หน้าคณะเลยพอดี อาจารย์จะได้ไม่ต้องเดินไปค่ะ”
ยังไม่ทันที่ศศพินท์จะตอบ เสียงเข้มเกรี้ยวกราดก็กล่าวน้ำเสียงเชิงตวาดก็ดังขึ้นมา เป็นเสียงของศนินั้นเอง
“ จะไปได้รึยังฝันน้าไม่ได้ว่างทั้งวันนะ คุณเขาไม่เป็นอะไรมาก เราก็รีบขึ้นรถเถอะ จะได้รีบไปเรียน มั่วแต่คุยอยู่นั้นเสียเวลาจริงๆเลย ”
ชายหนุ่มพูดเสร็จรีบหั่นหลังไปเปิดประตูรถเข้าไปนั่งรอทันที่ ไม่มีท่าที่ห่วงใยหญิงสาวคู่กรณีสักนิด หลานสาวมองตามด้วยความงุนงงกับการกระทำของน้าชายของเธอในตอนนี้ ปกติน้าชายของหลานๆเป็นใจดีมากแต่ทำไมวันนี้เป็นแบบนี้ ปลายฝันหันไปสบสายตากับ ศศพินทุ์อย่างเกรงใจและรู้สึกละอายในการกระทำของหน้าชายที่มีต่ออาจารย์สาวในคณะของตน
“ ครูไม่เป็นไรจ๊ะ ไปเถอะจ๊ะ ดูแล้วคุณน้าเธอจะพอใจใหญ่แล้ว นั่งรอหน้าตรึงเชียว”
ศศพินทุ์พูดพลางหันหน้านำสายตาปลายฝันไปทางผู้ชายที่นั่งหน้านิ่งอยู่ที่เบาะด้านคนขับรถโบราณ
“ นั้นหนูขอตัวก่อนนะคะ พบกันที่คณะนะคะ ”
หญิงสาวพูดและวิ่งไปขึ้นนั่งบนรถตามด้วยเด็กชายที่เร่งฝีเท้าตามขึ้นรถไป
ศศพินทุ์ ขับตัวเข้ายืนบนฟุตบาท รถโบราณขับผ่านเธอไปอย่างรวดเร็ว ศศพินทุ์มองตามรถคันนั้นด้วยสีหน้าและแววตาเคืองขุ่นเพราะยังปรับอารมณ์ไม่ได้ จากการปะทะฝีปากกับชายหนุ่มเมื่อครู่
“บ้าจริงคนอะไร ไม่รู้จักกันสักหน่อยมาปากร้ายใส่ พูดจาดูถูกผู้หญิง ไม่แมนเลย”
หญิงสาวพึมพรำเบาก้มลงปัดเสื้อผ้า ตรวจสอบความเรียบร้อย จากการล้มลงนอนบนถนนเมื่อกี้…
……………………………
“ น้านิ ทำไมไปว่าอาจารย์ลูกจันทร์แบบนั้นละค่ะ ”
ปลายฝันถามหน้าชายด้วยน้ำเสียงแสดงออกถึงความไม่พอในน้าชายเอาเสียมากๆ
“ ผู้หญิงคนนั้นอาจารย์ที่คณะเราหรอฝัน เค้าชื่ออะไรนะ ”
ศนิไม่ตอบคำถามหลานสาวแต่กับตั้งคำถามกลับแทนด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“ เห้อน้านิ ตอบฝันสิไม่ใช่ถามปลาย ”
ปลายฝันพูดพลางถอนหายใจในลำคอ รู้ในใจด้วยความสนิทสมว่าจะไม่ได้คำตอบอะไรจากน้าชายแน่นอน
“ คุณคนนั้นเขาสอนอยู่คณะเราหรอ ”
ชายหนุ่มไม่ใส่ใจท่าทางของหลานสาวแต่ยังย้ำถาม
“ ค่ะ ชื่อ อาจารย์ศศพินทุ์ หรืออาจารย์ลูกจันทร์ค่ะ อาจารย์คนนี้ฝันสนิทและก็รักมากด้วย น้านิไม่น่าไปว่าเขาเลย งงจริงๆปกติน้านิไม่ใช้คนแบบนี้สักหน่อย แล้วฝันจะเข้าหน้าอาจารย์เขาติดไหมละ ฮึ”
ปลายฝันตอบน้าชายแกล้มบ่นพึมพรำอย่างไม่ค่อยพอใจ ศนิได้ฟังคำตอบหลานสาวเขานิ่งเงียบและโฟกัสการขับรถไปข้างหน้า ทำหน้าตาเคร่งเครียดราวกับมีเรื่องอะไรให้หนักใจเสียมากมาย จนหลานทั้งสองต่างพากันเงียบตามเพราะบรรยากาศในรถดูมาคุจนไม่มีใครกล้าสนทนาใดๆต่อ…..
………………………………….
ห้องพักอาจารย์ในมหาวิทยาลัย
ห้องพักอาจารย์ในมหาวิทยาลัยที่ถูกจัดตกแต่งอย่างหรูหรา ผนังทาสีครีมอ่อนๆ ให้บรรยากาศที่เงียบสงบและผ่อนคลาย พื้นปูด้วยพรมสีเทาเข้มที่นุ่มสบายเท้า หน้าต่างบานใหญ่จากพื้นจรดเพดานปล่อยให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาสว่างไสว เผยให้เห็นวิวทิวทัศน์อันงดงามของมหาวิทยาลัย
โต๊ะทำงานขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลางห้อง พร้อมเก้าอี้หนังสีดำที่นั่งสบาย มีชั้นวางหนังสือขนาดใหญ่ตั้งอยู่ข้างโต๊ะทำงาน ซึ่งเต็มไปด้วยหนังสือตำราและเอกสารต่างๆ โซฟาหนังสีน้ำตาลตั้งอยู่มุมหนึ่งของห้อง พร้อมโต๊ะกาแฟและโคมไฟอ่านหนังสือ สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและเชื้อเชิญให้ผ่อนคลาย
“แกเป็นอะไรรึเปล่าจันทร์ เห็นหน้าตาไม่ค่อยโอเค ตั้งตอนเดินเข้าห้องสัมนนาแล้วนะ เรื่องที่บ้านหรอ ”
หญิงสาวรูปร่างสูงโปรงผิวสองสี ใบหน้าสวยคม บนใบหย้าถูกตบแจ่งไปด้วยเครื่องสำอางสีดจัดจาน ปากสีแดงอมส้มดูโฉบเฉียว อยู่ในชุดสูทกระโปรงสีดำเข้ม กล่าวแล้วค่อยๆทิ้งตัวลงบนโซฟาในห้อง เธอคือ อาจารย์คัทลียา หรือ แครท เพื่อนสาวคนสนิทของศศพินทุ์นั้นเอง
“ จะเอาเรื่องไหนก่อนดีละแครท ถ้าเรื่องที่บ้านนั้นก็เรื่องนึงแต่ก็เดิมๆละ ทำไงละ ก็ต้องต่อสู้ดิ้นรนกันไป ”
ศศพินทุ์ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หมุนหั่นหน้าที่โต๊ะทำงาน กล่าวตอบเพื่อนและยกกาแฟขึ้นจิบช้าๆ ใบหน้าเคร่งเครียด
“ เอาเรื่องที่ทำให้แกหน้าบูุดเข้าห้องสัมนาก่อนละกัน”
“ เมื่อเช้าก่อนเข้าสัมนาอะสิ ฉันอะลืมเอกสารเลยจะไปเอาที่ตึกอำนวยการ ตอนเดิข้ามถนนเหมือนจะหน้ามืด ไปหยุดอยู่กลางถนน พอดีมีรถของผู้ปกครองยายปลายฝันวิ่งมาพอดีก็เกือบชน ”
“ ตายแล้ว แกเจ็บไหนหรือเปล่า แล้วทำไม่โทรบอกฉัน จะได้รายงานในที่สัมนาว่าแกเกิดอุบัติเหตุเข้าประชุมไม่ได้ ”
คัทลียากล่าวด้วยน้ำเสียงตกใจด้วยความเป็นห่วงเพื่อน แกล้มตำหนิเพื่อนไปในๆ
“ ใจเย็นแก ก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่ละถึงเข้าสัมมนา แต่ที่โมโหเนี๊ย คืออีตาน้าชายของปลายฝัน อยู่ดีๆก็มาว่าฉันว่าที่นอนน้อย เพราะมัวคุยกับผู้ชาย คนอะไรนิสัยแย่ไม่มารยาทเลย ไม่รู้จักกันสักหน่อย ชิ ”
ศศพินทุ์กล่าวตอบเพื่อนอย่างมีอารมณ์
“อ่าวแล้วทำไมพูดแบบนั้นละ หรือเป็นกิ๊กเก่าแกเปล่าจันทร์ ”
“ บ้าหราถ้าเคยคุเคยรู้จักก็ต้องจำได้ แต่ที่แปลกอีกอย่างนะ ตอนฉันเห็นหน้าเขา เหมือนฉันเคยรู้จักเข้ามานานมาก นานจริงๆ แต่ไม่รู้เมาื่อไหร่ แตไม่ใช่ชาตินี้แน่แล้วที่มันแปลกอีกอย่างนะ ขณะที่ฉันมองหน้าเขานะ ฉันกลับเห็นภาพผู้ชายที่ฉันฝันเห็นบ่อยๆ มันแปลกมาเลบแครท ไมาเข้าใจเลยคืออะไร”
ศศพินทุ์เล่าเหตุการณืให้เพื่อนฟังด้วยน้ำเสียงดูหงุนงงและเคร่งเครียด สีหน้าและแววตาดูกังวลและคิดทบทวนหาคำตอบ
“เนื้อคู่แกเปล่าจันทร์ ฮาฮา ”
คัทลียาพูดแย่เพื่อนหวังคลายอาการตรึงเครียดของเพื่อนสาว
“ แกก็พูดไปเรื่อยแครท ฉันซีเรียสอยู่นะแก เห้อว่าแต่เมื่อไหร่ฉันจะหยุดฝันบ้าๆแบบนี้สักที่ แล้วที่ฉันฝันเห็นในทุกคืนทุกคืนมันคืออะไร…..