โนเอลไม่เคยเชื่อในโชคชะตา ไม่เคยคิดว่าต้นไม้กลางหุบเขาต้องห้ามจะพาให้ชีวิตทั้งหมดเปลี่ยนไป พ่อส่งเขามาที่นี่เพื่อหาสมบัติที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ ทว่าเจตจำนงของเขากลับแตกต่าง โนเอลมาเพื่อค้นหาต้นเหตุของฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนเขามาทั้งชีวิต สิ่งที่พบกลับเป็นภูตไม้ผู้ปกปักรักษา ผู้ซ่อนประวัติศาสตร์อีกด้านหนึ่งของเมืองที่สาบสูญเอาไว้ โนเอลไม่แน่ใจว่าภูตตนนั้นถือกำเนิดมาจากที่ใด รู้เพียงว่าเขารอใครบางคนมานานแสนนาน
ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ย้อนยุค,ลึกลับ,พระเอกสวย,คลั่งรัก,พล็อตสร้างกระแส,นายเอกหล่อ,พระเอกคลั่งรัก,สยองขวัญ,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
หอมหวนลมหายใจแห่งภูตไม้โนเอลไม่เคยเชื่อในโชคชะตา ไม่เคยคิดว่าต้นไม้กลางหุบเขาต้องห้ามจะพาให้ชีวิตทั้งหมดเปลี่ยนไป พ่อส่งเขามาที่นี่เพื่อหาสมบัติที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ ทว่าเจตจำนงของเขากลับแตกต่าง โนเอลมาเพื่อค้นหาต้นเหตุของฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนเขามาทั้งชีวิต สิ่งที่พบกลับเป็นภูตไม้ผู้ปกปักรักษา ผู้ซ่อนประวัติศาสตร์อีกด้านหนึ่งของเมืองที่สาบสูญเอาไว้ โนเอลไม่แน่ใจว่าภูตตนนั้นถือกำเนิดมาจากที่ใด รู้เพียงว่าเขารอใครบางคนมานานแสนนาน
ลิลิธทอดถอนหายใจอย่างเอือมระอา "ข้าดูแลตัวเองได้น่า"
“ตัวผอมแห้งเช่นนี้ จะไม่ให้พี่ห่วงได้อย่างไร" ริชาร์ดเอ่ยตอบ พลางจัดเก็บสัมภาระที่จำเป็นลงในกระเป๋าของน้องสาว ดวงตาคมมองไปที่กำไลข้อมือสีเพลิงประจำกาย ก่อนที่มือแกร่งจะถอดมันออกมาอย่างไม่ลังเล “เอากำไลเอเธเรียธาตุของพี่ไปด้วย”
ลิลิธเห็นดังนั้นก็รีบปราดเข้ามาจับข้อมือพี่ชายไว้แน่น “ตั้งสติหน่อย เจ้าจำเป็นต้องใช้มันมากกว่าข้าเสียอีก”
ริชาร์ดนิ่งไปครู่หนึ่ง พอเป็นเรื่องของน้องสาวทีไร เขาก็เผลอแสดงความเป็นห่วงจนละเลยความเป็นเหตุเป็นผลที่ควรมี สลัดคราบความน่ายำเกรงของผู้ถือสิทธิ์ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำตระกูลในอนาคตออกไปเสียสิ้น เหลือเพียงพี่ชายขี้จุกจิกคนหนึ่งเท่านั้น
ริชาร์ดกลืนน้ำลายอึกใหญ่ด้วยความอัดอั้นในใจ ความกังวลยังคงฉายชัดในแววตา “แม้เราเดินทางมาไกลแสนไกล... แต่พี่กลัวว่าการเดินทางของเจ้าในครั้งนี้...” เขาหันกลับมามองหน้าน้องสาว
“พี่กลัวว่าพี่อาจจะเสียเจ้าไป...”
เสียงของริชาร์ดแผ่วลง มือแกร่งของเขากุมมือน้องสาวไว้แน่น ราวกับต้องการรั้งเธอไว้
“ข้าจะกลับมาอย่างปลอดภัย ข้าสัญญา" ลิลิธเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงมั่นคง เธอยกมืออีกข้างขึ้นลูบแก้มพี่ชายอย่างปลอบโยน “จำได้ไหม...เมื่อตอนยังเด็ก เจ้าขี้แงยิ่งกว่าข้าที่ร่างกายอ่อนแอเสียอีก แต่ข้าก็ยังปกป้องเจ้าได้เสมอ...ต่อมาเจ้าก็เป็นฝ่ายปกป้องข้า...ครั้งนี้พวกเราจะปกป้องครอบครัวของเราด้วยกัน”
ริชาร์ดไม่ตอบอะไร ลิลิธน้องสาวของเขามีจิตใจที่เข้มแข็งเสมอ ตรงข้ามกลับร่างกายผอมบอบบางที่เป็นผลมาจากโรคประจำตัว ถึงอย่างงั้นเขาก็รู้ดีว่าลิลิธฉลาดในเรื่องเอาตัวรอดเป็นที่สุด เธอเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมแล้ว
คิดได้ดังนั้น เขาก็ดึงร่างระหงของน้องสาวเข้ามากอดแนบแน่น ซึมซับความอบอุ่นและความเข้มแข็งจากลิลิธไว้ให้มากที่สุด
“ได้เวลาออกเดินทางแล้ว” เสียงของมาดามอันดังขึ้นจากทางด้านหลัง ทว่าเมื่อเห็นลูกทั้งสองกำลังปลอบโยนกัน จิตใจที่เคยเข้มแข็งของเธอกลับสั่นไหว ดวงตากร้านโลกรื้นไปด้วยหยาดน้ำตาไม่อาจกลั้นไว้
ม้าถูกจัดเตรียมไว้ด้านหน้าคฤหาสน์อย่างเงียบเชียบในช่วงดึก เนื่องจากการเดินทางครั้งนี้เป็นความลับและยาวนาน จึงมีผู้ติดตามไม่มากนัก ท่านแอชตันสั่งให้ทุกคนทำตามคำทำนายของมาดามอัน พวกเขาต้องค้นหาหัวใจแห่งเอเธเรียให้พบก่อนฤดูแรกแห่งการผลิบาน มิเช่นนั้น วงศ์ตระกูลเดลสันคงถึงคราวล่มสลายไม่อาจฟื้นคืน
ก่อนออกเดินทาง มาดามอันยังได้มอบแผนที่เก่าแก่ที่ระบุสถานที่ของหัวใจแห่งเอเธเรียให้แก่พวกเขา โดยอ้างว่าค้นพบมันโดยบังเอิญในบันทึกที่สูญหายของบรรพบุรุษตระกูลเดลสัน ในตอนนั้น โนเอลคิดว่าคงไม่มีใครเชื่อเธอแน่ ทว่าน่าเหลือเชื่อว่าเป็นบิดาของเขาเสียเองที่หลงเชื่อเธอสุดหัวใจ
“ก่อนฤดูแรกแห่งการผลิบานเนี่ยนะ พวกเราเหลือเวลาเพียงหกเดือนเท่านั้นเอง” ฟินน์โอดโอยออกมาอย่างไม่เกรงใจใคร องครักษ์หนุ่มวัยยี่สิบปีกำลังอยู่ในช่วงคึกคะนองเป็นพิเศษ เขาอาสาติดตามโนเอลมาเพราะความเบื่อหน่ายในการฝึกซ้ำซากในคฤหาสน์ หากไม่มีฝีมือที่โดดเด่นติดตัว เขาคงไม่ได้รับอนุญาตให้ร่วมเดินทางเป็นแน่
“ด้วยความเคารพ... เลดี้ลิลิธ” ฟินน์เริ่มกล่าวด้วยท่าทีที่พยายามจะสุภาพ แต่สีหน้ากลับเต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้อย่างปิดไม่มิด “ข้ามีเรื่องค้างคาใจเกี่ยวกับสีผมและดวงตาของท่านมานานแล้ว”
ลิลิธเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ “ทำไมหรือ?”
“ก็มันเป็นสีแดงราวกับเปลวเพลิง งดงามมากทีเดียว แต่...” ฟินน์เว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหรี่ตาลงมองลิลิธอย่างพิจารณา “ท่านริชาร์ดกับมาดามอันมิได้มีสีชัดเจนเพียงนี้ หรือว่าบิดาของท่าน...” ยังไม่ทันได้เอ่ยจบประโยค เสียงทุ้มต่ำก็แทรกขึ้นมาอย่างเย็นชา
“การใฝ่รู้เป็นเรื่องดี... แต่เฉพาะบางเรื่องเท่านั้น”
เกรย์ พ่อบ้านคนสนิทของโนเอลที่ยืนอยู่ข้างกายเขาเอ่ยเตือน ฟินน์มุ่ยหน้าหนีอีกฝ่าย ได้แต่บ่นงึมงำอยู่คนเดียว
เมื่อมั่นใจว่าฟินน์สงบเงียบ เกรย์ก็หันออกไปมองสำรวจรอบๆ อย่างระมัดระวัง ตอนนี้พวกเขาเดินทางมาได้เกือบสองเดือนแล้ว เส้นทางที่ผ่านมาไม่ได้พบอุปสรรคร้ายแรงมากนัก หากโชคดีก็พักตามหมู่บ้านหรือเมืองที่เป็นทางผ่าน หากโชคร้ายหน่อยก็ต้องตั้งแคมป์กลางป่าเขาเฉกเช่นคืนนี้
“ก่อนฟ้าจะมืด ข้าต้องออกไปหาเสบียงเพิ่มสำหรับคืนนี้” เกรย์กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย ไม่ว่าจะหาเสบียง ทำอาหาร ปฐมพยาบาล ล้วนแต่เป็นหน้าที่ของเขาในการเดินทางครั้งนี้
“ข้าขอเป็นฝ่ายไปบ้าง!” ฟินน์เสนอตัวทันควัน ดวงตาเป็นประกายด้วยความกระตือรือร้น
โนเอลเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ อย่างสงสัย “เจ้ารู้จักของป่าหรือ? ข้ายังไม่อยากน้ำลายฟูมปากหรอกนะ”
“ข้าคล่องแคล่วนะ! ล่าสัตว์ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับข้า” ฟินน์แย้งอย่างมั่นใจ ทำท่าอกผายไหล่ผึ่ง
“เจ้าต้องอยู่ปกป้องท่านโนเอลกับเลดี้ลิลิธ” เกรย์กล่าวตัดบท สายตาคมกริบเหลือบมองฟินน์ “อย่าลืมหน้าที่ตนเอง”
“เข้าใจแล้วน่า” ฟินน์ตอบรับเสียงอ่อย ก่อนที่เกรย์จะหันหลังเดินเข้าไปในป่าทึบอย่างเงียบเชียบ
ความเงียบเข้าปกคลุมชั่วขณะ ก่อนที่ฟินน์จะเริ่มทนไม่ไหว “ความจริงแล้วตาลุงขี้บ่นนั่นไม่ใช่พ่อบ้านธรรมดาใช่ไหม? เขาออกจะ...เก่งเกินไปหน่อย” ฟินน์ลดเสียงลงจนเกือบเป็นกระซิบ เขากลัวว่าเจ้าตัวจะได้ยิน แม้อีกฝ่ายจะลับสายตาไปแล้วก็ตาม แววตาซุกซนเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เผลอชมอีกฝ่ายไปเสียแล้ว
“อะ แฮ่ม! ข้าหมายความว่า ทำไมเราต้องพาพ่อบ้านที่แค่ทำอาหารอร่อยมาร่วมเดินทางด้วยล่ะ? เจ้านั่นไม่ใช่พ่อบ้านธรรมดาแน่นอน!” เขาพยักหน้าหงึกหงักให้กับความคิดตัวเอง ก่อนจะหลุดหัวเราะแห้งๆ แก้เก้อ "เอ่อ อาหารก็พอใช้ได้น่ะนะ!"
“ทหารรับจ้างเก่านะ” โนเอลตอบเสียงเรียบ สีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ ทว่าสายตากลับมองเลยคู่สนทนาไปที่ในป่าหลังของฟินน์ “อ้อ แล้วเขาก็ไม่ใช่ตาลุงด้วย ปีนี้อายุเพียงยี่สิบหกเอง”
ทันใดนั้นเสียงสวบสาบของฝีเท้ามนุษย์ก็ดังเข้ามาใกล้
“ลืมกระบอกน้ำน่ะ” เกรย์ปรากฏตัวขึ้นจากพุ่มไม้ ราวกับไม่เคยจากไปไหน เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ขณะเดินไปหยิบกระบอกน้ำที่วางอยู่ข้างกองไฟ พลางเหลือบมองท่าทางของทั้งสองคนที่ดูเหมือนเพิ่งจบการสนทนาพอดิบพอดี
ลิลิธมองสถานการณ์อย่างขบขัน รอยยิ้มบางๆ ปรากฏบนริมฝีปาก “ครั้งหน้าเจ้าจะไปกับเขาก็ได้นะฟินน์ เผื่อเกรย์จะยอมบอกเคล็ดลับที่ทำอาหารอร่อย... ข้ากับท่านโนเอลอยู่ได้”
“ข้านึกว่าเจ้าเป็นแค่คนกินจุ...” โนเอลเผลอหลุดปากออกมาด้วยความแปลกใจ ก่อนจะหรี่ตาพิจารณาฟินน์ “เห็นเจ้าขมวดคิ้วราวกับไม่พอใจทุกครั้งที่กินอาหารฝีมือของเกรย์ ที่แท้... กำลังเก็บอาการหรือ?”
“ข้ากินจุ!” ฟินน์รีบตอบเสียงสูง ใบหน้าแดงก่ำด้วยความอาย
“สงสัยต้องหาเสบียงไว้มากกว่าเดิม...” เกรย์กล่าว ก่อนจะเดินหายเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็วอีกครั้ง ทิ้งให้ฟินน์ยืนหน้าเสียอยู่ตรงนั้น
“ข้าจะไปหาฟืนมาก่อไฟ! แถวนี้แหละ!” ฟินน์ฟึดฟัดออกไปอีกทางเพื่อหนีสายตาล้อเลียนของโนเอลและลิลิธ
“เอ๋... แต่เราก่อไฟแล้วนี่นา” ลิลิธเอ่ยขึ้นอย่างสงสัย พลางชี้ไปที่กองไฟที่ลุกโชน
“พบกันอีกแล้ว...” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นแผ่วเบา ดวงตาสีอำพันส่องประกายเรืองรองท่ามกลางหมู่ดอกไม้เช่นเคย คล้ายกับว่าเขาเองก็รอคอยการมาเยือนครั้งนี้มานานแสนนาน
โนเอลก้มลงจุมพิตที่หลังมือของเลดี้ลูซอย่างแผ่วเบา กลิ่นหอมของไม้สนซีดาร์ที่ทั้งอ่อนโยน แห้งเบาและสดชื่นลอยมาแตะจมูก มันเป็นกลิ่นที่ชวนให้จินตนาการถึงปลายดินสอไม้ที่ถูกเหลาใหม่ท่ามกลางป่าเขา ผสมผสานกับกลิ่นองุ่นแห้งและกลิ่นดินอันคุ้นเคย ก่อนจะถูกเจือจางด้วยกลิ่นหอมหวานของดอกไม้ที่กรุ่นอยู่รอบกายอีกฝ่ายอย่างลงตัว
“เจ้าสบายดีหรือไม่?” โนเอลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ข้าสบายดี” เลดี้ลูซตอบ พลางก้มลงมองดวงตาสีครามคู่นั้น “แล้วเจ้าล่ะ? ฝันร้ายน่ากลัวยังคงมีบ้างใช่หรือไม่?”
“เมื่อได้พบหน้าเจ้า ข้าก็รู้สึกดีขึ้นมาก ถึงขั้นลืมความกลัวเลยล่ะ” โนเอลเอ่ยเสียงแผ่ว ป้อนคำหวานหวังให้อีกฝ่ายแสดงอาการขัดเขิน
เลดี้ลูซแย้มยิ้มบางๆ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยอย่างเอ็นดู “ปากหวานเสียจริง”
“ครั้งนี้เจ้าจะพาข้าไปที่ใด?” โนเอลถามต่อด้วยความสนใจ เช่นเดียวกับทุกครั้งที่เขาฝันถึงเธอ โนเอลรู้ดีว่าเลดี้ลูซมักจะพาเขาไปยังสถานที่แปลกตาและงดงามเสมอ
“ไร่องุ่น... ของดีประจำเมืองเลยล่ะ” เลดี้ลูซตอบ ดวงตาสีอำพันเป็นประกายระยิบระยับ
“เจ้าคิดจะมอมข้าหรือ?” โนเอลถามกลับด้วยน้ำเสียงล้อเลียน แสร้งไม่พอใจ ทว่าริมฝีปากกลับปรากฏรอยยิ้มบางๆ
“เปล่าเลย... อาจเป็นเจ้าที่อยากเมามายเสียเอง” เลดี้ลูซก้มลงมาใกล้ ใบหน้างดงามห่างจากโนเอลเพียงคืบ ปลายนิ้วเรียวเกลี่ยเส้นผมสีเข้มของโนเอลอย่างอ่อนโยน ในห้วงเวลานั้น กลิ่นหอมคุ้นเคยอันเป็นเอกลักษณ์ก็โอบล้อมโนเอลอีกครั้ง
“กลิ่นนี้...ช่างเป็นเอกลักษณ์มาก ข้าชอบ” โนเอลเอ่ยขึ้นพลางสูดกลิ่นหอมนั้นเข้าไปด้วยความหลงใหล
เพิ่มตัวป่วนมากอีกหนึ่งคนค่ะ อดทนไว้ก่อนนะคะ เพราะพี่เกรย์แกก็มึนๆ ก่งก้งอยู่ 5555